Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
30 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 
Salamat Malaysia @ Melaka Part 2

12 October 2008

ตื่นแต่เช้า (อีกแล้ว) ไปเที่ยวต้องตื่นตั้งแต่ 6 โมง แต่เวลาไปทำงานตื่น 7 โมง ลันล้าจิงๆ เลยเรา รีบอาบน้ำข้าวปลาไม่กิน ไปหากินเอาดาบหน้า

วันนี้เราจะไปมะละกากันค่ะ ต้องไปขึ้นรถที่ Puduraya Station โดยเริ่มจากนั่ง Monorail จาก Chowkit ไปลงที่ Titiwangsa แล้วไปขึ้น Star line ไปลงที่ Plaza Rakyat เพื่อไปซื้อตั่วรถทัวร์ไป มะละกา



Puduraya ก็เหมือนหมอชิตบ้านเราดีๆนี่เอง แต่หมอชิตใหญ่กว่า เมื่อไปถึงเรารีบไปซื้วตั๋วที่ชั้น 2 มองหาบริษัท Transnasional เพราะได้ข้อมูลมาว่าสภาพรถดีกว่าบริษัทอื่น เดินไปถามคนขายตั๋วเพราะอยากไปรถเที่ยว 9 โมงเช้า แต่ว่าเค้าบอกว่าไม่มี มีอีกที 10 โมง ก็เลยถามถึงตั๋วกลับ เพราะเราจะไปแล้วกลับในตอนเย็นไม่ค้างคืน ปรากฏว่าคนขายตั๋วบอกขากลับเต็มหมดทุกเที่ยว เนื่องจากเป็นวันหยุด เล่นเอาทำเราเศร้าเลย คิดว่าคงไม่ได้ไปเสียแล้ว แต่แล้วเราก็ลองไปถามอีกคนดู เค้าก็บอกว่ามี ......เหวอไปเลย ทำไมคนแรกมันมั่วแบบนี้หนอ เราเลยตะครุบตั๋วทั้งไปและกลับ สรุปเราได้ตั๋วไป 10 โมงเช้า และกลับ 19.00 น ค่าตั๋วรถคนละ 12.30 ริงกิต ไป-กลับ ก็ 25 ริงกิตต่อคนค่ะ



ยังมีเวลาอีกเหลือเฟือ เลยเดินไปดู Delima อีกบริษัทที่เค้าบอกว่าดีรองลงมาจาก Transnasional ซึ่งตอนแรกเรามองหาไม่เจอ เพราะเคาท์เตอร์มันเล็กนิดเดียวนี่เอง



ไปกินข้าวดีกว่า ศูนย์อาหารของเค้าก็อยู่ชั้นเดียวกันเลยค่ะ มีให้เลือกหลายร้าน เราเลือกร้านที่เค้าตักข้าวให้ส่วนกับข้าวให้เลือกตักเอง เหมือนข้าวราดแกงบ้านเราดีๆนี่เองค่ะ



รสชาติอาหารก็งั้นๆ อะค่ะ ไม่ได้อร่อยอะไรมากนัก แต่แพงค่ะจานละ 60-90 บาทเลยค่ะ

นั่งรอรถเกือบชั่วโมง ต้องคอยวิ่งไปดูป้ายว่ารถหมายเลขอะไรและจอดชานชาลาไหน เมื่อรถมาตรงเวลาแป๊ะ เราก็ข้ามถนนไปขึ้นรถหน้าโรงแรม ชื่อโรงแรมอะไรจำไม่ได้แล้วค่ะ

มอง 2 ข้างทางไปเรื่อยๆ ค่ะ ใช้เวลาในการเดินทาง 2 ชั่วโมงจึงไปถึง Melaka Sentral รถคันนี้นี่แหละค่ะที่มาส่งเรา รถสภาพดีค่ะแอร์เย็นจนปวดหัว



เมื่อไปถึงแล้วเราก็ไปสอดส่องก่อนว่าตอนขากลับจะมาขึ้นรถและติดต่อกับบริษัทตอนขากลับตรงไหน เมื่อถามไถ่จนแน่ใจแล้วว่าขึ้นรถขากลับที่นี่แน่นอน ก็ไปดูเค้าเตอร์แนะนำการท่องเที่ยว อยากได้แผนที่แต่กลายเป็นว่าเค้าขายให้เราตั้ง 3 ริงกิตแน่ะ



บรรยากาศโดยรวมของ Melaka Sentral สวยและใหม่กว่า Puduraya เสียอีก



จากนั้นเราก็เดินไปซื้อตั๋วรถเมล์สาย 17 เพื่อไป Dutch square ในราคา 1 ริงกิต อิอิ เจอรถเก่ามากคุณสามีบอกว่า เอาสังกะสีมาทำหรือป่าววะ ไม่ใช่วิ่งไปหลุดไปทีละชิ้นนะ



นั่งมองบ้านเมืองเค้าไปเรื่อยๆ



ไม่นานเราก็ไปถึง Dutch square คนเก็บตั๋วบอกให้ลง เพราะว่าพี่ต้นบอกเค้าเอาไว้ว่าถ้าถึงแล้วให้บอกด้วย ถึงไม่บอกเราก็รู้ เพราะว่าตึกแดงเถือกแบบนั้นตรงตามคำภีร์ที่เราศึกษาไปเด๊ะๆ





จัตุรัสดัตช์ เป็นสถานที่ที่ฮอลันดาทิ้งไว้ให้มะละกา แถวนี้ตึกจะเป็นสีแดง ไม่ว่าจะเป็นอาคาร standthuys พิพิธภัณฑ์เยาวชน และหอนาฬิกาตันกิมเส็ง







โบสถ์คริสต์มะละกา



เราเดินผ่าน The stadthuys แล้วเลี้ยวซ้าย เพราะตั้งใจจะไปกิน rice ball แต่เข้าใจผิด สรุปก็คือเราหลง หุ หุ



ไหนก็หลงแล้ว เลยตามเลย เดินเล่นไปเรื่อยๆ แต่ร้อนมากๆ เพราะเป็นเวลาบ่ายโมง



เดินหาร้านจนเหนื่อย ตอนนั้นยังคิดว่าจะได้กิน Rice ball ร้าน Famosa เดินวนไปวนมา จนร้อนแสบหน้าไปหมด ตัดสินใจกินที่นี่ดีกว่า



มีให้เลือกเยอะเลย เป็นศูนย์อาหาร ตกแต่งสวยและสะอาดด้วย แล้วเราก็ได้กิน Rice ball สมใจถึงแม้จะไม่ใช่ร้าน Famosa ก็ตาม ส่วนพี่ต้นกินลักสา



สั่งไก่สะเต๊ะ มากินด้วยล่ะ ข้าวมันไก่แพงมากเลย จานละ 7.5 ริงกิต กินอิ่มแล้วอารมณ์ดีขึ้นนิดนุง ไปมะละกาเราทะเลาะกันด้วยล่ะ เพราะว่าร้อนจนหงุดหงิด แถมหลงอีกต่างหากคนที่ไปด้วยหน้าก็งอ แถมยังขี้เกียจถามทางอีก จนเรารู้สึกเซ็งเหมือนกับว่าเราบังคับเค้าไปหรือไงกัน แต่เราก็ปรับตัวปรับใจเข้าหากัน บรรยากาศก็เริ่มดีขึ้น

เราเดินมาเรื่อยๆ จนกลับมาที่ Dutch Square เดินข้ามสะพานเพื่อจะไปถนน Jonker



ถนนยองเกอร์ เป็นถนนสายวัฒนธรรม วันเสาร์อาทิตย์จะเป็นเหมือนถนนคนเดินที่มีของมาขาย มีร้านน่ารัก และขายของเก๋ๆ หลายร้าน พอข้ามสะพานมาก็เดินตรงไป เดินไปได้ประมาณซอยที่ 2 ก็เลี้ยวซ้ายก็จะเห็นร้านมากมายเปิดขายอยู่ แล้วก็ว๊ากกกกกกก..... เจอแล้วววววววว Famosa Rice ball ร้านนี้นี่เองที่เดินตากแดดหัวแดงตามหา





เดินไปเรื่อยๆ ค่ะ







หินสกรีนตัวหนังสือจีน ทำให้เราเสียเงิน 10 ริงกิต



รองเท้าเกี๊ยะ



บ้านเก่าๆ ได้บรรยากาศถนนวัฒนธรรม





คุณสามีบอกว่าให้ยืนตรงนี้จะถ่ายรูปให้ สงสัยเป็นรูปเดียวที่ตั้งใจถ่าย หุ หุ



งั้นถ่ายรูปนี้คืนให้ละกัน คนบ้าหวยต้องถ่ายกับร้านหวย



เดินไปอีกเรื่อยๆค่ะ มีร้านน่ารักๆ ใหดูอีกทั้ง 2 ข้างทาง



แวะเข้าวัดค่ะ ไหว้พระไหว้เจ้าให้เรารักกันตลอดไปและขอให้มีความสุข



เดินมากเริ่มกระหายและหิว (อีกแล้ว) เดินผ่านร้านดัง แล้วเราจะพลาดได้ไง ไอซ์กระจัง และลักษา



ติดใจไอซ์กระจังที่สุด อร่อยมากหวานชื่นใจเพราะใช้น้ำอ้อย ถ้วยละ 4 ริงกิต ส่วนลักษาก็อร่อยแต่ว่าเริ่มอิ่ม เพราะสัดไอซ์กระจังเข้าไปก่อน เดินออกมาอีกนิดพบกับร้านขายปอเปี๊ยะสดกับปอเปี๊ยะทอด อยากกินอีก แต่คุณสามีเบรคว่าเงินเก็บไว้บ้างก็ได้ ระวังท้องจะแตกตาย



แวะดูได้อีกนะ เพราะเริ่มมีแรงแล้ว



เดินย้อนกลับมาแล้วข้ามสะพาน เลี้ยวขวาเดินไปอีกไกลพอสมควร เพื่อไปดูพิพิธภัณฑ์เรือ



เด็กๆมาทัศนศึกษาพอดีเลยค่ะ คนเต็มเรือเลย



ซื้อบัตรเข้าชม คนละ 2 ริงกิต







เป็นพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจมาก ใครมามะละกา ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง เมื่อดูเสร็จเดินเลาะสวนสาธารณ ก็มาพบกับของเล่นอันนี้ เหมือนกับที่ Sentosa เลย มาเลเซียมีอะไรเหมือนๆ สิงคโปร์หลายอย่าง ชื่อเขตต่างๆ ในกัวลาลัมเปอร์ก็ยังมีชื่อซ้ำกับสิงคโปร์ จนไม่รู้ว่าใครเลียนแบบใคร



รู้สึกเมื่อยขามากๆ สนใจสามล้อขึ้นมาเพราะขี้เกียจเดิน ปรึกษากันว่าขึ้นรถสามล้อดีไหม แต่ถามราคาแล้วก็โดนโกง ไม่อยากขึ้นกลางทาง จึงอดทนเดินไปที่ Dutch Square อีกครั้ง แล้วไปถามราคาสามล้อ



ราคาสามล้อ 1 ชั่วโมง 30 ริงกิต ครึ่งชั่วโมง 15 ริงกิต เราเลยเหมาแค่ครึ่งชั่วโมงค่ะ เค้าจะขับพาเที่ยว แล้วแวะให้ถ่ายรูปค่ะ



ขับวนรอบที่เราเดินมาที่พิพิธภัณฑ์เรือที่เราดูเมื่อสักครู่ด้วยค่ะ แล้วก็วนไปที่ศูนย์อาหารที่กินไปเมื่อกลางวัน ผ่านคาร์ฟู แล้วก็พาไปที่ A' Famosa
ก็นั่งชมเมืองไปเรื่อยๆค่ะ สงสารลุงคนถีบเหมือนกันค่ะ 2 คนก็ 100 กว่าโล



สามล้อมาจอดให้เราถ่ายรูปที่ A'Famosa ประตูซานติเอโก เป็นป้อมปราการอันยิ่งใหญ่ของโปรตุเกส ที่สร้างล้อมเนินเขามะละกาไว้ทั้งลูก ป้องกันการโจมตีจากศัตรูได้นานถึง 150 ปี ก่อนจะถูกทัพฮอลันดาบุกยึด ซึ่งประตูนี้สูง 7 เมตร หนา 2.5 เมตร สร้างจากศิลาแรงฉาบปูน ด้านหน้ามีปืนใหญ่ตั้งอยู่รายรอบ



อย่ายิงหนูนะ หนูยังไม่อยากตาย



เดินลอดประตูเข้าไปค่ะ ถ้าเดินผ่านตรงนี้ไปก็จะเป็นทางขึ้นบนเขาค่ะ แต่เราไม่มีเวลามากพอค่ะจึงอยู่แถวๆ นี้ค่ะ







พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรม เปิดให้บริการ 9.00-18.00 หยุดทุกวันจันทร์ ที่มาเลเซียสถานที่ส่วนใหญ่จะปิดทุกวันจันทร์ค่ะ เราไม่สามารถดูได้ค่ะ เพราะว่าตอนนี้ใกล้จะ 18.00 น.แล้วต้องรีบไปขึ้นรถแล้ว



Proclamation of Independence Memorial อนุสรณ์การประกาศอิสรภาพ อาคารนี้ใช้เป็นที่ประกาศเอกราชไม่ขึ้นตรงต่ออังกฤษ เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ. 1957 ทุกวันนี้ถูกดัดแปลงให้เป็นพิพิธภัณฑ์อนุสรณ์การประกาศอิสรภาพ



แล้วลุงก็มาส่งเราที่ Dutch Square ที่เดิมที่เราขึ้น ขอบคุณลุงนะคะ ที่ถีบสามล้อพาเราเที่ยว แล้วก็พูดคุยกับเราอย่างสนุกสนาน ลุงบอกว่าเป็นคนมาเลเซียแท้ๆ เลยค่ะ เราว่าคนมาเลเซียมีน้ำใจนะ แต่ละคนที่เจอดีๆ ทั้งนั้นเลย ถามอะไรก็อธิบายดีมากๆ ไม่เหมือนคนฮ่องกงที่ถามอะไรแล้วส่ายหัวแถมเดินหนี โบกมือไม่ต้องมายุ่งอีกด้วย ลุงคนนี้ยังคอยดูรสบัสให้เราอีกด้วย เพราะเค้ากลัวเรา 2 คนตกรถ เนื่องจากเหลือเวลาอีกไม่มากที่เราจะต้องไป Melaka Sentral



ระหว่างรอรถ รีบวิ่งไปถ่ายรูปกังหันลมของฮอลันดา ซึ่งบ่งบอกให้รู้ว่าดินแดนแห่งนี้เคยอยู่ใต้การปกครองของดัตช์



มีศิลปินมานั่งวาดรูปด้วยค่ะ มีคนสนใจมาเป็นแบบให้วาดรูปเยอะทีเดียว



แล้ว Bus ก็มาค่ะ คันนี้คนละเรื่องกับตอนมาเลยค่ะ รถใหม่แอร์เย็นเฉียบ ไม่เหมือนตอนมาเก่ามากๆ จนกลัวจะไม่ถึง แต่ทำไมค่ารถเท่ากันเลย รถแอร์กับไม่แอร์ก็เท่ากันเลยเหรอ 1 ริงกิตเอง หรือว่าเราจะโดนโกงซะแล้วขามา เนื่องจากในตั๋ว มันแค่ 0.8 แต่เค้าแก้ให้เป็น 1 เหอๆ



เห็นทะเลแล้วค่ะ ดีใจจัง แต่ไม่ได้เห็นช่องแคบมะละกา ว๊าวววววว....เหมือนสิงคโปร์เลยค่ะ อยากขึ้นอะ



เริ่มใจไม่ดีแล้วค่ะ เพราะว่ารถขากลับพาวน ไม่เหมือนตอนขามาค่ะ อีก 15 นาทีรถจะออกแล้ว กลัวตกรถจังค่ะ แต่ก็ยังมีอารมณ์ถ่ายรูปอยู่อีกนะ



พอลงรถได้วิ่งจ้ำอ้าวเลยค่ะ รีบไปที่เคาท์เตอร์ขายตั๋วถามชานชาลารถ แล้ววิ่งไปที่รถ คนกำลังต่อแถวตรวจตั๋วกันเลย แต่เรารีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำค่ะเพราะตั้ง 2 ชั่วโมงกว่าจะถึง แล้วก็ยังวิ่งไปซื้อน้ำได้อีก 1 ขวดค่ะ รถคนแน่นมากๆค่ะเต็มทุกที่นั่ง สภาพรถดีเยี่ยมเหมือนเดิมค่ะ ขากลับหลับค่ะ เพราะเพลียค่ะ ไปถึงกัวลาลัมเปอร์ก็ 3 ทุ่มค่ะ เดินไปขึ้น Monorail ไกลมากๆเลยค่ะ 3 กิโลได้ พบหนุ่มหล่อมาเลเซียใจดีนำทางพาไปขึ้น หล่อค่ะเสียดายสุดๆ ที่ไมได้ถ่ายรูปเค้ามา คนอะไรหล่อแล้วยังนิสัยดีมีน้ำใจอีก อยากให้คนที่ไปกับเราด้วยหล่อแบบนี้จัง อิอิ แต่ถึงไม่หล่อก็รักจ้า

รางรถ Monorail ค่ะ หวาดเสียวดี แต่เห็นตึกแฝดด้วยนะคะ



คืนนี้เรากินมาม่าเป็นอาหารเย็นค่ะ ตอนแรกเห็น 7 11 ใกล้ๆ ที่พักแล้วดีใจ แต่เข้าไปแล้วผิดหวังอย่างแรง เซเว่นเค้าไม่เหมือนบ้านเราค่ะ ไส้กรอกก็ไม่น่ากิน แฮมเบอร์เกอร์ก็ไม่มีค่ะ เลยได้มาม่าแล้วขนมปังมากินค่ะ พอออกมาจากเซเว่นมองไปเห็น พิซซ่าฮัทริบๆ แต่ว่าก็ตัดใจไม่เดินไปค่ะเพราะเหนื่อยเต็มที รีบๆ กิน รีบๆนอนดีกว่า เพราะว่าพรุ่งนี้มีโปรแกรมอีกเพียบและต้องเดินมากๆด้วย


Create Date : 30 ตุลาคม 2551
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2551 1:17:46 น. 0 comments
Counter : 2617 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

p_pat_p
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]









Friends' blogs
[Add p_pat_p's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.