น้อยเอ่ย...น้อยใจ@สิงคโปร์ (วันแรก)
เตรียมตัวไปสิงคโปร์แต่งแต่ต้นปี อดตาหลับขับตานอนตี 2 จองตั๋ว 0 บาทของแอร์เอเซียจะไปกัน 2 คนกะสามี แต่แล้วก็มี 2 สาวจองตามขอไปด้วย 2 คน เอ้าไปก็ไป ไปกันหลายคนสนุกดีชิมิเพื่อนๆ วันที่ 16 ตุลาคม 2550ออกเดินทางจากโรงแรมเอเธียมที่ห้วยขวางตอน 8 โมงเช้าด้วย Taxi แสนซิ่งคันนี้ คิดว่าจะตายบน Motor Way สะแล้ว พ่อวิ่ง 140 หัวใจจะวาย เฮ้อ ! รอดมาได้นับเป็นบุญ อยากไปกับการบินไทยบ้างอะ แต่เอาน่าไปกะ AA แบบนี้ก็เริ่ดแล้วล่ะจ่ายมากกว่าทำไม ต้องภูมิใจสิเพราะเราเก่งไงถึงจองได้ในราคาแบบนี้ เตรียมตัวดีมีชัยไปกว่าครึ่งก่อนไปรักกั๊นนนนนน รักกันก่อนอื่นหาข้าวกินก่อนที่จะเช็คอิน เดินหา Food Center ไม่อยากกินร้านแพงๆ ประหยัดเงินไปกินที่สิงคโปร์ดีกว่า รับรองได้กินแพงทุกมื้อแน่ๆ บรรยากาศใน Food Center สงสัยจังทำไมต้องห้ามเข็นรถช่วยขนสัมภาระเข้ามาด้วยก็ไม่รู้ แลกคูปองคนละ 50 บาทเท่านั้น อาหารไม่แพงเลย จานละ 30 บาท น้ำขวดละ 7 จานนี้ของคุณสามีจานนี้ของคุณภรรยาและของคนติดตามทั้ง 2 น้ำขวดละ 7 บาท ถูกแบบนี้ซื้อตุนไปด้วยดีกว่า คิก คิก .....ซื้อกันไปคนละ 2-3 ขวดหนักชะมัดล่ะสิคราวนี้สบายท้องแล้วไปแลกเงินดอลล่าร์สิงคโปร์กันดีกว่า 1 SGD เท่ากับ 23.6 แลกกันไปพอใช้ไม่งั้นกลับมาแลกคืนขาดทุน งานนี้อาเฮียเป็นคนแลก เฮียขา... แลกเผื่อหนูด้วยนะคะ ได้เวลาไปรับ Boarding Pass ว่าแล้วก็ไปเข้าแถวโหลดกระเป๋าให้มันรู้แล้วรู้แรดขอสักภาพเถอะ จะไปฮันนีมูนกันสักหน่อย ดั๊นนนนน มีนัง 2 คนติดตามมา ฮ่วย!กรอกให้เรียบร้อยเด่วโดน พี่ ต.ม กักตัวไม่ให้ไปมุมบังคับสักกะติ๊ดดดดดดเอ็กซ์เรย์กระเป๋า อาวุธ และตรวจของเหลว ผู้ติดตามโดนยึดกรรไกรไม่รู้จะพกมาทำอะไร ระหว่างนั่งรอที่ Gate เครื่องดีเลย์เป็นชั่วโมงเลย เซ็งโพดๆ ถ่ายรูปแก้เซ็งกว่าจะได้ไปก็เวลา 12.30 น. จากที่เวลาเดิม 11.40 ด้วย Flight FD -3503 รถมารับแล้ว แต่คันนี้คันที่ 2 ของเราใหม่กว่าหน่อยนุง เมื่อไหร่แอร์เอเซียจะมีงวงช้างฟร่ะลำนี้แหละ ใครๆก็บินได้ โหะๆ รีบๆ วิ่งๆ เล่นเก้าอี้ดนตรีเลือกนั่งหน้าๆ ติดหน้าต่างได้นั่งแล้วเลือกนักมักได้แร่ ไอ้ดำเลือกให้สะเกือบติดปีกเลย มีอะไรให้เสียตังค์บ้าง เฮียอยากจ่าย 555 นึกแล้วว่าต้องสั่งมาม่า 60 บาทเชียวนะยังจะกินอีก มองลงมาสวยจังเลยนั่งเมื่อยได้ประมาณ 1 ชั่วโมง แอร์ก็แจกใบตรวจคนเข้าเมืองมาเขียน ประเทศสิงคโปร์นี่ถามข้อมูลซอกแซกน่าดูชม ฮ่องกงเขียนนิดเดียวเอง ไม่น่านั่งใกล้เด็กๆ เลยซวยจัง เล่นกันทั้งถีบเบาะ ทั้งตีกันจนมากระแทกเราตั้งหลายครั้ง อุตส่าห์นั่งก่อนนะเนี่ย เบื่อจังต้องหันไปมองด้วยสายตาดุๆ ตั้งหลายครั้งแต่ก็ยังไม่รู้ตัวอีก มองวิวดีกว่า อารมณ์เสียไปก็เท่านั้นเห็นสิงคโปร์แล้ว เย้ๆๆแตะพื้นรันเวย์ประมาณ 16.00 น. เวลาที่สิงคโปร์เร็วกว่าเรา 1 ชั่วโมง เมื่อผ่านกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง สิงคโปร์เข้มงวดเรื่องยาเสพติดมากๆ ถ้าจับได้นี่ประหารอย่างเดียวเลย หุ หุ พวกเรารีบเดินจ้ำอ้าวเพื่อๆไปรับกระเป๋า คุณสามีแวะเข้าห้องน้ำไม่บอกไม่กล่าว ตามหากันให้จ้าละหวั่น โชคดีที่กระเป๋าพวกเราอยู่ครบ รีบจ้ำอ้าว ไปขึ้น skytrain ไป terminal 2 act สวยบน skytrain ซื้อบัตร EZ-Link คนละ 15 S$ และเติมเงินเพิ่มอีก 10 S$ มันคือบัตรพระเจ้าจอร์ซเธอยอดมาก ใช้ขึ้นรถลงเรือไปเหนือล่องใต้ ระหว่างรอขึ้น City train นี่เค้ามากัน 3 คนหรือไรนะ ทำไมไม่ค่อยมีรูปเราบ้างเลยได้นั่งแล้ว บรรยากาศบนรถไฟฟ้า จากสถานี Changi Airport เพื่อจะไปแวะเปลี่ยนสถานีที่ TanahMerah แวะเปลี่ยนสถานี ต้องขึ้นสาย สีเขียว คือ Boon Lay แต่ลงที่ Outram Park เพื่อเปลี่ยนสถานีเป็นสายสีม่วง แล้วไปลงสถานี Chinatown เพื่อเข้าที่พัก ว้าๆ ออกมาจาก MRT เข็นกระเป๋าทุลักทุเลออกมาได้ไม่นานเจอฝนตก แถมตกหนักด้วย แถมกระเป๋ายัยดำ ซิปหัก โฮะๆ ก็มันเล่นขนน้ำมาซะขนาดนั้น แถมกุญแจที่ใส่กระเป๋าใหญ่กว่ากุญแจขังนักโทษสะอีก ซิบไหนมันจะรับได้วะดำ มองๆ หา อ้า เจอแล้วที่พักของเรา ต๊กใจมากเลย มันเล็กมากๆ ทำไงได้อะนะจองยากจองเย็น จองไรก็เต็มไปหมด ก็เอาละน๊าได้ใกล้สถานี MRT และอยู่ใน chinatown แบบนี้ก็วิเศษมากแล้ว แต่แพงจังเลย ราคาตั้ง 2,700 บาทต่อคืน พักสองคืนก็ 5,200 แล้ว พนักงานต้อนรับเป็นแขกด้วย ตัวดำจังแต่ใจดี อะครึๆๆ ไม่มีบริการอะไรทั้งนั้น ยกกระเป๋าขึ้นไปกันเอง ลิฟท์ก็ไม่มี แต่ดีนะที่อยู่ชั้น 2 ไม่งั้นมีบ่น ทางเดินระหว่างไปห้อง มีห้องเยอะเหมือนกันนะ เห็นเล็กๆ แบบนี้ ตามป๋ามาเลยน้อง เรา 2 คนนอนห้องนี้ อีกห้องให้ดำกับตุ้มนอน ห้องแคบมากค่ะ แต่มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกค่อนข้างครบ โรงแรมสิงคโปร์แพงมากๆ อะไรก็แพงไปหมด ชอบฮ่องกงมากกว่าอ่ะ เตียงนอนของเราเป็นเตียงเดี่ยว เจ้าดำมาบ่นว่า "ห้องเค้าเตียงคู่ แทบไม่มีทางเดินเลยอะ หอ้งแคบมากๆ" ห้องน้ำก็ไม่เล็กไม่ใหญ่ พอใช้ได้ แต่สะอาดดีค่ะ เก็บของล้างมือล้างไม้ เติมแป้งแล้วเราก็รีบไปเที่ยวกัน MRT ที่สิงคโปร์เปลี่ยนสถานีแต่ละทีเดินไกลมากๆ มีหลายสายจนน่าปวดหัว พวกเรารีบไป Suntec City เพื่อจะไปลงทะเบียนนั่ง Ducktour ระหว่างทางเราผ่านห้างใต้ดิจ City Link Mall ตกแต่งร้านสวยงามหน้าเดินมากๆ แต่ก็แวะมากไม่ได้เพราะต้องจ้ำพรวดไปให้เร็วที่สุดร้านอาหารไทยในต่างแดนถึงแล้ว DuckTour แต่ว่าพวกเรามาไม่ทันเรือรอบสุดท้าย เค้าปิดบริการ 18.00 น. กลายเป็นว่าพรุ่งนี้พวกเราต้องมาใหม่ ใกล้ๆกันนั้น ก็มี Food Republic หิวแทบจะเป็นลมตายไม่รอช้ารีบหาที่นั่ง แล้วไปซื้ออาหารมาทาน บรรยากาศภายในร้านเหมือนห้องสมุด คนเยอะและขายอาหารค่อนข้างแพง จานนี้ของเราเอง 6 S$ ปลาซาบะย่างซีอิ้ว ออกรสหวานๆ อร่อยดีกรี๊ดดดดดดด สามีข้าพเจ้าสั่งผัดกระเพราไข่ดาวและผู้ติดตามทั้ง 2 คนสั่ง ข้าวมันไก่อาหารที่ต้องลองเมื่อมาถึงสิงคโปร์ยังไม่อิ่มหาขนมมากินต่อ ลูกชิ้นชุปแป้งทอด ไม้ละ 2 S$ กินคนละคำละกันแพงชะมัด ตกไม้ละ 50 บาทเล้ยยยยทาร์ตไข่ สงสัยไอ้ตุ้มมันจะควันหลงมาเก๊ายังไม่เลิก ซ้ำร้าย ไอ้ดำสั่งกล้วยแขก นี่จากบ้านมายังไม่ถึงวันมันคิดถึงกล้วยทอดเมืองไทยแล้วหรือนี่ มายก๊อดดดได้เวลาที่เราต้องไปดูการแสดงแสง สี เสียงน้ำพุแห่งความมั่งคั่งแล้ว ก่อนถึงน้ำพุก็พบกับกำแพงน้ำพุก่อน การแสดงน้ำพุเริ่มแสดง 20.00 น. พร้อมกับมีบรรยายให้ฟังด้วย แต่ว่าไม่สามารถถ่ายรูปได้ชัด เพราะกล้องเราเป็นกล้องปัญญาอ่อน หรือว่าคนถ่ายปัญญาอ่อนไม่แน่ใจการแสดงใกล้จบ พวกเรารีบบึ่งไปที่ Ckarke Quay เพื่อไปนั่งเรือล่องแม่น้ำสิงคโปร์ เพื่อดูบรรยากาศยามค่ำคืนที่แสนโรแมนติกเป็นอีกหนึ่งโปรแกรมที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง พวกเรานั่งฟรีเพราะได้บัตรฟรีมาจากการท่องเที่ยวสิงคโปร์ คนที่ไปกะเราจะรู้บ้างไหมหนอว่าเบื้องหลังกว่าที่เราจะได้บัตรนี้มามันไม่ง่ายเลยสำหรับคนที่อยู่ต่างจังหวัดแบบเรา และสามารภทำให้เค้าประหยัดเงินกันไปได้มากมายจากสิ่งที่ได้เสริมมานี้ แต่แล้วก็ปิดทองหลังพระตามระเบียบไปลงทะเบียนลงเรือที่ River side Point นั่งรอไม่นานเรือก็มาได้บัตรเรือมาเป็นที่ระลึก ถ้าต้องซื้อเอง S$ 12 น้าคนนี้ใจดีขับเรือพาพวกเราล่องแม่น้ำสิงคโปร์ แล้วก็ยังบอกให้เราถ่ายรูปเป็นระยะๆอีกด้วย แต่ก็ห้ามเรากินขนมบนเรือ คนสิงคโปร์ไม่กินอาหารระหว่างที่กำลังนั่งรถ หรือลงเรือ เรือที่นั่งเป็นเรือประมงสมัยก่อน ได้บรรยากาศไปอีกแบบ ในเรือมีทั้งหมด 6 คน พวกเรา 4 คน และฝรั่งสามีภรรยาอีก 1 คู่ ระหว่างล่องเรืออยู่นั้นฝนตกปอยๆ และมีโคมไฟสีแดงรอบเรือ ได้บรรยากาศเหมือนเรือหาปลาของชาวประมงจีนน้าคนขับเรือก็น่าจะเป็นคนจีนเรือจอดให้ถ่ายรูปเป็นระยะ น้าคนขับก็ใจดีชี้ให้ดูนั่นดูนี่ แต่ว่าฝนมันตกพวกเราถ่ายรูปออกมาก็ไม่สวยเลยไม่ค่อยได้ถ่าย และคนนี้พ่อย่านางเรือใช้เวลาประมาณ 40 นาที เรือก็มาส่งที่เดิม พวกเราเดินเล่นเก็บบรรยากาศไปจนถึงที่พัก แถวๆ Clake Quay สวยมากๆ เดินไปเรื่อยๆ ก็ถึง Chinatown แวะกินขนมหวาน ให้ชื่นใจก่อนไปนอนถ้วยนี้ของเรา 2 คน น้ำเหลืองที่ราดคือทุเรียน คนสิงคโปร์ชอบกินทุเรียนมากๆ แต่อาเฮียต้นกินไปบอกว่า ทำไมทุเรียนเปรี้ยวเหมือนเสีย เรากินก็ว่าอร่อยดี เหอๆๆ ดีๆ งั้นจะได้กินคนเดียว และถ้วยนี้ของตุ้มกับดำ ขนมถ้วยละ 2 S$ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 48 บาทเดินต่อไปอีกนิดก็ถึงที่พักแล้ว ข้อดีของที่พักเราคือทำเล ทำให้ราคาแพงทั้งที่เป็นโรงแรมเล็กๆ เดินเลยโรงแรมไป ร้านรวงส่วนใหญ่จะปิดกันแล้ว ที่นี่ 5 ทุ่มก็เงียบกันหมดไม่เหมือนฮ่องกงเลย กลับที่พักมานอนดีกว่า