Group Blog All Blog
|
การบูลลี่และความรัก กับ ระบบไม่เชิงเส้น ในระดับควอนตัม ระบบไม่เชิงเส้น (nonlinear system) การกลั่นแกล้งและความรักมีกระบวนการทำงานที่มีความเกี่ยวพันและเชื่อมต่อมาจากความรู้สึก-ความคิด และหรือความคิด-ความรู้สึกที่ไม่เพียงแต่อยู่ตรงกันข้ามกันเท่านั้น แต่ยังอยู่กันคนละขั้วกันอีกด้วย ในระดับโลกใบใหญ่ การเป็นสิ่งที่ยู่ตรงกันข้ามกันและอยู่คนละขั้วกันถือเป็นอริที่จะต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ชนะและผู้แพ้ แต่ในระดับโลกใบเล็กการเป็นสิ่งที่ยู่ตรงกันข้ามกันและอยู่คนละขั้วกันถือเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการผลักและดันเพื่อทำให้เกิดการเคลื่อนที่ออกจากสถานะหนึ่งและเคลื่อนที่เข้าสู่อีกสถานะหนึ่ง และเคลื่อนที่ออกจากสภาวะหนึ่งเข้าสู่อีกสภาวะหนึ่ง ซึ่งกระบวนการผลักและดันจะแยกออกเป็นสองส่วนคือ ความรักและไม่รัก ซึ่งมีอยู่ในขั้วบวกขั้วลบ+แรงโน้มถ่วงและแรงดึงดูด+แรงไทดัล+แรงพื้นฐานและอื่นๆอีกมากมายตามลำดับ ซึ่งแต่ละส่วนก็จะมีส่วนที่แยกออกไปในส่วนของตัวเองคือ ความรักก็จะมีทั้งรักและไม่รัก และความไม่รักก็จะมีทั้งไม่รักและรัก และภายในภายนอกของแต่ละส่วนก็จะมีกระบวนการแยกออกและไม่แยกออก ย้อนกลับและไม่ย้อนกลับระหว่างขั้วบวนขั้วลบ ซึ่งทั้งภายในและภายนอกขั้วบวกขั้วลบก็จะมีมิติระหว่างขั้วบวกขั้วลบที่ซ้อนทับและพัวพันกันอยู่ ซึ่งมิติที่ซ้อนทับและพัวพันกันระหว่างขั้วบวนขั้วลบทั้งภายในและภายนอกคือ ที่มาของแรงโน้มถ่วงและแรงดึงดูด จึงกล่าวได้ว่า แรงโน้มถ่วงและแรงดึงดูด กับ ความรักและไม่รัก (การกลั่นแกล้ง) มีความเกี่ยวพันและเชื่อมต่อถึงกัน หรือในคำพูดที่นิยมพูดกันอย่างกว้างขวางที่ว่า "เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว" หรือ "ผีเสื้อขยับปีกทำให้เกิดพายุ" (จาก "butterfly effect") ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการการทำงานในระบบไม่เชิงเส้น (nonlinear system) ที่จะแสดงผลในสองรูปแบบคือ ไปในทิศทางเดียวกันและไปในทิศทางตรงกันข้าม หรืออีกนัยหนึ่งคือ ที่มาของการเกิดและตาย การสร้างและทำลายที่เป็นวัฏจักรของสรรพสิ่งและเวลา - ไปในทิศทางตรงกันข้ามคือ ระบบสองระบบ (ขั้วบวกขั้วลบ) ที่เริ่มต้นคล้ายกันหรือเกือบเหมือนกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่ง ระบบทั้งสองจะมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน - ไปในทิศทางเดียวกันคือ ระบบสองระบบ (ขั้วบวกขั้วลบ) ที่เริ่มต้นคล้ายกันหรือเกือบเหมือนกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่ว่าจะเป็นขั้วบวกหรือขั้วลบ ในท้ายที่สุดก็มาสิ้นสุดที่ความรุนแรงและการทำร้ายทำลายกัน ความรักและความไม่รักคือ สองด้านที่อยู่ในสิ่งเดียวกันเช่นเดียวกันกับอนุภาคและคลื่น และเช่นเดียวกันกับแสงที่จะมีสีขาวและดำสลับกันไปมา และเช่นเดียวกันกับขั้วเหนือขั้วใต้ที่จะมีแม่เหล็กขั้วคู่อยู่ภายในขั้วของตัวเอง และทำให้ขั้วเหนือมีความใช่และไม่ใช่ขั้วเหนือ ขั้วใต้ใช่และไม่ใช่ขั้วใต้ และทำให้แสงสีขาวใช่และไม่ใช่แสงสีขาว แสงสีดำใช่และไม่ใช่แสงสีดำ และทำให้อนุภาคใช่และไม่ใช่อนุภาค คลื่นใช่และไม่ใช่คลื่น ทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ล้วนมีความใช่และไม่ใช่อยู่ภายในและภายนอกตัวเอง และเมื่อมีกระบวนการเคลื่อนที่ออกจากและเคลื่อนที่เข้าสู่เข้ามาเกี่ยวข้องจากความใช่และไม่ใช่ที่ซ้อนทับและพัวพันกันอยู่ภายในและภายนอกตัวเองก็จะแยกออกเป็นสองส่วนคือ ใช่คือใช่ และไม่ใช่คือไม่ใช่ และแยกออกไปอีกสองส่วนภายในและภายนอกตัวเองคือ ใช่คือไม่ใช่ และ ไม่ใช่คือใช่ และจากการเคลื่อนที่ออกจากและเคลื่อนที่เข้าสู่ตัวเองก็จะมีการเคลื่อนที่ออกจากและเคลื่อนที่เข้าสู่กันและกัน ซึ่งทำให้เกิดเป็นความซ้อนทับและพัวพันระหว่างกันและกันที่มีการแยกออกและไม่แยกออก ย้อนกลับและไม่ย้อนกลับเป็นสองส่วนคือ ใช่คือใช่ และไม่ใช่คือไม่ใช่ และแยกออกไปอีกสองส่วนภายในและภายนอกกันและกันคือ ใช่คือไม่ใช่ และ ไม่ใช่คือใช่ ยกตัวอย่างง่ายๆเช่น โลกใบใหญ่และโลกใบเล็กคือความใช่และไม่ใช่ของตัวเองและของกันและกันในเวลาเดียวกัน->สิ่งเดียวกันใช่และไม่ใช่สิ่งเดียวกันในเวลาเดียวกัน->เวลาเดียวกันใช่และไม่ใช่เวลาเดียวกันในเวลาเดียวกัน ในระดับโลกใบใหญ่ เรา bully คนอื่นเท่ากับเรา bully ตัวเอง การแสดงความไม่รักไม่เคารพคนอื่นเท่ากับเราแสดงความไม่รักและไม่เคารพในตัวเอง ซึ่งการเปิดเผยสถานะและสภาวะของตัวเราเองก็เป็นการแสดงให้เราเห็นถึงสถานะและสภาวะของตัวเราเองและคนอื่น/สิ่งอื่น/โลก ซึ่งจะทำให้เราสามารถนำพาตัวเราเองเดินออกจากสถานะและสภาวะที่มีอยู่/เป็นอยู่ของตัวเราเองในปัจจุบันไปสู่สถานะและสภาวะที่ไม่มีอยู่/ไม่เป็นอยู่ของตัวเราเองในปัจจุบัน (มีอยู่/เป็นอยู่ในอนาคต) มาทำให้เป็นปัจจุบัน = เป็นการยกระดับและขยายขอบเขตของสถานะและสภาวะของตัวเราเองให้สูงขึ้นเรื่อยๆ ในระดับโลกใบเล็กทุกสรรพสิ่งจะมีการแยกออกและไม่แยกออก ย้อนกลับและไม่ย้อนกลับในสิ่งเดียวกันในเวลาเดียวกัน->สิ่งเดียวกันใช่และไม่ใช่สิ่งเดียวกัน และเวลาเดียวกันใช่และไม่ใช่เวลาเดียวกัน = กระบวนการเคลื่อนที่ออกจากและเคลื่อนที่เข้าสู่ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนรูป/เปลี่ยนแปลงระหว่างสรรพสิ่งและเวลา ยกตัวอย่างเช่น การเลือกตั้ง ที่เริ่มต้นจากการที่อำนาจเป็นของประชาชน (เป็นใหญ่) เข้าสู่อำนาจเป็นของส.ส ที่ส.สเป็นใหญ่ประชาชนเป็นรอง (เล็ก) = การเพิ่มและลดระหว่างพลังงาน/ข้อมูล/สสาร ก็คือ กระบวนการทำงานบนระบบไม่เชิงเส้น (nonlinear system) ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่เป็นสิ่งที่มนุษย์จำเป็นต้องพาตัวเองไปอยู่เหนือและไม่อยู่เหนือระบบไม่เชิงเส้น (nonlinear system) ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ถ้าไม่เช่นนั้นในท้ายที่สุดของกระบวนการเลือกตั้งอำนาจก็จะไปขึ้นกับตัวส.ส ที่จะนำเอาอำนาจนั้นไปทำอะไรก็ได้เหมือนอย่างที่เราเห็นๆกันอยู่ ความพยายามในการแก้ไขรัฐธรรมนูญส่งผลต่อใครมากกว่ากันระหว่างส.สกับประชาชน และในทางกลับกันการแก้ไขปัญหาปากท้องและเศรษฐกิจส่งผลต่อใครมากกว่ากันระหว่างประชาชนและส.ส ทั้งหมดคือ สิ่งที่เกิดขึ้นและเป็นไปตามธรรมชาติของขั้วบวกขั้วลบ + แรงโน้มถ่วงและแรงดึงดูด และแรงพื้นฐานธรรมชาติที่มีปลายอีกด้านหนึ่งคือ แรงไทดัลและสนามฮิกส์ และอื่นๆอีกมากมาย ทุกสรรพสิ่ง/มนุษย์จะมีสถานะและสภาวะที่ที่แสดงออกและไม่แสดงออก หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า การซ้อนทับและความพัวพันกันอยู่คือ สัตว์+มนุษย์ (ประเสริฐและไม่ประเสริฐ) กึ่งสัตว์กึ่งมนุษย์ เรามีทั้งความเป็นสัตว์และมนุษย์ (ประเสริฐและไม่ประเสริฐ) ที่เราสามารถเลือกจากสิ่งที่เรามีอยู่/เป็นอยู่ได้ว่าจะเป็นสัตว์หรือมนุษย์ (ประเสริฐและไม่ประเสริฐ) ซึ่งการเลือกคือ การนำพาตัวเราไปให้เหนือกว่าความเป็นสัตว์และไปให้เหนือกว่าและไม่เหนือกว่าความเป็นมนุษย์ การไปให้เหนือกว่าและไม่เหนือกว่าความเป็นมนุษย์คือ กระบวนการทำงานเพิ่มและลดพลังงาน/ข้อมูล/สสารที่ซ้อนทับและพัวพันกันอยู่ระหว่างความรู้สึก-ความคิด และหรือความคิด-ความรู้สึกที่อยู่ภายในและภายนอกตัวเองและกันและกัน ซึ่งเรามีความจำเป็นต้องแยกแยะความเหมือนและความแตกต่างออกจากกันอย่างสิ้นเชิงและไม่อย่างสิ้นเชิงในสิ่งเดียวกันในเวลาเดียวกัน ->สิ่งเดียวกันใช่และไม่ใช่สิ่งเดียวกัน และเวลาเดียวกันใช่และไม่ใช่เวลาเดียวกัน ซึ่งจะเท่ากับเป็นการไต่ระดับ/เดินออกจากความเป็นมนุษย์เข้าสู่ความเป็นมนุษย์เทพ หรือ ความสามารถในการละทิ้งความเป็นสัตว์โดยสมบูรณ์ ซึ่งกระบวนการทั้งหมดคือ วิวัฒนาการ/กระบวนการพัมนาตัวเอง/การเปลี่ยนแปลงยีนส์/พันธุ์กรรมจากสิ่งหนึ่งไปสู่อีกสิ่งหนึ่งที่มีเพียงเราเท่านั้นที่จะทำให้เกิดขึ้นกับตัวของเราเองได้ #change |
สมาชิกหมายเลข 3784113
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?] จุกมุ่งหมายคือ การรู้แจ้งเห็นจริงในฐานะมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาคนหนึ่ง There is no way to happiness, happiness is the way. การปิดทองหลังพระ ถ้าเราไม่หยุดปิด วันหนึ่งทองก็จะล้นมาด้านหน้าพระเอง คำพูดที่ปราศจากการกระทำนั้นได้ตายไปแล้ว Link |