Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2556
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
20 สิงหาคม 2556
 
All Blogs
 
Can't get Enough of Japan # Tokyo

14 October 2012

เช้านี้จะมีญาติๆของอ้อมาหา เพื่อพาไปเที่ยว อ้อรีบตื่นมายืนรอต้อนรับแต่เช้า





ไปจิบกาแฟ กินขนมหน่อย ที่สตาร์บั๊ค



วันนี้โปรแกรมที่เตรียมไว้ต้องพักไว้ก่อน จะพาไปไหนหนูยินดีค่ะ



ซื้อตั๋วรถรถไฟ Tokyo Metro Ginza Line จาก Ueno ไปลง okachimachi ทายสิว่าเราจะไปไหน แค่เห็นชื่อสถานี บางคนก็เดาถูกแว้ว



Asakusa Sensoji Temple ใครมาเที่ยวโตเกียว ก็คงจะต้องมาทุกคนละมั๊งคะ วัดเก่าและศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง มีประวัติความเป็นมาดังนี้

วัดเซ็นโซจิ (SENSOJI) หรือที่เรียกกันว่าวัดอาซากุสะ (ASAKUSA TEMPLE) เพราะที่ตั้งอยู่ในย่านอาซากุสะ ซึ่งวัดนี้เป็นวัดเก่าและมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโตเกียว สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 628-645 วัดนี้มีตำนานเล่าขานกันว่า มีสองพี่น้องตระกูล ฮิโนะคูมะ (HINOKUMA)ผู้มีอาชีพหาปลา ณ วันหนึ่งได้มาหาปลาที่แม่น้ำสุมิดะ แล้วได้เหวี่ยงแหพบกับ เทวรูปคันนง ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความเมตตาเข้าโดยบังเอิญ และแม้ว่าคนทั้งคู่จะนำรูปปั้นนี้กลับไปคืนแม่น้ำอีกสักกี่ครั้ง ก็จะมีเหตุให้รูปปั้นกลับมาอยู่ในมือของคนทั้งสองเสมอ ดังนั้น ด้วยความศรัทธาของสองพี่น้องและชาวบ้านของ หมู่บ้านละแวกนั้น จึงได้อัญเชิญเทวรูปคันนงประดิษฐาน ณ วัดแห่งนี้

และยังเจ้าแม่กวนอิม ซึ่งเชื่อกันว่าเจ้าแม่กวนอิมองค์นี้ศักดิ์สิทธิ์มาก ขอพรอะไรก็ได้ตามปรารถนา และตำนานยังมีต่ออีกว่าในช่วงเวลาใกล้เคียงกันกับที่พบรูปปั้นได้ปรากฎมังกรทองตัวหนึ่งเลื้อยลงมาจากสวรรค์ จึงเป็นวัดที่เหล่าโชกุนและซามูไรให้ความเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างมากในอดีต ปัจจุบันนี้วัดแห่งนี้เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดของกรุงโตเกียว
(ข้อมูลจาก oknation)





เอิ่ม...หน้าจะใหญ่เท่าโคมแล้ว โคมเป็นสัญลักษณ์ของวัด เรามักจะได้ของฝากจากเพื่อนๆเป็นโคมจำลองเล็กๆแบบนี้จากเพื่อนที่กลับจากญี่ปุ่น

ขออธิบายถึงโคมแดงนี้สักหน่อยเพื่ออรรถรสในการชม (เครดิตข้อมูลจาก oknation)

"โคมแดงขนาดยักษ์ที่ตั้งอยู่ที่บริเวณ ประตูคามินาริมง (Kaminarimon) (ประตูสายฟ้าฟาด) สร้างในปี 1960 ทั้งสองข้างของโคมแดงจะเป็นรูปปั้นของ 2 เทวบาลผู้รักษาประตู ได้แก่ ฟูจิน (FUJIN)เจ้าแห่งสายลม มีอำนาจต่อสายลม แสงแดดและเมฆหมอก รูปองค์สีดำมืดเหมือนเมฆฝน หน้าตาน่ากลัว ห่มหนังเสือดาว มีถุงลมใหญ่พาดไหล่ทั้งสองข้าง ซึ่งอยู่ทางด้านขวา ส่วนด้านซ้าย คือ ไรจิน (RAIJIN) เจ้าแห่งอสุนีบาต รูปองค์สีแดง มีกลองเป็นเครื่องมือในการทำให้ฟ้าแลบและฟ้าผ่า"



มีความสุขเกินไปไหม กำลังเศร้าอยู่ไม่ใช่เหรอ




ถ้าไปเที่ยวแล้วมีความทุกข์ก็นอนอยู่บ้านดีกว่าไหม สุข สนุก เป็นกำไรของชีวิต แล้วจะช้าอยู่ใย



และเมื่อผ่านประตูเข้าไป จะพบกับ ถนนนาคามิเซะ(NAKAMISE) หรือถนนคนเดินถนนคนเดินที่มีร้านขายของที่ระลึกพื้นเมือง เช่น ของที่ระลึก ตุ๊กตา เสื้อผ้า และขนมแบบญี่ปุ่น และของกินมากมายเรียงราย แบบเฉพาะญี่ปุ่นอยู่ที่เรียกกันว่า ถนนนาคามิเสะโดริ คล้ายกับเป็นการรวมเอาความเป็นญี่ปุ่นมาไว้ที่แห่งนี้ และยังมี ชินนาคามิเซะ (SHIN-NAKAMISE) เป็นถนนคนเดินที่มีหลังคาคลุมตลอด ถนนเส้นนี้ร้านค้าเป็นแบบเปิดปิดได้ แบบห้องแถว มีร้านค้าและและร้านอาหารให้เลือกอีกมากมาย

อย่าเพิ่งสนใจร้านขายของข้างทางค่ะ เข้าไปเที่ยวข้างในกันก่อน





ทำตามประเพณีเค้าก่อนดีกว่า ตักน้ำมาล้างปาก ล้างมือขวา ล้างมือซ้ายเพื่อความสะอาด ปากสะอาด มือสะอาด หรือป่าวว้า...อ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออกง่ะ





ลำดับต่อไปก็ไปไหว้พระ ภายในวัดก็จะมีให้สักการะเทพเจ้าคันนง โดยการรดน้ำ และตรงกลางวัดจะมีกระถางธูปขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นความเชื่อว่า ไปรับควันนี้ติดตัวมา จะโชคดีมีสุข เพราะฉะนั้นคนที่ไป ก็จะไปยืนอังรับเอาไอควันนั้นเข้าตัว และการทำบุญไหว้พระ ด้วยการโยนเหรียญลงในกล่อง และการเสี่ยงเซียมซี หรือ โอมิกุจิ (Omiguji)












เดินชนคนไทย อารมณ์เหมือนไปไหว้พระที่ดอยสุเทพ



บ้านเมืองสวยๆ สถาปัตยกรรมงามๆ ทำให้เรามีความสุข








เก็บตกบรรยากาศภายในวัดอีกนิดนึง ก่อนที่จะออกไปแวะร้านขายของที่แอบชะเง้อมองตอนเดินเข้ามา



















อุ๊ย !! นั่นยอดอะไร Tokyo Sky tree เป็นแน่แท้







ซูมๆ ดูมๆ หน้าก็อูมๆ อี...อ้วน



"แตง" ฉันเกลียดแก ถ่ายรูปมุมเดียวกันทีไร แกสวยกว่าตลอด



ว๊าย!! นั่นใครมาทำเปรี้ยว ขึ้นไปนั่งบนนั้นล่ะนี่



ไปช้อปดีกว่า



สนใจหนุ่มๆ มากกว่าสนใจ ของในร้าน



ป้าๆ ก็เยอะ แต่งตัวสวยงาม ชาตินิยม เดี๋ยวกลับเมืองไทยจะนุ่งโจงกระเบนอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยบ้างดีกว่า



สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านขายของ ส่วนใหญ่จะเป็นร้านขนม และของที่ระลึก









ได้ของที่ระลึกมากันคนละนิดละหน่อย ได้ตะเกียบมา 3-4 กล่อง พวงกุญแจเล็กๆ อีก 2-3 พวง พอเป็นน้ำจิ้ม ส่วนเจ้าแตงได้มาพอสมควร เรื่องราคาไม่ต้องพูดถึง ไม่ได้ถูก...พอซื้อได้ แต่อย่าซื้อเยอะเก็บไว้กินข้าว





มิยูกิ กับแฟน คงจะรู้ว่าเรา เริ่มหิว เลยไปซื้อขนมเจ้าอร่อยมาให้พวกเราชิม





สองคนนี้น่ารักมากๆ มิยูกิ อายุ 14 เท่ากับเราเลย อิ อิ แถมยังเป็นธุระหาซื้อ sim ใส่ ipad ให้เราได้ออนไลน์ตลอดเวลาที่อยู่ญี่ปุ่นด้วย เพราะ sim ที่ญี่ปุ่นเท่าที่ศึกษามา จะเปิดใช้ต้องให้คนญี่ปุ่นลงทะเบียนให้จะง่ายกว่าเราลงทะเบียนเปิดใช้เอง

อำลาวัดอาซากุสะ ไปด้วยภาพเด็กๆ และคุณครูมาทัศนศึกษา ไม่รู้จะได้กลับมาอีกไหม



จากนั้น เราจะไป Tokyo sky tree โดยการเดินจากวัดอาซากุสะไป แป๊ปเดียวก็ถึง



อย่าเข้าใจผิดว่าเราจะขึ้นไปดู เพราะว่าหอคอยต่างๆ ขึ้นมาเยอะแล้ว อารมณ์ตอนนั้นไม่อยาก แค่ีโฉบพอ มิยูกิบอกว่าไปล่องเรือดีกว่า สวยกว่าเยอะ



จาก Tokyo sky tree เป็น Tokyo Cruise สวยและรวยมว๊าก







ระหว่างรอขึ้นเรือ ชัดๆสักรูป จะได้มีอวดชาวบ้านเขา ว่ามาแล้วจริงๆนะเออ





ราคาค่าเรือ



เรือลำใหญ่ นั่งได้หลายคน







ทำไมเวลาไปเที่ยว มันถึงช่างสุขขี สุขขัง แบบนี้นะ อยากให้เวลาหมุนช้าๆ





หันไปมองวิวด้านข้าง กรี๊ด สลบ สวยเกิน





ผ่านสะพานหลายสะพาน ไม่รู้ชื่ออะไรบ้าง รู้จักแต่ rainbow bridge









ผ่านตึกสูงใหญ่ บึกบึน กำยำด้วยเลยเป็นไง







บ่งบอกถึงความเจริญ มั่งคั่งของประเทศ แต่ทุกอย่างเรียบร้อยสะอาดตา



แต่ยังมีธรรมชาติความน่ารักให้สัมผัส ขอบอกว่า "ญี่ปุ่นนายแน่มาก"



มีเรือ หลายแบบ หลายลำวิ่งสวนไปมา น่าตื่นตาตื่นใจ หัวใจกระเจิดกระเจิง







จอดส่งคนตามท่าเรือต่างๆ อ้อ...ลืมบอก ปลายทางจะไปลงที่ Odaiba แต่ตอนนี้ต้องลงไปเปลี่ยนเป็นเรือ





ลำนี้นี่แหละ ลดความไฮโซลงเริ่มจะออกไปนอกเมืองละ



ลูกใครหว่า ขโมยเลยดีไหม



เปลี่ยนเป็นเรือพันธมิตร เอ้ย...สีเหลืองผ่องอำไำพ นั่้งตรงไหนดีน้า



เรือท่องเที่ยวหรือเรือหาปลา ดูมันแปลกๆ



เรือไรก็อะนะ ส่องวิวต่อไป สุขใจจริงๆ



ส่องคนด้วย สวยไปหมด





วานเค้าถ่ายให้ คนถ่ายคิดในใจ เยอะไปปะ++



ใกล้จะถึงแล้ว ใช้เวลาในการล่องเรือชั่วโมงกว่ามาถึง Odaiba เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแหล่งใหม่ของโตเกียว ยังไม่ค่อยมีทัวรจัดมาที่นี่สักเท่าไหร่ ข้อดีของการมาเอง ซอกแซกซอกซอน งามงอน สมใจ



เรือจะเทียบท่าข้างหน้านี่แล้ว



ก่อนลงเรือ แหม...น่าหมั่นไส้จุงเบย



และภาพสะพานเรนโบว์ ถ้านั่งเรือหรือนั่งรถมาให้สังเกตว่า ถ้าเห็นสะพานเรนโบว์แสดงว่าใกล้ถึงละ Odaiba



จะลงไปห้าง Aqua city เพื่อไปหม่ำมื้อกลางวัน และซื้อตั๋วดิสนีย์ซีด้วยเลย





ซื้อตั๋วก่อนดีกว่าเดินผ่านพอดี หรือจะไปซื้อที่ Shibuya ก็ได้ แต่ซื้อที่นี่สะดวกกว่าเพราะมาอยู่แล้ว รูดปื๊ดๆได้เลย พรุ่งนี้เราจะไปลุยดีสนีย์ซีกัน



เจ้าอ้อบอกว่า ตั๋วโคตรแพงเลยพี่ โตๆกันแล้วไม่ไปก็ได้นะดีสนีแลนด์เนี่ย



หิวแล้ว ไปหม่ำข้าวกันที่ Food Centre หรูมากมิได้ เกรงใจกระเป๋าตังค์



ซื้อใครซื้อมัน อยากหม่ำราเมงร้อนๆ กับ ปลาหมึกเทมปุระ



จำราคาได้ไม่แม่นยำ ประมาณถ้วยละ 200-300 บาทได้นะ แพงดีนักจัดโค้กมากลั้วคอ



จานนี้ไม่รู้ของใคร ลืมไปแล้วโทษฐานของการดองรีวิว



ิอิ่มแล้วเดินเล่น แต่ที่เค้ามา Odaiba เพื่อมาถ่ายรูปกะ Venus กันนะ เพื่อสร้างความสับสนว่าไปนิวยอร์ค





เค้าไปนิวยอร์คแล้วนะตัวเอง



เอิ่ม...เจ๊ ผิดข้างๆ หาความเนียนได้บ้างไหมเนี่ย เสียงนัง 2 คนมันต่อว่า



จากนั้นเราสามคนก็มีอันต้องพลัดพรากจากมิยูกิ และสามีของนาง ให้ไปเผชิญชีวิตกันตามลำพัง เพราะเค้ามีธุระ จะกลับมาพบกันใหม่ตอนมื้อค่ำโดยนัดกันที่ Shibuya ที่อนุเสาวนีย์หมา 555 อ่านไม่ผิด อนุเสาวรีย์หมา Hachiko



เริ่มเดินกระเซอะกระเซิง หาสถานีรถไฟฟ้า คราวนี้นอกเหนือจากเส้นทางที่เตรียมไว้อยากล่องเรือดีนัก จะไป Harajuku ยังไง จะใช้ Hyperdia ก็ไม่ได้เนื่องจาก ipad ลูกรักมิยูกิเอาไปจัดการใส่ sim จะคืนให้ตอนเย็น

แกสองคนยังมีกระจิตกระใจ ถ่ายรูปกันอีกนะ ฉันร้อนหัวแดงหมดแล้ว แถมจะใช้วิชามารพากันไปได้ยังไงยังตุ๊บๆต้อมๆอยู่



ทำไงดีละ เอาน่า หนทางอยู่ที่ปาก ภาษาใบ้ ไหวพริบงัดขึ้นมาใช้ แต่จะไม่เกิดการประหยัดนะสิ จะนั่งรถไฟอ้อมโลกกันไหมหนอ มันยิ่ง Loop ซะขนาดนั้น แถม JR pass บัตรเบ่ง ก็ยังใช้ไม่ได้อีกเจ้าหน้าที่มันบอกให้ซื้อใหม่

เริ่มสำนึกล่ะสิ เสียเงินอีกคนละ 320 เยน





บ่นมากหิวน้ำ



ตั้งแต่นั่งมา รถไฟขบวนนี้แหละลูกทุ่งสุด แถมนั่งนานอีกด้วย



คุณน้องจะอ่อยเหยื่อ คราวหลังใส่เกาะอกนะคะ มิดชิดแบบนี้เหยื่อไม่สน



แล้วเราก็เดินทางมาถึง Harajuku สถานีรถไฟมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เก่าแต่คลาสสิค





เดินผ่านร้านทาโกะยากิ หิวขึ้นมาทันที



แตงรู้หน้าที่ รีบไปต่อแถวซื้อ พร้อมเสียงคุณนายพี่ตะโกนสั่ง น้ำด้วยนะน้อง



อร่อยมาก ปลาหมีกอัดแน่นเต็มๆคำ



ระหว่างหม่ำไปก็มีนักร้องเสียงใสๆ ร้องเพลงให้ฟัง มองคนเดินกันขวักไขว่ แต่งตัวแรงๆ เพลิดเพลินอะไรแบบนี้







วัยรุ่นที่นี่แต่งตัวกันสุดยอด สวยๆทั้งนั้น แต่ดูเหมือนเค้าจะมาประกวดอะไรกันสักอย่าง











แต่งตัวง่ายๆ แต่น่ารัก



สองคนนี้ก็พยายามทำตัวน่ารักกะเค้าบ้าง แต่ขอโทษ น่าลักเหมือนกัน ลักไปถ่วงน้ำ



กลางเมืองวุ่นวาย แหล่งรวมวัยรุ่น ก็ยังมีสวนสาธารณะร่มรื่น อากาศบริสุทธิ์ โอยยย...หลงรัก เจเปน อย่างแรง



บนถนนขีดเขียน ลวดลายต่างๆ ดูน่ารักไปอีกแบบ



คนญี่ปุ่นก็นิยมจักรยานนะ แต่จักรยานเค้าไม่ได้วุ่นวายเหมือนจีน



นอกจากจักรยานแล้วก็ยังรักสุนัขมากด้วย จูงสุนัข ใช้รถเข็นเด็กเข็นน้องหมาเยอะมาก





รักสุนัข รักสุขภาพ



อารมณ์ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส



คิกขุ โนเนะ ชอบการ์ตูน ดูรถเค้าซะก่อน อยากนั่งรถเมล์แบบนี้



ซื้อกลับบ้านสักคันไหมจ๊ะ น้องแตง



ขณะนี้เรากำลัง มั่ว งง หลงทิศ เดินประมาณ 5 กิโลได้ เดินจากฮาราจูกุ ไป ชิบูย่า เมื่อยแย้ววว



อยากโทรเรียกรถแล้วล่ะ เมื่อยง่ะ



Shibuya คือแหล่งช้อปปิ้งที่เราโหยหา ฉันจะอดทนเพื่อเธอ สู้ว้อยส์ !!



เห็น ZARA อยากล่องหนเข้าไป แต่กลัวยัยสองคนจะเบื่อ



คนเริ่มคึกครื้น หูตาเริ่มพราวแพรว วิญญาณนักช้อปเริ่มเข้าสิง



จะบ้าตาย ทั้ง Uniqlo ทั้ง H&M และอะไรต่อมิไร บลาๆ สติแตกไปแล้วเรา



ที่นี่นี่ไง ที่บอกว่า สามารถมาซื้อบัตร Disneyland และ Disneysea ได้ แต่เราซื้อมาแล้วจาก Odaiba



และนี่คือ ห้าแยกที่วันๆคนข้ามถนนกันเป็นหมื่นเป็นแสน ใครต่อใครมาถึง Shibuya ก็ต้องมาถ่ายรูปยืนมองผู้คนกันที่แยกนี้ ตื่นตาตื่นใจเป็นที่สุด



สีท้องฟ้าสวยแปลกดี



เรายืนอยู่ตรงนี้พักใหญ่ ยืนดูคนสนุกมากจนลืมว่าใกล้ถึงเวลานัดกับมิยูกิแล้ว



ยิ่งค่ำคนยิ่งเยอะ



ถาพจากมุมสูง มองลงมาที่ห้าแยก



ใกล้ได้เวลานัดแล้ว ยังหารูปปั้น Hachiko ไม่พบเลย

งั้นแกสองคน หาไปนะ พี่จะเสียสละไปช้อปเอง เฮ้อ... เหมือนงานจะหนักเลยเรา จะได้อะไรบ้างแว้ แพงๆทั้งนั้น ไงๆ ก็สอยถุงเท้า ถุงน่องมาสักโหลสองโหลก่อนเลย



อรั๊ยยย ภาพนี้น่ารัก เก่งจังคนเยอะแบบนี้ปั่นจักรยานได้ด้วย



สองคนเดินมาตามบอกว่า หา Hachiko เจอแล้ว



ขอเล่าเรื่องของ Hachiko นิดนึงนะคะ แบบว่าอยากเล่าอ่ะ มันซึ้งใจ

"ฮะชิโก (ญี่ปุ่น: ハチ公 Hachikō ?) (10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2466 - 8 มีนาคม พ.ศ. 2478) เป็นสุนัขที่เป็นที่รู้จักในนามของ "สุนัขยอดกตัญญู ฮะชิโก" (忠犬) เป็นสุนัขสายพันธุ์อะกิตะ ฮะชินั้นเป็นสัญลักษณ์ถึงความจงรักภักดีอันน่าทึ่งจากการที่มันเฝ้ารอเจ้านายของมันเป็นเวลาหลายปี แม้ว่าเจ้านายของมันจะเสียชีวิตไปแล้ว

ในปี ค.ศ. 1924 ฮิเดะซะบุโร อุเอะโนะ ศาสตราจารย์ประจำภาควิชาการเกษตรกรรมแห่งมหาวิทยาลัยโตเกียว ได้เลี้ยงสุนัขสายพันธุ์อะกิตะอินุ ไว้ และตั้งชื่อให้ว่า "ฮะชิ" ซึ่งในตอนเย็นของทุกวัน ฮะชิจะไปรอเขาใกล้ๆกับสถานีรถไฟชิบุยะ เป็นเช่นนี้อยู่ทุกวันจนกระทั่งในวันหนึ่งในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1925 ศาสตร์ตราจารย์อุเอะโนะได้เสียชีวิตจากภาวะเลือดออกในสมอง ทำให้ในวันนั้นเจ้านายของฮะชิไม่ได้กลับไปที่สถานีรถไฟ ถึงกระนั้นในทุกๆวัน ฮะชิก็ยังคงมารอเจ้านายของมันที่สถานีชิบุยะ

ตลอดช่วงเวลานั้น ฮะชิโกะกลายเป็นที่สะดุดตาของคนที่สัญจรไปมา หลายคนในสถานีรถไฟนั้นล้วนเคยเห็นฮะชิโกกับเจ้านายของเขาในแต่ละวัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ในสถานีรถไฟบางคนก็ไม่ได้เป็นมิตรต่อเจ้าฮะชิโกมากซักเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม ในปี ค.ศ. 1932 ภายหลังจากที่มีคนเขียนบทความเกี่ยวกับเจ้าฮะชิโกและเจ้านายของเขาลงในหลังสือพิมพ์อะซะฮิ ก็เริ่มมีผู้คนจำนวนหนึ่งที่นำขนมและอาหารไปให้แก่เจ้าฮะชิโก ซึ่งหากรวมระยะเวลาทั้งหมดแล้ว เป็นเวลากว่า 9 ปีภายหลังการเสียชีวิตของศาสตราจารย์อุเอะโนะ ที่เจ้าฮะชิโกได้มาเฝ้ารอการกลับมาของเจ้านายทุกวัน" (เครดิตข้อมูล จาก วิกิพีเดีย)

ซึ้งเลย อั่งเปาลูกแม่ จะเป็นแบบนี้บ้างไหมนะ



ทันเวลา มิยูกิกับแฟนมาพอดี



แตงๆ พอได้แล้ว หยุดถ่ายรูป ไปกินข้าวกัน หิวไส้จะกิ่วแว้วนะ



เราจะฝากท้องไว้ที่ร้านนี้





ต้องขอขอบคุณทั้งสองคนที่ทำให้มื้อนี้เราได้ลิ้มรสอาหารญี่ปุ่นอร่อยๆ ที่สำคัญเค้าทั้งสอง เป็นเจ้ามื้ออีกด้วย



ทั้งสองคนเป็นญาติทางฝ่ายพี่เขยของอ้อ เราถึงได้หม่ำมื้อนี้โดยไม่เสียตังค์





เรียกน้ำย่อยด้วยหอย และสลัด





ปลาดิบจานนี้อร่อยมาก



เจ้าแตงปกติไม่กินปลาดิบ วันนี้ยังไม่พลาด



อร่อยสุดๆ อยากกินอีก ฟูจิ โออิชิบ้านเราว่าอร่อยแล้ว มาเจอที่นี่กลับไปนอนฝันเลย













ลืมบอกไปว่า ทั้งสองคนนี้คนญี่ปุ่นแท้ๆ พูดไทยไม่ได้ แต่เราก็คุยกันสนุกสนาน เจริญอาหาร มีความสุข





เราสามคนขอขอบคุณนะคะ



อำลาอาลัย แยกย้ายจากกันแล้ว เราสามคนนั่งรถไฟ Tokyo Metro Ginza line มาลง Ueno เพื่อกลับมาสลบไสลที่ Cube hotel Ueno Express วิมานน้อยเป็นคืนที่ 3 แล้ว รีบๆอาบน้ำนอน พรุ่งนี้พวกเรามีศึกหนักต้องไปตะลุย Disneysea


Create Date : 20 สิงหาคม 2556
Last Update : 3 กันยายน 2556 23:34:14 น. 0 comments
Counter : 1611 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

p_pat_p
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]









Friends' blogs
[Add p_pat_p's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.