มกราคม 2561

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
24
25
26
27
29
31
 
 
20 มกราคม 2561
All Blog
กำแพงสองด้าน
เราทุกคนต่างสร้างกำแพงเพื่อใช้เป็นเกราะป้องกันและใช้เป็นเกราะกำบังสิ่งที่เราคิดและเข้าใจไปเองว่าเป็นสิ่งแปลกปลอมและสิ่งไม่พึงประสงค์ คุณรู้หรือไม่ว่า กำแพงที่เราสร้างนอกจากเราจะใช้เป็นเกราะปกป้องและใช้เป็นเกราะกำบังสิ่งแปลกปลอมและสิ่งไม่พึงประสงค์แล้ว กำแพงที่เราสร้างยังกีดกันและปิดบังความจริงและสิ่งดีดีไม่ให้ผ่านเข้าไปด้วย ชีวิตที่สุขสบายหรือยากลำบาก ชีวิตที่มีความสุขหรือชีวิตที่มีความทุกข์ ชีวิตที่ประสบความสำเร็จหรือชีวิตที่ประสบความล้มเหลว สมหวังในความรักหรือไม่ไม่สมหวังในความรัก ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นผลจากภาพมายา+ความคิดสร้างสรรค์ที่เราสร้างขึ้นเพื่อเล่นเกมซ่อนหา (hide and seek) เกมที่บางครั้งเราก็รู้ตัว(รู้บางส่วนบางช่วงบางตอน) บางครั้งเราก็ไม่รู้ตัว (ไม่รู้บางส่วนบางช่วงบางตอน) คือไม่ได้ไม่รู้ทั้งหมดตลอดเวลาหรือรู้ทั้งหมดตลอดเวลา นี่คือเหตุผลที่ว่า ทำไมบางครั้งเราก็ประสบความสำเร็จและบางครั้งเราก็ไม่ประสบความสำเร็จ แต่ไม่ว่าโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตามที ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นไปเพื่อสนองความต้องการและไม่ต้องการที่จะเอาตัวเองออกนอกขอบเขตความสะดวกสบายและความเคยชินเก่าๆของเรานั่นเอง คุณเชื่อหรือไม่ว่า ไม่ว่าเราจะต้องการหรือไม่ต้องการเราก็จะได้รับสิ่งเหล่านั้นทั้งหมด เพราะมันคือกฎแห่งธรรมชาติ กฎที่ควบคุมความเป็นไปทั้งหมดทั้งที่เรารู้และไม่รู้ การประสบความสำเร็จและไม่ประสบความสำเร็จมาจาก 3 ความคิด+1 การลงมือทำโดยไม่ผ่านกระบวนการทางความคิด(การกระทำที่ไม่ต้องใช้ความคิดเข้าไปมีส่วนร่วมด้วยโดยใช้เพียงความเคยชินเก่าๆเช่น การทำอาหารง่ายๆที่เคยทำมาแล้วหรือการรดน้ำต้นไม้ เป็นต้น หรือใช้การแสดงออกที่อยู่เหนือความคิดขึ้นไปหนึ่งระดับหรือมากกว่าโดยการใช้กฎแห่งธรรมชาติแทนที่การใช้เหตุผล
1. คิดได้และทำได้
2. คิดได้แต่ทำไม่ได้
3. คิดไม่ถึงหรือไม่ได้คิดเลยทำไม่ได้
4. คิดไม่ถึงหรือไม่ได้คิดแต่ทำได้
เราคือคนที่ดึงดูดทั้งสิ่งที่เราต้องการและไม่ต้องการเข้าสู่ความคิด ความรู้สึก และการกระทำของเราด้วยตัวเราเอง กฎแห่งธรรมชาติไม่สามารถทำงานด้วยตัวเองได้ กฎทำได้เพียงตอบสนองกลับพลังงานที่เราส่งออกไปและรับเข้าเท่านั้น เพราะฉะนั้นเราจะได้รับผลจากระดับของพลังงานที่เราส่งออกและรับเข้าเสมอไม่มากและไม่น้อยไปกว่านั้น ถ้าเราไม่พอใจผลลัพธ์ที่ได้เราจะต้องเปลี่ยนระดับของพลังงานที่เราส่งออกและรับเข้าด้วยตัวเราเอง
ยกตัวอย่างง่ายๆที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันที่เราอาจมองข้ามแต่เป็นทฤษฎีที่เราสามารถนำไปใช้เทียบเคียงเพื่อปรับใช้กับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นและเป็นไปในชีวิตได้ เมื่อเด็กไม่สบายเด็กก็ต้องทานยา แต่เด็กปฏิเสธที่จะทานยาเมื่อเด็กมีความคิดที่จะปฎิเสธการทานยา ร่างกายจึงตอบสนองกับความคิดไม่ต้องการทานยาทำให้การทานยาเป็นเรื่องยากขึ้นร่างกายจะแสดงปฎิกริยาโดยอัตโนมัติทำให้เด็กไม่สามารถทานยาได้เช่นเกิดอาการติดขัดในลำคอทำให้กลืนยาได้ยากหรือเมื่อกลืนยาลงไปแล้วร่างกายก็จะอาเจียนยาเหล่านั้นออกมา ซึ่งต้องทำให้พ่อแม่ต้องเริ่มกระบวนการบอกหรือทำให้เด็กทานยาใหม่อีกรอบ *การเริ่มกระบวนการทานยาในรอบที่สองนี้คือกระบวนการสำคัญที่จะทำให้ปัญหาหมดไปหรือยืดเวลาของปัญหาออกไปขึ้นอยู่กับปฏิกิริยาที่พ่อแม่แสดงต่อลูก ถ้าพ่อแม่แสดงอารมณ์โมโหเกรียวกลาดเพราะลูกไม่ยอมทานยาก็เท่ากับพ่อแม่ตอบสนองไปในทางเดียวกันกับพลังงานที่ลูกส่งออกมาเหตุการณ์และปฏิกิริยาของการไม่ยอมทานยาของเด็กและอารมณ์โมโหเกรียวกลาดของพ่อแม่ก็จะเพิ่มระดับขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งพ่อแม่ทนไม่ไหวต้องใช้ความรุนแรงกับเด็กโดยคิดและเข้าใจไปเองว่าเด็กดื้อ พ่อแม่ไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กจึงปฏิเสธการทานยาทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เด็กก็สามารถทานยาเองได้ ซึ่งความไม่เข้าใจของพ่อแม่ไม่สามารถถูกทดแทนด้วยการใช้อารมณ์และความรุนแรงมีเพียงการมอบความรักและการปฎิบัติที่อ่อนโยนทั้งคำพูดและกริยาท่าทางให้กับลูกเท่านั้นที่จะสามารถเปลี่ยนความคิดที่ไม่ยอมทานยาของลูกได้ เมื่อเด็กสามารถรับรู้ความรักผ่านการปฎิบัตที่อ่อนโยนและคำพูดเต็มไปด้วยความรักที่พ่อแม่ส่งมาให้กับเด็กได้ เด็กก็จะเปลี่ยนความคิดที่ไม่ต้องการทานยาเมื่อความคิดเปลี่ยนปฏิกิริยาทางร่างกายก็จะตอบสนองความคิดที่เปลี่ยนเด็กก็สามารถกลับมาทานยาได้เป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
*การไม่ยอมทานยาของเด็กก็มีสาเหตุที่ควบคุมอยู่เบื้องหลัง เช่นเดียวกันกับอารมณ์และความรุนแรงหรือความรักและความอ่อนโยนที่พ่อแม่แสดงออกต่อลูกและคนอื่นก็มีสาเหตุที่คอยควบคุมเราอยู่เบื้องหลังเหมือนกัน ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีที่มาที่ไป การหาที่มาที่ไปของเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นจึงเป็นหน้าที่และอยู่ในความรับผิดชอบของเราทุกคน เพราะฉะนั้นการปัดความรับผิดชอบโดยการกล่าวโทษว่าเป็นความผิดของผู้อื่นคือการแสดงความไม่รักและไม่เคารพตัวเอง เมื่อเราไม่สามารถแสดงความรักและแสดงความเคารพตัวเองได้ เราก็ไม่สามารถแสดงความรักและแสดงความเคารพผู้อื่นได้



Create Date : 20 มกราคม 2561
Last Update : 20 มกราคม 2561 9:06:48 น.
Counter : 591 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 3784113
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



จุกมุ่งหมายคือ การรู้แจ้งเห็นจริงในฐานะมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาคนหนึ่ง

There is no way to happiness, happiness is the way.

การปิดทองหลังพระ ถ้าเราไม่หยุดปิด วันหนึ่งทองก็จะล้นมาด้านหน้าพระเอง

คำพูดที่ปราศจากการกระทำนั้นได้ตายไปแล้ว