|
17 ธันวาคม 2557
|
|
|
|
นิทรรศการพิเศษ : โขน อัจฉริยนาฏกรรมสยาม (1)
ระนาดเอกที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯทรงบรรเลงประกอบการแสดงโขน
กรมศิลปากรขอเชิญชมนิทรรศการพิเศษเนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย 2556 เรื่อง “โขน : อัจฉริยนาฏกรรมสยาม” ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 6 เมษายน 2557 ณ พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
โดยวัตถุโดดเด่นที่นำมาจัดแสดง อาทิ ระนาดเอกที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงบรรเลงประกอบในการแสดงโขน ที่สำนักการสังคีตจัดสร้างถวาย ศีรษะหนุมาน (หน้ามุก) งานฝีพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทศกัณฐ์ทรงมงกุฏยอดชัยประดิษฐ์ด้วยโลหะ (ทองแดง) ที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5
เครื่องประดับในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทาน ให้เจ้าพระยารามราฆพสวมแสดงโขนของกรมมหรสพ
และนั่นคือคำโปรยเพื่อชวนเชิญคนไทยทุกคนได้เข้าชม หนึ่งในศิลปะขั้นสูงที่ปรกติเราไม่สามารถจะสัมผัสได้อย่างใกล้ชิด
ในสมัยโบราณพระมหากษัติรย์ของไทยถือว่าโขนเป็นราชูปโภคส่วนพระองค์ เป็นการแสดงต้องห้าม มิให้ประชาชนมีไว้แสดงในงานทั่วไป ครั้นต่อมาจึงทรงอนุญาตให้เจ้านายและข้าราชการผู้ใหญ่มีการฝึกหัดโขนได้ เมื่อการแสดงโขนแพร่หลาย จึงใช้ในการแสดงประกอบการสมโภชทั่วไป
เครื่องบูชาครู และชุดสุธรารสที่สมเด็จพระเทพฯ ทรงใช้ขณะซ้อมดนตรี
โขนมีวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงการเล่นด้วยวิธีต่างๆ จึงได้มีการบัญญัติศัพท์ตามลักษณะการแสดงออกเป็น 5 ประเภท 1. โขนกลางแปลง ได้แก่การแสดงโขนบนพื้นดินกลางสนาม ไม่ต้องสร้างโรงให้เล่น เดิมมีการยกทัพและการรบเท่านั้น
2. โขนนั่งราว หรือโขนโรงนอกจัดแสดงบนโรงไม่มีเตียงสำหรับนายโรงนั่ง มีแต่ทำราวไม้พาดตามส่วนยาวของโรงให้นั่ง ดำเนินเรื่องด้วยการพากย์-เจรจา ไม่มีการขับร้อง 3. โขนหน้าจอ ได้แก่การเล่นโขนหน้าจอหนังใหญ่ มีเตียงให้ผู้แสดงตัวเอกนั่ง วิธีการเล่นแต่เดิมเหมือนโขนโรงนอก ต่างกันแค่เล่นบนเวทีหน้าจอ ปัจจุบันดำเนินเรื่องด้วยการพากย์ เจรจา และขับร้อง
4. โขนโรงใน ปรับปรุงตามแบบอย่างการแสดงละครใน ซึ่งพระมหากษัตริย์ และและกวีแห่งราชสำนักได้ร้อยกรองบทพากย์ เจรจา และบทขับร้อง ด้วยถ้อยคำอันไพเราะ ให้เหมาะกับการแสดงทั้งยังปรับปรุงวิธีการเล่นให้ประณีตบรรจง
5. โขนฉาก สันนิษฐานว่าเกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ เป็นผู้คิดฉากประกอบการแสดงโขนเวทีคล้ายกับละครดึกดำบรรพ์ วิธีการแสดงเป็นแบบโขนโรงใน แต่มีการสร้างฉากให้เข้ากับเหตุการณ์ตามท้องเรื่อง
ศรีษะทศกัณฑ์หน้าทอง ทรงมงกุฏยอดชัยประดิษฐ์ด้วยโลหะทองแดง เดิมเป็นของเจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธำรง (เพ็ง เพ็งกุล) สร้างสมัยรัชกาลที่ 5
ตัวโขนนั้นแบ่งเป็น 4 ฝ่าย ได้แก่ ฝ่ายพระ ฝ่ายนาง ฝ่ายยักษ์ และฝ่ายลิง
ฝ่ายพระ แบ่งได้เป็น พระใหญ่ เช่น พระอิศวร พระนารยณ์ พระราม พระน้อย เช่น พระพรต พระลักษณ์ พระสัตรุต พระเสนา เช่น สุมันตัน เสนาพระ เช่น พวกไพร่พล
ฝ่ายนาง แบ่งได้เป็น นางตัวเอก เช่นพระอุมา พระลักษมี นางสีดา นางตัวรอง เช่น นางตรีชฎา นางเบญจกาย ยางสุวรรณกันยุมา นางกำนัล เช่น นางค่อมกุจจี นางเถ้าแก่ นางสนม
ฝ่ายยักษ์แบ่งออกเป็น ยักษ์ใหญ่ เช่น ทศกัณฑ์ ยักษ์น้อย เช่น กุมภกรรณ อินทรชิต ยักษ์ต่างเมือง เช่น มัยราพณ์ แสงอาทิตย์ สัทธาสูร ยักษ์เสนา เสนายักษ์ และเขนยักษ์
ฝ่ายลิง แบ่งออกเป็น พญาวานร เช่น มหาชมพู พาลี สุครีพ หนุมาน สิแปดมงกุฏ ได้แก่ ไวยบุตร เกสรทมาลา ไชยาพวาน เตียวเพชร ได้แก่ ปิงคลา ทวิพัท วาหุโรม จังเกียง และเขนลิง
ทศกัณฑ์หน้าพระอินทร์ของกรมปีพาทย์และโขนหลวงในสมัยรัชกาลที่ 6 ตอนทศกัณฑ์ล้ม พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 1 เชื่อว่าใช้แสดงเพียงครั้งเดียว
การคัดเลือกผู้ฝึกหัดโขน จะเลือกเด็กที่จบการศึกษาชั้น ป. 6 แล้วมาเรียนต่อที่วิทยาลัยนาฏศิลปะ ฝ่ายยักษ์คัดเลือกจากเด็กผู้ชายที่มีรูปร่างสูงใหญ่ กำยำ ลำคอระหง มีร่างกายแข็งแรง ใบหน้าไม่จำเป็นต้องสวยงาม
ฝ่ายลิงคัดจากเด็กที่มีรูปร่างท้วม สูง หรือเตี้ยก็ได้ ลำคอสั้น ท่าทางคล่องแคล่วว่องไว มือเท้าไม่ใหญ่นัก มีร่างกายแข็งแรง ฝ่ายพระคัดเลือกจากเด็กผู้ชายที่มีเรียว จมูกโด่งเป็นสันสวยงาม ลำคอสูงโปร่ง มือเท้าเรียวยาว ลำตัวสูงระหง เอวเล็ก ช่วงขา และแขนยาวสมส่วน
ในปัจจุบันอาจจะใช้ผู้หญิงเล่นเป็นตัวพระด้วย
ฝ่ายนางคัดเลือกจากเด็กผู้หญิงที่มีใบหน้ากลม จมูกโด่งเป็นสันสวยงาม มือเท้าเรียวยาว รูปร่างเล็ก เอวเล็ก ช่วงขาและแขนยาวสมส่วน
Create Date : 17 ธันวาคม 2557 |
|
3 comments |
Last Update : 22 มีนาคม 2565 8:50:07 น. |
Counter : 275 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|
ผู้ชายในสายลมหนาว |
|
|
|
|
อันนี้ขอโหวตให้หมวดศิลปะนะคะ
ขอบคุณที่ไปทักเรื่องชื่อบัตรเครดิตด้วยค่ะ แก้แล้วนะค้าา แฮ่..