11 Day Summer in Japan (วันที่ 11 วันสุดท้ายเก็บตก Shopping ที่ตึกม่วง- Ueno)



ย้อนดูวันที่ 10 คลิ๊กเลย


อังคารที่ 5 ส.ค.57 

วันนี้ผมไม่ต้องรีบ สวนสาวๆตื่นเช้าหน่อย ต้องรีบไปช้อปปิ้งเก็บตกที่ตึกม่วงและกลับมาแถวอูเอโนะต่อ ส่วนผมก็นอนเล่นเก็บกระเป๋าที่ห้อง แล้วก็รอมือถือที่ห้าง uniqlo สาขาเซนไดส่งมาให้ที่โรงแรม

ขอย้อนเรื่องโทรศัพท์คราวๆก่อนครับ วันที่ 9 น้องจ๋าลืมโทรศัพท์ไว้ที่เมือง Sendai แต่นึกไม่ออกว่าลืมที่ร้านอาหารหรือที่ uniqlo ก่อนนั่งรถไฟกลับมานอนที่ Ueno Tokyo พอวันที่ 10 ก็ไปเที่ยว+ช้อปปิ้ง ตอนเย็นไปเดินที่อิเคะบุคุโระ แวะซื้อของที่ uniqlo เสร็จแล้วเลยถามพนักงานว่าเมื่อวานไม่รู้ว่าลืมโทรศัพท์ไว้ที่ uniqlo สาขาเซนไดหรือเปล่า น้องเค้าก็โทรประสานงานให้ จนเจอแล้วก็ส่งของมาให้วันนี้ สุดยอดเลยครับ รายละเอียดจะอยู่วันที่ 9-10 ลองย้อนกลับไปอ่านเองครับ

วันนี้ประมาณ 10.00 น.พนักงานแมวดำก็เอาโทรศัพท์มาส่งให้ที่โรงแรม





น้องจ๋าลงใน fb ชมน้อง madako togo พนักงาน uniqlo และเมล์ไปชมที่สำนักงาน uniqlo โดยตรง





ขอคัดข้อความเต็มๆใน fb มาให้อ่านดูครับ

"ประทับใจญี่ปุ่นสุดๆ เนื่องมาจากทำโทรศัพท์หาย นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าไปลืมไว้ไหน แต่ที่สุดท้ายที่ไปก่อนจะเปลี่ยนเมืองคือ uniqlo ที่เซนได ทำใจว่าไอโฟนหายแน่ๆ กลับมาโตเกียวผ่าน uniqlo เลยเข้าไปถามพนักงานแบบทำใจว่าพนักงานคงไม่ช่วยเพราะอยู่ต่างเมืองซึ่งไกลและคงหายแน่ๆ กรี๊ดๆๆๆ พนักงานแจ้งว่ามีไอโฟนจริงๆ วินาทีนั้นดีใจมาก แต่พรุ่งนี้ต้องกลับกท ตอนเย็นแล้วจะทำไงดี พนักงานชื่อ madako togo รับเป็นธุระช่วยประสานงานโดยส่งไปรษณีย์มาให้ที่โรงแรมตอนเช้าวันถัดไป ชื่นชมพนักงานและ uniqlo จริงๆ ที่เทรนพนักงานมาดีสุดๆ ปลื้มมาก"

หลังจากนั้นก็ได้รับเมล์จาก uniqlo ตอบกลับมาครับ





ผมไปญี่ปุ่นแค่ 2 ครั้งเองครับ ไปครั้งแรกก็ลืมเป้ไว้บนรถแล้วก็เที่ยวกันเพลินมารู้ตัวอีกทีรถก็ออกไปแล้ว แต่ก็ได้คืน ของครบทุกอย่าง มาครั้งนี้ลืมโทรศัพท์ข้ามเมือง แต่ก็ยังได้คืน ประทับใจทั้งเมือง บรรยากาศและคนญี่ปุ่น รับรองต้องไปญี่ปุ่นอีกแน่ ตอนนี้ขอเก็บตังค์ก่อน

เสร็จจากเรื่องมือถือ ผมก็เดินไปซื้อของกินที่ Lawson อยู่ติดที่พักนั้นแหละ พอกินแซนวิชได้ชิ้นนึง น้องจ๋ากับน้องปูก็เดินมาที่โรงแรมพอดี พร้อมบอกว่าหวานใจผมตกบันไดที่ร้านมัตสึโมโตะ ตรงตลาดอาเมโยโกะ ดีว่าไม่ไกลจากโรงแรมผมก็นึกว่านิดหน่อย เลยถามว่าแล้วเป็นไงบ้าง น้องจ๋าบอกว่าเป็นเยอะ ตกบันได 10 ขั้นฟันหน้าบิ่น แล้วก็แผลที่หัวเข่าทั้งยาวทั้งลึก ต้องส่งโรงพยาบาล ตอนนี้น้องทอยนั่งรถโรงพยาบาลไปเป็นเพื่อนเพื่อไปเย็บแผลที่โรงพยาบาล โตเกียว ส่วนน้องจ๋ากับน้องปูเดินมาบอกผม ที่โรงแรม

ระหว่างรอฟังข่าวที่โรงแรม น้องทอยก็ update ข้อมูลให้ตลอดโดยให้ Pocket WiFi น้องทอยติดตัวไว้ ไปถึงโรงพยาบาล หมอเอ็กซ์เรยหัวเข่า กระดูกไม่เป็นไร แต่แผลลึกมาก ยาว 15 เซนลึก 2 เซน เย็บ 14 เข็ม สงสารอ่ะ

รูปนี้น้องทอยถ่ายรูปตอนหมอกำลังเย็บแผลอยู่











ตอนแรกน้องปูเช็คเที่ยวบินว่าจะเลื่อนเวลาแต่เดลต้ามีเที่ยวเดียว เลยว่าจะเลื่อนเป็นวันพรุ่งนี้ ก็ไลน์คุยกับน้องทอยตลอด หมอบอกว่าทันไม่ต้องเลื่อนจะรีบเย็บให้ หมอก็ระดมมาช่วยกันเย็นแผลถึง 3 คน ส่วนผม-น้องจ๋า-น้องปู ก็เช็คเอาท์ ลากกระเป๋าไปรอที่สนามบินก่อนเลย ถ้าไม่ทันก็คิดว่าคงนอนที่สนามบินนั้นแหละ หรือไม่ไหวค่อยซื้อตั่วเจ้าอื่น


ตกลงนัดเจอกันที่สนามบินนาริตะ เคาเตอร์เดลต้า เพราะออกจากโรงแรมก็ไม่มีสัญญาณไวไฟติดต่อแล้ว

เรามาถึงสนามบินก่อน ซักพัก หวานใจผมก็นังวิลแชร์ของทางสายการบินมาที่เคาเตอร์สายการบินเดลต้า วันนี้เราเลยได้เช็คอิน ขึ้นเครื่องก่อนใคร จะดีใจไหมเนี้ย 555 (เราเดินทางกลับ BKK สายการบิน Delta ไฟล์ DL283 เวลา 18:45 - 23:15)

หลังจากกลับมาถึงประเทศไทย ก็ไปทำแผลที่โรงพยาบาล 14 วันก็ตัดไหม ดูแผลวันแรกที่มาล้างแผลโรงพยาบาลนนทเวชครับ

หมอให้ใส่เผือกอ่อน พร้อมหัดใช้ไม้เท้าพยุงตัว








ทริปนี้ก็จบลงแบบสมบูรณ์ วันนี้เลยไม่มีอะไรมาฝาก นอกจากบันทึกเรื่องราวประทับใจ และเหตุการณ์หวานใจผมได้รับอุบัตเหตุ อ้อ...ค่าเสียหาย ที่ญี่ปุ่น ตั้งแต่รถพยาบาลมารับจากอูเอโนะไป รพ.โตเกียว ค่า X-ray กระดูกหัวเข่า ค่าเย็บแผล ค่ายา ฉีดยาบาทยัก รวมทั้งหมด 22,000 เยน ประมาณ 7,000 บาท (ไม่แพงเลยครับตอนแรกนึกว่าหลายหมื่นอีก)พอดีเงินสดเหลือเลย ใช้เงินสดจ่ายไปก่อน แล้วกลับมาเบิกประกันของไทยประกันชีวิตที่ทำไว้ รวมทั้งค่ารักษาพยาบาลต่อเนื่องที่นนทเวช

ขอเอาข้อมูลร้านมัตสึโมโตะ มาฝากแล้วกันครับ คุณหมาขาวใจดี มารีวิวไว้นานแล้ว แต่คนละสาขาที่สาวๆแกงค์ผมเค้าไปครับ คลิ๊กเลย

ไหนๆก็ไหนๆ ขอก๊อปรูปที่ร้านมัตสึโมโตะ ของคุณหมาขาวใจดี มาฝากแล้วกัน











ของก็น่าจะประมาณแนวๆนี้ เรื่องช้อป เรื่องกิน ผมไม่ค่อยสันทัดเท่าไหร่ครับ


*************************************


มาดูการวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นกันบ้างครับ

ขอบคุณข้อมูลจากอคุณมิลานน้อย จากเวปพันทิป เขียนเห็นภาพมากเลย ละเอียดอีกต่างหาก คลิ๊กเลย ขออนุญาตคัดที่สำคัญๆมาให้ดู ส่วนรายละเอียดตามในเวปได้เลยครับ

มารู้จักญี่ปุ่น กันหน่อย

ญี่ปุ่น (japan/ Nihon / Nippon เจแปน/นิฮง/นิปปง ) มีชื่อทางการคือประเทศญี่ปุ่น เป็นประเทศหมู่เกาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก ทางตะวันตกติดกับคาบสมุทรเกาหลี และสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยมีทะเลญี่ปุ่นกั้น ส่วนทางทิศเหนือ ติดกับประเทศรัสเซีย มีทะเลโอค็อตสค์ เป็นเส้นแบ่งแดน ตัวอักษรคันจิของชื่อญี่ปุ่นแปลว่าถิ่นกำเนิดของดวงอาทิตย์ จึงทำให้บางครั้งถูกเรียกว่าดินแดนแห่งอาทิตย์อุทัย
ญี่ปุ่นมีเนื้อที่กว่า 377,930 ตารางกิโลเมตร นับเป็นอันดับที่ 61 ของโลก หมู่เกาะญี่ปุ่นประกอบไปด้วยเกาะน้อยใหญ่กว่า 3,000 เกาะ เกาะที่ใหญ่ที่สุดก็คือเกาะฮนชู ฮกไกโด คีวชู และชิโกกุ ตามลำดับ เกาะของญี่ปุ่นส่วนมากจะเป็นหมู่เกาะภูเขา ซึ่งในนั้นมีจำนวนหนึ่งเป็นภูเขาไฟ เช่นภูเขาไฟฟูจิ ภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศ เป็นต้น ประชากรของญี่ปุ่นนั้นมีมากเป็นอันดับที่ 10 ของโลก คือประมาณ 128 ล้านคน เมืองหลวงของญี่ปุ่นคือกรุงโตเกียว ซึ่งถ้ารวมบริเวณปริมณฑลเข้าไปด้วยแล้วจะกลายเป็นเขตเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่มีประชากรอยู่อาศัยมากกว่า 30 ล้านคน

ญี่ปุ่นเป็นประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจ โดยมีจีดีพีสูงเป็นอันดับสามของโลกในปี พ.ศ. 2553 ญี่ปุ่นเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ จี 8 โออีซีดี และเอเปค และมีความตื่นตัวที่จะมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาของต่างประเทศ ญี่ปุ่นมีมาตรฐานความเป็นอยู่ที่ดี

ญี่ปุ่นแบ่งการปกครองออกเป็น 47 จังหวัด และ แบ่งภาคออกเป็น 8 ภูมิภาค ซึ่งมักจะถูกจับเข้ากลุ่มตามเขตแดนที่ติดกันที่มีวัฒนธรรมและสำเนียงการพูดใกล้เคียงกัน ทุกจังหวัดมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้บริหาร
ในแต่ละจังหวัดมีการแบ่งเขตย่อยลงไปเป็นเมืองและหมู่บ้าน แต่ในปัจจุบันกำลังมีการปรับโครงสร้างการแบ่งเขตการปกครองโดยการรวมเขตย่อยที่อยู่ใกล้เคียงกันเข้าด้วยกัน ซึ่งจะช่วยลดจำนวนเขตการปกครองย่อยและช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบริหารเขตลงได้ การรวมเขตการปกครองนี้เป็นนโยบายที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล โดยมีการคาดการณ์ที่จะลดจาก 3,232 เขตใน พ.ศ. 2542 ให้เหลือ 1,773 เขตใน พ.ศ. 2553


47 จังหวัดของญี่ปุ่นมีทั้งหมดดังนี้
1. ฮกไกโด
2. อะโอะโมะริ
3. อิวะเตะ
4. มิยะงิ
5. อะกิตะ
6. ยะมะงะตะ
7. ฟุกุชิมะ
8. อิบะระกิ
9. โทะจิงิ
10. กุนมะ
11. ไซตะมะ
12. จิบะ
13. โตเกียว
14. คะนะงะวะ
15. นิอิงะตะ
16. โทะยะมะ
17. อิชิกะวะ
18. ฟุกุอิ
19. ยะมะนะชิ
20. นะงะโนะ
21. กิฟุ
22. ชิซึโอะกะ
23. ไอจิ
คันไซ จูโงะกุ ชิโกะกุ คีวชู และ โอะกินะวะ
24. มิเอะ
25. ชิงะ
26. เคียวโตะ
27. โอซะกะ
28. เฮียวโงะ
29. นะระ
30. วะกะยะมะ
31. ทตโตะริ
32. ชิมะเนะ
33. โอะกะยะมะ
34. ฮิโระชิมะ
35. ยะมะงุจิ
36. โทะกุชิมะ
37. คะงะวะ
38. เอะฮิเมะ
39. โคจิ
40. ฟุกุโอะกะ
41. ซะงะ
42. นะงะซะกิ
43. คุมะโมะโตะ
44. โออิตะ
45. มิยะซะกิ
46. คะโงะชิมะ
47. โอะกินะว

ขอบคุณแผนที่ญี่ปุ่นจากเวป //www.iam-tour.com คลิ๊กเลย





ประเทศญี่ปุ่นมีลักษณะเป็นหมู่เกาะซึ่งมีจำนวนมากกว่า 3,000 เกาะวางตัวอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกทางตะวันออกของทวีปเอเชีย เกาะที่สำคัญเรียงจากเหนือไปใต้ได้แก่ฮกไกโด ฮนชู ชิโกกุ และคีวชู นอกจากนี้ยังมีหมู่เกาะริวกิวทางตอนใต้ของเกาะคีวชู ซึ่งเกาะทั้งหมดนี้เรียกรวมกันว่าหมู่เกาะญี่ปุ่น ญี่ปุ่นถูกล้อมรอบด้วยทะเลทุกด้าน ได้แก่ทะเลโอค็อตสค์ทางเหนือ ทะเลญี่ปุ่นทางตะวันตก ทะเลจีนตะวันออกทางตะวันตกเฉียงใต้ ทะเลฟิลิปปินส์ทางใต้ และมหาสมุทรแปซิฟิกทางตะวันออก พื้นที่ประมาณร้อยละ 70 เป็นภูเขา ซึ่งไม่สามารถใช้เป็นที่อยู่อาศัยหรือทำการเพาะปลูกได้ เพราะมีลักษณะสูงชันและมีโอกาสที่จะเกิดดินถล่มจากแผ่นดินไหวหรือฝนที่ตกหนัก ประชากรญี่ปุ่นส่วนใหญ่จึงต้องอาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งอย่างหนาแน่น และทำให้เมืองสำคัญในญี่ปุ่นมีประชากรหนาแน่นมาก ใน พ.ศ. 2548 ญี่ปุ่นมีป่าไม้ร้อยละ 66.4 พื้นที่ทางการเกษตรร้อยละ 12.6 อาคารร้อยละ 4.9 พื้นน้ำร้อยละ 3.5 ถนนร้อยละ 3.5 และอื่น ๆ ร้อยละ 9

ประเทศญี่ปุ่นตั้งอยู่ในวงแหวนแห่งไฟ บริเวณรอยต่อระหว่างแผ่นเปลือกโลก 3 แผ่น ทำให้เกิดแผ่นดินไหวความรุนแรงต่ำบ่อย ๆ และยังมีแผ่นดินไหวความรุนแรงสูงที่ทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรงหลายครั้งในศตวรรษที่ผ่านมา เช่นเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่ฮันชิน-อะวะจิ ใน พ.ศ. 2537 และแผ่นดินไหวชูเอะสึจังหวัดนีงาตะ ใน พ.ศ. 2547 เป็นต้น นอกจากนี้ การที่ญี่ปุ่นตั้งอยู่ในบริเวณวงแหวนแห่งไฟ ยังทำให้ญี่ปุ่นมีบ่อน้ำพุร้อนจำนวนมากทั่วประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่ถูกพัฒนาให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ภูเขาฟูจิซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นก็เป็นภูเขาไฟ





จะไปไหนดีในประเทศญี่ปุน?

คงเป็นคำถามยอดฮิตและข้อแรกสำหรับคนที่จะไปญี่ปุ่น ว่า จะไปญี่ปุ่นและจะไปแถวไหนเมืองไหน

ขอบอกเลยครับว่าจะไปเมืองไหนที่ไหนนั้น แล้วแต่คนชอบ แล้วแต่รสนิยมและความต้องการของแต่ละคน ซึ่งประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ใหญ่ และมีครบทุกอย่าง คงตอบโจทย์นักท่องเที่ยวได้ไม่ยาก ดังนั้น ผมจึงขอเสนอสูตร การเลือกสถานที่ๆ จะไปในญี่ปุ่น ไว้แบบคราวๆ ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 4 สูตรหลักๆ ดังนี้

1. เลือกตามสถานที่ท่องเที่ยว ที่อยากจะไป คือ คุณมีสถานที่อยู่ในใจเลยครับ ว่าอยากไปเที่ยวไหน เช่น สถานที่ ก สถานที่ ข สถานที่ ค เสร็จแล้วก็กางแผนที่ ออกมาดู ว่าสถานที่ดังกล่าวอยู่ส่วนไหนของญี่ปุ่น >> แล้วก็วางแผนเดินทาง>> แล้วก็ไป เช่น อยากไปเห็นฟูจิ อยากไปเห็นปราสาทฮิเมจิ อยากไปอะตอมมิคบอมบ์โดม




2. เลือกตามฤดูกาล คือ คุณอยากเห็นอะไร ในช่วงเวลาไหน ก็ให้เลือกมาในช่วงเวลานั้น เช่น อยากเห็นใบไม้เปลี่ยนสี อยากเห็นซากุระ อยากเจอหิมะ ซึ่งแต่ละช่วงเวลาของแต่ละฤดูการจะไม่เหมือนกัน

แต่ละฤดูกาลมีดังนี้

ฤดูใบไม้ผลิ (มี.ค. – พ.ค.)

เริ่มต้นในเดือนมีนาคมเรื่อยไปจนถึงเดือนพฤษภาคมเป็นช่วงเวลาแห่งความสดชื่นเบิกบาน ดอกไม้เริ่มผลิแย้ม ใบไม้สีเขียวขจีแตกยอดชูไสว ลมเอื่อยๆเริ่มพัดพาเอากลิ่นไอแห่งธรรมชาติ เป็นฤดูที่น่าเที่ยวมากที่สุด โดยเฉพาะช่วงเดือนเมษายนอันเป็นเดือนที่ดอกซากุระบานสะพรั่งทุกแห่งหน จะถูกปกคลุมไป ด้วยสีชมพู และขาว ชาวญี่ปุ่นจะพากันเอาเสื่อมาปูใต้ต้นซากุระ และจิบสาเกพลางชื่นชมความงามของซากุระ เป็นภาพที่ติดตรึง อยู่ ในความทรงจำและประทับใจ โดยเฉพาะสวนซากุระที่ ศาลเจ้าเฮย์อันร ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสวนซากุระที่สวยที่ สุดในโลก แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า ซากุระนี้จะบานอยู่เพียง 1-2สัปดาห็เท่านั้น อุณหภูมิ ประมาณ 12-16 c

ฤดูร้อน ( มิ.ย.- ส.ค. )

ฤดูร้อนในญี่ปุ่นเริ่มในเดือนมิถุนายนซึ่งก่อนหน้านี้จะฝนตกอยู่ประมาณ 5 อาทิตย์ ทำให้ซากุระร่วงหมด แต่จะกลายเป็นการเริ่มต้นแห่งฤดูปลูกข้าวของชาวนา อากาศจะเริ่มอบอุ่นขึ้นเรื่อย ๆ ฤดูนี้จะเป็นฤดูแห่งความสนุกสนาน เพราะเป็นช่วงที่มีเทศลากประจำปีต่าง ๆ มากมายรวมทั้งการเฉลิมฉลองต่าง ๆ เป็นช่วงแห่งการท่องเที่ยว และตากอากาศตาม สถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ จนเต็มไปด้วยผู้คนทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะตามสถานที่ตากอากาศ แถบชายทะเล และ ภูเขาเป็นฤดูที่มีอากาศดี ท้องฟ้าสีครามสดใส เหมาะแก่การถ่ายภาพเป็นอย่างยิ่ง ในฤดูนี้จะมีผลไม้มากมาย นับเป็นฤดูที่น่าท่องเที่ยวมากไม่แพ้ฤดูใบไม้ผลิ

ฤดูใบไม้ร่วง ( ก.ย.- พ.ย. )

ฤดูใบไม้ร่วงในญี่ปุ่นจะเริ่มในราวเดือนกันยายนจนถึงเดือนพฤศจิกายนเป็นช่วงที่มีอากาศดี เพราะหลังจากฤดูร้อนผ่านพ้นไป ลมเย็นเอื่อย ๆ ก็พัดมาแทนที่ เหล่าพฤกษานานาพันธุ์ เริ่มผลัดสีจากเขียวเป็นแดง ส้ม เหลือง แล้วก็พากันร่วงหล่นลงดิน เหลือแต่กิ่งก้านโบกไหวไปตามลมรอวันที่ลมหนาวพัดมาเยือนอย่างท้าทาย ในฤดูนี้นับว่าเป็นฤดูที่ม ีสีสันมากที่สุดตามภูเขาในป่า สวนสาธารณะจะเต็มไปด้วยสีแดง ส้ม เหลือง และบรรดาพฤกษาผลัดสีทั้งหลายนี้ มีมากมาย หลายพันธุ์ที่พอสลัดใบร่วงหล่นหมดก็จะแตกช่อออกดอก นับเป็นช่วงฤดูกาลที่สวยสดงดงามยิ่งนัก และโดยเฉพาะ สำหรับชาวญี่ปุ่นมันเป็นช่วงเวลาแห่งการกีฬา ดนตรี และพักผ่อน อุณหภูมิประมาณ 14-18 c

ฤดูหนาว. ( ธ.ค.- ก.พ.)

ฤดูหนาวของญี่ปุ่นเริ่มต้นในราวเดือนธันวาคมไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ เป็นช่วงฤดูกาลที่หนาวเย็น ทุกแห่งหนเต็มไปด้วยหิมะปกคลุมขาวโพลนอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะในทางภาคเหนือ น้ำในแม่น้ำลำคลอง และทะเลสาป บางแห่งจะกลายเป็นน้ำแข็ง บรรดาเด็กและ ผู้ใหญ่ต่างพากันออกมาเล่นสเก็ตน้ำแข็งกัน ส่วนบนภูเขาก็จะมีการ เล่นสกีกันอย่างสนุกสนาน ในเมืองซัปโปโร ที่เกาะฮอกไกโด จะมีงาน “เทศกาลหิมะ” เฉลิมฉลองกันอย่างเต็มที่ เป็นงาน เทศกาลใหญ่ระดับโลกก็ว่าได้ มีการประกวดการปั้นหิมะ เป็นรูปสถาปัตยกรรม สิ่งก่อสร้างในประเทศต่าง ๆ นอกจากนี้เป็น ช่วงฤดูหนาวแห่งความสุขของครอบครัวอย่างแท้จริง ทุกคนในครอบครัว จะได้มานั่งผิงไฟ รวมกันพูดคุยหยอกล้อเป็นความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่มีค่ามาก เด็ก ๆ ทุกคนต่างพากันรอนับวันสำคัญที่พวกเขาถือว่า เป็นวันที่ดีที่สุดในรอบปี นั่นคือ วันคริสต์มาสและวันปีใหม่ ทุกแห่งหนจะมีการประดับประดาด้วยไฟหลากสีสวยงาม น่าประทับใจยิ่งนัก อุณหภูมิประมาณ 1-8 c



3. เลือกตามภูมิภาค คือเป็นวิธีเลือกที่ง่ายต่อการเดินทาง กล่าวคือ เลือกว่าจะไปเที่ยวในโซนไหน ภาคไหน ก็ไปเที่ยวในจังหวัดที่ใกล้กันหรืออยู่ในภูมิภาคเดียวกัน โดยวิธีนี้ >>>ให้เลือกจุดเริ่มต้นก่อน แล้วเปิดแผนที่ดู ว่าบริเวณใกล้กัน มีอะไรเที่ยวบ้าง ใกล้กันหรือไกลกันแค่ไหน ( วิธีนี้เป็นวิธีที่นิยมที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยว )

ญี่ปุ่นแบ่งเป็นภาคต่างๆดังนี้

ภูมิภาคเหนือ (ฮอกไกโด) (เช่น ซัปโปโร ฮะโกะดะเตะ โอะตะรุ อะซะฮิกะวะ ฟุระโนะ ฯลฯ)

ภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (โทโฮะกุ) (เช่น เซนได อะโอะโมะริ อิวะเตะ ยะมะงะตะ ฯลฯ)

ภูมิภาคตะวันออก (คันโต) (เช่น โตเกียว นิกโก้ โยโกฮาม่าโทะจิงิ คะนะงะวะ ฯลฯ)

ภูมิภาคกลาง (จูบุ) (เช่น นาโงย่า ทะกะยะมะ โทะยะมะ นะงะโนะชิซุโอะกะ คะนะซะวะ ฯลฯ)

ภูมิภาคตะวันตก (คันไซ) (เช่น โอซาก้าเกียวโต โกเบ นารา วะกะยะมะ ฯลฯ)

เกาะชิโกะกุและหมู่เกาะทะเลใน (เซโตะไนไค) (เช่น ทะกะมะทสุ คะงะวะ โทะกุชิมะ เอะฮิเมะ ฯลฯ)

ภาคตะวันตก (จูโงะกุ) (เช่น ฮิโรชิม่าโอะกะยะมะ ชิมะเนะทตโตะริ ยะมะงุจิ ฯลฯ)

ภาคใต้ (คิวชู และเกาะโอกินะวะ)



4. ซื้อตั๋วเครื่องบินแล้วค่อยวางโปรแกรม เป็นวิธีที่ง่าย แต่ไม่ควรทำ เพราะมันเป็นวิธีที่บีบตัวเองดีๆนี้เอง เพราะ วิธีนี้มันคือเราหาตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่นแล้วซื้อ เมื่อซื้อเสร็จค่อยมาคิดว่าไปไหน ข้อดีคือ มันบีบตัวเราเองให้หาข้อมูลจนไปเที่ยวได้สำเร็จ ส่วนข้อเสียคือ โปรแกรมและสถานที่อาจไม่ตรงกับความต้องการของเรา

ตอนนี้ญี่ปุ่นไปไม่เกิน 15 วันไม่ต้องขอวีซ่า ส่วนหากใครคิดจะไปเกิน และต้องการจะทำวีซ่า โปรดดู คลิ๊กเลย




5. จองหรือหาวิธีการเดินทาง

ถือเป็นข้อที่สำคัญมาก ๆๆๆๆ เพราะ เมื่อเรามีโปรแกรม ( ตามข้อ 2 ) คราวนี้เราต้องมาศึกษาและทำการจอง หรือซื้อ ตั๋วรถ หรือยานพาหนะที่จะพาเราจากจุดนึง ไปยังจุด ..แต่ไม่ต้องกลัวครับเพราะประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ระบบคมนาคมดีลำดับต้นๆ ของโลกเลยก็ว่าได้ ซึ่งวิธีเดินทางที่ง่าย (แต่ไม่ถูก) ที่สุดคือรถไฟ



รวมกระทู้ อธิบาย และสอนวิธีใช้รถไฟในญี่ปุ่น

วิธีการดูแผนฝังรถไฟในโตเกียว..แบบง่าย ๆ ..(ลดความมึนงง..) ( ของคุณ มองได้..แต่อย่าชอบ ) คลิ๊กเลย

วิธีซื้อตั๋ว 1 Day ของ JR + วิธีเติมเงินบัตร Suica / IC ที่ญี่ปุ่น (ของคุณ CEOTHAI42 ) คลิ๊กเลย

รวมมิตรสาระพัดPass จากเมืองเหนือ*** Hokkaido สู่เมืองใต้*** Kyushu... (ของคุณ CEOTHAI42 ) คลิ๊กเลย

คู่มือ JR RAIL PASS คลิ๊กเลย

วิธีการขึ้น การลง การดูตาราง ดูประเภท รถไฟ (ของคุณกล่องเปล่า) คลิ๊กเลย

การเดินทางโดยรถไฟ คลิ๊กเลย

แนะนำวิธีเช็คตารางเวลารถไฟ เที่ยวญี่ปุ่น คลิ๊กเลย



คัดลอกเอาเฉพาะที่สำคัญ หวังว่าคงจะมีประโยชน์ในการวางแผนเดินทางไปญี่ปุ่นไม่มากก็น้อยครับ

เอาทริป 11 วันที่ผ่านมาให้ดูเป็นแนวทางแล้วกันครับ


วันแรก – เสารที่ 26 ก.ค.57 เที่ยววัดอาซากุสะเย็นๆชมเทศกาลจุดพลุ Sumida River Firework นอน Ueno Tokyo คลิ๊กเลย







วันที่ 2 – อาทิตย์ที่ 27 ก.ค.57 กินซ่า-ชินกูกุ นอน Ueno Tokyo คลิ๊กเลย







วันที่ 3 – จันทร์ที่ 28 ก.ค.57 ฮาโกดาเตะ เที่ยวในเมือง ตอนกลางคืนขึ้น Ropeway ไป Mt.Hakodate ชมแสงสีเมืองฮาโกดาเตะ นอน Hakodate คลิ๊กเลย







วันที่ 4 – อังคารที่ 29 ก.ค.57 ซัปโปโร เที่ยว Hitsujigaoka Observation Hill นอน Sapporo คลิ๊กเลย







วันที่ 5 – พุธที่ 30 ก.ค.57 เช้า sakuranboyama (cherry farm) บ่าย otaru นอน Sapporo คลิ๊กเลย







วันที่ 6 – พฤหัสที่ 31 ก.ค.57 เช่ารถขับเที่ยวเมือง Biei ดูดอกไม้ 5 สี นอน Sapporo คลิ๊กเลย







วันที่ 7 – ศุกร์ที่ 1 ส.ค.57 เที่ยว Shiroi Koibito โรงงานช็อกโกแลต อิชิยะ นอนบนรถไฟเช้าถึงเมือง Aomori คลิ๊กเลย







วันที่ 8 – เสาร์ที่ 2 ส.ค.57 เที่ยว Tanbo Art ศิลปะบนทุ่งนาที่ Inakadate เย็นดูเทศกาลโคมไฟยักษ์ Aomori Nebuta Matsuri นอน Hashinohe Aomori คลิ๊กเลย







วันที่ 9 – อาทิตย์ที่ 3 ส.ค.57 เที่ยว Sendai นอน Ueno Tokyo คลิ๊กเลย







วันที่ 10 – จันทร์ที่ 4 ส.ค.57 เที่ยววัดเมจิ-ฮาราจูกุ เย็นชมแสงไฟยามเย็นเมืองโตเกียวที่ตึกโมริ รอปปงกิ ฮิลล์ นอน Ueno Tokyo คลิ๊กเลย







วันที่ 11 – อังคารที่ 5 ส.ค.57 Shopping ย่าน Ueno เย็นเดินทางกลับสุวรรณภูมิ

11 วันเป็นการเที่ยวที่เหนื่อยมาก แถมอากาศร้อนอีกต่างหาก ทริปนี้เราตั้งงบกินไว้เยอะมาก ตั้งใจไปกินร้านดังๆ แต่พอเที่ยวแล้วลืมกิน บางทีก็กลับดึกจนร้านอาหารดังๆปิดไปแล้ว แถมออกเช้าทุกวัน ร้านอาหารยังไม่เปิดเลยต้องพึ่งมินิมาร์ททุกเช้า เดินเที่ยวไม่ต่ำกว่าวันละ 10 ก.ม. แต่ได้เที่ยวคุ้มมาก ถือว่าเป็นการเหนื่อยที่คุ้มค่า ได้ประสบการณ์ดีๆ ไว้มีทริปต่อไปจะมีลงบล็อกเก็บความประทับใจให้อ่านกันอีกนะครับ




 

Create Date : 24 สิงหาคม 2557
0 comments
Last Update : 18 กรกฎาคม 2559 15:35:58 น.
Counter : 6370 Pageviews.


nongmalakor
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 120 คน [?]




ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง
Google
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2557
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
24 สิงหาคม 2557
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add nongmalakor's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.