11 Day Summer in Japan (วันที่ 1 สุวรรณภูมิ – อาซากุสะ โตเกียว)



ทริปนี้ไปกับแกงค์เดิม 5 คนหลังจากเคยไปช่วงใบไม้เปลี่ยนสีเมื่อปลายปีที่แล้วด้วยกัน ปีนี้สมาชิกเลยวางแผนไปเที่ยวช่วงหน้าร้อนที่ฮอกไกโดกันอีก โดยน้องทอยได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าทัวร์เหมือนเดิม วางแผน จองที่เที่ยว ที่กิน ที่พัก ตั๋วรถ+รถเช่า รวมทุกอย่างเหมือนเดิมครับ

เอาทริปที่วางแผนมาให้ดูก่อน

วันแรก – เสารที่ 26 ก.ค.57 เที่ยววัดอาซากุสะเย็นๆชมเทศกาลจุดพลุ Sumida River Firework นอน Ueno Tokyo

วันที่ 2 – อาทิตย์ที่ 27 ก.ค.57 กินซ่า-ชินกูกุ นอน Ueno Tokyo คลิ๊กเลย

วันที่ 3 – จันทร์ที่ 28 ก.ค.57 ฮาโกดาเตะ เที่ยวในเมือง ตอนกลางคืนขึ้น Ropeway ไป Mt.Hakodate ชมแสงสีเมืองฮาโกดาเตะ นอน Hakodate คลิ๊กเลย

วันที่ 4 – อังคารที่ 29 ก.ค.57 ซัปโปโร เที่ยว Hitsujigaoka Observation Hill นอน Sapporo คลิ๊กเลย

วันที่ 5 – พุธที่ 30 ก.ค.57 เช้า sakuranboyama (cherry farm) บ่าย otaru นอน Sapporo คลิ๊กเลย

วันที่ 6 – พฤหัสที่ 31 ก.ค.57 เช่ารถขับเที่ยวเมือง Biei ดูดอกไม้ 5 สี นอน Sapporo คลิ๊กเลย

วันที่ 7 – ศุกร์ที่ 1 ส.ค.57 เที่ยว Shiroi Koibito โรงงานช็อกโกแลต อิชิยะ นอนบนรถไฟเช้าถึงเมือง Aomori คลิ๊กเลย

วันที่ 8 – เสาร์ที่ 2 ส.ค.57 เที่ยว Tanbo Art ศิลปะบนทุ่งนาที่ Inakadate เย็นดูเทศกาลโคมไฟยักษ์ Aomori Nebuta Matsuri นอน Hashinohe Aomori คลิ๊กเลย

วันที่ 9 – อาทิตย์ที่ 3 ส.ค.57 เที่ยว Sendai นอน Ueno Tokyo คลิ๊กเลย

วันที่ 10 – จันทร์ที่ 4 ส.ค.57 เที่ยววัดเมจิ-ฮาราจูกุ เย็นชมแสงไฟยามเย็นเมืองโตเกียวที่ตึกโมริ รอปปงกิ ฮิลล์ นอน Ueno Tokyo คลิ๊กเลย

วันที่ 11 – อังคารที่ 5 ส.ค.57 Shopping ย่าน Ueno เย็นเดินทางกลับสุวรรณภูมิ คลิ๊กเลย

ได้ตารางเที่ยวครบแล้วก็ออกลุยกันเลยครับ





วันเสาร์ที่ 26 ก.ค.57

เรานัดเจอสมาชิกที่สุวรรณภูมิเวลา 03.00 น. ออกเดินทางจาก BKK สายการบิน Delta ไฟล์ DL284 ออกเวลา 06:00 น. ถึง 14:15 น. (terminal 1)









ตอนเช็คอินที่สุวรรณภูมิ ค่อนข้างเข้มงวดเพราะเป็นเครื่องต่อไปยังอเมริกา เลยตรวจละเอียดหน่อย ดีว่าไปแต่เช้ายังไม่มีใครมาเช็คอินเลยไม่ต้องรอคิว แต่ก็ผ่านฉลุยทุกคน ไม่ได้ถามอะไรมาก

ใกล้ตีสี่เราก็เข้าไปรอใน Gate แล้วครับ





ถึงเวลาขึ้นเครื่องได้ก็หลับก่อนเลย มาตื่นอีกทีตอนลูกเรือเอาข้าวมาเสิร์ฟ หลังจากนั้นก็นั่งเล่นเกมส์ ดูวิวไปเรื่อย

มองออกไปหน่าต่างเห็นเครื่องบิน บินตามๆกันไปอีกสองลำ แต่ถ่ายมาได้แค่ลำเดียวเอง







เวลา 14.15 น. มาถึงสนามบินนาริตะ ทุกคนผ่าน ตม.อย่างสบาย ด่านศุลกากรมีถามนิดหน่อย แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร

ออกจากด่านศุลกากรได้ก็ลงไปซื้อ+จองตั๋วต่างๆ ทั้งขาไป-ขากลับตลอดทริปที่สนามบินนาริตะนั้นแหละ (เราใช้ เจอาร์ พาส 7 วันเริ่มใช้วันที่ 3 เดินทางไปฮาโกดาเตะ)









ได้บัตรครบแล้ว พร้อมลุย







ผ่านขั้นตอนทางศุลกากรออกมาแล้ว ให้มองหาเคาท์เตอร์Transportation Service ซึ่งเราสามารถจองตั๋วรถไฟ JR,Keisei ,ลิมูซีนบัส และซื้อตั๋วTokyo Metro Open Ticket(เป็นพาสพิเศษที่จะให้เรานั่งรถไฟสาย Keisei+ขึ้นรถไฟใต้ดินไม่จำกัด2วัน หาซื้อได้ที่เคาท์เตอร์นี้เท่านั้น) ส่วนเคาท์เตอร์GPAช่องซ้ายสุดเป็นเคาท์เตอร์รับส่งสัมภาระ เผื่อใครไม่อยากแบกกระเป๋าขึ้นรถไฟ ก็สามารถฝากส่งไปโรงแรมได้

สำหรับคนที่จะทำธุรกรรมเรื่องตั๋วรถไฟ แต่ไม่อยากติดต่อเคาท์เตอร์นี้ก็ให้ลงมาชั้นใต้ดินของทั้ง2เทอร์มินัล (คนที่จะแลกJR Rail Passก็ต้องลงชั้นใต้ดิน ไปแลกที่มิโดริโนะงุจิ เคาท์เตอร์ข้างบนไม่รับแลก ขายตั๋วอย่างเดียว)
รายละเอียดข้อมูลจากเวป คลิ๊กเลย

การเดินทางเข้าเมืองโตเกียวของบริษัท Keisei คลิ๊กเลย

ส่วนเราออกจากนาริตะใช้บริการของ ค่าย Keisei : Skyliner นั่งยาวรวดเดียวมาลงที่ สถานี Keisei Ueno ม้วนเดียวจบ สะดวกสบายดี

บริษัท Keisei : SkylinerและJR Rail Pass จะอยู่ชั้นใต้ดินตรงข้ามกัน ลงมาก็เห็นเลยครับ









ใช่เวลาเดินทาง 41 นาที ก็มาถึงสถานี Keisei Ueno เราตรงไปที่ที่โรงแรม Tokyo Ueno New Izu ที่เดิมที่เราเคยมาพักปีที่แล้ว คืนนี้เราพักที่นี่อีกครั้ง

คุณ ellie@aggie มารีวิวในบล็อกแกงค์ ขออนุญาตเอามาแชร์ในบล็อกผมด้วยครับ  คลิ๊กเลย

ครั้งนี้โรงแรมกำลังปรับปรุงภายนอกอยู่ แต่ยังเปิดบริการเป็นปรกติ 





ภายในห้อง ผมได้ห้องสไตล์ เจแปนนีส ห้องจะแคบตามราคาครับ แต่ไม่มีปัญหา

ที่โรงแรมมี wifi ฟรีให้ด้วย แถม wifi แรงดีกว่า Pocket Wi-Fi ที่เช่าไปอีก 

















เปิดประตูเข้าไปจะเป็นห้องรับแขกและเค้าเตอร์ประชาสัมพันธ์









หลังจากเช็คอินแล้วก็ทิ้งกระเป๋าไว้เป็นภาระให้กับโรงแรม ส่วนพวกเราก็เตรียมตัวลั้นล้า เรานั่งสาย Ginza Line ไปลงที่ Station : Asakusa G19

เข้าไปถึงสถานีอูเนโนะให้มองหาตัว ตัว G วงกลมสีเทาครับ เจอแล้วเดินตามป้ายไปก็จะถึงสถานีแล้วก็นั่งไปลงที่ อาซากุซะ วันนี้เราใช้ตั๋ว Tokyo Subway 2 Day ราคา 1,200 เยน ซื้อที่สนามบินนาริตะได้เลย ใช้ในโตเกียวได้ 2 วัน (บัตรสีฟ้าๆตรงรูป เจอาร์ พาส ข้างบน)





ที่สถานีคนเยอะมาก ต่างไปลง Asakusa กันเพราะวันนี้มีเทศกาลจุดพลุ Sumida River Firework แถวช่วงด้านล่างของแม่น้ำ Sumidagawa แต่ถึงนักท่องเที่ยวจะเยอะ ทุกคนก็เข้าคิว ต่อแถวเป็นระเบียบ ไม่มีใครแซงคิว ทำให้ไม่ต้องรอนาน 







จากอูเอโนะใช้เวลา 5 นาทีมาถึงสถานีอาซากุซะ เดินไปหน่อยก็ถึงวัดอาซากุซะ ระหว่างทางจะเห็นชาวญี่ปุ่นใส่ชุดกิโมโนมาเดินชมพลุกันเยอะมาก









ถึงแล้ว วัดอาซากุสะ หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกว่าเซนโซจิ











เดินชิมขนมไปเรื่อยๆ แต่ละร้านคนเยอะมาก







มาคราวที่แล้วสาวๆไม่ได้ชิมขมมเจ้านี้ เพราะขี้เกียจรอ ครั้งนี้สาวๆตั้งใจมาชิมให้ได้ ยอมไปต่อคิวยาวมาก











ระหว่างรอก็ถ่ายสาวๆญี่ปุ่นกินไอติม+ขนมไป 











รอได้ซักพัก ก็ได้มาหนึ่งชิ้น หน้าตาจะเป็นอย่างนี้ครับ





ได้มาแล้วก็ชิมกันคนละคำสองคำ รสชาติเป็นยังไง ไม่บอก ต้องลองไปชิมเอง หุหุ





ชิมขนมได้สักพัก ประมาณเกือบหนึ่งทุ่มก็ได้ยินเสียงพลุเริ่มจุด เราก็เดินออกจากวัดไปทางสถานที่จุดพลุ

***จัดโดยเขต Sumida ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงโตเกียว โดยจะจุดแสดงดอกไม้ไฟที่แม่น้ำ Sumidagawaเทศกาลดอกไม้ไฟนี้มีประวัติยาวนาน เริ่มต้นขึ้นในปี 1733 และเทศกาลนี้ก็เป็นที่รักของหลาย ๆ คน เพราะเป็นลักษณะเฉพาะของช่วงฤดูร้อนในโตเกียว ตั้งแต่มีการจัดงานเทศกาลจุดดอกไม้ไฟนี้ก็มีคนเข้าร่วมงานประจำทุกปี คาดว่าน่าจะถึงหนึ่งล้านคน ขอแนะนำจุดชมดอกไม้ไฟที่น่าสนใจสองจุด ได้แก่จุดบริเวณริมแม่น้ำหน้าวัด Sensoji (Asakusa) และ Tokyo Sky Tree อยู่ใกล้กับสถานที่จัดงานเทศกาล

สถานที่จัด: ที่เขต Sumida และเขต Taito ในโตเกียว (ช่วงด้านล่างของแม่น้ำ Sumidagawa)





นักท่องเที่ยวเยอะมาก 





เดินไปเรื่อยๆเกือบถึงสะพานก็เลี้ยวซ้ายจนเดินไม่ได้แล้ว






หยุดดูพลุกัน เสียดายโดนตึกบัง 





เดินไปหามุมถ่ายรูป ยิ่งมืดคนยิ่งเยอะ





การจุดพลุเริ่มตั้งแต่หนึ่งทุ่ม จนถึงสองทุ่มครึ่ง เป็นเวลาชั่วโมงครึ่ง ยืนกันขาแข็งแต่ก็ไม่มีใครถอย งานเค้าจุดพลุได้ยิ่งใหญ่มาก สมกับการเป็นเทศกาลระดับชาติ

เดินไปถ่ายรูปไปชัดบ้างไม่ชัดบ้าง























พวกเราดูจนจบการแสดง ก็เดินข้ามสะพานไปยังTokyo sky tree กันต่อ













เรา เดินมาถึง Tokyo sky tree สามทุ่มกว่า ห้าง Tokyo Solamachi ก็ปิดแล้ว (อยู่ในโตเกียว สกายทรี) เลยได้แต่ชมวิวชั้นล่างแทน

















หลังจากนั้นก็นั่งรถกลับ เรานั่งรถไฟสาย Ginza Line ต่อเดียวไปถึง Ueno Station เลย ใช้เวลาเพียง 4 นาทีก็ถึง Ueno







มาถึงอูเอโนะก็เกือบสี่ทุ่ม ทั้งเหนื่อยทั้งหิว เราเดินหาอาหารมื้อเย็นสงสัยดึกปิดเกือบหมดมาเจอราเม็งหยอดตู้กินประทังชีวิตกันก่อน  เจอร้านนี้อยู่ก่อนถึงที่พักเราครับ











ชามนี้ของผม





อิ่มแล้วก็กลับเข้าที่พัก คืนนี้กว่าจะนอน จัดของก็เที่ยงคืนกว่าๆ อาบน้ำได้ก็สลบยาว พรุ่งนี้ลุยเที่ยวในโตเกียวต่อ //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=nongmalakor&month=08-2014&date=10&group=12&gblog=29


สรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมด เก็บกองกลาง คนละ 67,000 บาท ไม่รวมค่า Shopping ต่างหาก

ทอย ดูแลเรื่อง ค่าที่พัก+บัตรโดยสาร+ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ 18,500 บาท
ปู ดูแล ค่าอาหาร 20,000 บาท

บางส่วนค่าเครื่องบิน+JR+ค่าที่พักจ่ายจากเมืองไทยไปบ้างแล้ว

- ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ คนละ 18,xxx บาท
- JR Rail Pass 7 วัน รวม วัน 9,465 บาท (29,110 เยน) แถม Wi-fi ให้ฟรี 7 วัน จ่ายเพิ่มอีกวันละ 150 บาท ส่วนเพิ่มอีก 4 วัน รวมเป็น 600 บาท รวมทั้งหมด 11,065 บาท
- ค่ากินทั้งหมด 11 วันคนละ 20,000 บาท (ขากลับเหลือคืนคนละ 20,000 เยน)
- ค่าที่พัก+ค่าตั๋วเดินทาง+ค่าเช่ารถ 1วัน+ ค่าเข้าชม รวม 18,500 บาท

***ค่าโรงแรมต่อ 2 ห้อง 5 คน

วันแรก-วันที่ 2 Tokyo Ueno New Izu Hotel 2 คืน ราคา 53,400 เยน
วันที่ 3 Pension Poppy Tail 1 คืน ราคา 22,572 เยน
วันที่ 4 – 5 – 6 APA Hotel Sapporo Susukino Ekiminami 3 คืน ราคา 50690 เยน
วันที่ 8 Comfort Hotel Hachinohe 1 คืน ราคา 27,800 เยน
วันที่ 9-10 Tokyo Ueno New Izu Hotel 2 คืน ราคา 46,400 เยน

*** เช่ารถ นิสสัน Cube ขับ 1 วันวันละ 15,120 เยน ยังไม่รวมค่าน้ำมัน

***ค่า Shopping+ของฝาก ส่วนตัว 20,000 บาท


*********************************

ทริปนี้ เป็นทริปที่ประใจอีกหนึ่งทริป มีเรื่องให้เล่า+ความประทับใจหลายๆอย่าง ไว้จะเขียนไว้แต่ละวันให้ฟังแล้วกัน แต่สรุปโดยรวม ทริปนี้เหนื่อยแต่คุ้มค่ากับการเดินทางมากกกก ซื่งมีเงินอย่างเดียวก็ไม่สามารถซื้อประสบการณ์ที่ผ่านมาได้ ต้องขอบคุณน้องทอยที่จัดทริปได้ประใจอีกครั้ง ขอบคุณสาวๆทุกคน ที่ทั้งทนทั้งอึด ไม่มีงอแง บางครั้งเที่ยวจนลืมกิน ทั้งที่เตรียมตัวเรื่องร้านอาหารแบบจัดเต็ม อดนอน เดินแต่ละวันเป็นสิบๆกิโลก็ไม่มีงอแง ยังคงน่ารักอยู่เหมือนดิม ถ้ามีโอกาสคงต้องมีทริปต่อไปอีกนะครับ

ปล.Pocket Wi-Fi แอบตินิดหนึ่ง สัญญาณไม่ดีเลย อยากให้ปรับปรุงให้มากกว่านี้ เพราะคราวที่แล้วใช้ของอีกบริษัทดีกว่าเยอะเลย พอดีมีข้อเปรียบเทียบ ถึงแม้ของคุณราคาจะถูกกว่าเจ้าแรก แต่ถ้าสัญญาณใช้ไม่ได้คิดว่าลูกค้ายอมจ่ายเพื่มดีกว่า ขอไม่บอกชื่อบริษัทนะครับ



Create Date : 09 สิงหาคม 2557
Last Update : 2 กรกฎาคม 2559 12:58:56 น. 0 comments
Counter : 6584 Pageviews.

nongmalakor
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 120 คน [?]




ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง
Google
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2557
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
9 สิงหาคม 2557
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add nongmalakor's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.