Group Blog
 
 
กันยายน 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
18 กันยายน 2550
 
All Blogs
 

แล้วเราก็หลง...มาเก๊า ภาคต่อจากวิ่งสู้ฟัดที่ฮ่องกง ( วันที่ 4 )

จั่วหัวแบบนี้คงมีฮา 555 ว่าแต่จุดธูปเรียกกันเหลือเกินนะยะ เลยมาทำให้เสร็จๆตามคำเรียกร้อง

22 สิงหาคม 2550

เกือบ 1 ชั่วโมงที่เวียนหัวคลี่นไส้อยู่บนเรือ Ferry แล้วยังมาต่อแถวตรวจคนเข้าเมืองนานมาก ตุ้มวิ่งกระหืดกระหอบมาบอกว่า รถโรงแรมรออยู่ พวกเราวิ่งหน้าตั้งรีบขึ้นรถ นึกในใจว่าดีจังที่ยังมีรถโรงแรมเหลืออยู่ไม่ต้องเสียตังค์นั่ง Taxi

รถจอดหน้าโรงแรมปุ๊ป ยัยแอน : พัตทำไมโรงแรมหรูจัง
พัต : อ๋อ 4 ดาวอะ แต่อย่าเพิ่งนะ ต้องเข้าไปดูห้องก่อน
ทันใดนั้นหันไปเห็นชื่อโรงแรม เริ่มเอะใจ ชื่อก็ไม่ใช่ ข้างรถโรงแรมก็ไม่ใช่ ซวยแล้วตรูผิดโรงแรมเว้ย ไอ้ตุ้มมมมมมมมม ช้านจะฆ่าแกรรร

เกือบโดนพนักงานโรงแรมรุมเหยียบแล้วมั๊ยล่ะแต่เค้าก็ใจดี เขียนภาษจีนแล้วเรียก Taxi ให้เพื่อไปโรงแรม Metropark Macau โรงแรม 4 ดาว อุวะ อยู่ๆ ก็ไปยืนเล่นหน้าโรงแรม 5 ดาวให้ตื่นตาตื่นใจเล่น

นี่ต่างหากล่ะ โรงแรมของเราอะ ยังไม่ทันไรก็ หลง....ซะละ



โรงแรมอยู่ที่ถนน Rua De Pequim ราคาห้องละ 2160 บาทนี่เป็นราคาที่ลดแล้ว 15 ปูเซ็งเพราะมีบัตร KTC จองผ่าน //www.Octopus.com เช็คอินกันแล้วรีบเข้าไปในห้องกันดีกว่า





ฮาโหล...โหลๆๆๆ พี่บอลเหรอ ตอนนี้แอนอยู่มาเก๊าแล้วนะ มาถึงก็หลงเลยพี่บอล



มีให้พร้อมสรรพ เชอะ ! ไม่ใช้หรอกจ้า...... แต่เก็บเรียบ หุ หุ



Minibar ก็มีให้ เจ๊บ่นว่าไม่ได้กินกาแฟเลยถ่ายไม่ออกคราวนี้สมใจเจ๊แล้ว



มุมนี้มีให้ก็ไม่เคยเปิด แต่ถ้ามากับรูมเมทคู่ใจเรานะ พ่อเปิดทั้งคืน



หิวข้าวจนจะกินช้างได้ทั้งตัวแล้วรีบไปกันเถอะ เด่วถ้าหลงอีกคราวนี้ ตายแน่ๆ กว่าจะได้เริ่มเดินทางก็กางแผนที่ และถามที่เคาน์เตอร์ที่โรงแรมมาว่าขึ้นรถเมล์สายไหนเพราะเราจะไป Senado ภาษากวางตุ้ง เรียกว่า ซันหมาโหล่ว



เราเดินๆ ไปที่ท่ารถเมล์ แล้วขึ้นสาย 2 หยอดเหรียญมันพะยะคะ คนละ 2.5 ปาตากาส์



กรี๊ดดดดด เซนาโด้สวยมากๆ เรยยยนะเพื่อนๆ ดีใจจังที่ได้มา ชอบเซนาโด้จังเลย นี่แหละน๊าที่เค้าเรียกว่า ยุโรปกลางเอเซียมันสวยแบบนี้นี่เอง ใกล้จะ 3 ทุ่มแล้วยังคราคร่ำไปด้วยผู้คน ดูๆ SaSa ก็มี ดูพื้นซิ พื้นเป็นลอนๆแบบลูกคลื่นสวยงามมมมมมมมมม อะไรยังงี้ อิอิ จริงๆแล้วพึมพรำอยู่คนเดียวในใจ ตื่นเต้นมากเดี๋ยวพวกเค้าจะคิดว่าพวกเราเป็น อีบร้า



ก่อนอื่นหาอะไรกินกันก่อน เพราะทั้งเหนื่อยทั้งเพลีย บอกตรงๆ เลยนะ ตั้งแต่เที่ยวมาคราวนี้เหนื่อยมั่กๆ แต่มันส์จริงๆ อยากไปอีก ทั้งมีความสุขและสนุก บ่นไรเนี่ยยัยบร้า ตอนนี้ไปกินข้าวกันได้แล้ว หลังจากเดินตามหาร้าน Platao ที่หนังสือการท่องเที่ยวมาเก๊าแนะนำให้ไปกิน แต่เราเดินหายังไงก็ไม่เจอเลยตัดสินใจไปกินที่ภัตตาคาร ก็อะนะ คนมันรวย กินร้านธรรมดาไม่ค่อยจะอร่อย ต้องกินแบบติดดาว ระดับภัตตาคารขึ้น (ถ้าหมั่นไส้อนุญาตให้ถึบ..ไอ้ตุ้ม 555)

ร้านนี้เลยจ้า



อาวุธพร้อมลุย มีถั่วมาให้กินเรียกน้ำย่อยด้วย ร้านนี้เป็นร้านอาหารแมงกานีส ซึ่งก็คือเป็นอาหารโปรตุเกส มาเก๊าเคยเป็นเมืองขึ้นของโปรตุเกสมาก่อน เลยได้รับอารยะธรรมมาจากโปรตุเกสหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นอาหาร และสถาปัตยกรรม



ข้าวสวยร้อนๆ



บะหมี่ต้มยำ แต่หมี่มันออกเปรี้ยวๆ ไปนิด



จานนี้เป็นหมูบดเส้นๆ แล้วเอามาผัด มองเผินๆ เหมือนหอยหลอดผัดฉ่า



จานนี้รสชาดใกล้เคียงอาหารไทยมาก อร่อยดี



มีขนมคล้ายโรตีไส้องุ่น แต่ว่า เขมือบกันหมดก่อนถ่ายรูป อาหารมื้อนี้ก็อร่อยดีรู้สึกว่าตัวเองจะกินได้มากกว่ามื้ออื่นๆ จากที่เลี่ยนอาหารที่ฮ่องกงมาหลายมื้อ ทั้งหมดเราจ่ายไป 179 ปาตากาส์ เป็นเงินไทย 805 บาท

กินอิ่มแล้วสีหน้าเป็นแบบนี้



3 ทุ่มครึ่งแล้วลงมาจากร้านแล้วก็เดินเล่นในบริเวณเซนาโด้ ร้านค้าเริ่มปิด แต่ก็ยังมีคนอยู่ ซอยนี้ใกล้ๆกับร้านอาหารที่เรากิน



เซนาโด้ยามค่ำคืนสวยงาม ถ้าได้มีโอกาสไปห้ามพลาดเป็นอันขาด



หน้าตึกสวยๆ ใหญ่โตเหมือนอยู่ยุโรป โรป โรป



อีกสักครั้งกับตึกสวยๆแบบนี้



แผนที่มาเก๊า เอาไว้บอกว่าเราไปมาเก๊ามาแล้วจริงๆ นะไม่ได้มั่ว





ขาตั้งกล้องไม่เอาไป วานเค้าถ่ายมันก็แบบนี้แหละ แต่ออกมาแล้วศิลป์ดีแหะ



เจ๊เล็กจะซื้อผลไม้เหรอก๊ะ ด้อมๆ มองๆ แล้วก็ได้ส้มมาเชยชม



เดินไปขึ้นรถเมล์ไปคาสิโนกันดีก่า วันนี้ร้านค้าปิดหมดแล้ว 4 ทุ่มแล้วนี่ก็เล่นมากันซะดึก ชะเง้อมองถนนหนทาง ถนนเมืองเค้าจะแคบๆ แต่รถวิ่งกันขวักไขว่



ขึ้นรถเมล์สาย 2 ไปคาสิโน Lisbua อะครึ ๆ มีอารายจาบอก หยอดตังค์ไม่ครบด้วยแหละ คนละ 2.5 เหรียญ แม่หยอดไป 7 เหรียญเอง จริงๆแล้วต้องยอด 15 คิกๆ ชอบใจๆ



เข้าไปข้างในดีกว่าไปดูว่าหรูแค่ไหน โอ้โห... หรูหรามาก แอร์ก็เย็นมากด้วย



เหลืองอร่ามเหมือนห้องทาด้วยทองคำเลยง่ะ



ดอกบัวสวยๆ แต่คนหลังดอกบัวมืดมาก เสียดายจัง



ดูซะก่อนแค่ไฟก็อลังมากแล้ว คนมันเล่นการพนันกันจนทำให้เจ้าของรวยมากมายขนาดนี้ ลิสบัวเป็นบ่อนที่มีชื่อลำดับต้นๆของมาเก๊า และยังมีบ่อนอื่นๆอีกมากมาย ส่วนใหญ่บ่อนจะอยู่ในโรงแรมด้วย นี่อีกไม่กี่เดือนจะมีบ่อนใหม่ที่ใหญ่มากๆ จากลาสเวกัสมาเปิด ใช้ทุนมหาศาลและค่าห้องพักก็จะราคาแพงสุดๆ แต่ช่วงเปิดใหม่รู้สึกว่าจะราคา 8,000 บาทต่อคืน อิอิ ไม่รู้ข้อมูลมั่วป่าวนะ จำได้ประมาณนี้แหละ อะ.... มาต่อๆ กันที่ลิสบัวดีก่า



สาวอุ๊กับฉากหลังสีสดใส



จากนั้นพวกเราก็เข้าไปดูห้องที่ใช้เล่นการพนันกัน แต่ห้องที่เราเข้าไปเล่นแต่ไฮโลอะ อยากดูอย่างอื่นแต่ไม่รู้ต้องไปดูห้องไหน บรรยากาศมันน่ากลัว เย็นๆ กลัวโดนหลอกให้ไปเล่นแล้วเสียรู้โดนโกงเงิน เด่วจะหมดตรูดกลับบ้านกัน พวกเราก็เลยเดินออกมา แล้วนั่งรถเมล์กลับไปที่พัก

ก่อนจะเข้าที่พักเดินไปซุปเปอร์มาเก็ตใกล้ๆ โรงแรม ไปดูว่ามีอะไรบ้างตามประสาคนอยากรู้อยากเห็น ได้เจอกับคนไทยที่มาทำงานที่คาสิโน เค้าบอกว่าคนไทยมาทำงานที่คาสิโนกันประมาณ 7000 คนได้เลยนะ อะไรจะขนาดนั้นเลยทักทายกันตามประสาคนบ้านเดียวกัน



ได้เวลาแยกย้ายกันเข้านอน โหยยยยยย เหนื่อยอะไรขนาดนี้ แต่กว่าจะได้นอนและเก็บของเพื่อเตรียมตัวกลับบ้านพรุ่งนี้ อีกทั้งอาบน้ำ ก็ตี 2 แทบทุกคืนติดๆกัน เมื่อยจนแทบจะเอาขามาแขวนไว้ที่คอ เฮ้อหลับเหมือนตายเลยอะ

ห้องนี้นี่แหละที่เราหลับสบายจนไม่อยากตื่น



23 สิงหาคม 2550

ตื่นมาพบกับเพื่อนๆที่ห้องอาหารของโรงแรม วันนี้โรงแรมมีอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ท์ไว้ให้เรา สบายไปเลยไม่ต้องไปหากินที่อื่น ก็เหมือนโรงแรมทั่วไปนะ ABF ข้าวต้ม ข้าวผัด สลัด ติ่มซำ และผลไม้ น้ำชา กาแฟ น้ำส้มคั้น มาดูกันดีกว่าว่าทานอะไรไปกันบ้าง













กินอิ่มแล้ว ขอตัวขึ้นไปปล่อยระเบิดที่ห้องก่อนนะ ระหว่างทางตอนขึ้นลิฟท์ มองลงมาเป็นแบบนี้





คิดไม่ผิดเลยที่เลือกโรงแรมนี้ เป็นโรงแรมน่ารักและสะอาด บริการก็ดีด้วย



หลังจากเอากระเป๋ามาฝากไว้ที่ Lobby พวกเราก็ไปเดินไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมกัน แต่ระหว่างที่เราเดินไปนั้น ก่อนไปก็ถามพนักงานโรงแรมไปเป็นอย่างดีแล้ว แต่ปรากฏว่า ย้ยตุ้ม ไปถามซ้ำกับตำรวจอีกทำให้เดินอ้อมโลกเลยคราวนี้ น่าเขกหัวมันจริงๆ ก็เป็นที่มาของการหลง....ครั้งที่ 2 ครววนี้จำไว้นะเฟร้ยยยย ถามทางห้ามถามหลายคน

ถึงแล้วเจ้าแม่กวนอิม



เจ้าแม่กวนอิมที่มาเก๊า มีใบหน้าเหมือนฝรั่ง สันนิษฐานว่าคงเป็นช่างฝรั่งเป็นคนปั้น





เราอยู่ตรงนี้กันสักครู่ แล้วก็เดินย้อนกลับมาทางเดิมเพื่อจะไปขึ้นกระเช้าเพื่อไปชมวิวที่ประคารเกีย ระหว่างทางก็ถามทางกันไปและชมวิวข้างทางไปเรื่อยๆ



คาสิโนอีกแล้ว แต่ยังไม่ใหญ่เท่าลิสบัวเมื่อคืน



จราจรหญิงคนนี้ก็เป็นเหยื่อพวกเราอีกคน ช่วยอธิบายทางไปประภาคารเกียให้พวกเราเป็นอย่างดี ขอบคุณนะคร้า



เดินผ่านสวนสาธารณะ เห็นเด็ก 2 คนเล่นเครื่องเล่นด้วย



เดินมาก แถมหลงเป็นระยะๆ จนรองเท้าข้าพเจ้าขาด ต้องกลับไปเปลี่ยนที่โรงแรมดีนะที่เอามา 2 คู่

ที่ล็อปบี้โรงแรม



พวกเราเดินหลงไปหลงมากันอีกสักพัก ก็เลยตัดสินใจเรียก Taxi ไปประภาคารเกียกันดีกว่า ไม่งั้นจะเสียเวลามากกว่านี้ เรียก Taxi 2 คน กว่าจะไปถึงกันครบ ต้องพลัดพรากจากกันเป็นชั่วโมง เพราะว่าไปส่งกันคนละที่ อีกแระหลงกันอีกแระ

มาถึงก็เจอปืนใหญ่เลย



ขึ้นมาบนนี้แล้วมองกลับลงไปข้างล่าง สวยมากๆ ใครบอกมาเก๊าเป็นเมืองเล็กๆ ไม่เห็นจะเล็กเลย พวกเราเดินหลงกันจนเมื่อย



มองเห็นหอคอยมาเก๊าด้วย







สาวแอนกับจุดชมวิว





เจ๊เล็ก บอกว่าใครจะทำไรเชิญเลย ตอนนี้ร้อนมากเพราะเจ๊แกเดินขึ้นเขามาหลายกิโล ขอซับเหงื่อก่อนนะ เนื่องจากช่วงนี้อากาศแปรปรวนกระเช้าเลยไม่เปิดให้บริการ เจ๊แกเลยเดินขึ้นมาจากข้างล่างเพราะ Taxi ไปส่งที่นั่น



อันนี้หรือป่าว...ที่เค้าเรียกประภาคาร





ใกล้ๆ ประภาคารก็จะมีโบสถ์ด้วยแต่ว่าไม่อนุญาตให้เข้าไปได้ ให้มองอยู่แค่ด้านนอกแล้วก็ห้ามถ่ายรูปด้วย ขี้หวงว่ะ



สมอปักอก เสียวววเหมือนกันนะเนี่ยยืนตรงนี้อะ



ระหว่างที่จะเดินไปเรียก Taxi เพื่อไปเที่ยวสวนสาธารณะเลาลิ้มเอี๊ยด ฝนก็เทลงมาหนักพอสมควร พวกเราต้องไปหยุดรอให้เบาก่อน เมื่อฝนเบาลงก็ส่งหน่วยกล้าตาย แอน อุ๊ ไปเรียก Taxi ข้างล่าง



รอนานมาก Taxi ก็ยังไม่มาจึงเดินลงไปข้างล่างตามหน่วยกล้าตายที่ส่งไป ช่วยให้พนักงานโรงแรมโทรเรียก Taxi ให้ แต่ก็ไม่มี เนื่องจากฝนตกแบบนี้เค้าบอกว่าหา Taxi ยากมาก แอนกำลังขอความช่วยเหลือจากโรงแรมให้ช่วยโทรเรียก Taxi ให้ ใช่ๆ โทรศัพท์ที่โทรภายในมาเก๊าไม่เสียค่าบริการ ถึงว่าใจดีจัง



รออยู่เป็นนานก็ไม่มา เลยปรึกษาหารือกันว่าจะไม่ไปสวนสาธารณะแล้ว แต่เราจะไปโบสถ์เซนต์ปอลเลย เนื่องจากว่าใกล้จะ 11 โมง ตุ้ม พี่เล็ก อุ๊ ต้องกลับไฟร์ทบ่าย 3 โมง

เดินไปกันเรื่อย เค้าบอกว่าไม่ไกล แล้วเราก็เริ่มหลง... กันอีกแล้ว 555 " หลง เปิ่น ของหาย " สนุกจริงๆ ระหว่างที่หลงก็เดินชมนกชมไม้ไปเรื่อยๆ

ผ่านสวนสาธารณะหน้าศูนย์กีฬา





ป้ายการ์ตูนน่ารักๆ



อุ๊ อูววว ป่านนี้แล้วยังไปไม่ถูกเลย ตัดสินใจขึ้นรถเมล์กัน แล้วไปตายเอาดาบหน้า แต่คนดียั่งพวกเรา ตกน้ำก็ไหลตกไฟก็ไหม้ พอขึ้นรถได้ก็ถามคนบนรถนั่นแหละ มีคุณป้าอยู่คนใจดีมาก เค้าบอกว่าอยู่ใกล้ๆ กับเซนาโด้นั่นแหละ เด่วเค้าจะบอกให้ว่าลงตรงไหน พอถึงเซนาโด้ป้าก็ลงกับพวกเราแล้วชี้ทางให้จนเราไปกันถูก ป้าน่ารักมากเลย คนมาเก๊าน้ำใจงามๆ ทั้งนั้น ยกเว้นไอ้ Taxi ที่โกงเงินเราคนแรก แถมคราวนี้ขึ้นรถเมล์ก็ยอดตังค์ไม่ครบ เนื่องจากเหรียญไม่พอ คนขับก็ไม่ว่าอะไร ใจดีที่ซู๊ดดดดดด



กว่าจะมาถึงได้ กว่าจะได้มาดูสัญลักษณ์เมืองมาเก๊า ก็เล่นเอาขาลากเลย







ด้านหลังเป็นแบบนี้ สามารถขึ้นไปข้างบนได้แต่ว่าไม่กล้าขึ้นอะ ขออธิบายนิดนุง นะก๊ะ โบสถ์นี้สร้างตั้งแต่สมัยมาเก๊าเป็นเมืองขึ้นของโปรตุเกส ต่อมาไฟไหม้ทำให้เหลือแค่ซากประตู ปัจจุบันได้รับเลือกให้เป็นมรดกโลก เมื่อไปยืนอยู่แถวนี้เหมือนเรียนอยู่ฮาวาร์ดเลยเนอะ บรรยากาศแบบนี้หนูชอบๆ



อันนี้อะไรไม่รู้อะ เห็นแปลกดีเลยถ่ายมา



พวกเราแยกย้ายกับ ตุ้ม อุ๊ และพี่เล็ก บริเวณนี้เพราะเรา 3 คน พัต แอน ดำ กลับเที่ยวบินตอน 3 ทุ่ม ยังมีเวลาไปเดินเที่ยวกันอีกแยะ ก่อนที่จะจากก็กอดกันซบหน้าน้ำตาคลอที่ต้องลาจาก ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้เจอกันอีก โธ่...เห็นกันอยู่หลัดๆ

หลังจากแยกย้ายกันแล้วเรา 3 คนก็ไปซื้อขนมที่ร้าน Margaret's Cafe Nata ซื้อคุ๊กกี้อัลมอนด์ ทาร์ตไข่ และหมูแผ่น หอบหิ้วกันพอประมาณ และเดินเล่นบริเวณเซนาโด้อีกพักใหญ่ๆ



เหลือกัน 3 คนรู้สึกเหงา ๆ



ใครพี่พลาดช้อปเสื้อผ้า brandname มากฮ่องกง มาเก๊ายังมีให้เก็บตกได้อีกนะจ้ะ



พวกเราเริ่มหิวแล้ว เมื่อคืนตามหาร้าน Platao ไม่เจอวันนี้ด้วยความพยายามของแอนเราจึงได้มาร้านนี้ ซึ่งเป็นร้านอาหารที่มีกุ๊กชื่อดังเป็นกุ๊กที่ทำอาหารให้ผู้ว่าเมืองมาเก๊า ตอนนี้กำลังไปเปิดสาขาที่ฝรั่งเศสด้วย ร้านหายากมาก เพราะต้องเข้าซอยไป แต่ก็เดินไม่ไกลไปจากเซนาโด้นะ คงเป็นเพราะป้ายไม่เด่นชัด

ระหว่างทางที่เดินหาร้านอาหาร เลยแอบถ่ายรูปส่วนราชการของมาเก๊ามาให้ดู





ถึงแล้ว Platao ร้านอาหารโปตุเกส- แมงกานีส



เข้าไปข้างในแล้วเหมือนผับเลย เป็นร้านเล็กๆ ไม่ใหญ่สมคำเล่าลือ แอบผิดหวังเล็กๆ นะเนี่ย แต่คนในร้านเต็มแทบทุกโต๊ะ



บนโต๊ะจ้า มาสั่งอาหารกันดีกว่านะ เย้ๆๆ ดีใจจังคนในร้านพูดภาษาไทยได้ด้วย ว้าๆ แต่อาหารแพงมั่กๆ เรยยย



จานนี้เป็นขนมปัง ข้างๆเป็นทาร์ตไข่ที่แอบเอาเข้ามา



ถ้วยนี้ เลอะไปนิดเพราะแอบชิมกันแล้วก่อนถ่ายรูป Lobster Soup อร่อยมากๆ เลย แต่แพงได้ใจเพราะว่ากุ้ง Lobster มันราคาสูงมากๆ



เราสั่งมาอีก 2 อย่างเป็นไส้กรอกม้วน กับสเต็กแต่เป็นแบบซี่โครงจำชื่อไม่ได้เหมือนกัน แต่พออาหารมาพวกเราก็ลงมือทันที เลยเหลือแบบนี้เก็บไว้เป็นที่ระลึก ว่าพวกเราหิวโซขนาดไหน



เหลือแต่กระดูกเลยง่ะ อายจัง



สั่งกันไม่เยอะ เนื่องจากอาหารแพง กลัวต้องไปล้างจานอยู่หลังร้าน แต่ก็อิ่มกำลังดี ถึงแม้จะอิ่มแบบไม่จุใจ

ออกไปเก็บบรรยากาศที่เซนาโด้ตอนบ่ายๆกันอีกสักครั้งก่อนลา



หอบหิ้วถุงพะรุงพะรัง







เหลือแค่ 2 คน ยัยพัตหายไปนะวะเนี่ย ไม่เห็นโผล่ศรีษะมามีรูปกะเค้าเลย

นั่ง Taxi ไปวัดอาม่า เราจะไม่นั่งรถเมล์อีกเพราะว่าเรารวย 555 จริงแล้วกลัวหลงมากกว่า ไม่มีไอ้ตุ้มให้โทษแล้วด้วย เด่วไม่รู้จะไปเสียดสีใคร

วัดอาม่าหรือศาลเจ้าแม่ทับทิม คือศูนย์รวมจิตใจของชาวมาเก๊า สร้างถวายให้กับอาม่าหรือเทพธิดาแห่งท้องทะเล ซึ่งอาม่าก็คือตำนานของเมืองมาเก๊า อาม่าเป็นหญิงสาวชาวฟูเจี้ยน มีนามว่า หลิงม่า ที่ต้องการข้ามฝั่งมาที่เอ้าเหมิน โดยขออาศัยมากับเรือประมงลำเล็กๆ ระหว่างที่อยู่กลางทะเลเกิดพายุอย่างรุนแรง เรือหลายลำต้องอับปางลง แต่เรือของหลิงม่า ไม่เป็นอะไร พอถึงฝั่ง หลิงม่า ก้าวเท้าขึ้นสู่ฝั่งเธอก็ลอยขึ้นไปบนฟ้าและหายลับไป ชาวประมงต่างเชื่อว่าเธอคือเทพธิดาแห่งท้องทะเล ตั้งแต่นั้นมาจึงขนานนามว่า "อ่าวของอาม่า" หรือ "A Ma Goa" เพี้ยนเสียงมาเป็นมาเก๊าในปัจจุบัน

ถึงวัดอาม่าแล้วค่ะ เข้าไปดูกันดีกว่าว่าข้างในเป็นเช่นไร ตามแอนมาเลยค่ะ
นี่คือประตูเข้าวัดอาม่า



ภายในบริเวณวัดก็ไม่ได้กว้างขวางมากนัก แถมมีขอทานเยอะด้วย วัดขาดการดูแลไม่ค่อยสะอาดเท่าที่ควร หรือว่ามีคนมาเที่ยวกันมากจนดูแลไม่ค่อยไหว วัดเป็นสถาปัตยกรรมแบบจีนโบราณ สังเกตได้จากหลังคาอันนี้



มีความเชื่อกันว่าถ้ามาวัดอาม่าต้องเอาเหรียญลูบหลังเต่าแล้วทำท่าเก็บเงินเข้ากระเป๋าจะทำให้มีโชคลาภ เต่าก็คือหินก้อนนี้



และหมุนลูกแก้วในปากสิงห์ โดยหมุนไปทางขวา 3 ครั้ง ระหว่างที่หมุนให้อธิษฐานขอพรจะสมความปรารถนา



เรือคือสัญลักษณ์ที่สำคัญของวัดอาม่า



ตรงนี้คือที่สำหรับไหว้ มีธูปเป็นขดๆแขวนไว้ข้างบนด้วย



ข้างๆ วัดอาม่ามีพิธภัณฑ์เรือ มีเรือหลายแบบให้ดู แต่เรา 3 คนไม่ได้เข้าไปข้างใน ขากลับเดินออกมาเห็นตู้ไปรษณีย์แบบนี้ ก็คล้ายๆ บ้านเราแสดงว่าตู้ไปรษณีย์ที่ไหนๆ ก็คงจะเป็นสีแดง



สามล้อเมืองมาเก๊า



ไปเรียก Taxi ไปเที่ยวต่อดีกว่า



ชายคนนี้กำลังขับรถพาเราไปเกาะไทปา



แล้วจอดให้ลงที่ถนนสายนี้



พิพิธภัณฑ์หมู่บ้านไทปานั่นเองคือสถานที่ที่เรามา



ไปซื้อตั๋วเข้าชมกันก่อนค่ะ คนละ 5 ปาตากาส์



ข้างในไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป ภายในพิพิธภัณฑ์ก็มีเรื่องราวเกียวกับชาวประมงและการประกอบอาชีพสมัยก่อน ให้รู้ถึงวิถีชีวิตชาวบ้าน พิพิธภัณฑ์เปิดตั้งแต่ 10.00-18.00 น. หยุดวันจันทร์ เดินดูจนทั่วแล้วก็เลยออกมาข้างนอก



ถนนสายนี้เป็นถนนที่แคบมากๆ แต่มีรถเมล์วิ่งตลอดและสามารถเดินไปถนนสายอาหารได้ด้วย เดินไปอีกนิดเดียวก็ถึง



ทั้งถนนส่วนใหญ่จะขายอาหารคล้ายๆ กัน คือคุ๊กกี้แอลมอนด์ หมูแผ่นรสต่างๆ ของที่ระลึก พวกเราก็ได้ของที่ระลึกมาจากถนนสายนี้กันอีกด้วย

ไม่ใช่เฉพาะคนฮ่องกงเท่านั้นที่ต้องอยู่คอนโด มาเก๊าก็คอนโดเยอะไม่แพ้กัน



ระหว่างที่นั่งรถไป มาเก๊าทาว์นเวอร์ ต้องผ่านสะพานข้ามทะเลเพื่อกลับไปฝั่งมาเก๊าอีกครั้ง ก็เหมือนๆกับ กรุงเทพกับฝั่งทนนั่นแหละนะ แต่สะพานเค้ายาวกว่าและเป็นข้ามทะเล ไม่ใช่ข้ามน้ำจืด



เห็นมาเก๊าทาวน์เวอร์แว๊วววว



มาเก๊าทาว์นเวอร์ เป็นหอคอยที่สูงเป็นอันดับ 10 ของโลก และเป็นอันดับ 8 ของเอเซีย สูง 338 เมตร ค่าเข้าชม 220 บาท แต่พวกเราก็ไม่ได้ขึ้นไปจนถึงข้างบน เนื่องจากเคยดูแบบนี้แล้วที่เซียงไฮ้ เลยเกิดอาการเสียดายตังค์ขึ้นมา แค่เดินเล่นกันเฉยๆ



ข้างในมีคาสิโนด้วย คาสิโนมีทุกหย่อมจริงๆ เมืองการพนันขั้นเทพ



Toy R Us ก็มี แต่ของไม่เยอะเท่าไหร่





สองคนนี้มานั่งแอ๊บแบ๊วอยู่แถวนี้นี่เอง



ถ่ายรูปเรือขนทรายจากหอคอยมาเก๊า



สายตาซุกซนมองลงไป โอ๊ะ โยย โยว ....ทำไมไม่จูจุ๊บกันสักทีน๊า



ยัย 3 คนนี้มัวแต่นั่งๆ นอนกันอยู่บนตึกมาเก๊าทาวเวอร์ ถ้าตกเครื่องบินนี่จะต้องวิ่งสู้ฟัดกันทั้งไปทั้งกลับหรือป่าว เริ่มใจไม่ดีว่าแล้วก็กลับไปโรงแรมไปเอากระเป๋ากันดีกว่า

ตั้งใจจะไปทานอาหารเย็นที่โรงแรมก่อนกลับ แต่ว่าเวลาเริ่มเฉียดฉิว เลยมะกล้าตัดสินใจไปกินที่สนามบินดีกว่า เพื่อความปลอดภัย

มาถึงสนามบินมาเก๊าพวกเราก็รีบจัดของเข้ากระเป๋า เพื่อโหลดขึ้นเครื่อง



เช็คอินเสร็จเรียบร้อย รีบจ้ำพรวดขึ้นไปหาอะไรกิน เหลือแต่เกี๊ยวกุ้งกับบะหมี่ขายราคาแพงด้วย หมูหมากาไก่ก็ไม่ใส่ให้สักนิด ดีนะที่เป็นเกี๊ยวกุ้ง แต่ของดำกะแอนเป็นบะหมี่ หมูไม่มีนี่มันค้ากำไรเกินควรแล้ว น้ำก็แพงมหาแพง



กินเสร็จตรวจคนเข้าเมือง เดินดูของที่ดิวตี้ฟรี แต่ไม่เสียเงินเลยเพราะไม่มีอะไรน่าซื้อ อยากได้ลิปกรอสแต่ดูเก่าๆ ยังไงไม่รู้ นั่งรอสักพักก็ขึ้นเครื่องกลับเมืองไทยโดยหางแดงเจ้าเดิม ลำนี้แหละที่มาส่งเรากลับบ้านด้วยความปลอดภัย



ต่อไปมาดูของที่ได้มาจากการไปเที่ยวในครั้งนี้

ขนมจากมาเก๊า คุ๊กกี้อัลมอนด์ บ๊วย และหมูแผ่น



เสื้อ Boosini ฝากสามี



เครื่องสำอางค์ ครีมกันแดด Anessa ของชิเชโด้ น้ำโสมโคเซ่ ครีมกันแดด Sunkiller มาสคาร่า และลิปกรอส



ของที่ระลึก โปสการ์ด ที่รองแก้ว ขวดยานัสถ์ ไพ่รูปวิว ซื้อมาฝากคนอื่น



กระเป๋า D&G Longchamp นาฬิกา เข็มขัดพี่ต้น แค่นี้ก็หมดตรูดแล้วจ้า กลับมาใช้หนี้บัตรเครดิตบานเลย



การไปเที่ยวครั้งนี้สนุกมากๆ เป็นการไปต่างประเทศที่สนุกกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาเพราะได้ไปกับเพื่อนๆ ทั้งเหนื่อย ทั้งหิว และเมื่อยขาสุดๆ แต่พวกเราก็ไปกันได้ตามที่วางแผนไว้เกือบครบทุกโปรแกรม อยากไปอีกมากๆ เลยนะกับเพื่อนๆ กลุ่มเดิมแล้วพวกเราไปกันอีกนะ ถึงจะเตรียมตัวเหนื่อยขนาดไหนเมื่อกลับมาดูรูปแล้วนึกถึงตอนที่ไปมันทำให้มีความสุขเหมือนไปมาใหม่เลยเนาะ

และนี่คือแหล่งความรู้กองโต บวกกับค้นหาในอินเตอร์เน็ตถ้าไม่มีข้อมูลดีๆ แบบนี้เราคง หลง เปิ่น ของหาย กันมากกว่าที่เป็น



สรุปค่าใช้จ่าย ตั๋วเครื่องบิน ที่พัก ตั๋วเรือ ค่ารถไฟฟ้า ค่าอาหาร ค่าเข้าดิสนีแลนด์ รวมทั้งซื้อของกลับมาเล็กๆ น้อยๆ เบ็ดเสร็จ 20,021.01 บวกลบกว่านี้นิดหน่อย ไม่รู้หลงลืมอะไรไปบ้างคิดจากหลักฐานที่มีได้แค่นี้




 

Create Date : 18 กันยายน 2550
6 comments
Last Update : 7 ธันวาคม 2553 22:58:03 น.
Counter : 2744 Pageviews.

 

ตามมาดูพี่พัตไปเที่ยว

อยากไปมั่งอะ

 

โดย: zoey 28 ตุลาคม 2550 15:29:35 น.  

 

พิมพ์ผิดเยอะมากๆเลยเรา
แต่ไม่แก้ มีไรอะปั่น

 

โดย: ย่องมาดู IP: 118.172.216.28 8 กรกฎาคม 2551 13:26:43 น.  

 

รูปที่ 3 ผู้หญิงใส่เสื้อสีขาว เราอยากได้อีเมล์จังเลย จำได้ว่าเคยเรียนด้วยกันที่ วค จันทรเกษม

 

โดย: P IP: 24.46.57.94 7 ธันวาคม 2553 11:32:12 น.  

 

คุณ P คะ คงจำคนผิดแล้วค่ะ พวกเราไม่มีใครเรียน วค. เลยค่ะ

 

โดย: p_pat_p 7 ธันวาคม 2553 22:53:55 น.  

 

คนที่ใส่เสื้อสีขาวแขนสั้น กางเกงสีดำขาสั้น ยืนถือโทรศัพท์อยู่ในห้องน้ำคะ ถ้าเป็นเพื่อนเรา ชื่อแอน ปนัดดา
เราจำได้นะ แต่ถ้าไม่ใช่ก็ขอโทษคะ

 

โดย: P IP: 24.46.57.94 15 ธันวาคม 2553 3:01:27 น.  

 

พี่ซื้อlongchamp ที่ไหนค่ะ???

 

โดย: Vanda's IP: 115.67.171.101 7 มกราคม 2555 14:55:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


p_pat_p
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]









Friends' blogs
[Add p_pat_p's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.