Group Blog
 
 
กันยายน 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
9 กันยายน 2550
 
All Blogs
 

ฮ่องกงกับวันฝนตก



รอสามีตัดสินใจอยู่นานว่าจะพร้อมเมื่อไหร่ เรื่องลีลาไม่มีใครเกิน กว่าจะตัดสินใจกันได้ก็เกือบจะไม่ได้ไป เนื่องจากหาตั๋วเครื่องบินยากเหลือเกิน และแล้วก็ได้จองแพคเกจกับที่พักกับ TV airbooking สาขาชิดลม ไปด้วยสายการบิน Finair เที่ยวบินที่ AY 0091 ขาไป และ AY0092 ขากลับ ด้วยชั้น Business class และได้ที่พักคือ YMCA Waterloo R. ด้วยราคาแพคเกจคนละ 13,800 บาท

วันที่ 2 พ.ค. 2549

2 คนตายาย และยัยหมวยตามไปส่งถึงสนามบินดอนเมืองกัน ด้วยเวลาเที่ยงเช็คอินกันเรียบร้อย แล้วเข้าไปรอที่gate เพื่อขี้นเครื่อง 14.00 น. ระหว่างที่รอ 555 ไม่รอช้ารีบไปถอยน้ำหอม polosport ทันทีเสร็จแล้วก็มาเห็นพี่ต้นนั่งหน้างอ ไร้ซึ่งอารมณ์ นี่ไม่อยากไปเที่ยวหรอกหรือนี่ ในบัดดลสมองสั่งงานต้องพูดอะไรที่รู้สึกไม่ดีเอามากๆ "ทำใจไปหน่อยก็แล้วกัน การไปเที่ยวครั้งนี้มันอาจเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะไปด้วยกันแล้วก็ได้ ไงๆก็มาจนถึงนี่แล้ว เสียดายตังค์" แล้วก็ต่างคนต่างนั่งเหมือนกับว่าเบื่อโลกซะเต็มประดา แต่ตอนเดินขึ้นเครื่อง ก็มีมือนึงมาจับที่แขนแล้วบอกว่า "ขอโทษ" บรรยากาศความตรึงเครียดจึงเริ่มจางลง

แน่นอนในชั้นธุรกิจ ย่อมแตกต่างจากชั้นประหยัด ไม่ว่าจะเป็นที่นั่งหรืออาหาร อาหารอร่อยมาก มีอาหารเรียกน้ำย่อยและ Maincorse แสนอร่อยมาให้ แต่เราทั้งคู่ไม่แตะไวน์เลย เนื่องจากว่ากลัวมึนหัวเลยขอเป็น Coke ทดแทนกันไม่ได้จริงๆ ขอบอกว่าขนมปังเค้าอร่อยมากๆ

ต.ม ฮ่องกงหล่อมากๆ เข้าไปง่ายดายเหมือนเดินผ่านยามหน้าหมู่บ้านยังไงยังงั้น เรา 2 คนรีบไปซื้อ Octopus card แบบแพคคู่สำหรับนักท่องเที่ยวด้วยราคาใบละ 150 เหรียญ เพื่อขึ้น Airport Expess ไปลงที่ Tsim sha tsui (งานนี้ขอลุยเองไม่ง้อให้ใครมารับ) เมื่อไปถึงก็พบว่าฝนตกอากาศค่อนข้างเย็น แล้วไปขึ้น Shuttle bus ที่บริการฟรีเพื่อไปส่งที่ YMCA อุ อุ แต่ว่าไปผิดที่ เนื่องจากที่พักของเราก้อ YMCA เหมือนกันแต่เป็นที่ Waterloo อยู่ย่าน Yau ma tei ไปไม่ถูกเลยต้องใช้บริการ Taxi ราคา 30 เหรียญ ไปส่งถึงหน้าโรงแรม เช็คอินเข้าที่พักเรียบร้อย อ่านะ คราวนี้หิวแล้วล่ะ 2 คนจากแดนไกลเดินไปหาร้านอาหารแถมตากฝนกันไป จะว่าโรแมนติกไหมก็ไม่เชิงนะ แต่จากการที่มีเง้างอนกันก่อนมา พอมาถึงที่นี่รู้สึกพี่ต้นจะเอาใจเป็นพิเศษ หรือเป็นเพราะว่า เรายึดกระเป่าตังค์ไว้หรือป่าวหว่า แต่พาสปอร์ตพี่แกไม่ยอมให้ สงสัยจะกลัวโดนทิ้ง 555 เลยเดินโอบเอวจูงมือเราตลอด จนขาสะดุดกันหลายครั้ง ได้ร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์โออิชิราเมนบ้านเรา กระเหรี่ยง 2 คนพูดภาษาจีนไม่ได้ เลยจิ้มๆ สั่งเกี๊ยวซ่าส์กับอะไรมากินก็จำไม่ได้แล้ว มันนานมากเพิ่งจะมาระลึกถึง จากนั้นก็เดินสำรวจเส้นทางกันอีกนิดหน่อยเพื่อจะได้มาลุยในวันพรุ่งนี้ ก่อนเข้าที่พักซื้อน้ำดื่มที่ 7-11 แต่แล้วก็ทนฝนกันไม่ไหวเปียกกันไปหมด พี่ต้นรองเท้าเปียกน่าสงสาร เลยกลับโรงแรมกันดีกว่า กว่าจะได้นอนก็วางแผนกันว่าพรุ่งนี้จะไปเที่ยวกันยังไงต่อและก็ภาวนาขอให้ฝนหยุดตกด้วย

วันที่ 3 พ.ค. 2549

ตื่นนอนเกือบ 9 โมงรีบอาบน้ำแต่งตัว แต่อนิจจาฝนก็ยังไม่หยุดตก แต่เรา 2 คนก็สู้ เพราะข้ามน้ำข้ามทะเลมาจะให้นอนอยู่โรงแรมก็บ้าไปแล้ว จึงไม่ย่นย่อ ฝนก็ฝนเถอะ รีบขึ้นรถไฟฟ้าไป Tsim sha tsui เพื่อจะไปดูบ้านหมี และไปหา esprit ลดราคา เดินหากันจนเหนื่อยหิวก็หิวเลยไปกินเกี๋ยวเตี๋ยวกัน เราจัดการฟาดบะหมี่เนื้อ



ทานกันเสร็จ ก็สู้กันต่อไป คนฮ่องกงเดินเก่งมั่กๆ เหมือนกับเรา 2 คนตอนนี้ เดินไปถามทางกันไป คนฮ่องกงใจดีจังเลยที่บอกเราจนไปถึงจุดหมายปลายทางกันได้ พี่ต้นก็เก่งมากๆ พูดภาษาอังกฤษสำเนียงอุทัยธานีก็ยังมีคนฟังรู้เรื่อง ภาษาอังกฤษพี่ท่านไม่เป็นรองใครจริงๆ ไปถึง esprit รีบดูเสื้อผ้าซื้ออยู่คนเดียวที่นี่พี่ต้นไม่ได้อะไร แต่เราได้ เสื้อมา 1 ตัวกับกางเกงอีก 1 เอวต่ำสีน้ำตาล แต่ขอบอกว่า กลับมาถึงบ้านแล้วใส่ไม่ได้ค่ะ ตัวเล็กไป ก็เค้าไม่ให้ลองนี่นา ของ sale ก็งี้แหละนะ หมดตังค์ที่นี่ไป 218 เหรียญ ส่วนบ้านหมีก็ต้องผิดหวังเพราะตอนนี้เค้าปิดซ่อมแซมอยู่ อดเลย ส่วนฝนนะเหรอก็ยังตกอยู่แต่ไม่หนัก ไม่มีคำว่าท้อสำหรับเรา 2 คน จากนั้นไปหา Toy R us ที่ Harbour Cityซึ่งอยู่ใน Ocean Terminal โอว... กว้างมากๆ สำหรับห้างนี้ ของ brand name เยอะมั่กเลยค่ะ ตาลุกวาวอยากได้สุดๆ แต่ยังไม่ละความพยายามหา Toy R us จนพบ เมื่อพบแล้วเข้าไปดู ขอบอกว่า อยากมีลูกสุดๆ ของเล่นเยอะอะไรแบบนี้ และที่อึ้งพบคนไทยที่ร้านนี้หลายคนเลย แต่แล้วก็ไม่ได้อะไรมาได้มาแต่ หมากฝรั่งกับขนมอีกนิดหน่อย ก็ไม่รู้จะซื้อมาให้ใครเล่นอะนะ



ระหว่างทางไปท่าเรือเฟอร์รี่ เพื่อข้ามไปฝั่งฮ่องกงก็แวะข้างทางถ่ายรูปแถวๆ ท่าเรือ แวะซื้อ Coke กันที่ 7-11 ด้วยบัตร Octopus บัตรสารพัดประโยชน์เป็นทั้งค่า MTR ค่าเรือ ค่ารถบัส และซื้อของได้อีกด้วย อยากให้เมืองไทยมีแบบนี้บ้างจัง ค่าเรือ คนละ 2 เหรียญ





ฝั่งฮ่องกงเมื่อมองกลับไปฝั่งเกาลูน มันไม่ไกลกันเลยใช้เวลาข้ามมา ประมาณ 20 นาทีก็ถึงแล้ว 2 คนตายายไม่รีรอ รีบไปต่อรถบัสเพื่อจะไป The peak เพราะว่าจะบ่าย 3 โมงแล้วถ้าไปช้ากว่านี้เกรงว่าจะไปไม่ทันเพราะต้องไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมกันต่ออีก ระหว่างทางที่ไปขึ้นรถรางเพื่อไป peak พบกับวันรุ่นคนไทย ที่รู้เพราะว่าเค้าคงได้ยินเราพูดภาษาไทยกัน เลยถามว่าพี่เป็นคนไทยมาฮันนีมูนกันเหรอครับนั่นเอง ถึงสถานีรถรางรีบไปรอคิวเพื่อขึ้นแต่ว่าเรามีบัตรสารพัดประโยชน์ (อีกแหละ) เลยไม่ต้องต่อแถวซื้อบัตร ไปรอขึ้นได้เลยจ้า ไม่กี่นาทีก็ไปถึง The peak อากาศเย็นยะเยือก ฝนก็ยังตกอยู่แต่ไม่หนักมาก เมื่อไปถึงมีความรู้สึกว่า ได้มาถึงฮ่องกงแล้วแน่ๆ เพราะไปฮ่องกงถ้าไม่ไป peak เค้าบอกกันว่าไปไม่ถึง เดินถ่ายรูปชมวิวกันพอสมควร เนื่องจากจุดชมวิวที่สวยที่สุดได้ทำการซ่อมแซมเลยเห็นมุมที่ยังไม่สวยที่สุดของฮอ่งกง แต่เสียใจจังที่ไม่ได้อยู่จนถึงค่ำ รีบลงมาเสียก่อน อดเห็นแสงสียามราตรีของฮ่องกงบน The Peak เลย



ลงจาก The Peak ต่อรถเมล์สาย 6 เพื่อจะไปไหว้เจ้าแม่กวนอิม ที่หาด Repluse bay แต่ว่านั่งรถไปไม่ถึงสักทีเลยคิดกันเอาเองว่าเลยมาแล้ว จึงลงก่อนถึงหาดก่อนประมาณ 2 โล เมื่อลงรถแล้วถามเส้นทางแล้วสื่อสารกันไม่เข้าใจ เลยนั่งรถย้อนกลับไป เฮ้อ... เจ้าแม่กวนอิมลูกยังไม่ได้ไปไหว้ก็มีอุปสรรคมาขัดขวางทำให้ไปไม่ถึง แต่ว่าไม่ย่อท้อพรุ่งนี้ต้องไปใหม่ให้ได้ ไปแวะลงกันที่ Time square เป็นย่านวัยรุ่นฮ่องกง ประมาณสยามบ้านเราเพื่อที่จะไปทานติ่มซำ ที่ร้าน Maxim แต่เค้าไม่มีติ๋มซำให้เราทานเสียแล้วเนื่องจากหมดเวลามีแต่อาหารแบบภัตาคารเลยถ้าทานกันคงหมดไปหลายแน่ๆ ถอยดีกว่า หิวจะแย่แล้วล่ะเดินหากันอยู่นานทนไม่ไหว เลยมากินลูกชิ้นทอดปลาหมึกทอดกับน้ำอ้อย ประทังชีวิตกันต่อไป เวลา 1 ทุ่มแล้วเลยชวนกันกลับไปฝั่งเกาลูน แต่คราวนี้ไม่ได้ข้ามไปทางเรือแล้ว นั่ง MTR กันดีกั่ว มันเร็วกว่ากันเยอะเพื่อไม่ให้เสียเวลาช้อปปิ้ง เลยไปลงกันที่สถานี Yau Ma Tei เพื่อจะไปเดินกันที่ Monq kok หูตาดิฉันสว่างเลย จะได้ช้อปเสียที ได้มาทั้ง Bossini Bulestar และอะไรต่อมิอะไรอีกหลายอย่าง แต่ที่ลุ้นระทึกคือ ได้ไปโกดังกระเป๋า ตื่นเต้นมากขอบอก และแล้วก็ได้กระเป๋าหลุยส์ติ้งต๊อง มา 1 ใบ พี่ต้นได้นาฬิกามา 1 เรือนกว่าจะได้มาพี่ท่านเลือกนานมาก เสียเงินกันไปพอหอมปากหอมคอ ก็ทั้งเหนื่อยทั้งเมื่อย ฝนก็เป็นใจหยุดให้เราช้อปกันเสียนี่ เลยไปหาอะไรใส่ท้องกันที่ร้านอาหารเซี่ยงไฮ้ หมดกันไปคนละ 150 เหรียญสบายใจไปเลยกับอาหารมื้อนี้ แล้วก็ถึงเวลาไปนอนกันเสียที เหนื่อยมากๆ อยากได้น้ำอุ่นๆ มาแช่เท้าเป็นที่สุด หลับกันเป็นตายเลยคืนนี้





วันที่ 4 พ.ค. 2549

ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความอึดอัดขัดใจ ฝนก็ยังตกอยู่อีกทำให้โมโหตัวเองที่ไม่เช็คสภาพดินฟ้าอากาศให้ดีก่อนมา เป็นอันว่าโครงการไป Disneyland เป็นอันล้มพับไป ไม่มัวพิรี้พิไร รีบอาบน้ำแต่งตัว เก็บกระเป๋าเพื่อเอาไปฝากไว้ที่ reception แล้วไปขึ้น MTR เพื่อไปกินโจ๊กเจ้าอร่อยใกล้ๆ โรงแรม Majestics ที่แอบมีเมนูภาษาไทยให้ด้วย เมื่ไปถึงสั่งเกี๊ยวกุ้ง กับโจ๊กไข่เยี่ยวม้า ส่วนพี่ต้นสั่งข้าวต้มหมู หมดกันไปอีกคนละ 150 เหรียญ เป็นโจ๊กที่แพงมากที่สุดเลยนะเนี่ย แล้วไปขึ้น MTR เพื่อไปฝั่งฮ่องกง ลงที่ สถานี Central แล้วต่อรถเมล์สาย 6 ไงๆ วันนี้ต้องไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมกันให้ได้ 555 แล้วเราก็ได้ไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมกันสมใจ แต่ว่าเดินข้ามสะพานกันผิดวิธี เพราะเราข้ามไปแล้วข้ามย้อนกลับมาซึ่งเค้าไม่ให้ข้าม กลายเป็นว่าเรา 2 คนไปลดอายุตัวเองกันไม่ได้ไปต่ออายุกันเหมือนคนอื่น 555 จากหมื่นปี เราจะเหลือเท่าไหร่กันนะ




วิญญาณนักช้อปเค้าสิงอีกแล้ว บวกกับกลัวตกเครื่องของพี่ต้น เราเลยรีบกลับไปฝั่งเกาลูนกันอีก ขึ้น MTR จากสถานีเซ็นทรัลไปลง Yau Ma Tei เพื่อไปเดินกันที่ Lady Street กันต่อ และรีบซื้อของฝาก พี่ต้นได้นาฬิกาอีก 2 เรือนไปฝากพ่อแม่ กับเสื้อเชิ๊ตอีก 1 ตัว แล้วไปซื้อขนมของฝากกัน เดินกันอยู่จนถึงบ่าย 2 ก็รีบกลับไปที่โรงแรมเพื่อไปเอากระเป๋าที่โรงแรม แล้วขึ้น MTR ไปที่สถานี Tsing Yi เพื่อไปต่อ Airport Express เพื่อไปสนามบิน Check Lap KoK เมื่อไปถึงสนามบินไม่รอช้ารีบโหลดกระเป๋า เพื่ออะไรนะเหรอ 555 ไม่ต้องมาถาม รีบไปที่ Dutyfree นะสิ รับไปถอยน้ำหอม DKNY แอปเปิ้ล ได้มา 4 ขวด กับ มาสคาร่า ของShi มาอีกเป็นอันสบายใจ เดินดูของอยู่อีกสักพักก็ไปนั่งรอกันที่ Gate ไม่ลืมกินยาแก้มึนหัว พี่ต้นรีบวิ่งไปซื้อน้ำมาให้ น่ารักสะไม่มี เมื่อขึ้นเครื่อง ก็เป็นอันว่าต้องอำลากันแล้วนะฮ่องกง ต้องกลับไปอีกแน่ๆ เพราะหลงรักแสงสีฮ่องกงเสียแล้ว ไม่ช้าจะกลับไปอีก ฮะแฮ่ม ลดทั้งเกาะเมื่อไหร่แม่จะกลับไปอีกแน่นอน ระหว่างที่อยู่บนเครื่องมีปอป 2 ตัวกินกันไม่บันยะบันยัง สจ๊วตเอาอะไรมาให้กินกันหมด แถมขอเบิ้ลอีก ถึงเมืองไทยด้วยความปลอดภัยในเวลา 23.10

ปล.ยังไม่ได้นั่งเรือโบราณ กับไป disneyland เลย แล้วนี่ 2 คนตายายไปถึงฮ่องกง แต่ไม่สมบูรณ์แบบใช่มั๊ยคะ ?







 

Create Date : 09 กันยายน 2550
0 comments
Last Update : 25 กันยายน 2553 15:57:08 น.
Counter : 1154 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


p_pat_p
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]









Friends' blogs
[Add p_pat_p's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.