11 Day Summer in Japan (วันที่ 4 Hitsujigaoka Observatory Hill Sapporo)



อังคารที่ 29 ก.ค.57 ย้อนดูวันที่ 3 คลิ๊กเลย

เมื่อคืนเรานอนพักที่โรมแรม pension poppy tail เมือง Hakodate เป็นโรงแรมเล็กๆคล้ายๆโฮมสเตย์บ้านเรา  





ห้องไม่ใหญ่มาก แต่ก็ไม่แคบจนเกินไป ที่สำคัญห่างจากสถานีรถไฟประมาณ 1 ก.ม.เดินสบายๆ

เปิดประตูเข้าไปก็จะเจอ Lobby เลยครับ เล็กๆกระทัดรัดดี





มีโต๊ะรับแขกให้นั่งเล่นด้วย





เราพักชั้น 2 ทางเดินไปแต่ละห้อง 





ห้องผมจะเป็นแนว Western Style ฟุ้งฟริ้ง กรุ๊งกริ๊ง โนเนะไปหน่อย ไม่ใช่แนว แต่ก็ช่างเถอะ เพราะนอนไม่ถึงหกชั่วโมงพอหัวถึงหมอนก็หลับแล้ว ดีที่เบาะนอนสบาย 







มีห้องน้ำในตัว ถึงจะเล็กแต่อุปกรณ์ให้มาครบ สะอาดมาก





ส่วนสมาชิกสามสาวได้ห้อง Japanese Style  





วันนี้เราตื่นตีห้า อาบน้ำ-เก็บของครึ่งชั่วโมงเสร็จเราก็ check-out ไปสถานีฮาโกดาเตะ

ดูถนนตอนเช้าหน้าที่พัก เงียบ สะอาดดีจัง







เวลา 06.00 น.เราก็มายื่นอยู่หน้าสถานีรถไฟ

ที่จริงวันนี้เปลี่ยนแผนนิดหน่อย ตอนแรกเราวางแผนไปตลาดปลา Asa-ichi Morning Market แต่เช้า แล้วขึ้นรถเวลา 08.13 น.พอดูเวลาแล้วไปถึงซัปโปโรช้า เลยเปลี่ยนแผนออกฮาโกตาเตะแต่เช้าดีกว่า





อ้อ..ระหว่างทางจากโรงแรมก่อนถึงสถานีแวะ 7/11 ซื้อเสบียงอาหารตุนไว้กินบนรถไฟด้วยครับ





ยังเช้าสาวๆยังหน้าใสอยู่ ขอถ่ายรูปกับดอกไม้หน่อย ที่หน้าสถานีนั้นแหละ











เข้าไปในสถานีรถไฟ











วันนี้เราใช้ เจอาร์ รถ ltd.exp super hokuto 1 Toho line 3 จาก Hakodate ไป Sapporo

ลงไปนั่งรอที่ชานชาลา









คันที่เห็นไม่ใช่นะครับ แต่อยู่ line เดียวกัน เราออก 06.22 น.





เรามาถึงซัปโปโรเวลา 09.58 น.ตรงเวลาเป๊ะ กว่าเราจะลากกระเป๋า กว่าจะงมทางออกก็กินเวลาไปครึ่งชั่วโมง แหะๆ











ออกมาได้ก็ซื้อ 1 Day ราคา 1,000 เยนที่สถานีซัปโปโรก่อน

ได้ตั๋วมาแล้วก็ลุยโลด...





จากสถานีซัปโปโร เราเดินออกมาทางประตู 6 จะขึ้นลิฟท์แล้วเลี้ยวซ้ายเดินข้ามถนนไม่เกิน 500 ม.ก็ถึงโรงแรมเราแล้วครับ คืนนี้เราพักที่ APA Hotel Sapporp Susukino อยู่โซนซูซูกิโน









เราไปถึงก็ฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมก่อน แล้วก็ออกไปเที่ยว Hitsujigaoka Observation Hill (Hill of Sheep) เป็นจุดชมวิวเมืองฮอกไกโด โดยสามารถมองเห็น Sapporo Dome ได้

การเดินทาง เราเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินสาย Toho Line มุ่งหน้าไปทาง Fukuzumi ลงสุดสายแล้วต่อบัสสาย 84 ลงสุดสาย ถึงที่เลยสะดวกสบาย สถานีบัสเค้าก็ติดกับสถานีรถไฟใต้ดินนั่นเอง







รถบัสวิ่งถึงทางเข้าแล้วครับ





ถึงแล้ว ซื้อบัตรเข้าชมก่อน ราคา 500 เยน





ใครสนใจข้อมูลก็เข้าไปดูในเวปนี้ได้เลยครับ คลิ๊กเลย





ด้านหลังจะเป็นทุ่งหญ้าไว้สำหรับเลี้ยงแกะ เลยออกไปจะเป็นโดมสนามกีฬา







วันนี้แดดแรงมาก ร้อนอีกต่างหาก หนีเข้าไปกินอาหารข้างในดีกว่าครับ





เข้าไปข้างในจะเป็นเหมือน food court จะมีร้านขนมของกินขายอยู่รอบๆ แต่ร้านอาหารยังไม่ค่อยเยอะ ส่วนตรงกลางจะมีโต๊ะไว้ให้ลูกค้าที่ซื้อขนมมานั่งกิน 

เราเดินเข้าไปข้างในจะเป็นภัตคารแบบเจงกิสข่าน เสิร์ฟเนื้อแกะย่างบาร์บีคิวและอาหารตามสั่งอื่นๆ 





ได้โต๊ะนั่งแล้ว ทางภัตคารจะแจกผ้ากันเปื้อนให้คนละผื้น พร้อมอยู่หน้าเตาปิ้ง 







เมนูมา





เราสั่งเนื้อรวมมาหนึ่งเซท มีทั้งเนื้อแกะ เนื้อแพะ เนื้อกวาง เนื้ออะไรบ้างก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าอร่อยดี มีเนื้อแกะที่รู้สึกจะเหม็นสาบหน่อยๆ ส่วนอาหารอย่างอื่นไม่ได้ถ่ายรูปมานะครับ





ขั้นตอนแรกจะเอาถั่วงอกและผักอื่นๆมาผัดก่อน พอผักเริ่มสลดก็เอาเนื้อมาวางไว้บนผัก







จากนั้นก็เอามาผัดรวมกัน พอเริ่มสุกก็ทิ้งกล้องไม่ถ่ายแล้วรูป จ้วงอย่างเดียวเลยครับ 555 นานๆจะเจอปิ้งๆย่างๆ เจอแต่ราเมง ซูชิ ชักเลี่ยนเหมือนกัน





อิ่มเสร็จ ก็เดินออกมาส่วนของ food court หาขนม ไอติม ผลไม้มาล้างปากซะหน่อย











เติมพลังงานเต็มที่ ออกมาถ่ายรูปกับรูปปั้นของ William S. Clak พร้อมกับคำพูดอมตะของเค้า Boy, be ambitious และท่าสุดฮิตที่ใครมาก็ต้องถ่ายท่านี้





เราไปที่ Hokkaido Shrine ที่ตั้งอยู่ในสวน Maruyama กันต่อ

ขากลับก็ขึ้นรถบัสกลับไป FUKUZUMI Station เพื่อไปลง "Odori Station" และเปลี่ยนจากสาย Toho Line สายสีน้ำเงิน มาเป็นTozai Line สายสีส้มโดยนั่งจาก Odori Station (T09) ไปลง Maruyama-koen (T06) ป้ายที่3 จาก Odori ให้สังเกตุปลายทางสถานี Miyanosawa ด้วยครับ

กระเบื้องปูพื้นที่สถานี Maruyama-koen  เป็นลายรูปสัตว์ต่างๆ





เพิ่งมาครั้งแรกหลงนิดหน่อยเป็นธรรมเนียม  อาศัยเดินตามป้ายไป ถามชาวบ้าน ถูกบ้าง มั่วบ้าง ก็มาถึงจนได้

ผมมาเข้าทางสวน Maruyama ครับ





เข้าประตูก็เดินตรงไปจะเจอสวน Maruyama มีแต่ต้มไม้ใหญ่ๆ ร่มรื่นดีจัง









เดินตรงมาเรื่อยๆก็จะถึงศาลเจ้าฮอกไกโด









ทางด้านซ้ายมือเป็น Holy Water ไว้ให้ล้างมือ ชำระจิตใจ







ส่วนด้านขวาจะขายของที่ระลึก 







ส่วนด้านข้างๆก็มีป้ายให้เขียนชื่อขอพรเพื่อเป็นสิริมงคล









ได้เวลาไปที่อื่นต่อ เราออกประตูอีกด้านกับขาเข้า













จากนั้นก็หลง แต่ก็มาโผล่เส้นนี้ครับ เดินกันขาลากเลย 555





เจอร้านขนมข้างทาง แวะตั้งหลักก่อนครับ











ตั้งสติได้ก็นั่งรถไปลงที่โอโดริ เพื่อไปเที่ยว Odori Park







เรานั่งเล่นในสวน ถ่ายรูปบ้าง นั่งปล่อยอารมณ์จนมืดก็ถึงเวลานั่งรถกลับไปที่ซัปโปโรแล้วครับ

ที่เห็นเป็นหอส่งทีวี ซัปโปโร (Sapporo TV Tower) สามารถขึ้นไปชมวิวข้างบนได้ แต่พวกเราไม่ได้ขึ้นไปชมครับ

สวนโอโดริ คลิ๊กเลย
หอส่งทีวี ซัปโปโร คลิ๊กเลย





จากโอโดริมาถึงซัปโปโรไม่ถึงห้านาที เราก็มาเล่นแถวซูซูกินโนะแถวที่พักเราแล้วครับ ย่านนี้ผมเจอคนไทยมาเดินเล่นเยอะเหมือนกัน ทั้งมากับทัวร์และมากันเอง

แสงสีไม่แพ้โตเกียวเหมือนกัน











เดินชมแสงสีเสร็จก็แวะกินข้าวที่ร้านนี้ครับ





หน้าตาอาหารที่ผมสั่งไปครับ ไม่รู้ว่าอร่อยเพราะหิวหรือเปล่า มื้อนี้ซัดเรียบเหมือนเดิม







อิ่มเสร็จก็เดินกลับเข้าที่พักก็เกือบสี่ทุ่ม

มาถึงรับคีย์การ์ดเสร็จก็เข้าห้องพัก APA Hotel Sapporp Susukino ภายในห้องกว้างดีครับ ไม่แคบมาก อุปกรณ์ภายในห้องมีให้พร้อม ห้องน้กในตัว 











วันนี้เดินทางแต่เช้าเที่ยวดึกเหมือนเดิม พอเห็นเตียงแล้วตาจะปิดให้ได้ คืนนี้ขอนอนก่อนครับ พรุ่งนี้เราไปเก็บเชอรี่ช่วงเช้า บ่ายไปโอตารุ  //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=nongmalakor&month=08-2014&date=12&group=12&gblog=32




 

Create Date : 11 สิงหาคม 2557
0 comments
Last Update : 3 กรกฎาคม 2559 16:03:30 น.
Counter : 4380 Pageviews.


nongmalakor
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 120 คน [?]




ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง
Google
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2557
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
11 สิงหาคม 2557
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add nongmalakor's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.