Midway : turning point of The Pacific War (4)
เครื่องบินดำทิ้งระเบิดแบบ D3A1 Val
ในสงครามโลกครั้งที่สอง ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าอาวุธเชิงรุกที่น่ากลัวที่สุด ก็คือเรือบรรทุกเครื่องบิน ดังนั้นมันจึงเป็นเป้าหมายหลักของข้าศึกที่ต้องจมมันลงให้ได้ กลยุทธ์ของฝ่ายรุกก็คือ ปล่อยหมู่บินที่ประกอบกำลังกันราว 12-18 ลำต่อฝูง โดยมีเครื่องบินขับไล่บินอยู่ด้านบนเพื่อคอยสกัดกั้นเครื่องบินเครื่องบินขับไล่ข้าศึก
เครื่องบินประเภทที่หนึ่งก็คือ เครื่องบินดำทิ้งระเบิด กลยุทธ์ก็คือบินโฉบลงมาจากที่สูง ลงมาหาเรือบรรทุกเครื่องบินตามแนวยาวของเรือจากนั้นนักบินจะปลดระเบิดขนาด 1000 ปอนด์ ที่บรรทุกมาใส่ดาดฟ้าจากนั้นลำที่สองก็จะโฉบลงมา โดยอาจจะแบ่งกัน 3-4 เครื่องต่อหนึ่งการโจมตี ท้ายเครื่องบินนั้นจะมีพลปืนหนึ่งคนนั่งหันหลังให้นักบินทำหน้าที่ยิงเครื่องบินขับไล่ข้าศึก
เครื่องบินประเภทที่สองก็คือ เครื่องบินทิ้งตอร์ปิโดที่จะมีลูกเรือสามคน คนแรกคือนักบิน คนที่สองคือเจ้าหน้าที่นำร่องและผู้ใช้อาวุธ ส่วนทีสามจะนั่งหันหลังให้นักบินทำหน้าที่ พลวิทยุและพลปืนท้าย กลยุทธ์การโจมตีก็คือ เมื่อเห็นเป้าหมายจากที่สูงก็จะพุ่งลงมาหา เรือบรรทุกเครื่องบินจากด้านข้างในระดับยอดคลื่น หมู่บินจะกระจายกันออกหาช่องว่าง
เมื่อเข้าระยะก็จะปลดตอร์ปิโดขนาด 1000 ปอนด์ หรือ 500 ปอนด์สองลูกที่ติดมา ตอร์ปิโดจะโจมตีกราบเรือที่อยู่ใต้น้ำ จากนั้นเครื่องบินจะเชิดหัวขึ้นและหนีจากไป
เครื่องบินติดตอร์ปิโดแบบ B5N2 Kate
ส่วนกลยุทธ์ของฝ่ายรับ จะใช้เครื่องบินขับไล่คอยบินลาดตระเวนอยู่ในมุมสูง ห่างกองเรือราว 5-10 ไมล์ เพื่อคอยตรวจจับเครื่องบินข้าศึก เมื่อพบเห็นก็จะแยกย้ายกัน จู่โจมเครื่องบินที่อุ้ยอ้ายเหล่านี้ หากโชคดีสามารถหลบหนีเครื่องบินขับไล่คุ้มกันมาได้ พวกเค้าต้องลดระดับลงเพื่อโจมตี ซึ่งจะเป็นปืนใหญ่แตกอากาศที่จะสกัดกั้นในระดับสูง
ฉากนอกของกองเรือคือเรือคุ้มกันขนาดเล็ก ความคล่องตัวสูง แต่ติดอาวุธไม่มาก หากฝ่าเข้ามาในแนวกลางของวงแหวนนี้ได้ พวกเค้าจะพบกับเรือลาดตระเวนขนาดหนัก ที่ติดอาวุธต่อสู้อากาศยาน ที่พร้อมที่จะยิงเครื่องบินที่หลุดรอดเข้ามาให้หมด สุดท้ายจะเหลือเครื่องบินไม่มากนักที่จะหลุดเข้ามาถึงหัวใจของกองเรือบรรทุกเครื่องบินได้
ตอนนี้เรือบรรทุกเครื่องบินต้องช่วยเหลือตัวเอง ด้วยการยิงเครื่องบินที่อยู่ในระดับต่ำ ด้วยปืนต่อสู้อากาศยานนานาชนิดที่มี เพราะนั่นเป็นโอกาสสุดท้ายแล้วในการป้องกันตนเอง ในช่วงต้นของสงครามอเมริกาประสบปัญหาเรื่องการคุ้มกันเครื่องบินทิ้งระเบิดเหล่านี้ เนื่องจาก F4F wildcat นั้นเทอะทะ ไม่คล่องตัวเมื่อเทียบกับ AM6 Zero ของญี่ปุ่น
นอกจากนี้ระยะทำการบินยังสั้นเพียง 1200 กิโลเมตร เมื่อเทียบกับเครื่องบินขับไล่ญี่ปุ่น ที่ผลิตจากอลูมิเนียมแผ่นบางที่พิสัยการบินไกลถึง 3000 กิโลเมตร เมื่อใช้ถังน้ำมันสำรอง หลายลำจึงต้องบินกลับเรือบรรทุกเครื่องบินก่อนที่จะพบกองเรือข้าศึก หรือมิฉะนั้นก็ตกทะเล พวกเค้าจะปรับปรุงพวกมันในเวลาไม่นานในชื่อ F6F Tomcat ที่จะลบข้อด้อยเหล่านี้ออกไป
Create Date : 20 พฤศจิกายน 2555 |
|
1 comments |
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2555 7:31:09 น. |
Counter : 1481 Pageviews. |
|
|