Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
4 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 
Saramat Malaysia @ Putrajaya Part 3

13 October 2008

วันนี้ไม่ต้องเร่งรีบมาก พักผ่อนเต็มอิ่ม และมีเวลาถ่ายรูปโรงแรมแบบชัดๆ





รู้สึกคุ้นเคยกับสถานีนี้มากขึ้นทุกวัน ถ้าอยู่ถึง 10 วันคงหลับตาขึ้นลงได้



มุ่งหน้าไป ที่ KL Sentral ด้วย Monorail พอไปถึงรีบซื้อตั๋ว KLIA Transit แบบ Roundtrip เพื่อไป Putrajaya ค่าตั๋วไปกลับคนละ 19 ริงกิตค่ะ รถจะออกทุกชั่วโมง เช่น 10.03 11.03 ยังพอมีเวลาเหลืองั้นเราไปกิน Mac. รองท้องไว้แล้วรีบกลับมาขึ้นรถไฟแบบฉิ่วเฉียด



เราพลาดที่หาข้อมูลเรื่องซื้อทัวร์ Discover Putrajaya ไว้ไม่ดี ไม่รู้ว่าซื้อที่ไหน ที่จะมีอาลีมารอรับ ก่อนไปก็ลืมถามหมอยุ่ง เฮ้อ... รู้สึกหงุดหงิดว่าทำไมเราพลาด

ตั๋วนี้ต้องเก็บไว้ให้ดี เพราะขากลับต้องใช้อีก



นั่งตัดสินใจกันอยู่นานว่าจะเอาไงดี เพราะว่าถ้าให้ขึ้น Bus เที่ยวเราต้องเดินกันแย่แน่ๆ ร้อนก็ร้อน กลัวฝ้าขึ้นหน้ามากๆ เนื่องจากเมื่อคืนส่องกระจกเพราะตากแดดจัดตอนไปมะละกา เห็นฝ้าจางๆ เลยตัดสินใจเหมา Taxi เที่ยวดีกว่า จึงรีบไปติดต่อ 1 ชั่วโมง 30 ริงกิต เอาก็เอามิเช่นนั้นกลับไปต้องไปรักษาฝ้าหลายพัน



เจอ Taxi ใจดีอีกแล้ว อธิบายเป็นภาษาอังกฤษคล่องปรื๋อ แล้วจอดให้เราถ่ายรูปตามชอบใจ แต่เราก็ไม่กล้าลงนานเพราะว่ากลัวจะเกินเวลาจึงวิ่งขึ้นวิ่งลง รีบร้อนสนุกแบบหงุดหงิด หุ หุ



รูปนี้จอดรถแล้วรีบวิ่งไปถ่ายที่สะพานค่ะ มองเห็นมัสยิดสวยเชียว



เราเที่ยวแบบชะโงกทัวร์ รีบถ่ายรูปบนสะพาน แดดร้อนมากๆด้วย



ซูมๆ ต้องการวิวข้างหลัง







putrajaya เป็นเมืองใหม่ของมาเลเซีย ที่นี่ครบวงจรไม่ว่าจะเป็นที่ทำงานของรัฐบาล มัสยิด ศูนย์การค้า ห้องประชุม สถาบันการเงิน ใช้งบประมาณมหาศาลจนสวยมากมายขนาดนี้

Taxi จอดรอเราถ่ายรูป



แล้วก็ไปจอดให้เราที่ จัตุรัสปุตราเป็นลานรูปดาว 13 แฉก ที่เห็นข้างหลังเรานั้นคือทำเนียบรัฐบาลหลังใหม่ เป็นที่ทำงานของนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างๆ



ถ่ายรูปคู่สักหน่อย จริงๆ แล้วต้องการวิวด้านหลังให้เห็นสะพาน ไม่รู้ตั้งขาตั้งกล้องยังไง ได้มาแบบนี้ ฝีมือขั้นเทพมั๊ยล่ะนั่น 555



งั้นแก้ตัวด้วยรูปนี้ แต่ไม่มีเรา 2 คน



มัสยิดสีชมพูค่ะ



มีรูปคู่แล้วขอรูปเดี่ยว บ้างค่ะ รวมกันเราอยู่ แยกกันอยู่เราก็ยังไม่เป็นอะไรค่ะ



ถ่ายกับมัสยิดเยอะหน่อยค่ะ



ทางเข้ามัสยิดค่ะ แต่เรายังไม่มีเวลามากพอที่จะเข้าไปอะค่ะ Taxi รออยู่



ตึกที่นี่สวยๆ และใหญ่โตโอฬารทั้งนั้นเลย





น้าคนขับ Taxi บอกว่าอันนี้เป็นตึกการเงิน









ข้างหลังเป็นที่ประชุมระดับ big ๆ ค่ะ



บนสะพานนี้ถ้าจอดถ่ายรูปจะได้มุมที่สวยมาก ตอนแรกเราไม่รู้เพิ่งมาดูในหนังสือถึงรู้ว่าถ้าไปถ่ายบนสะพานแล้วจะได้มุมสวยๆเยอะเลย เสียดายอะ แต่ว่าเวลาจะหมดแล้ว แต่เราขอให้เค้าพาเราไปส่งที่จัตุรัสปุตรา แต่เค้าแนะนำว่า ไปศูนย์การค้าดีกว่ามีอะไรให้กินหลากหลายกว่า บอกแล้ว.... Taxi มาเลย์ใจดีโพดดดดดดด



ระหว่างทางเราก็เห็นบางส่วนที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ แต่ที่นี่มีครบจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นสนามกีฬา สวนหย่อม บ้านพักราชการ ส่วนรอบนอกก็มีหมู่บ้านที่จัดสรรขายด้วย





แล้ว Taxi ก็มาส่งที่ห้างๆหนึ่ง ชื่ออะไรจำไม่ได้ค่ะ ลืมอ่านมาค่ะรู้แต่ว่าอยู่ใกล้กับคาร์ฟู คนมาเลย์ชอบคาร์ฟู



แต่จริงๆแล้วเราไม่ได้อยากมาห้างเลยสักนิด แต่ปฏิเสธ Taxi ไม่ได้เพราะเค้าก็ไม่คิดเงินเพิ่ม ทั้งที่มันเกินเวลามาตั้ง 20 นาที

เราเลือกทานข้าวร้านนี้ค่ะ



น่าอร่อยไหมคะ ทั้งหมดนี้ 26 ริงกิตค่ะ



เอาเงินริงกิตออกมานับ เหลืออีกนิดเดียวเราคงต้องหาที่แลกเพิ่มแล้วล่ะ



โรตีบอยสักอันไหมคะ ที่มาเลย์ต้นตำรับยังขายดีเหมือนเดิมแต่บ้านเราหายเห่อไปแร้นนนนนะคร้า เก็บกลับบ้านมาหมดแล้วมั๊ง





ต้นไผ่บริเวณทางเดินนี้อยู่ทางออกค่ะ เรากำลังจะเดินออกไปเพื่อหารถเมล์ค่ะ



เดินไปขึ้นรถกับสาวๆชาวมุสลิม



เดินไกลมากเลยค่ะต้องคอยถามทางตลอดเลย หรือจะเรียกอีกอย่างว่าหลงดีหนอ ระหว่างทางแวะถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ค่ะ

ธงชาติมาเลเซียค่ะ ตึกทำงานที่นี่สวยๆ หรูๆ ทั้งนั้นเลยค่ะ



กว่าจะเดินมาถึงที่นี่ได้ เหงื่อโชกหลังเลยค่ะ หน้าดำอีกแล้วงานนี้



นั่งรอเกือบครึ่งชั่วโมงกว่ารถจะมาค่ะ เรากำลังจะกลับไปที่มัสยิดสีชมพูกันอีกครั้ง เพราะยังดูอะไรแถวๆนั้นไม่ละเอียดเลยค่ะ

รถว่างมากๆ ค่าโดยสาร 1 RM ครับป๋ม



ถึงแล้วค่ะมัสยิดสีชมพู again ค่ะ again แต่คราวนี้เราจะเข้าไปดูข้างในกันด้วยค่ะ



อ๊ะ...เราจะเข้าไปทั้งชุดสวยๆ ของเราไม่ได้ค่ะ ยังไม่สวยพอเราต้องใส่ชุดกันฝน เอ้ย...ชุดนี้เข้าไปค่ะ



มัสยิดนี้อนุญาติให้เฉพาะชาวมุสลิมเท่านั้นที่เข้าไปได้ เราเข้าไปถ่ายรูปได้ใกล้ที่สุดแค่นี้เอง ขอบอกย้ยป้าที่อธิบายนี่ดุมากๆ หน้าก็ดุ ยี้ๆ สวยก็ไม่สวยยังจะดุอีก ขออธิบายเกี่ยวกับมัสยิดหน่อยละกันนะคะ มัสยิดนี้สร้างด้วยหินอ่อนสลักลวดลายตามศิลปะของศาสนาอิสลามเลียนแบบมัสยิดเชอร์อิค โอมาร์ (Sheikh Omar Mosque) ในกรุงแบกแดด ประเทศอิรัก ซึ่งมัสยิดนี้รองรับพิธีละหมาดได้คราวละ 15000 คน

ออกจากมัสยิดแล้วเดินลงไปข้างล่างมีร้านอาหาร และมีท่าเรือให้บริการล่องทะเลสาบด้วยค่ะ แต่ร้อนแบบนี้ขอบายดีกว่าค่ะ แต่ถ้าให้นั่งกินอะไรอร่อยๆ สู้ขาดใจค่ะ



กินน้ำกินท่าหายเหนื่อยแล้ว เดินเล่นอีกสักหน่อยนะคะ









จากนั้นเราก็จ้าง Taxi ไปส่งที่ KLIA Transit ด้วยราคา 10 ริงกิต รถเก่ามั่กๆ แอร์ก็ไม่เย็น เราไปถึงด้วยเวลาที่เฉียดฉิ่ว ไม่งั้นต้องนั่งรออีกนานแน่ๆถ้าพลาดรอบนี้



รถว่างอีกแล้วค่ะ แต่ว่าเราชอบค่ะนั่งสบายแอร์เย็นน่าหลับยิ่งนัก



ถึง KL Sentral รีบหาที่แลกเงิน แป๋ววววว แลกที่นี่ได้เรทดีกว่าแลกที่สุวรรณภูมิอีกค่ะ



สถานที่ต่อไปที่เราจะไปคือ Masjid Jamek มัสยิดนี้ก่อสร้างคล้ายมัสยิดโมดุลในอินเดียเหนือ เป็นมัสยิดเก่าแก่ตั้งอยู่จุดบรรจบกันของแม่น้ำกลัง และแม่น้ำกอมบัค





เราเข้าไม่ได้ค่ะ ตรงกับข้อห้ามหลายข้อเลยค่ะ



เดินค่ะต่อไปเป็นรายการเดินนะคะ ใกล้แล้วค่ะใกล้จะถึง จัตุรัสเมอร์เดก้าแล้วค่ะ



Merdeka เป็นจัตุรัสแห่งเอกราช ใช้เป็นสถานที่จัดงานระดับชาติก็คงเหมือนกับสนามหลวงบ้านเราค่ะ

บริเวณนี้ประกอบไปด้วยอาคารสุลต่านอับดุล ซาหมัด เป็นสถาปัตยกรรมแบบมัวร์





จุดเด่นอยู่ที่หอนาฬิกาค่ะ



และนี่คือเสาธงที่เคยสูงที่สุดในโลก ด้วยความสูงถึง 100 เมตร แต่ปัจจุบันยกตำแหน่งให้เกาหลีเหนือเป็นแชมป์ไปเรียบร้อยแล้วค่ะ ด้วยความสูงถึง 130 เมตร



ฝนตกอีกแล้วค่ะ มา 3 วันฝนตกตอนเย็นทุกวันเลยค่ะ แต่ผู้ชายคนนี้ยังมุ่งมั่นดูแผนที่เพื่อจะพาเราไป Central Market ค่ะ



Central Market เดินจาก จัตุรัสเมอร์เดก้าไม่ไกลค่ะ ที่นี่จะขายของที่ระลึกค่ะ เราได้เสื้อมาแค่ 1 ตัวเองค่ะ เนื่องจากของต่างๆ ก็เหมือนๆ กับเมืองไทยค่ะ โดยเฉพาะเชียงใหม่ค่ะเหมือนกันแถมยังขายแพงกว่าเชียงใหม่เยอะเลยค่ะ



หิวอีกแล้วค่ะ กินเค้กกันมะคะ ร้านนี้เลยร้านดังที่ไปเปิดสาขาที่กรุงเทพ เราเคยกินที่พารากอน ติดใจไม่หายเลยค่ะ พอเห็นเลยรีบชวนพี่ต้นเข้าไปนั่ง Secret Recipe ต้นตับรับอยู่ที่มาเลเซียนี่เองค่ะ พอไปขายที่เมืองไทยขายแพงค่ะชิ้นละ 95 บาท แต่ที่นี่ชิ้นละ 60 กว่าบาทเอง เราสั่ง Mango Deligt ค่ะ Fruit Punch ก็อร่อยค่ะ ค่าเสียหายทั้งหมด 13.80 ริงกิตค่ะ



ฝนกำลังตกหนักเลยพวกเราจึงนั่งๆ เดินๆ ในนี้กันไปก่อน พอฝนซาจึงเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าที่สถานี Pesar Seni เป็นสถานีที่เรามา Chinatown วันแรกค่ะ

ระหว่างที่รอรถไฟฟ้า มองเห็นสถานีรถไฟเก่าตอนนั้นพระอาทิตย์กำลังจะตกดินเลยค่ะ สวยเชียว



ช่วงนี้เป็นเวลาเลิกงาน รถไฟแน่นเอี๊ยดดดด เลยค่ะ

เอ้อลืมบอกค่ะ ถ้าไปมาเลเซียเราจะพบภาษาอังกฤษแปลกๆ หลายคำเลยค่ะ คงเป็นภาษามาลายู เช่นทางออกเค้าก็ใช้คำนี้ค่ะ



ลงจากรถไฟฟ้าก็มีทางเชื่อมเดินเข้าห้างได้เลยค่ะ ย่าน Bukit Bintang มีศูนย์การค้ามากมาย แต่เดินไม่สนุกเลยเพราะฝนยังไม่หยุดตกเลยค่ะ เลยเค้าไปหลบในห้างหาข้าวกินดีกว่า

ร้านนี้เลยค่ะ U-Cafe



สั่งข้าวกินคนละจาน น้ำเปล่า 1 ขวด ค่าเสียหาย 28.33 RM รวม Service Chg. แล้ว



แล้วก็เดินเล่นอีกสักหน่อย เดินไปเดินมาได้ Mask จาก Thefaceshop มาอีก 3 ซอง หุหุ



จากนั้นเราก็เดินไปเรื่อยๆ ไปจนถึง Time Square ห้างหรู







ที่ Time square มีสวนสนุก indoor ใหญ่โตและสวยมาก โชคดีที่เราเดินไปพบโดยบังเอิญ





เดินไปเดินมาหิวอีกแระ กิน Baoz ดีกว่า ไส้ครีมหอมหวานอร่อยดีจัง



วันนี้กลับถึงที่พักด้วยความอ่อนแรง เพราะเดินเยอะมากๆ เลยแทบจะเอาขาไปแขวนไว้ที่คอคนข้างๆ



กว่าจะได้นอนก็ดึกดื่นเกือบตีหนึ่ง เพราะว่าต้องเก็บของต้องเช็คเอาท์ในวันรุ่งขึ้น แถมต้องตื่นเช้าเพื่อไปจองคิวขึ้นตึกแฝดตั้งแต่ 6 โมง



14 / 10 / 2008

รีบตื่นตั้งแต่ตี 5 รีบอาบน้ำแต่งตัวขึ้น Monorail ไปตึกแฝด ไปถึงตึกแฝด 7 โมงนิดๆ โอ้โหคนมารอกันเยอะแล้ว คนหน้าสุดตื่นตั้งแต่กี่โมงล่ะนี่



เราได้ขึ้นตึกแฝดรอบ 9.30 น. Petronas Twin Towers สูง 451.9 เมตร เป็นตึกที่เคยสูงที่สุดในโลก ปัจจุบันเสียแชมป์ให้กับตึก 101 ในกรุงไทเป ก่อนขึ้นไปได้วัดส่วนสูงแล้วเทียบความสูงกับตึกแฝดด้วย



เราต้องขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้น 42 ซึ่งสูงจากพื้น 170 เมตรเพื่อไปสะพานเชื่อม skybridge แต่ชั้นสูงสุดอยู่อยุ่ที่ชั้น 88



ลิฟต์เร็วมากๆ ซึ่งใช้เวลา 5 เมตรต่อ 1 วินาที ถ้าขึ้นชั้น 88 ใช้เวลาแค่ 1 นาทีเท่านั้น

ขึ้นไปแล้วมองลงมาเป็นแบบนี้ค่ะ แต่ไม่ค่อยน่าหวาดเสียวนะคะ ไม่ค่อยสูงเท่าไหร่





มองเห็นตึกรามบ้านช่อง ความรู้สึกเหมือนตอนขึ้นบอลลูนที่สิงคโปร์เลย





แผ่นเหล็กที่ห่อหุ้มตัวตึกวัดพื้นที่รวมกันได้ถึง 214,000 ตารางเมตร ออกแบบให้เป็นรูปสามเหลี่ยมแฉกสลับกับครึ่งวงกลมรวมกันได้ 8 คู่ มองจากภายนอกจึงเห็นเป็นหยักๆ บริษัทที่รับเหมาก่อสร้างเป็นบริษัทของญี่ปุ่นกับเกาหลี





ใครที่จะไปขึ้นตึกแฝดขอแนะนำว่าต้องไปแต่เช้านะคะ เพราะมีบัตรคิวให้วันละ 1000 ใบเท่านั้นค่ะ



เมื่อเสร็จจากตึกแฝด เรา 2 คนรีบเดินออกไปในส่วนของห้าง Suria กดลิฟท์ไปชั้น 4 เพื่อไปดูพิพิธภัณฑ์น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ( Petrosains)



ซื้อบัตรเข้าชมก่อนนะคะ คนละ 12 RM



เดินเข้ามาต่อแถวนั่งรถอะตอม เข้าไปในถ้ำ ขอบอกว่าไม่เสียดายเงินเลยค่ะที่ได้เข้ามาดู สวยมากๆค่ะ



เป็นพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมมากๆ น่าพาเด็กๆ มาดูเป็นที่สุด ทำไมบ้านเราไม่มีพิพิธภัณฑ์ดีๆ แบบนี้ให้เด็กได้ดูบ้าง อะไรๆ ก็ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ ที่รังสิตก็ยังไม่ดีแบบนี้เลย



อาเฮียชอบมั่กๆ เห็นเค้าสนใจกว่าทุกที่ ที่ไปมาเลย ก็ครูฟิสิกส์นี่เนอะ





ตัวนี้กินพืชหรือกินเนื้อ ถ้ากินเนื้อช่วยกินคนข้างหน้าไปด้วยที



คุยกับนักอวกาศ อยากออกไปนอกโลก



มีกิจกรรมเสริมสร้างการเรียนรู้ และการทดลองให้ศึกษามากมาย แบบนี้ต้องมีเวลาสักครึ่งวันเป็นอย่างน้อย



ระหว่างรอขึ้นเครื่องบินจำลองเพื่อไปดูเรื่องราวการขุดเจาะน้ำมันของ Petronas ก็เลยขอถ่ายเด็กๆ ที่ครูพามาทัศนศึกษา ยิ้มแย้มแจ่มใสยินดีให้ถ่ายกันใหญ่เลย เด็กๆ พวกนี้น่าจะสักประมาณ ประถม 4-6



พวกโมเลกุลพวกนี้อยู่เกือบสุดท้ายของห้องที่แสดง



กว้างและยาว คิดว่าน่าจะกินพื้นที่ เกือบทั้งชั้น 4 ของห้าง Suria เลยก็เป็นไปได้



ออกมาจาก Petrosains รีบลงลิฟท์แก้วสวยๆ มุ่งหน้าตรงไปที่สวนสาธารณะหน้าห้าง เพื่อไปดูตึกแฝดอีกครั้งสำหรับวิวกลางวัน



ไม่หน้าเชื่อว่าสะพานนั้นเราได้ขึ้นไปแล้ว และที่เรายืนอยู่นี้ก็คืนสวนสาธารณะที่ถ่ายรูปลงมาเมื่อเช้าตอนเราขึ้นไป



มุมตะแคง ก็สวยไปอีกแบบ



เก็บตก KL Tower แบบแจ่มๆ มาได้อีก 1 รูป เพราะอยู่คู่กับตึกแฝดนั่นแหละค่ะ 2 สิ่งนี้สูงเด่นเป็นสง่าทำชื่อเสียงให้มาเลเซียโกยเงินเข้าประเทศอย่างมหาศาล



หมดเวลาแล้วค่ะ รีบวิ่งไปขึ้นรถไฟฟ้า หิวค่ะ รีบตื่นแต่เช้ายังไม่ได้กินอะไรกันเลย ซื้อโรตีบอยขนมสัญชาติมาเลเซียกินกันตายคนละอัน คุณสามีบอกให้ยืนกินให้เรียบร้อย มารยาทดีจริงๆ เด่วกลับไปส่งประกวดชายไทยมารยาทดี

ถึงโรงแรมพักผ่อน เข้าห้องน้ำ กินขนมปังที่ซื้อมาตุนตั้งแต่วันก่อนๆ จนหมดแล้วลงไปเช็คเอาท์ค่ะ



ตอนแรกตั้งใจจะกินบุฟเฟ่ต์ที่โรงแรม แต่เกิดเปลี่ยนใจกระทันหัน เพราะคำนวณเวลาไม่ถูกว่าต้องใช้เวลาเท่าไหร่ที่จะไป KL Sentral เนื่องจากเราจะเรียก Taxi ให้ไปส่ง ไม่อยากหอบกระเป๋าทุลักทุเล เหมือนตอนขามา



Taxi จาก Chowkit ไป KL Sentral ไม่ได้แพงเลยค่ะ แค่ 10 RM เองค่ะ บวกค่าระวางกระเป๋าอีก 2 RM ถ้ารู้งี้ตอนขามา ไม่หิวกระเป๋าขึ้น Monorail ให้เมื่อยตุ้มหรอก

อาหารเช้าควบกลางวัน เลยมาหากินที่ KL Sentral เลยกลายเป็นร้านไก่ ที่มีอยู่เต็ม KL The Chicken Rice Shop แต่เราไปกินคนเดียวนะ คุณสามีนั่งเฝ้ากระเป๋า อิอิ เป็น ปรั๋วเราต้องอดทน มื้อนี้สนนราคาอยู่ที่ 14.10 RM ลักษา 1 ถ้วยกับ น้ำส้มมิรินดา 1 แก้ว



แล้วซื้อผัดหมี่กับน้ำเปล่าที่ 7 11 ไปให้คนนั่งเฝ้ากระเป๋า แล้วก็มารู้ความจริงที่หลัง ว่าเค้างอนอะ ที่เราทิ้งไปเดินเล่นแล้วแอบไปกินข้าวคนเดียว ถึงว่านั่งตัวตรงทำหน้าดำ หน้างอ ไปจนถึงเกนติ้งเลย เหอๆ คนตัวดำ หัวล้านมักจะแสนงอน

แล้วพบกันใหม่ที่ เกนติ้งนะคะ Part 4


Create Date : 04 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2551 10:57:36 น. 2 comments
Counter : 2454 Pageviews.

 
โอ้โหหหห น่าเที่ยวมากเลยครับ
ถ่ายรูปเก่งด้วย
อยากไป อยากไป หมดไปเยอะมั้ยอ่ะครับ
อยากรู้งบ เพราะว่างบไปม่เยอะเท่าไร อิอิ


โดย: ParkEr_BoLl (Peek_45 ) วันที่: 9 พฤศจิกายน 2551 เวลา:19:58:18 น.  

 




สวัสดีค่ะ รูปสวยจังค่ะ
เดี๋ยวขอตามไปเที่ยวอีกนะคะ


Photobucket


โดย: Sweety-around-the-world วันที่: 11 พฤศจิกายน 2551 เวลา:2:00:36 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

p_pat_p
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]









Friends' blogs
[Add p_pat_p's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.