|
24 ธันวาคม 2557
|
|
|
|
นิทรรศการพิเศษ : โขน อัจฉริยนาฏกรรมสยาม (3)
โขนมีถิ่นกำเนิดมาตั้งแต่พุทธศาสนาที่ 20 โดยวิวัฒนาการมาจากการละเล่น 3 ประเภทคือ หนังใหญ่ ชักนาคดึกดำบรรพ์ และกระบี่กระบอง โดยท่าเต้นมาจากหนังใหญ่ รูปแบบเครื่องแต่งกายมาจากการชักนาคดึกดำบรรพ์ และท่าต่อสู้ขึ้นลอยต่อตัวจากระบี่กระบอง
ความอัฉริยะของโขนน่าจะสืบเนื่องมาจากความยิ่งใหญ่ของการละเล่นทั้ง 3 หนังใหญ่เป็นมหรสพที่ขึ้นชื่อลือชาในสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งอาศัยภูมิปัญญาในหลายด้านเช่น การฉลุลายหนังให้เป็นตัวพระ ตัวนาง ซึ่งบางตัวมีขนาดใหญ่ น้ำหนักมาก และสูงถึง 2 เมตร
หรือการทำจอหนังและอุปกรณ์ที่ทำให้เกิดเงาบนจอ หรือวิธีการแสดงที่คนเชิดตัวหนังทาบลงบนจอด้านใน พร้อมกับยกขาเต้นขึ้นลงอย่างแข็งแรงไปตามทำนองจังหวะเพลงในวงปี่พาทย์ และท่าทางตามเสียงผู้พากย์ เจรจา แสดงให้เห็นเงาตัวหนังด้านนอกอย่างสวยงาม
การชักนาคดึกดำบรรพ์ใช้ในการพระราชพิธีอินทราภิเษกสมัยกรุงศรีอยุธยา อันเป็นพิธีกรรมเกี่ยวข้องกับพระอินทร์ ที่ทางพุทธศาสนายกย่องให้เป็นราชาแห่งเทพ ทั้งนี้เพื่อแสดงหารเป็นจักรพรรดิราชของพระเจ้าแผ่นดินที่พวกตนยกย่อง ซึ่งผู้เล่นเป็นเทวดาจะแต่งกายยืนเครื่องเลียนแบบเครื่องทรงของพระมหากษัตริย์
และยังมีพวกยักษ์ ลิงที่แต่งกายยืนเครื่องเช่นกัน และสวมหัวโขนปิดใบหน้า แต่สันนิษฐานว่าคงเป็นเพียงหน้ากากที่เป็นเพียงรูปหน้ายักษ์ ลิง เทวดาเท่านั้น ส่วนศีรษะอาจจะสวมลอมพอก ต่อมาจึงปรับปรุงทำหัวโขนครอบทั้งศีรษะ ซึ่งหัวโขนนี้นับถือว่าเป็นครูศักดิ์สิทธิ์ ที่ต้องเคารพกราบไหว้
ฉะนั้นก่อนจะสวมจึงต้องทำพิธีไหว้และครอบครู ผู้เป็นประธานประกอบพิธี จะต้องได้รับมอบจากพระมหากษัตริย์ให้เป็นผู้ครอบเสียก่อน โดยการกระทำดังกล่าวยังมีสืบเนื่องมาจนปัจจุบัน
ผู้แสดงทั้ง 4 ประเภท นั้นต้องสวมหัวโขนปิดบังใบหน้าและใช้ผู้ชายแสดง เพราะว่าเนื้อเรื่องนั้นยกย่องบูชาพระนารายณ์ ดังนั้นจึงมีความเชื่อว่า นักแสดงไม่สมควรที่จะเปิดเผยใบหน้าเทียมซึ่งเป็นพระผู้เป็นเจ้า นอกจากนี้ยังต้องมีผู้พากย์เจรจาแทนตัวเอง
ภายหลังได้ปรับเปลี่ยนให้ผู้แสดงตัวพระ ตัวนางสวมชฎาแทน แต่ก็ยังไม่พูดเจรจาเอง เว้นเสียแต่ตัวตลกหรือฤษีเท่านั้น ทำให้การแสดงโขนเป็นอัตลักษณ์ที่แตกต่างจากการแสดงอื่นอย่างสิ้นเชิง
กระบี่กระบองนั้นก็เป็นการต่อสู้ที่น่าตื่นตาตื่นใจในการแสดง ที่เป็นภูมิปัญญาบวกกับความเก่งกล้าสามารถของนักรบไทยสมัยโบราณ ที่ต้องคิดประดิษฐ์ท่าแม่ไม้ แม่ท่า ขึ้นลอยต่อตัว กระบวนรบ ยุทธวิธีต่างๆ ตลอดจนกระบวนตั้งทัพยามออกศึกสงครามเพื่อเอาชนะศัตรู
ด้วยความยิ่งใหญ่อลังการเหล่านี้ โขนจึงได้มานำท่าทางลีลามาปรับใช้ เป็นการแสดงในขบวนยกทัพ ตรวจพล ด้วยเหตุนี้ จึงปรากฏข้อความ จากหลักฐานจดหมายเหตุลาลูแบร์ ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้มีการกล่าวถึงการแสดงโขนว่า เป็นการเต้นออกท่าทาง ประกอบกับเสียงซอ และเครื่องดนตรีประเภทต่าง ๆ ผู้แสดงจะสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าตนเอง
วิธีการแสดงโขน ก่อนจะเริ่มการแสดง ผู้แสดงมักทำพิธีไหว้ครู ซึ่งมิได้จัดเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงอย่างหนังใหญ่ ดนตรีจะเริ่มบรรเลงเพลงโหมโรง เพื่อเป็นการเรียกคนดูเมื่อจบชุดแล้วปี่พาทย์ทำเพลงวาเปิดฉาก ตัวเอกหรือตัวสำคัญของเรื่องจะดำเนินเร่องตามบท แล้วร้องเพลงช้าปี่หรือเพลงยานี หรือเพลงอื่นๆ ตามบทบาทของตัวโขน ซึ่งมีบทพากย์ เจรจาตามเนื้อเรื่องไปจนจบ
นอกจากนี้การแสดงโขนจะมีตลกโขนแทรกอยู่ด้วย มักจะเป็นพลยักษ์หรือพลลิง ประมาณ 3-4 ตัว สมหัวโขนแค่ศีรษะ เพื่อให้พูดและเจรจาเองได้ ตัวตลกโขนจะออกมาเพื่อให้คนดูขบขัน โดยยึดเนื้อเรื่องที่แสดงในช่วงนั้นเป็นสำคัญ เนื้อหานั้นมักจะเป็นเรื่องเสียดสีสังคม และเหตุการณ์ปัจจุบันทั่วไป
พวกตลกมักเป็นพวกที่มีความรู้กว้างขวางโวหารดี และ มีไหวพริบปฏิภาณ ผู้ชมจะได้รับรสของศิลปะหลายด้าน เช่น ความดีเด่นในบทพากย์โขน ความไพเราะของการพากย์ การเจรจา การขับร้องดนตรี ความพร้อมเพรียงในการเต้น ความงดงามของท่ารำ และการตีความของภาษาท่า ความว่องไว สนุกสนานในการต่อสู้ ตลอดจนความงามของเครื่องแต่งกาย
Create Date : 24 ธันวาคม 2557 |
|
3 comments |
Last Update : 22 มีนาคม 2565 8:50:32 น. |
Counter : 222 Pageviews. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 24 ธันวาคม 2557 23:22:00 น. |
|
|
|
| |
|
|
ผู้ชายในสายลมหนาว |
|
|
|
|
อุ้มเคยเข้าไปถ่ายเครื่องของโขน
สวยงามจริงๆ เลยค่ะ
ชอบดูโขนมาตั้งแต่ป.6 น่ะค่ะ