|
22 ธันวาคม 2557
|
|
|
|
นิทรรศการพิเศษ : โขน อัจฉริยนาฏกรรมสยาม (2)
คำร้องที่ใช้ในการแสดงโขนแบ่งออกเป็นบทร้อง บทเจรจา และบทพากย์ บทพากย์โขนในการแสดงโขนเป็นประเภทกาพย์ยานี 11 หรือกาพย์ฉบัง 16 ตามจารีตเมื่อพากย์จบหนึ่งบท ปี่พาทย์จะตีตะโพนท้าและตีกลองทัดต่อจากตะโพน ผู้แสดงภายในโรงจะร้องรับว่า "เพ้ย" พร้อม ๆ กัน ซึ่งคำว่าเพ้ยนี้ยังหาที่มามิได้
ในสมัยรัชกาลที่ 6 โปรดให้ใช้คำว่า ชไย แทนในตอนพากย์ชมรถหรือกระบวนทัพ ฝ่ายมนุษย์และวานร เพราะเชื่อว่าจะเป็นสิริมงคลสามารถเอาชนะต่อฝ่ายศัตรู แต่ต่อมาก็สิ้นความนิยมกลับมาใช้เพ้ยเช่นเดิม บทพากย์ที่เป็นกลอนแบ่งออกเป็น 6 ประเภท
การพากย์เมืองหรือพากย์พลับพลา ใช้สำหรับพากย์เวลาผู้แสดงตัวเอก ออกท้องพระโรงหรือออกพลับพลา เช่น ทศกัณฐ์ พระรามหรือพระลักษมณ์ เช่น พระรามเสด็จออกพลับพลา รับการเข้าเฝ้าของพิเภก สุครีพ หนุมานและเหล่าเสนาลิง
การพากย์รถหรือพากย์พาหนะใช้สำหรับพากย์เวลาผู้แสดงเอ่ยชมพาหนะ และการจัดกระบวนทัพหรือใช้พากย์เวลาผู้แสดงตัวเองทรงพาหนะ ตลอดจนชมไพร่ เช่น พระราม พระลักษมณ์ ทรงราชรถออกทำศึกกับทศกัณฐ์
การพากย์ชมดงใช้สำหรับพากย์เวลาผู้แสดงชมสภาพภูมิประเทศ ป่าเขา ลำเนาไพร เริ่มทำนองตอนต้นเป็นทำนองร้องเพลงชมดงใน ตอนท้ายเป็นทำนองการพากย์ธรรมดา เช่น ตอนพระราม พระลักษมณ์และนางสีดา เอ่ยชมสภาพป่าที่มีความสวยงาม หลังจากออกจากเมืองเพื่อบวชเป็นฤษีในป่า
การพากย์โอ้ใช้สำหรับพากย์เวลาผู้แสดงมีอาการเศร้าโศกเสียใจ รำพันถึงคนรัก เริ่มทำนองตอนต้นเป็นการพากย์ ตอนท้ายเป็นทำนองการร้องเพลงโอ้ปี่ ก่อนที่ลูกคู่จะร้องรับว่าเพ้ย ทำให้แตกต่างจากการพากย์ประเภทอื่น เช่น ตอนนางเบญจกายแปลง เพื่อให้พระรามเข้าใจว่านางสีดาตาย
การพากย์บรรยายใช้สำหรับพากย์เวลาบรรยายความเป็นมาของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เป็นการขยายความเป็นมาเป็นไปของสิ่งของนั้น ๆ เช่น การพากย์บรรยายตำนานรัตนธนู คันศรที่พระวิศวกรรมสร้างถวายพระนารายณ์ตอนอวตารมาเป็นพระราม
การพากย์เบ็ดเตล็ด ใช้สำหรับพากย์ใช้ในโอกาสทั่ว ๆ ไปในการแสดง เป็นการพากย์เรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่จัดอยู่ในการพากย์ประเภทใด เช่น พระรามสั่งให้หนุมาน องคตและชมพูพาน ไปสืบเรื่องของนางสีดา และมอบธำมงค์และภูษาไปให้เพื่อเป็นการทดสอบจิตใจของนางสีดา
บทเจรจาแตกต่างจากบทร้องและบทพากย์ตรงที่เป็นบทกวีแบบร่ายยาว มีการส่งและรับคำสัมผัสอย่างต่อเนื่อง ใช้ถ้อยคำสละสลวย คล้องจอง มีสัมผัสนอกสัมผัสใน โดยใช้น้ำเสียงในการเจรจาให้เหมาะกับตัวโขน ใส่ความรู้สึกให้เหมาะกับอารมณ์ของตัวละครในเรื่อง
เช่น เจรจาเสียงเทวดาก็ต้องปรับน้ำเสียงให้นุ่ม สุภาพ เจรจาเสียงยักษ์ก็ต้องปรับเสียงให้ดัง ดุร้ายและแกร่งกร้าว การพากย์บทเจรจาใช้ผู้ชายเป็นผู้ให้เสียงไม่ต่ำกว่าสองคน เพื่อทำหน้าที่ทั้งพากย์และเจรจา บางครั้งมีการเหน็บแนมเสียดสีโต้ตอบระหว่างกัน
แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือเจรจาต้น และเจรจากระทู้ เจรจาต้น คือบทการเจรจาที่ผู้พากย์แต่งขึ้นเองสดๆ โดยอาศัยการจดจำที่แม่นยำ ซึ่งในในปัจจุบันทำได้ยาก ส่วนมากจึงเป็นการแต่งไว้ล่วงหน้าแทบทั้งสิ้น
การเจรจากระทู้แตกต่างกันคือมีการบันทึกการเจรจาในช่วงสำคัญไว้แต่ครั้งในอดีต คนพากย์มีหน้าที่เพียงต้องจดจำ เพื่อให้การเจรจานั้นสอดคล้องกันกับบทที่ได้แต่งไว้ เช่น ตอนทศกัณฐ์สนทนากับพระราม ตอนทศกัณฑฐ์สนทนากับกุมภกรรณ ตอนพระรามกริ้วหนุมานในตอนนางลอย และตอนเข้าพระเข้านาง เป็นต้น
Create Date : 22 ธันวาคม 2557 |
|
3 comments |
Last Update : 22 มีนาคม 2565 8:50:20 น. |
Counter : 499 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|
ผู้ชายในสายลมหนาว |
|
|
|
|
ปล.เที่ยวไม่สมบุกสมบันเท่าไหร่ค่ะ แต่ใคร ๆ ก็บ่นเรื่องนั่งรถและถนนกันทุกคน