Apple has lost a visionary and creative genius, and the world has lost an amazing human being.

But his spirit will forever be the foundation of Apple. 6 October 2011

<<
พฤศจิกายน 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
20 พฤศจิกายน 2555

Midway : turning point of The Pacific War (4)



เครื่องบินดำทิ้งระเบิดแบบ D3A1 Val

ในสงครามโลกครั้งที่สอง ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าอาวุธเชิงรุกที่น่ากลัวที่สุด
ก็คือเรือบรรทุกเครื่องบิน ดังนั้นมันจึงเป็นเป้าหมายหลักของข้าศึกที่ต้องจมมันลงให้ได้
กลยุทธ์ของฝ่ายรุกก็คือ ปล่อยหมู่บินที่ประกอบกำลังกันราว 12-18 ลำต่อฝูง
โดยมีเครื่องบินขับไล่บินอยู่ด้านบนเพื่อคอยสกัดกั้นเครื่องบินเครื่องบินขับไล่ข้าศึก

เครื่องบินประเภทที่หนึ่งก็คือ เครื่องบินดำทิ้งระเบิด กลยุทธ์ก็คือบินโฉบลงมาจากที่สูง
ลงมาหาเรือบรรทุกเครื่องบินตามแนวยาวของเรือจากนั้นนักบินจะปลดระเบิดขนาด 1000 ปอนด์
ที่บรรทุกมาใส่ดาดฟ้าจากนั้นลำที่สองก็จะโฉบลงมา โดยอาจจะแบ่งกัน 3-4 เครื่องต่อหนึ่งการโจมตี
ท้ายเครื่องบินนั้นจะมีพลปืนหนึ่งคนนั่งหันหลังให้นักบินทำหน้าที่ยิงเครื่องบินขับไล่ข้าศึก

เครื่องบินประเภทที่สองก็คือ เครื่องบินทิ้งตอร์ปิโดที่จะมีลูกเรือสามคน คนแรกคือนักบิน
คนที่สองคือเจ้าหน้าที่นำร่องและผู้ใช้อาวุธ ส่วนทีสามจะนั่งหันหลังให้นักบินทำหน้าที่
พลวิทยุและพลปืนท้าย กลยุทธ์การโจมตีก็คือ เมื่อเห็นเป้าหมายจากที่สูงก็จะพุ่งลงมาหา
เรือบรรทุกเครื่องบินจากด้านข้างในระดับยอดคลื่น หมู่บินจะกระจายกันออกหาช่องว่าง

เมื่อเข้าระยะก็จะปลดตอร์ปิโดขนาด 1000 ปอนด์ หรือ 500 ปอนด์สองลูกที่ติดมา
ตอร์ปิโดจะโจมตีกราบเรือที่อยู่ใต้น้ำ จากนั้นเครื่องบินจะเชิดหัวขึ้นและหนีจากไป




เครื่องบินติดตอร์ปิโดแบบ B5N2 Kate

ส่วนกลยุทธ์ของฝ่ายรับ จะใช้เครื่องบินขับไล่คอยบินลาดตระเวนอยู่ในมุมสูง
ห่างกองเรือราว 5-10 ไมล์ เพื่อคอยตรวจจับเครื่องบินข้าศึก เมื่อพบเห็นก็จะแยกย้ายกัน
จู่โจมเครื่องบินที่อุ้ยอ้ายเหล่านี้ หากโชคดีสามารถหลบหนีเครื่องบินขับไล่คุ้มกันมาได้
พวกเค้าต้องลดระดับลงเพื่อโจมตี ซึ่งจะเป็นปืนใหญ่แตกอากาศที่จะสกัดกั้นในระดับสูง

ฉากนอกของกองเรือคือเรือคุ้มกันขนาดเล็ก ความคล่องตัวสูง แต่ติดอาวุธไม่มาก
หากฝ่าเข้ามาในแนวกลางของวงแหวนนี้ได้ พวกเค้าจะพบกับเรือลาดตระเวนขนาดหนัก
ที่ติดอาวุธต่อสู้อากาศยาน ที่พร้อมที่จะยิงเครื่องบินที่หลุดรอดเข้ามาให้หมด
สุดท้ายจะเหลือเครื่องบินไม่มากนักที่จะหลุดเข้ามาถึงหัวใจของกองเรือบรรทุกเครื่องบินได้

ตอนนี้เรือบรรทุกเครื่องบินต้องช่วยเหลือตัวเอง ด้วยการยิงเครื่องบินที่อยู่ในระดับต่ำ
ด้วยปืนต่อสู้อากาศยานนานาชนิดที่มี เพราะนั่นเป็นโอกาสสุดท้ายแล้วในการป้องกันตนเอง
ในช่วงต้นของสงครามอเมริกาประสบปัญหาเรื่องการคุ้มกันเครื่องบินทิ้งระเบิดเหล่านี้
เนื่องจาก F4F wildcat นั้นเทอะทะ ไม่คล่องตัวเมื่อเทียบกับ AM6 Zero ของญี่ปุ่น

นอกจากนี้ระยะทำการบินยังสั้นเพียง 1200 กิโลเมตร เมื่อเทียบกับเครื่องบินขับไล่ญี่ปุ่น
ที่ผลิตจากอลูมิเนียมแผ่นบางที่พิสัยการบินไกลถึง 3000 กิโลเมตร เมื่อใช้ถังน้ำมันสำรอง
หลายลำจึงต้องบินกลับเรือบรรทุกเครื่องบินก่อนที่จะพบกองเรือข้าศึก หรือมิฉะนั้นก็ตกทะเล
พวกเค้าจะปรับปรุงพวกมันในเวลาไม่นานในชื่อ F6F Tomcat ที่จะลบข้อด้อยเหล่านี้ออกไป




 

Create Date : 20 พฤศจิกายน 2555
1 comments
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2555 7:31:09 น.
Counter : 1481 Pageviews.

 

อ่านต่อ...ค่ะ


 

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 21 พฤศจิกายน 2555 19:49:45 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


ผู้ชายในสายลมหนาว
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 21 คน [?]




New Comments
[Add ผู้ชายในสายลมหนาว's blog to your web]