|
9 ธันวาคม 2557
|
|
|
|
โขน : ชุดศึกอินทรชิต ตอนศรนาคบาศ
ในช่วงปลายปีคนไทยก็จะเฝ้ารอว่า จะมีโขนพระราชทานเรื่องใด โดยปี 2557 นี้คือ ชุดศึกอินทชิต ตอนศรนาคบาศ แปลว่าศึกอินทรชิตนั้นเป็นตอนใหญ่จึงตัดมาแสดงเฉพาะช่วงนี้ ซึ่งเป็นตอนที่เรียกว่าสำคัญที่สุด นิยมเล่นกันมากที่สุด
ทุกคนคงทราบข่าวสารได้จากทางโทรทัศน์ โดยต้องมีการซื้อบัตรเข้าชม แต่ทุกปีในช่วงเวลาเดียวกัน กรมศิลปากรก็จะจัดการแสดงกลางแจ้งหลากหลาย บริเวณสนามหญ้าข้างพระที่นั่งพุทไธสวรรย์เป็นประจำทุกสัปดาห์ โดยมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป และหนึ่งในนั้นคือการแสดงโขน
ตอนที่ผมไปชมนั้นเป็นตอนนาคบาศเช่นเดียวกันกับโขนพระราชทานนั่นเอง
หลังจากกุมภกรรณตาย ทศกัณฐ์ก็เสียใจและโกรธแค้นมาก สั่งให้อินทรชิตไปแก้แค้นแทน พระรามจึงส่งให้พระลักษมณ์ไปรบ ผลการรบไม่ปรากฏผลแพ้ชนะ อินทรชิตจึงบอกว่าให้มารบกันใหม่ในวันรุ่งขึ้น
เมื่ออินทรชิตเมื่อกลับเข้ากรุงลงกาแล้ว คิดว่าศัตรูมีกำลังกล้าแข็งมาก จึงทูลทศกัณฐ์ว่าจะไปทำพิธีชุบศรนาคบาศที่เขาอากาศ โดยให้ฝูงนาคมาคายพิษลงบนศร เป็นเวลาเจ็ดวันจึงจะเสร็จพิธี ระหว่างทำพิธีชุบศรทศกัณฐ์ให้วิรุญมุข ลูกวิรุญจำบังยกทัพไปขัดตาทัพ
พระรามรู้ว่าอินทรชิตไม่ยกทัพมา เพราะไปทำพิธีชุบศรนาคบาศในโพรงไม้โรทัน พระรามใช้ให้ชามพูวราช แปลงเป็นหมีไปกัดไม้ที่อาศัยทำพิธีให้หักโค่นลง การเรียกพิษนาคจึงไม่ต่อเนื่อง อำนาจจึงเสื่อม ฝ่ายอินทรชิตเมื่อเสียพิธีแล้วจึงไปยังเขามรกตสมทบกับทัพวิรุญมุข
พระรามให้พระลักษมณ์ออกไปรบอีก แต่ถูกศรนาคบาศของอินทรชิต พิเภกกลับมาบอกพระรามว่า พระลักษมณ์ต้องศรนาคบาศแต่ยังไม่ตาย ให้พระรามแผลงศรพลายวาตไปเรียกพระยาครุฑมา เหล่าพญานาคจะหนีไป พระลักษมณ์และไพร่พลลิงก็จะฟื้น
ได้มาจากอำเภอพิมาย
ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ทุกคนรู้ดีกันอยู่แล้ว แต่เขียนเพื่อเกริ่นนำ ถึงงานชื้นสำคัญชิ้นหนึ่งที่แม้ไม่สวยงามแต่ผมชอบมาก ตั้งอยู่หน้าอาคารมหาสุรสิงหนาท พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ เป็นแผ่นหินทับหลัง ภายใต้คำบรรยายว่าได้มาจากอำเภอพิมาย
เป็นตอนนาคบาศ ด้านล่างมีภาพบุคลนอนอยู่กับพื้น มีบุคคลที่น่าจะเป็นหนุมาน หรืออาจจะเป็นพิเภกประคองอยู่ มีเหล่ไพร่พลลิงที่อยู่ในอาการตกใจ ด้านบนมีครุฑโฉบลงมา ดูแล้วก็ตรงตามที่เล่ามา ไม่เห็นจะแตกต่างกัน
แต่มีอะไรที่น่าจะฉุกคิดเพราะตามบทรามเกียรติ์ควรจะเป็นตอนที่ พระรามมาพบพระลักษมณ์ที่มีลมหายใจรวยรินทำให้เศร้าใจยิ่งนัก สองกรประคองพระอนุชาขึ้นมาและกรรแสงปิ่มว่าจะขาดพระหฤทัย
แต่เมื่อผู้เชียวชาญมาพินิจอย่างใกล้ชิดพบว่าบุคคลที่นอนนั้นเป็นสองคน โดยเหมือนช่างจะแยบคาย สลักภาพคนสองคนถูกมัดหันข้างหลังชนกัน ทำให้ประหยัดพื้นที่เขียนภาพ แต่ก็ยากสำหรับคนในยุคเรา ส่วนคนทางซ้ายที่สวมมงกุฏประคองพระเศียรไว้คือนางสีดา
ใช่แล้ว รามเกียรติ์ที่รู้จักกันดีนั้นเป็นสิ่งที่เรารับผ่านมาอีกทอด ถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงไปจากเรื่องต้นฉบับรามายณะไปหลายแห่ง ดังนั้นเราจึงไม่อาจจะนำความเข้าใจของเนื้อหาในรามเกียรติ์ไปอธิบายได้ แต่เนื่องจากหนังสือไม่ได้อยู่ในมือ ผมอาจจะเล่าผิดก็ได้ฟังไว้เฉยๆ ก็แล้วกัน
ปราสาทบากอง
ในรามายณะนั้นการรบไม่ได้เกิดขึ้นแบบนิยายที่ต้องส่งคนมาขัดตาทัพ เพราะศรนาคบาศที่อินทรชิตได้มาจากการสวดบูชาพระพรหมนั้น พร้อมใช้ตลอดเวลา ไม่ต้องเสียเวลามานั่งทำพิธีลับให้คมแบบรามเกียรติ์
อินทรชิตเป็นลูกของทศกรรณ ชื่อนั้นได้มาเมื่อคราวที่ทศกรรณฑ์ยกพลไปทำศึกกับเหล่าเทวดา อินทรชิตสามารถหักงาช้างเอราวรรณ และใช้ศรนาคบาศจับพระอินทร์มัดมาส่งให้พ่อได้
อินทรชิตนั้นหรือก็คือผู้พิชิตพระอินทร์นั่นเอง
อินทรชิตนั้นเชื่อมั่นในอานุภาพแห่งศร เมื่อมัดพระรามและพระลักษณ์แล้ว ก็ส่งข่าวไปหาทศกัณฑ์ ทศกัณฑ์จึงนำข่าวไปแจ้งให้นางสีดาเพื่อจะได้ตัดใจมาอยู่กับตน แต่นางสีดาไม่เชื่อ ทศกัณฑ์จึงมอบบุษบกแก้วของวิเศษที่ตนเองได้มาจากท้าวกุเวน ให้เป็นพาหนะเหาะไปดูเหตุการณ์ยังสนามรบด้วยตาของตนเอง
เมื่อนางสีดาเห็นพระรามและพระลักษณ์ถูกศรนาคบาศมัดแน่นิ่ง นางก็ร่ำไห้เสียใจ แต่พี่เลี้ยงนั้นปลอบใจว่า ทั้งสองเป็นกษัตริย์ผู้กล้า ไม่น่าจะมาสิ้นพระชนม์อยู่เพียงเท่านี้
นางสีดาจึงอธิษฐานต่อบุษบกแก้วว่า หากทั้งสองพระองค์สิ้นแล้ว ให้บุษบกแก้วจงตกลงสู่พื้นไม่สามารถลอยขึ้นได้ ปรากฏว่าบุษบกแก้วยังคงลอยนิ่งอยู่เหนืออากาศดังเดิม นางจึงมั่นใจว่าทั้งสองพระองค์ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ แล้วเดินทางกลับ
หลังจากเวลาผ่านไปพระรามได้สติขึ้นมาจึงส่งกระแสจิตไปยังพญาครุฑ พญาครุฑหยั่งรู้ด้วยญาณว่าได้เวลาที่ต้องเดินทางไปช่วยนารายณ์อวตาร จากนั้นก็เป็นอย่างที่เราทราบ เหล่านาคทั้งหลายต่างต้องหนีตาย เมื่อเห็นพญาครุฑโฉบมา เหล่าพลพรรควานรก็ฟื้นคืนชีพ
เพราะในรามายณะพระรามมีศรเพียงชนิดเดียว ไม่ได้มีสามแบบเหมือนในรามเกียรติ์ เท่าที่จำได้คนที่ประคองทั้งสองน่าจะเป็นพิเภก เพราะเป็นกุนซืออยู่แนวหลัง และถ้าจำไม่ผิด เวอร์ชั่นรามายณะแม้แต่หนุมานก็โดนศรนาคบาศไปเหมือนกัน
นอกจากทับหลังชิ้นนี้แล้ว ทราบว่ายังมีอีกชิ้นที่เป็นตอนเดียวกัน และยังคงอยู่ที่เดิม ถ้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นพนมรุ้งกระมัง แต่อีกชิ้นที่เคยเห็นนั้นอยู่ที่ปราสาทบากอง เมืองเสียมเรียบ
ภาพดูไม่ยากนะครับ
Create Date : 09 ธันวาคม 2557 |
|
4 comments |
Last Update : 22 มีนาคม 2565 8:49:26 น. |
Counter : 728 Pageviews. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 9 ธันวาคม 2557 21:56:19 น. |
|
|
|
| |
|
|
ผู้ชายในสายลมหนาว |
|
|
|
|
ปกติอุ้มไม่เคยพลาด
ปีนี้เป็นปีที่ไม่สะดวกไปดูโขนเลยค่ะ