Apple has lost a visionary and creative genius, and the world has lost an amazing human being.

But his spirit will forever be the foundation of Apple. 6 October 2011

 
ธันวาคม 2557
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
24 ธันวาคม 2557

นิทรรศการพิเศษ : โขน อัจฉริยนาฏกรรมสยาม (3)

Untitled



โขนมีถิ่นกำเนิดมาตั้งแต่พุทธศาสนาที่ 20 โดยวิวัฒนาการมาจากการละเล่น
3 ประเภทคือ หนังใหญ่ ชักนาคดึกดำบรรพ์ และกระบี่กระบอง
โดยท่าเต้นมาจากหนังใหญ่ รูปแบบเครื่องแต่งกายมาจากการชักนาคดึกดำบรรพ์
และท่าต่อสู้ขึ้นลอยต่อตัวจากระบี่กระบอง

ความอัฉริยะของโขนน่าจะสืบเนื่องมาจากความยิ่งใหญ่ของการละเล่นทั้ง 3
หนังใหญ่เป็นมหรสพที่ขึ้นชื่อลือชาในสมัยกรุงศรีอยุธยา
ซึ่งอาศัยภูมิปัญญาในหลายด้านเช่น การฉลุลายหนังให้เป็นตัวพระ ตัวนาง
ซึ่งบางตัวมีขนาดใหญ่ น้ำหนักมาก และสูงถึง 2 เมตร

หรือการทำจอหนังและอุปกรณ์ที่ทำให้เกิดเงาบนจอ
หรือวิธีการแสดงที่คนเชิดตัวหนังทาบลงบนจอด้านใน
พร้อมกับยกขาเต้นขึ้นลงอย่างแข็งแรงไปตามทำนองจังหวะเพลงในวงปี่พาทย์
และท่าทางตามเสียงผู้พากย์ เจรจา แสดงให้เห็นเงาตัวหนังด้านนอกอย่างสวยงาม


Untitled


การชักนาคดึกดำบรรพ์ใช้ในการพระราชพิธีอินทราภิเษกสมัยกรุงศรีอยุธยา
อันเป็นพิธีกรรมเกี่ยวข้องกับพระอินทร์ ที่ทางพุทธศาสนายกย่องให้เป็นราชาแห่งเทพ
ทั้งนี้เพื่อแสดงหารเป็นจักรพรรดิราชของพระเจ้าแผ่นดินที่พวกตนยกย่อง
ซึ่งผู้เล่นเป็นเทวดาจะแต่งกายยืนเครื่องเลียนแบบเครื่องทรงของพระมหากษัตริย์

และยังมีพวกยักษ์ ลิงที่แต่งกายยืนเครื่องเช่นกัน และสวมหัวโขนปิดใบหน้า
แต่สันนิษฐานว่าคงเป็นเพียงหน้ากากที่เป็นเพียงรูปหน้ายักษ์ ลิง เทวดาเท่านั้น
ส่วนศีรษะอาจจะสวมลอมพอก ต่อมาจึงปรับปรุงทำหัวโขนครอบทั้งศีรษะ
ซึ่งหัวโขนนี้นับถือว่าเป็นครูศักดิ์สิทธิ์ ที่ต้องเคารพกราบไหว้

ฉะนั้นก่อนจะสวมจึงต้องทำพิธีไหว้และครอบครู ผู้เป็นประธานประกอบพิธี
จะต้องได้รับมอบจากพระมหากษัตริย์ให้เป็นผู้ครอบเสียก่อน
โดยการกระทำดังกล่าวยังมีสืบเนื่องมาจนปัจจุบัน

ผู้แสดงทั้ง 4 ประเภท นั้นต้องสวมหัวโขนปิดบังใบหน้าและใช้ผู้ชายแสดง
เพราะว่าเนื้อเรื่องนั้นยกย่องบูชาพระนารายณ์ ดังนั้นจึงมีความเชื่อว่า
นักแสดงไม่สมควรที่จะเปิดเผยใบหน้าเทียมซึ่งเป็นพระผู้เป็นเจ้า
นอกจากนี้ยังต้องมีผู้พากย์เจรจาแทนตัวเอง

ภายหลังได้ปรับเปลี่ยนให้ผู้แสดงตัวพระ ตัวนางสวมชฎาแทน
แต่ก็ยังไม่พูดเจรจาเอง เว้นเสียแต่ตัวตลกหรือฤษีเท่านั้น
ทำให้การแสดงโขนเป็นอัตลักษณ์ที่แตกต่างจากการแสดงอื่นอย่างสิ้นเชิง


Untitled


กระบี่กระบองนั้นก็เป็นการต่อสู้ที่น่าตื่นตาตื่นใจในการแสดง
ที่เป็นภูมิปัญญาบวกกับความเก่งกล้าสามารถของนักรบไทยสมัยโบราณ
ที่ต้องคิดประดิษฐ์ท่าแม่ไม้ แม่ท่า ขึ้นลอยต่อตัว กระบวนรบ
ยุทธวิธีต่างๆ ตลอดจนกระบวนตั้งทัพยามออกศึกสงครามเพื่อเอาชนะศัตรู

ด้วยความยิ่งใหญ่อลังการเหล่านี้ โขนจึงได้มานำท่าทางลีลามาปรับใช้
เป็นการแสดงในขบวนยกทัพ ตรวจพล ด้วยเหตุนี้ จึงปรากฏข้อความ
จากหลักฐานจดหมายเหตุลาลูแบร์ ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
ได้มีการกล่าวถึงการแสดงโขนว่า เป็นการเต้นออกท่าทาง ประกอบกับเสียงซอ
และเครื่องดนตรีประเภทต่าง ๆ ผู้แสดงจะสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าตนเอง

วิธีการแสดงโขน ก่อนจะเริ่มการแสดง ผู้แสดงมักทำพิธีไหว้ครู
ซึ่งมิได้จัดเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงอย่างหนังใหญ่ ดนตรีจะเริ่มบรรเลงเพลงโหมโรง
เพื่อเป็นการเรียกคนดูเมื่อจบชุดแล้วปี่พาทย์ทำเพลงวาเปิดฉาก
ตัวเอกหรือตัวสำคัญของเรื่องจะดำเนินเร่องตามบท แล้วร้องเพลงช้าปี่หรือเพลงยานี
หรือเพลงอื่นๆ ตามบทบาทของตัวโขน ซึ่งมีบทพากย์ เจรจาตามเนื้อเรื่องไปจนจบ

นอกจากนี้การแสดงโขนจะมีตลกโขนแทรกอยู่ด้วย มักจะเป็นพลยักษ์หรือพลลิง
ประมาณ 3-4 ตัว สมหัวโขนแค่ศีรษะ เพื่อให้พูดและเจรจาเองได้
ตัวตลกโขนจะออกมาเพื่อให้คนดูขบขัน โดยยึดเนื้อเรื่องที่แสดงในช่วงนั้นเป็นสำคัญ
เนื้อหานั้นมักจะเป็นเรื่องเสียดสีสังคม และเหตุการณ์ปัจจุบันทั่วไป

พวกตลกมักเป็นพวกที่มีความรู้กว้างขวางโวหารดี และ มีไหวพริบปฏิภาณ
ผู้ชมจะได้รับรสของศิลปะหลายด้าน เช่น ความดีเด่นในบทพากย์โขน
ความไพเราะของการพากย์ การเจรจา การขับร้องดนตรี ความพร้อมเพรียงในการเต้น
ความงดงามของท่ารำ และการตีความของภาษาท่า ความว่องไว สนุกสนานในการต่อสู้
ตลอดจนความงามของเครื่องแต่งกาย



Create Date : 24 ธันวาคม 2557
Last Update : 22 มีนาคม 2565 8:50:32 น. 3 comments
Counter : 223 Pageviews.  

 

Like ให้เป็นคนที่ 1
อุ้มเคยเข้าไปถ่ายเครื่องของโขน
สวยงามจริงๆ เลยค่ะ
ชอบดูโขนมาตั้งแต่ป.6 น่ะค่ะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 24 ธันวาคม 2557 เวลา:23:22:00 น.  

 
ตามประวัติเค้าว่าบูรณะมาเรื่อยค่ะ

...ในสมัย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ พ.ศ. ๒๔๓๙ เมื่อสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศสวรรคตได้ ๒ ปี พระองค์ทรงบำเพ็ญพระราชกุศล โปรดให้นิมนต์สมเด็จพระวันรัต(ฑิต) แต่ยังเป็นพระพิมลธรรมถวายพระธรรมเทศนา แล้วทรงบูชากัณฑ์เทศน์ ๑๐๐๐ ชั่ง ทรงพระราชอุทิศเพื่อปฏิสังขรณ์สิ่งสำคัญในวัดมหาธาตุ คือ พระมณฑป พระอุโบสถ และพระวิหาร ให้เปลี่ยนตัวไม้เครื่องบนที่ชำรุด เปลี่ยนกระเบื้องมุงหลังคาใหม่ ประดับกระจกหน้าบันใหม่ ฉาบปูนผนังใหม่เหมือนกันทุกหลัง แต่ที่หน้าบันพระวิหารนั้นเปลี่ยนลายเป็นรูปจุลมงกุฎของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช จากงบประมาณการบูรณปฏิสังขรณ์ที่ได้มาดังกล่าว จึงโปรดให้เพิ่มสร้อยนามพระอาราม เฉลิมพระเกียรติยศสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชว่า “วัดมหาธาตุ ยุวราชรังสฤษฎิ์”

//www.watmahathat.com/history-of-wat-mahathat/


เคยดูในทีวี อารมณ์คงต่างจากดูแสดงสด มากมายนะคะ


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 25 ธันวาคม 2557 เวลา:19:29:41 น.  

 


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 28 ธันวาคม 2557 เวลา:21:13:14 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ผู้ชายในสายลมหนาว
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]




New Comments
[Add ผู้ชายในสายลมหนาว's blog to your web]