กุมภาพันธ์ 2565

 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
 
 
All Blog
สัญญาณเตือนจากร่างกายที่เราควรรับฟัง
มีใครเคยตรวจพบปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงจากสัญญาณเตือนเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดขึ้นในร่างกาย ปกติแล้วเรามักจะมองข้ามไปบ้างรึเปล่าค่ะ

ร่างกายของเราเป็นระบบที่มีความซับซ้อนมาก ซึ่งทุกอย่างล้วนมีความเชื่อมโยงกันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ดังนั้นเมื่อมีบางอย่างที่เริ่มผิดปกติ  เราสามารถรับรู้ได้ถึงสัญญาณเหล่านี้ 

1.วิธีทดสอบว่าเส้นผมมีรูพรุนน้อยหรือมาก คือการแช่เส้นผมที่สระและเช็ดให้แห้งแล้วลงในแก้วน้ำ หากปอยผมจมลงสู่ก้นแก้ว แสดงว่ามีความพรุนสูงมาก หมายความว่าเส้นผมจะสามารถดูดซับทุกผลิตภัณฑ์ที่เราใช้ได้อย่างรวดเร็วและแห้งได้ในเวลาไม่นาน แต่อย่างไรก็ตาม เส้นผมนั้นมักจะมีความแห้งกรอบและมีแนวโน้มที่จะชี้ฟู



ดังนั้นในการดูแลเส้นผมที่มีความพรุนมาก ควรมองหาผลิตภัณฑ์ที่ส่วนผสมมีเนื้อสัมผัสที่มีน้ำหนัก เช่น น้ำมันที่สกัดจากธรรมชาติอย่าง อาร์แกนออยล์ โจโจ้บาออยล์  อัลมอนด์ออยล์ ฯลฯ
นอกจากนั้นสามารถเพิ่มการบำรุงอย่างล้ำลึก เช่น หมักผมหรือสปาผมได้

2. เส้นรอยพับตามแนวขวางที่คอ

สตรีวัยหมดประจำเดือนจะผลิตเอสโตรเจนได้น้อยกว่าที่ร่างกายต้องการเพื่อรักษาความแข็งแรงของกระดูก ริ้วรอยลึกที่คอเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า กระดูกเริ่มเปราะบางและมีความหนาแน่นน้อยลง 


นั่นหมายความว่า อันตรายจากการแตกหักของกระดูกจะสูงขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นการรับประทานอาหารเสริมแคลเซียมและวิตามินดีจึงเป็นความคิดที่ดีในการหลีกเลี่ยงโรคกระดูกพรุน หากไม่ชอบรับประทานอาหารเสริม สามารถรับทานอาหารที่มีแคลเซียมสูงและดูดซึมได้ดีจากธรรมชาติ เช่น นมและผลิตภัณฑ์จากนม เช่น ชีส โยเกิร์ต
ปลาที่กินพร้อมกระดูกได้ เช่น ปลาซาร์ดีน ผักใบเขียว เช่น คะน้าบล็อคโคลี่ ใบชะพลู ผักกระเฉด ถั่วขาว ข้าวโอ๊ต น้ำส้ม งาดำ กุ้งแห้งกะปิ

ริ้วรอยเหล่านี้อาจบอกด้วยว่า ควรตรวจสอบการทำงานของต่อมไทรอยด์ หากมีอาการแย่ลงเรื่อย ๆ และไม่ได้รับการรักษา สัญญาณนี้อาจเริ่มปรากฏให้เห็นที่คอรวมถึงบริเวณอื่น ๆ นอกจากริ้วรอยแล้ว ควรสังเกตผิวที่ลอกเป็นขุยด้วย

3. แผลร้อนในที่ปากและลิ้น
สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของการเกิดอาการร้อนใน ได้แก่ การสูบบุหรี่ อาการแพ้ การกัดลิ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ(เวลาเคี้ยวอาหาร) และการอักเสบ 



หากแผลร้อนในไม่ได้เกิดจากสาเหตุที่กล่าวมาข้างต้น อาจหมายถึงการขาดวิตามินบี12  ธาตุเหล็ก หรือโฟเลต ซึ่งความผิดปกตินี้ไม่ได้พัฒนาแค่ในชั่วข้ามคืน แต่จะค่อย ๆ ก่อตัวพัฒนาไปเรื่อยๆเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน

สัญญาณเตือนอื่น ๆ อาจมีอาการเหนื่อยล้า เวียนศีรษะ หัวใจเต้นผิดปกติ และกล้ามเนื้ออ่อนแรง หากเราประสบกับปัญหาเหล่านี้ จำเป็นจะต้องเปลี่ยนแปลงการรับประทานอาหารครั้งใหญ่และควรเริ่มรับประทานอาหารเสริมที่จำเป็น

4.เล็บและผิวหนังกำพร้ารอบ ๆ แห้งลอก และการเกิดดอกสีขาวบนเล็บ

สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของการลอกของเล็บและผิวหนังกำพร้ารอบ ๆ คือการขาดธาตุเหล็กและการขาดน้ำ หากไม่รักษาภาวะขาดธาตุเหล็กอย่างทันท่วงที อาจนำไปสู่ภาวะโรคโลหิตจาง 



ส่วนสาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้เล็บมีสุขภาพที่ไม่ดี อาจเกิดได้จากภาวะขาดฮอร์โมนไทรอยด์ โรคปอด หรือแม้แต่โรคไต 

วิธีที่ดีที่สุดในการรักษาเล็บที่สามารถทำเองได้คือ การรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กและทาครีมบำรุงมือเพื่อทำให้เล็บมีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ

หากเริ่มสังเกตเห็นดอกสีขาวบนเล็บ อาจมีสาเหตุที่เป็นไปได้อยู่ 4 ประการ ได้แก่ อาการแพ้ การติดเชื้อรา อาการบาดเจ็บ หรือการขาดแร่ธาตุ ควรให้ความสนใจเป็นพิเศษกับสาเหตุสุดท้าย  แร่ธาตุที่ขาดที่พบบ่อยที่สุดคือ สังกะสีและแคลเซียม และการตรวจเลือดเป็นสิ่งแรกที่ควรต้องทำ

เมื่อก่อนแป้งมีดอกเล็บขึ้นทีละ 1-2 นิ้ว พอสังเกตเห็นแบบนี้ จะรีบหาซื้ออาหารทะเลมากินอย่างไว(อาหารทะเลจะมีแร่ธาตุสังกะสีสูงมาก) ไม่เกิน 2 สัปดาห์ ดอกเล็บหายไปเลย ปัจจุบันไม่มีแล้วเพราะกินอาหารทะเลบ่อยค่ะ

5.ส้นเท้าแตก อาจเกิดได้จากผิวหนังที่แห้ง อากาศหนาว หรือการยืนนาน ๆ หลายชั่วโมงทุกวัน แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นอาจเป็นตัวบ่งชี้ถึงปัญหาที่ร้ายแรงกว่านั้น เช่น โรคกลาก โรคไทรอยด์ทำงานผิดปกติ และโรคเบาหวาน



เราสามารถดูแลรักษาส้นเท้าได้ ด้วยการแช่ในน้ำอุ่นผสมน้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชู เป็นเวลา 20 นาทีแล้วขัดด้วยหินขัดเท้า(วิธีนี้นอกจากส้นเท้าจะนุ่มลงแล้วยังช่วยลดกลิ่นอับจากการสวมรองเท้าได้อีกด้วย) จากนั้นจึงทามอยส์เจอไรเซอร์แบบเข้มข้นที่มีส่วนผสมของกรดแลคติก โจโจ้บาออยล์ หรือเชียบัตเตอร์

หากดูแลรักษาด้วยตัวเองแล้วแต่ยังไม่ดีขึ้นเลย มีวิธีการรักษาหลายอย่างที่หมอผิวหนังสามารถสั่งจ่ายเวชภัณฑ์ เช่น มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีความเข้มข้นสูง และสิ่งที่เราทำได้ในแต่ละวันคือ หมั่นตรวจดูส้นเท้า รักษาความสะอาด และสวมรองเท้าที่รองรับแรกกระแทก

6.โรคโรซาเซียเป็นสาเหตุอันดับ 1 ของการเกิดรอยแดงในบริเวณเหล่านี้  ในสหรัฐอเมริกาประเทศเดียว มีคนที่ได้รับผลกระทบจากโรคนี้ประมาณ 14 ล้านคน



 ผู้ที่มีอายุมากกว่า 30 ปีและคนผิวขาวมีแนวโน้มที่จะเกิดโรคนี้มากกว่า เนื่องจากโรคโรซาเซียไม่ค่อยมีผลกระทบต่อเด็ก

 ส่วนอาการทั่วไปของโรคที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่ อาการหน้าแดง การเกิดรอยแดงอย่างต่อเนื่อง ผื่นและสิว และหลอดเลือดที่มองเห็นได้ชัด สำหรับอาการอื่น ๆ ที่พบได้น้อย ได้แก่ การระคายเคืองตา ผิวหนังมีความหนาและบวมขึ้น

โดยปกติแล้ววิธีรักษาโรซาเซียคือ การใช้ยาเฉพาะที่และการใช้ยารับประทานที่แพทย์สั่งจ่าย  แพทย์อาจใช้การรักษาด้วยเลเซอร์เพื่อกำจัดหลอดเลือดที่มองเห็นออก

7.หากมีอาการตาบวมโดยไม่ได้มีการติดเชื้อและไม่ได้มีอาการแพ้ต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แสดงว่าเกิดจากสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดคือ การบริโภคเกลือในปริมาณที่มากเกินไป จนทำให้มีของเหลวสะสมอยู่ในร่างกายและใบหน้า รวมถึงบริเวณใต้ตาด้วย



ควรต้องลดปริมาณเกลือที่บริโภคและอาจเพิ่มปริมาณโพแทสเซียม ส่วนสาเหตุอื่น ๆ อาจเป็นไปได้คือโรคคอพอกตาโปน ท่อน้ำตาอุดตัน การสูบบุหรี่ และการนอนหลับที่ไม่เพียงพอ เมื่อเราทราบถึงสาเหตุของปัญหาแล้ว สามารถแก้ไขได้โดยการประคบเย็น การใช้ถุงชา และการนวดหน้า หากอาการบวมดังกล่าวยังไม่ดีขึ้น ควรต้องไปพบแพทย์




ที่มา 
https :// brightside-thai.com



Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2565
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2565 18:04:46 น.
Counter : 1345 Pageviews.

0 comments

แป้งปังปอนด์
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 878 คน [?]



เริ่มเขียนblog 20ก.ค55
ปัจจุบัน ( 3 มี.ค 57 ) แป้งได้มีเพจแป้งปังปอนด์ สร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์แชร์ข้อมูลจาก blog ให้ท่านที่สนใจได้ติดตามอ่านอย่างสะดวกและรวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลาโหลดเนื้อหาจาก blog ดังนั้นขออนุญาตงดตอบคำถามใดๆทางเพจและ facebook ค่ะ






หากท่านใดมีคำถามเกี่ยวกับการกินวิตามินเพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพและบำรุงผิวพรรณ รบกวนส่งคำถามไปยัง blog แป้งปังปอนด์ นานาสารพันปัญหา volume 5 อย่างเดียวเท่านั้นค่ะ


ขออนุญาตฝากกด like เพจแป้งปังปอนด์ เพื่อเป็นกำลังใจในการสรรค์สร้างผลงานด้วยมันสมองและสองมือพยาบาลสาวภูไท คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น จบการศึกษา ปี พ.ศ 2539 จากที่ราบสูงคนนี้ด้วยนะคะ


สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการนำชื่อ " แป้งปังปอนด์ " ไปใช้เพื่ออ้างอิงหรือติดป้ายสินค้าในเวปไซด์หรือที่ใดๆหรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน " Blog แป้งปังปอนด์ " แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยการเผยแพร่เพื่อการอ้างอิงหรือนำรูปภาพไปโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด




New Comments
MY VIP Friend