Apple has lost a visionary and creative genius, and the world has lost an amazing human being.
But his spirit will forever be the foundation of Apple. 6 October 2011
Jiro : Dream of Sushi
เพิ่งมีโอกาสได้ดูหนังเรื่องนี้ หลังจากการเข้าฉายในแบบจำกัดโรงเป็นหนัง Documentary เล่าชีวประวัติของชายสูงอายุคนหนึ่งที่เป็นพ่อครัวซูชิที่ได้รับฉายาว่าเทพแห่งข้าวหน้าปลาดิบ เพราะรับรางวัลมิเชอลินระดับ 3 ดาวกับร้านอาหารเล็กแถวสถานีรถไฟใต้ดิน ที่ไม่มีแม้กระทั่งห้องน้ำแล้วเค้าได้รับรางวัลด้านอาหารที่มีชื่อเสียงในระดับโลกนี้ได้อย่างไรปี 1900 มิชลินบริษัทผลิตยางรถยนต์สัญชาติฝรั่งเศส มีไอเดียว่าถ้ามีการออกหนังสือแนะนำสถานที่กิน สถานที่พัก หรือ สถานที่ท่องเที่ยวออกมาผู้คนต้องขับรถไปกินกัน ยางก็จะสึกมากขึ้นตัวเองก็จะขายยางได้มากขึ้น จึงเป็นที่มาของ Michelin Guide เล่มแดงร้านอาหารแต่ละร้านก็จะมีการแบ่งระดับหรือแบ่งเกรด 4 ระดับคือ Rising Star จะเป็นร้านที่กำลังจะมีดาวงอกออกมา ถ้าคงคุณภาพไว้ได้ 2 ปี ก็ก้าวไปสู่ระดับที่ 2 คือ 1 star michelin restaurants เป็นร้านที่ต้องมีฝีมือ ในหมวดหมู่ของร้านอาหารชนิดนั้น จำนวนร้านก็จะน้อยกว่าแบบที่หนึ่งระดับที่ 3คือ 2 star Michelin restaurants โดยถือว่าเป็นร้านที่ยอดเยี่ยม คุ้มค่าซึ่งจะมีค่อนข้างน้อย ประมาณสัก 10% ส่วนระดับสุดท้ายหรือระดับสูงสุด ก็คือร้าน 3 star Michelin restaurants ซึ่งเป็นร้านระดับเทพที่คุ้มค่าต่อการไปชิมโลกนี้มีอยู่ประมาณ 100 ร้าน โดยเป็นร้านอาหารในประเทศญี่ปุ่นราว 30 ร้าน และแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคือร้านซูชิของชายอายุ 85 ปีชื่อ สุกิยาบาชิ จิโระเค้าเป็นเด็กที่เติบโตขึ้นช่วงที่ประเทศญี่ปุ่นอยู่ใสภาวะลำบากที่สุดหลังสงครามโลกครั้งที่สองนั้น พลเมืองแทบจะไม่มีอาหารกินเมื่อโตขึ้นเค้าก็ออกจากบ้านในต่างจังหวัดเข้ามาหางานในเมืองใหญ่และได้เป็นพ่อครัวทำซูชิในร้านอาหาร หากดูสารคดีญี่ปุ่นบ่อยๆ ก็จะเข้าใจว่าการขึ้นมานั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องไต่เต้าจากคนล้างจานและภาชนในครัวเพื่อฝึกความอดทน จากนั้นจึงได้รับมอบหมายให้รับออเดอร์เพื่อให้รู้จักและเข้าใจซูชิแต่ละแบบอย่างถ่องแท้ ถึงจะได้เลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นคนหุงข้าวให้เป็น เมื่อผ่านไปได้จึงจะเป็นผู้ช่วยทำของง่ายๆ ไปจนถึงคนแล่ปลาเมื่อเวลาผ่านไปราว 10 ปี ถึงจะได้เป็นพ่อครัวซูชิที่ทำอาหารให้ลูกค้ารับประทานจะเห็นว่าเป้นเรื่องไม่ง่ายที่จะผ่านแต่ละก้าวมาได้ แต่การจะก้าวไปเป็นพ่อครัวซูชิแถวหน้าอย่างคุณจิโระนั้นต้องอาศัยสองสิ่งที่สำคัญคือพรสวรรค์ในประสาทสัมผัสที่สามารถรับรู้ได้ถึงรสชาติ คุณภาพและความอร่อยของอาหารในแต่ละคำ ยังต้องอาศัยความมานะอุตสาหะ และความตั้งใจที่จะหาสิ่งที่ดีที่สุดมาให้กับลูกค้านั่นเองทำให้กว่าจะมาถึงขั้นนี้ต้องใช้เวลาเกือบทั้งชีวิต หนังเรื่องนี้อย่างที่บอกว่าเป็นสารคดีที่ฟังดูเหมือนจะเป็นเรื่องน่าเบื่อ แต่ตั้งแต่วินาทีแรกจนถึงคำพูดสุดท้ายเรากับไม่อยากจะละสายตาไปจากจอได้เลย เพราะมันเต็มไปด้วยพลังตลอดเวลาการที่คนๆ หนึ่งก้าวขึ้นมาถึงจุดหนี้ได้ เงินทองคงไม่ใช่สิ่งที่สำคัญอีกต่อไปแต่คุณจิโระในวันนี้นั้นกลับยังเป็นคนที่ถ่อมตนอยู่เสมอ และยังคงที่จะค้นหาความแปลกใหม่ และสิ่งที่ดีที่สุดจากตลาดปลาเพื่อนำมาเป็นวัตถุดิบของร้านในการทำอาหารเพื่อให้ทุกคนได้มีความสุข ด้วยความใส่ใจที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
เราชอบความเป็น มืออาชีพ ของคนญี่ปุ่น
เราว่าเค้าดู ใส่ใจ ลงไป กับทุกสิ่งอย่างที่ทำมากๆเลย
อย่างลูกชายคนโตของคุณปู่จิโร่เนี้ย กว่าที่เค้าจะไต่ระดับมาทำแต่ละอย่างในกระบวนการของการทำซูชิที่ร้านได้เนี้ย ก็ต้องใช้ระยะเวลายาวนาน พอๆกับลูกจ้างคนอื่นๆเลย
น่านับถือมากๆ
อีกเรื่องคือ ชอบในความ ใส่ใจลูกค้า (ไม่แปลกใจเลยค่ะ ที่มีคนต่อคิวรอซื้อซูชิคุณลุงเป็นแรมปีแรมเดือนขนาดนั้น)
พูดถึงฉากที่ชอบสักนิดนะคะ
ชอบฉากสุดท้าย ที่คุณปู่จิโร่ นั่งอยู่บนรถไฟ
แล้วกล้องก็ค่อยๆซูมลงไปที่ใบหน้า
คุณปู่ยิ้ม แบบว่า ...
มันดูเป็นยิ้มที่เต็มอิ่มมากอ่ะค่ะ