Group Blog
All Blog
|
ประโยชน์ของกิมจิ สุดยอดผักดองเกาหลี มีคำกล่าวไว้ว่า ถ้าอาหารรักษาโรคไม่ได้ ยาก็เอาไม่อยู่หรอก เมื่อเวลาผ่านไป มีสิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือ หากเราอายุมากขึ้นเรื่อยๆ สุขภาพจะเสื่อมถอยและสมรรถภาพจะลดลงแถมโรคภัยคอยรุมเร้า บางคนอาจเคยฝันถึงคืนวันที่มีสุขภาพดีๆ เคยรับประทานอาหารได้เยอะ จัดบุฟเฟต์ทุกอาทิตย์ รสเผ็ดจัดหวานเจี๊ยบได้หมด กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน ท้องไส้ไม่ปั่นป่วน พออายุถึงวัยเลข 5 หลายสิ่งที่เคยกินอร่อยในอดีต จะไม่สามารถกินได้เหมือนเดิม สาเหตุสำคัญคือ มีการเปลี่ยนแปลงของระบบย่อยอาหาร โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของกระเพาะอาหารและลำไส้ถดถอย รวมถึงเอนไซม์ในระบบทางเดินอาหารทำงานได้น้อยลง เวลารับประทานอาหารเข้าไปจึงเกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย ท้องผูกได้ง่าย การเลือกรับประทานผักและผลไม้สด อาจช่วยลดปัญหาของ ระบบย่อยอาหารได้ แต่ผักสดหลายชนิดมักจะมีก๊าช ส่งผลให้ท้องอืดท้องเฟ้อนะคะ โปรไบโอติกคือ จุลินทรีย์ที่มีชีวิตซึ่งเมื่อได้รับในปริมาณที่เพียงพอ จะให้ประโยชน์ต่อสุขภาพ ตามรายงานงานของสมาคมวิทยาศาสตร์ระหว่างประเทศเพื่อโปรไบโอติกและพรีไบโอติก(ISAPP)แม้ว่าเราจะได้รับแบคทีเรียชนิดดีกระตุ้นการย่อยอาหารเพียงเล็กน้อยจากอาหารเสริม แต่มีอาหารมากมายที่มีโปรไบโอติกที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ อาหารหมักดองหลายชนิดมีประโยชน์ต่อสุขภาพและอุดมไปด้วยสารอาหารรวมถึงไฟเบอร์และจุลินทรีย์ที่มีชีวิตซึ่งอาจทำหน้าที่เป็นโปรไบโอติก แบคทีเรียแลคโตบาซิลลัสแบบเดียวกับที่พบในโยเกิร์ตและผลิตภัณฑ์หมักอื่น ๆ ก็พบได้ในกิมจิเช่นกัน การบริโภคสิ่งที่เรียกว่า "แบคทีเรียชนิดดี" ในกิมจิสามารถช่วยรักษาระบบย่อยอาหาร ลดอาการผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร เช่น อาการลำไส้แปรปรวนและลำไส้อักเสบ กรดแลคติกจากการหมัก ช่วยเพิ่มระดับของแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ ส่งผลให้อาการท้องผูกดีขึ้น กิมจิเป็นอาหารหลักของเกาหลี มีต้นกำเนิดเมื่อ 3,000 ปีก่อน เป็นระบบการเก็บรักษาเพื่อให้อาหารคงอยู่เป็นเวลานาน กิมจิมีวิตามินเอ บี ซี แร่ธาตุ ไฟเบอร์ และกรดอะมิโน ปริมาณกิมจิ 150 กรัม ประกอบด้วย • พลังงาน 23 แคลอรี่ • โปรตีน 1 กรัม • ไขมันต่ำกว่า 1 กรัม • คาร์โบไฮเดรต 4 กรัม • ไฟเบอร์ 2 กรัม มีประโยชน์อย่างไร 1.ดีต่อลำไส้เช่นเดียวกับผักและอาหารหมักดองอื่นๆ กิมจิอุดมไปด้วยโปรไบโอติก ซึ่งแบคทีเรียชนิดดีเหล่านี้เชื่อมโยงกับประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ทั้งหมดนี้เริ่มต้นในระบบทางเดินอาหาร การกินกิมจิสามารถช่วยปรับปรุงสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพ ด้วยการช่วยให้การย่อยอาหารเป็นไปอย่างราบรื่น 2.กิมจิอาจช่วยเพิ่มสุขภาพภูมิคุ้มกัน การย่อยอาหารของกิมจิส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน โปรไบโอติกในกิมจิมีประโยชน์ต่อการทำงานของภูมิคุ้มกัน เพราะการทำงานของภูมิคุ้มกันส่วนใหญ่เกิดขึ้นในลำไส้ เมื่อไมโครไบโอมในลำไส้หรือที่เรียกกันว่าสมดุลของแบคทีเรีย อยู่ในสภาพดี ระบบภูมิคุ้มกันจะสามารถทำงานได้อย่างเหมาะสมมากขึ้น 3. อาจช่วยลดคอเลสเตอรอล กิมจิอาจช่วยลดคอเลสเตอรอล ในการศึกษาวิจัยปี 2018 นักวิจัยให้อาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูงแก่หนู โดยหนูบางตัวได้รับสารสกัดจากกิมจิ หนูที่กินกิมจิมีระดับไขมันในตับและการไหลเวียนโลหิตต่ำกว่าหนูที่กินแต่อาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง แม้ว่าความสัมพันธ์ที่แน่นอนระหว่างกิมจิกับคอเลสเตอรอลจะไม่ชัดเจนนัก แต่งานวิจัยหลายชิ้น พบว่าคนที่กินกิมจิเป็นประจำมักจะมีระดับคอเลสเตอรอลที่ "ไม่ดี" (LDL) ต่ำกว่า 4. กิมจิสามารถปรับปรุงการทำงานของหัวใจ กิมจิยังช่วยให้หัวใจดีขึ้นด้วยการเพิ่มระดับสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ด้วยส่วนผสมอย่างขิงและพริกแดงร้อน สารต้านอนุมูลอิสระช่วยให้เซลล์ที่เสียหายมีความเสถียรซึ่งสามารถเร่งกระบวนการเกิดโรคได้ ดังนั้นการมีสารต้านอนุมูลอิสระสูงจึงสามารถปกป้องเซลล์จากโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ 5. อาจช่วยในเรื่องการอักเสบ การอักเสบที่มากเกินไปหรือเรื้อรังส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพ โปรไบโอติกในกิมจิมีฤทธิ์ต้านการอักเสบในลำไส้ได้ การศึกษาในสัตว์ชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสารจุลชีววิทยา พบว่า โปรไบโอติกสายพันธุ์เฉพาะที่พบในกิมจิช่วยลดสัญญาณการอักเสบในลำไส้ได้หลายอย่าง 6. กิมจิช่วยบำรุงสุขภาพดวงตา กิมจิเป็นแหล่งที่ดีของสารต้านอนุมูลอิสระที่มีชื่อว่า เบต้าแคโรทีน โดยเฉพาะส่วนผสมหลักอย่างกะหล่ำปลี ซึ่งร่างกายจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ มีความสำคัญต่อสุขภาพของดวงตาโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราอายุมากขึ้น และเป็นหนึ่งในสารอาหารที่สำคัญในแง่ของสายตา 7. อาจช่วยป้องกันการติดเชื้อยีสต์ โปรไบโอติกในกิมจิสามารถช่วยป้องกันการติดเชื้อยีสต์ได้ การติดเชื้อยีสต์ที่ผู้หญิงคุ้นเคยมากที่สุดเกิดขึ้นเมื่อ เชื้อราแคนดิดา (Candida)ซึ่งปกติไม่เป็นอันตราย เพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วภายในช่องคลอด การศึกษาบางชิ้น แสดงให้เห็นว่า แบคทีเรียชนิดดีบางสายพันธุ์ที่พบในกิมจิมีคุณสมบัติในการต้านจุลชีพเพื่อต่อสู้กับเชื้อราที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อยีสต์ ซึ่งจะช่วยลดโอกาสในการเกิดการติดเชื้อ 8.กิมจิสามารถลดน้ำตาลในเลือดได้ การศึกษาขนาดเล็กที่ดำเนินการกับผู้เข้าร่วมการทดลองที่เป็น เบาหวาน เผยให้เห็นว่า ความทนทานต่อกลูโคสดีขึ้นหลังจากรับประทานอาหารหมักที่มีส่วนประกอบของกิมจิเป็นเวลาอย่างน้อย 8 สัปดาห์ สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่า กิมจิสามารถช่วยลดความต้านทานต่ออินซูลินและปรับปรุงการเผาผลาญกลูโคสได้ หากชอบรับประทานทานขนมหวาน การเพิ่มกิมจิในอาหารอาจเป็นประโยชน์ เพื่อไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดเกิดความผันผวน ข้อควรระมัดระวัง โดยทั่วไปแล้ว กิมจิปลอดภัยสำหรับคนส่วนใหญ่ เว้นแต่ว่าจะมีอาการแพ้ส่วนผสมใดๆ นอกจากนี้ยังอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ เช่น แก๊สและท้องอืด(หากไม่คุ้นเคยกับอาหารหมักดองหรืออาหารที่มีเส้นใยสูง) กิมจิแบบดั้งเดิมมักจะร้อนจัดจากรสเผ็ด ความเผ็ดนั้นสามารถกระตุ้นกรดไหลย้อนในผู้ที่มีแนวโน้มที่จะเป็นได้ รวมถึงผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารและลำไส้ อาจเกิดการระคายเคืองกระเพาะอาหารและลำไส้ได้เช่นกัน หากไม่ได้ทำกิมจิเอง ให้ตรวจสอบฉลากอาหารเพื่อดูปริมาณเกลือ เนื่องจากผลิตภัณฑ์บางอย่างอาจมีเกลือมากถึง 3% ควรมองหาแบบที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ เนื่องจากการพาสเจอร์ไรส์จะฆ่าแบคทีเรียที่มีประโยชน์ เช่นเดียวกับน้ำนมดิบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นนมแกะ นมแพะ หรือนมวัวที่มีอายุมากจะมีโปรไบโอติกสูง ผลิตภัณฑ์นม พาสเจอร์ไรส์ส่วนใหญ่ไม่มีแบคทีเรียชนิดดีต่อสุขภาพ โปรดระลึกไว้ว่า ผลิตภัณฑ์กิมจิหลายชนิดมีโซเดียมอยู่มาก ดังนั้นควรควบคุมปริมาณอาหารเพื่อไม่ให้กินเกลือมากเกินไป อย่างไรก็ตาม มีการศึกษา 2 ชิ้นที่ไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคกิมจิกับการเพิ่มขึ้นของความดันโลหิตสูง ตอนอายุ 30 ปี แป้งทำงานเป็นพยาบาลประจำแผนกตรวจสุขภาพในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง มีหน้าที่จัดและจ่ายยาให้พนักงานตามความเหมาะสมกับอาการป่วยเบื้องต้น ทุก 1-2 วัน จะมีผู้บริหารฝ่ายขายอายุน่าจะ 65-66 ปี มาขอเบิกยาธาตุน้ำแดง(เป็นยาขับลมในกระเพาะและลำไส้ ช่วยรักษาอาการท้องอืดท้องเฟ้อ จุกเสียด)ขวดละ 60 ml.ประจำ เป็นเวลาราวครึ่งปี ทุกครั้งที่จ่ายยา พลางนึกในใจว่า คนอะไรจะท้องอืดได้ทุกวี่ทุกวัน พิลึกจริง เวลาผ่านมา 19 ปี แป้งถึงได้เข้าใจชัดแจ้งจากการสังเกตร่างกายตัวเองว่า อ๋อ!! คนเราเมื่อมีอายุมากจะมีน้ำย่อยในกระเพาะอาหารน้อยลง การบีบและคลายตัวของกระเพาะอาหาร และลำไส้ทำงานไม่ปกติ ย่อยอาหารได้ไม่ดี ที่มาของอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ นั่นเอง แป้งเริ่มกินกิมจิ(ทำเอง เน้นหัวไชเท้าเยอะๆ หัวไชเท้าสดแม้จะมีรสเผ็ดร้อนน้อยๆ ตามตำราจีนกลับถือว่าเป็นผักฤทธิ์เย็น ช่วยบำรุงปอด กระเพาะอาหาร ลำไส้ ลดอาการแน่นท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อ เป็นยาระบาย) 2 เดือนโดยจะกินแนมแทนผักสดในมื้อเย็น พบว่า ถึงแม้จะกินอาหารที่มีรสเผ็ด พอกินกิมจิตามเข้าไป กลับไม่มีอาการกรดไหลย้อนกำเริบ หรือกินกิมจิในมื้อกลางวันตามหลังของมันของทอด ก็ไม่มีอาการจุกเสียดท้อง ท้องอืด แถมระบบขับถ่ายดีขึ้นด้วย เมื่อเทียบกับกินโยเกิร์ตวันละ 1 ถ้วย ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับระบบย่อยอาหาร ยกให้กิมจิชนะเลิศคะ ที่มา : “กิ ม จิ” กับ ข้อ ควร ระวัง ก่อน กิน - สำนักโภชนาการกระทรวงสาธารณสุขhttps://nutrition2.anamai.moph.go.th › rrhlnews 10 Health Benefits of Kimchi, According To NutritionistsWomen's Healthhttps://www.womenshealthmag.com › food What are the effects of kimchi on human health?News-Medical.nethttps://www.news-medical.net › news Health Benefits of KimchiWebMDhttps://www.webmd.com › ... › Reference Top 5 health benefits of kimchiBBC Good Foodhttps://www.bbcgoodfood.com › guide |
แป้งปังปอนด์
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 878 คน [?] เริ่มเขียนblog 20ก.ค55 ปัจจุบัน ( 3 มี.ค 57 ) แป้งได้มีเพจแป้งปังปอนด์ สร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์แชร์ข้อมูลจาก blog ให้ท่านที่สนใจได้ติดตามอ่านอย่างสะดวกและรวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาโหลดเนื้อหาจาก blog ดังนั้นขออนุญาตงดตอบคำถามใดๆทางเพจและ facebook ค่ะ หากท่านใดมีคำถามเกี่ยวกับการกินวิตามินเพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพและบำรุงผิวพรรณ รบกวนส่งคำถามไปยัง blog แป้งปังปอนด์ นานาสารพันปัญหา volume 5 อย่างเดียวเท่านั้นค่ะ ขออนุญาตฝากกด like เพจแป้งปังปอนด์ เพื่อเป็นกำลังใจในการสรรค์สร้างผลงานด้วยมันสมองและสองมือพยาบาลสาวภูไท คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จบการศึกษา ปี พ.ศ 2539 จากที่ราบสูงคนนี้ด้วยนะคะ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการนำชื่อ " แป้งปังปอนด์ " ไปใช้เพื่ออ้างอิงหรือติดป้ายสินค้าในเวปไซด์หรือที่ใดๆหรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน " Blog แป้งปังปอนด์ " แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยการเผยแพร่เพื่อการอ้างอิงหรือนำรูปภาพไปโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด
|