1.คนที่มีน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์มาตรฐาน หรือเรียกง่ายๆว่า อ้วน มักจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆดังนี้

1.โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง (โรคอัมพาต)

2.โรคเบาหวาน

3.โรคความดันโลหิตสูง

4.โรคไขมันในเลือดสูง

5.โรคนิ่วในถุงน้ำดี เพราะการมีไขมันในเลือดสูง ส่งผลให้น้ำดีจากตับมีไขมันสูงตามไปด้วย ซึ่งไขมันจะตกตะกอนเกิดเป็นนิ่วในถุงน้ำดีได้ง่าย

2.มีปัญหาในการหายใจ มักเป็นโรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจ (Sleep apnea)

3.มีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งหลายโรค เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งเยื่อบุมดลูก มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งหลอดอาหารและมะเร็งกระเพาะอาหาร

4.ข้อกระดูกเสื่อม จากการที่ข้อต่างๆแบกรับน้ำหนักส่วนเกินตลอดเวลาเป็นเวลานาน เป็นตัวเร่งให้เกิดข้อเสื่อมโดยเฉพาะในเพศหญิงเมื่อถึงวัยหมดประจำเดือน อัตราการเสื่อมสลายจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

5.สมองและการจดจำ จะเชื่องช้า ความคิดจะไม่ค่อยแล่น สมองจะทึบ คิดอะไรได้ช้าไม่ทันคนอื่น

6.ผิวหนังบริเวณต้นแขน สะโพก น่อง ขยายตัวจนเกิดเซลลูไลต์ แก้ไขได้ยากหรืออาจแก้ไขไม่ได้เลย เพราะคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวหนังได้เสื่อมอย่างถาวร ซึ่งน่าเสียดายมาก แม้จะออกกำลังกายอย่างหนัก ก็ไม่อาจกู้คืนชั้นผิวหนังให้เรียงตัวกลับคืนดังเดิม

7.หลายคนพอรู้ตัวว่า "อ้วน" ก็งดอาหารบางประเภทพร้อมกับออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักส่วนเกิน แต่หารู้ไม่ว่า พอน้ำหนักลดลงจนอยู่เกณฑ์ปกติ ผิวหนังที่ยืดขยายออกไปแล้ว พอหดกลับคืน ให้นึกถึงลูกโป่งที่พองลม พอแฟ้บ ลูกโป่งจะเหี่ยวย่น ไม่เต่งตึงเหมือนตอนพองลม ฉันใดฉันนั้น คนที่เคยอ้วนก็มีชะตาแบบเดียวกันค่ะ

8.มีกลิ่นตัวเหม็นเปรี้ยว ไม่ว่าเพศชายหรือหญิง เมื่อปล่อยปละละเลย กินตามใจปาก น้ำหนักจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นคนอ้วน อ้วนเฉยๆก็ไม่ได้หนักศีรษะใคร แต่จะกลายเป็นคนที่มีกลิ่นตัวรุนแรงระดับก๊าซในท่อระบายน้ำเลยทีเดียว

สาเหตุของกลิ่นตัว

ร่างกายจะมีต่อมเหงื่อด้วยกัน 2 ต่อม ได้แก่

1. ต่อม eccrine ซึ่งเป็นต่อมเหงื่อชนิดที่ไม่มีกลิ่น มักจะอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และจะผลิตเหงื่อที่มีลักษณะใสเหมือนน้ำ

เหงื่อชนิดนี้จะถูกขับออกมาเมื่อทำกิจกรรมหนัก ๆ หรืออยู่ในภาวะอากาศร้อน ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยรักษาอุณหภูมิร่างกายให้คงที่

2.ต่อม apocrine ซึ่งเป็นต่อมเหงื่อที่มีกลิ่น ซึ่งมักจะกระจายตัวอยู่บางแห่งของร่างกาย โดยเฉพาะตามรูขุมขนบนหนังศีรษะจะมีมากที่สุด รองลงมาคือตามรักแร้ ขาหนีบ ก้น และแผ่นหลัง เหงื่อชนิดนี้จะมีลักษณะเหนียวใสคล้ายขี้ผึ้ง มีส่วนผสมของไขมันอยู่มาก นั่นทำให้เวลาเหงื่อชนิดนี้ออกมาก็จะเกิดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ได้ (ร่างกายของเพศหญิงจะมีต่อมเหงื่อมากกว่าเพศชาย แต่ต่อมเหงื่อในเพศชายจะขับเหงื่อออกมามากกว่าต่อมเหงื่อของเพศหญิง)

กลิ่นเหม็นเปรี้ยวที่เกิดขึ้นในคนอ้วนคือ กลิ่นมีเทน ( methane )

มีงานวิจัย พบว่าในระบบทางเดินอาหารของคนอ้วน จะมีแบคทีเรียชนิดที่สร้างก๊าซมีเทนได้มากกว่าคนทั่วไป พอหายใจเข้า-ออก ก็จะเอากลิ่นนี้ออกมากับลมหายใจ เมื่อผสมกับกลิ่นเหงื่อและแบคทีเรียบนผิวหนัง จะทำให้เกิดกลิ่นเหม็นเปรี้ยว

เมื่อลดน้ำหนักลงได้ ปริมาณแบคทีเรียและก๊าซมีเทนจะน้อยลงด้วย หมายความว่าเมื่อผอมลง กลิ่นเหม็นเปรี้ยวก็ลดน้อยลง

9.คนอ้วนเคลื่อนไหวตัวช้า ไม่กระฉับกระเฉง

มักมีสุขภาพย่ำแย่ เป็นอะไรก็มักจะหายช้ากว่าคนทั่วไป

โอกาสเกิดโรคต่างๆดังกล่าวมาข้างต้น ไปพบแพทย์ก็จะได้รับยารักษาโรคเป็นกอบเป็นกำ จำเป็นต้องกินยาต่อเนื่องด้วยนะคะ ไม่งั้นจะไม่สามารถระงับอาการของโรคที่เกิดขึ้นแล้วได้

แป้งมองว่า บุคลิกภาพก็สำคัญ คนที่มีกลิ่นตัว ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว (หนักเลย) จะเกิดความไม่มั่นใจในตัวเองเพราะเวลาที่มีคนเดินผ่าน จะได้กลิ่นตัวเหม็นเปรี้ยว ซึ่งถือว่าเป็นมลภาวะทางกลิ่นอย่างหนึ่ง เมืองไทยขึ้นชื่อว่า อากาศร้อนไม่แพ้ชาติใดในโลก กลิ่นจึงขจรขจายได้มากกว่าปกติ ทำเอาคนรอบข้างต้องกลั้นหายใจหรือหายใจสองจังหวะเลยทีเดียวค่ะ

ทางที่ดีอย่าปล่อยให้น้ำหนักเกินจนกลายเป็นคนอ้วนเลยค่ะ ข้อเสียมีเยอะกว่าข้อดีมากๆ คนที่ไม่ดูแลตัวเองในวันนี้ วันข้างหน้า จะต้องใช้เงินรักษาตัวมากกว่าคนที่ดูแลตัวเองเป็นอย่างดีแน่นอน พึงระลึกไว้เสมอ ร่างกายเราไม่มีอะไหล่เปลี่ยน ถึงแม้จะมีบางระบบอวัยวะ แต่โปรดทราบไว้ว่า อะไหล่ทดแทน ไม่มีทางดีเหรือเทียบเท่า อวัยวะที่มาพร้อมกับเราตั้งแต่เกิด เพราะฉะนั้นอย่าอ้วนเลยนะคะ