กุมภาพันธ์ 2561

 
 
 
 
1
3
6
10
13
14
16
17
18
19
20
22
24
25
26
27
28
 
 
All Blog
การให้อภัยไม่จำเป็น
การที่เราให้อภัยคนอื่นเพราะเราคิดว่าคนอื่นทำผิดต่อเราและเราเชื่อว่าการให้อภัยจะทำให้ทุกสิ่งดีขึ้น ซึ่งเป็นความคิดและความเชื่อที่คลาดเคลื่อนของเราเอง ไม่มีอะไรที่เป็นเหตุบังเอิญ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนมีที่มาที่ไป ถ้าเรารู้ที่มาที่ไปของสิ่งที่เกิดขึ้นเราก็จะรู้ว่าเราไม่มีความจำเป็นที่จะต้องให้อภัยใคร คนเราทำสิ่งที่ผิดหรือถูกก็มาจากความต้องการที่จะเรียนรู้ของเราเอง การใช้ความคิดเพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำให้เราเดินออกจากความไม่รู้ไปสู่ความเป็นผู้รู้ได้ ทุกๆความคิดและทุกความรู้สึกของคนเราจะต้องได้รับการลงตราแสตมป์ซึ่งก็คือการลงมือทำเพื่อให้เกิดภาพเสมือนจริงเพื่อให้จิตได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของสิ่งนั้น เมื่อจิตสามารถรับรู้ถึงการมีอยู่จิตก็สามารถลงตราแสตมป์ให้กับความคิดและความรู้สึกนั้นๆ เมื่อจิตลงตราแสตมป์ให้กับสิ่งใดสิ่งนั้นก็จะถูกเปลี่ยนจากความเชื่อกลายเป็นความจริงสำหรับเราและเมื่อสิ่งนั้นกลายเป็นความจริงสำหรับเรา เราก็จะมีความเชื่อให้กับความจริงนั้นเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นการจะลบล้างความจริงที่เราเชื่อจึงเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย นี่คือสาเหตุของการมีความเชื่ออย่างหัวปักหัวปำในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง และเมื่อเราเชื่ออย่างหัวปักหัวปำในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เราก็จะค้านความเชื่อของสิ่งที่อยู่ตรงกันข้ามกันโดยปริยาย การโต้วาทีหรือการตอบโต้กันด้วยระดับพลังงานที่เท่ากันไม่สามารถทำให้คนเราเปลี่ยนจุดยืนได้ แต่การนำเอาสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอกกลับเข้าไปทำการคิดวิเคราะห์หาที่มาที่ไปใหม่ของคนเราจะสามารถทำให้เราสามารถเดินออกจากความคิดและความเชื่ออย่างหัวปักหัวปำได้ ไม่มีอะไรสูญเปล่าทางด้านความคิดความรู้สึกและการกระทำ

ชีวิตคือการเปลี่ยนแปลง ทุกสิ่งบนโลกนี้คือการเปลี่ยนแปลง ความเชื่อคือความจริง ความจริงก็คือความเชื่อ ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถเป็นได้ทั้งความจริงและความเชื่อ ไม่มีใครผิดไม่มีใครถูก ทุกคนคือคนที่อยู่ในกรอบรูป เมื่อไหร่ที่เราสามารพาตัวเองออกมายืนอยู่นอกกรอบรูปของตัวเองได้ เราจะเห็นว่าทั้งความจริงและความเชื่อคือโซ่ตรวนที่เราผูกตัวเองเอาไว้ ทุกสิ่งทุกอย่างคือการเรียนรู้และลงมือปฎิบัติเพื่อเห็นจริงบ่อยๆ เมื่อเราสามารถเห็นความจริงได้อย่างท่องแท้เมื่อนั้นเราจะเห็นสัจจะ (ความจริงที่ไม่เปลี่ยนแปลง) เมื่อเราเห็นสัจจะเราก็ะหลุดพ้นออกจากความจริงและความเชื่อ ไม่มีอะไรได้มาโดยไม่สูญเสียไป เราไม่สามารถมองเห็นสัจจะได้ถ้าเราไม่ละทิ้งความจริงและความเชื่อ The only true wisdom is in knowing you know nothing. เราไม่สามารถห้ามความคิดของเราและผู้อื่นได้ แต่เราสามารถหยิบเอาความคิดใดความคิดหนึ่งของเราขึ้นมาปฎิบัติได้ การมีชีวิตที่ดีหรือไม่ดี ของเราไม่ใช่เพราะคนอื่นทำให้เป็นแต่เป็นเพราะเรายอมปล่อยให้ความคิดของเราเองบงการกระทำของเราเองโดยไม่รู้ตัวแต่ด้วยความยินยอมพร้อมใจของเราเอง การปล่อยความคิดไปตามยถากรรมคือการปฎิเสธการแสดงความรับผิดชอบต่อตัวเองและต่อผู้อื่นของเราเอง ไม่มีใครพาเรามายืนอยู่ณ.จุดที่เรายืนอยู่ได้



Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2561
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2561 9:22:13 น.
Counter : 579 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 3784113
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



จุกมุ่งหมายคือ การรู้แจ้งเห็นจริงในฐานะมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาคนหนึ่ง

There is no way to happiness, happiness is the way.

การปิดทองหลังพระ ถ้าเราไม่หยุดปิด วันหนึ่งทองก็จะล้นมาด้านหน้าพระเอง

คำพูดที่ปราศจากการกระทำนั้นได้ตายไปแล้ว