ลุยมั่วๆ 2 คน @ KANSAI (วันที่ 5 HIMEJI - KOBE )
ย้อนดูวันที่ 4 Wakayama คลิ๊กเลย
วันอังคารที่ 2 เม.ย.62
วันนี้ใช้บัตร Kansai Thru Pass 3 Day (KTP) เป็นวันที่ 2 เพื่อไปปราสาทฮิเมจิ – โกเบ – อาริมะ ออนเซน 06.00 น.ออกเดินทางจากโรงแรม APA Hotel Namba Shinsaibashi จากโรงแรมออกทางซ้าย ตรงไปถึงถนนใหญ่ (ผ่าน FamilyMart) เลี้ยวขวาตรงหัวถนนจะเป็นห้างดองกี้ ออกถนนก็จะเห็นหนุ่มกูลิโกะอยู่ฝั่งตรงกันข้าม
ไม่ต้องข้ามถนนนะครับ เลี้ยวขวาเดินตรงไป ข้ามคลองจะเจอสถานีรถไฟใต้ดินประตู 25 (Metro) ลงบันไดไปเลยครับ
ใช้เส้นทางนี้ทุกวัน วันนี้เรานั่ง HANSHIN Line ไปเที่ยวกันครับ
เดินตามป้าย HANSHINถึงตรงนี้ก็เสียบบัตร KTP เข้าสถานีไปเลย ตามป้าย Amagasakiลงมารอชานชาลาที่ 3 เป็นขบวน Local
ขบวนรถจะสีแดงๆ นั่งประมาณ 20 นาที จะจอดที่ สถานี Amagasaki Station เดินไปเปลี่ยนขบวนรถชานชาลาที่ 5-6 เดินตามป้ายอย่างเดียวครับ ไม่หลงแน่จากสถานีนัมบะ มาถึงสถานี Amagasaki Station ตามเวลาเลยครับ เดินตามป้าย ใครจะไปโกเบ ฮิเมจิ ให้มารอที่ชานชาลาที่ 6 เป็นขบวน LTD. EXP. ไป Sanyo-Himeji ชานชาลาที่ 5 เป็นขบวน Local เราไปชานชาลาที่ 6 ขบวนนี้จะมาจาก UMEDA ช่วงเช้าคนจะแน่นหน่อย ต้องยืน ถ้าใครพักแถว UMEDA ให้ขึ้นที่นั้นได้เลย เป็นรถต้นสาย
ใกล้ถึงโกเบ คนเริ่มทยอยลง ถึงได้นั่ง นั่งขบวนนี้ ไม่ต้องเปลี่ยนขบวนอีกแล้ว หลับยาวได้เลยครับ เพราะมันมาสุดสถานีที่ ฮิเมจิภายในตู้จะมีที่นั่ง 2 แบบ ท้ายตู้จะเป็นแบบที่นั่งยาวติดหน้าต่าง หันหน้าชนกันแบบรูปข้างบน ส่วนตรงกลางตู้เป็นเก้าอี้มีพนักพิงแบบนั่งคู่
พนักพิงสามารถปรับได้ เพียงแค่จับตรงหูข้างเบาะด้านคนเดิน แล้วโยกไปทางซ้ายหรือขวา ถ้ามา 4 คนปรับเป็นหันหน้าชนกันได้ครับ จากโรงแรมมาปราสาทฮิเมจิ ใช้เวลาประมาณเกือบ 2 ชั่วโมง
ผมมาถึงสถานีฮิเมจิ เวลา 08.20 น. ใช้บัตรเสียบ KTP ออกได้เลยลงบันไดแล้วเลี้ยวซ้ายตามป้ายภายในสถานีมีตู้ฝากกระเป๋าหลายจุดอยู่เหมือนกัน และมีทางเชื่อมไปยังสถานี JR ได้ลงบันได้มาแล้วจะเป็นทางออกสถานี Sanyo-Himeji
หน้าตาด้านหน้าสถานนี มองไปทางซ้ายมือ จะเห็นปราสาทฮิเมจิ อยู่ลิบๆระยะทางประมาณ 1 กม. เดินบรรยากาศแบบนี้ อากาศ 4 องศา ชิวๆมาก วันนี้มาถึงเช้า นักท่องเที่ยวเลยยังไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ตรงนี้เดินเข้าประตูก็ถึงปราสาทฮิเมจิแล้วครับถ่ายจากปราสาทฮิเมจิ มองตรงไปสุดจะเป็นสถานี JR ส่วนทางด้านขวามือเป็นสถานี Sanyo-Himeji ที่เรานั่งมาเมื่อเช้า
ดูเหมือนไกล แต่เดินจริงๆสบายมาก เพลินดี เดินเข้าประตูไปเลยครับผ่านประตู เดินเข้าไปด้านหน้าเป็นสนามลานกว้างๆ ที่เรียกว่า HonMaru เห็นปราสาทฮิเมจิ เด่นสง่ามาก ด้านซ้ายมือเป็นทางเดินเข้าไปชมปราสาท จะเรียงรายไปด้วยต้นซากุระที่ออกดอกบานสะพรั่ง
ตอนนี้บานประมาณ 70-80 % ประตูทางเข้าชมปราสาทก็ไม่ไกล แต่หมดเวลาตรงต้นซากุระเกือบครึ่งชั่วโมงเกือบถึงประตูทางเข้าแล้ว
ซ้ายมือเป็นร้านขายของที่ระลึก แวะชมได้ครับมาถึงจุดจำหน่ายบัตรเข้าชมปราสาทแล้วครับ
ใครไม่อยากเข้าชมปราสาท อยากเดินถ่ายรูปแค่ด้านหน้าตรงทางเข้าก็ได้ ไม่ต้องซื้อบัตรเข้าชมปราสาท ค่าเข้าชมปราสาท มีบัตรจำหน่าย 2 แบบ เข้าชมภายในปราสาทฮิเมจิ อย่างเดียว 1,000 เยน เข้าชมภายในปราสาทฮิเมจิ + สวนโคโคเอง (Kokoen Garden) 1,040 เยน รับแต่เงินสด ไม่รับบัตรเครดิตใดๆ ผมซื้อแบบ 1,040 เยน ชมทั้งปราสาทและสวนโดโคเองมีบัตรแล้วเดินเข้าประตูได้เลย
ฮิชิโนะมง เป็นประตูที่ใหญ่ที่สุดของปราสาท ซึ่งหน้าต่างตกแต่งด้วยแลคเกอร์คุโระอุรุชิและทองเปลวข้างประตูมีแผ่นผับบอกประวัติความเป็นมาของปราสาทวางไว้ให้ด้วย
มีเกือบทุกภาษา ภาษาไทยเราก็มีเหมือนกัน แผนผังปราสาทฮิเมจิเดินตามลูกศรเข้าไปเลยครับเดินมาถึงตรงจุดนี้ จะเป็นทางซับซ้อนหน่อยซะมะ หมายถึงรูที่เปิดตามกำแพงของหอปราสาทที่ใช้สำหรับยิงปืนหรือธนูเพื่อป้องกันปราสาท จะมี 4 ประเภท วงกลม สามเหลี่ยม สี่หลี่ยมจัตุรัส(สำหรับปืน) สี่เหลี่ยมผืนผ้า(สำหรับธนู) ซื่งใช้แบ่งตามวัตถุประสงค์เดินตามทางไป
เคยอ่านในเวปต่างๆ นักท่องเที่ยวจะเยอะมาก บางครั้งต้องแจงบัตรจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าชมเป็นรอบๆ ช่วงที่ผมไปแต่เช้านักท่องเที่ยวไม่เยอะ เดินสบายเลยครับผ่านประตูจะแคบแต่แผ่นไม้จะหน้ามากเดินผ่านอีกประตูผ่านอีก 2 ประตูก็เข้าตัวปราสาทแล้วครับ
ประตูเยอะมาก หลายชั้นเพื่อป้องกันข้าศึก เข้าชมตัวปราสาทต้องถอดรองเท้า จะมีถุงไว้ให้ใส่รองเท้า ปราสาท Himeji มีอีกชื่อว่า“Hakurojo” ซึ่งแปลว่าปราสาทนกกระสาขาว มาจากพื้นผิวปราสาทภายนอกซึ่งมีสีขาวสง่างามและการออกแบบที่ไม่ซ้ำใครตั้งแต่ดั้งเดิม ที่นี่คือปราสาทของแท้และเป็นความภูมิใจของญี่ปุ่นสร้างเสร็จในปี ค.ศ.1609 หลังจากการก่อสร้างทั้งหมด 9 ปีพร้อมๆ กับวัด Horyuji ในนารา และเป็นปราสาทแห่งแรกในประเทศญี่ปุ่นที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ในญี่ปุ่นมี 12 ปราสาทที่ยังคงสภาพเดิมครบถ้วนเหมือนครั้งที่ถูกสร้างขึ้นมา แต่มีเพียง 4 ปราสาทที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติของชาติและหนึ่งในนั้นคือ ปราสาท Himeji นี้เอง
ปราสาท Himeji ยังเป็นสถานที่ๆ เจ้าขุนมูลนายและครอบครัว รวมถึงซามูไรทั้งหลายอยู่อาศัยกันหลายรุ่นหลายสมัย ว่ากันว่าแม้แต่นักดาบที่มีชื่อเสียงอย่าง Musashi Miyamoto ก็อาศัยอยู่ใกล้ๆกับปราสาทนี้ ในสมัยสงครามช่วงศตวรรษที่ 15-16 นั้น ปราสาทแห่งนี้คือฐานทัพและแนวป้องกันมีทุกสิ่งเหมือนปราสาททั่วไปรวมทั้งประตูหนุนอันแข็งแกร่งที่มีแผ่นเหล็กและช่องสำหรับยิงธนูและหอกอยู่บนตัวกำแพง แต่ปราสาทแห่งนี้กลับรอดพ้นจากสงครามมาตลอดประวัติศาสตร์ 400 ปี ทำให้เป็นที่รู้จักในชื่อว่า “ปราสาทที่ไม่เคยถูกโจมตี” ปราสาทฮิเมจิมีทั้งหมด 6 ชั้น
ชั้นที่ 1 มีอยู่ 3 จุดของหอปราสาทหลัก เป็นจุดสำหรับปล่อยหินให้ตกใส่ข้าศึกที่พยายามปีนกำแพงประตูสองชั้น มีทางเข้าสู่หอปราสาทหลักอยู่ 4 จุดซึ่ง 2 จุดอยู่ที่ชั้น 1 ไม่ว่าจะเข้าทางไหนก็ป้องกันด้วยประตูสองชั้นจากด้านนอกและด้านใน ชั้น 2บันไดค่อนข้างแคบและชันข้างผนังทำที่แขวนหอกและอาวุธต่างๆ ชั้น 3 ไม่ได้ถ่ายรูป มุสะคะคุชิ มีช่องว่างสำหรับจัดพลทหารใน 4 มุมของอาคารซึ่งเป็นพื้นที่ช่องว่างด้านใน
ข้ามมา ชั้น 4 เลยแล้วครับอิชิอุชิดะนะ เนื่องจากหน้าต่างในห้องนี้อยู่ในตำแหน่งที่สูงจึงมีชั้นที่ขั้นบันไดเพื่อให้สามารถปีนขึ้นเพื่อยิงปืนหรือธนูจู่โจมข้าศึกได้ ชั้น 5 เสาใหญ่ มี 2 ต้น ฝั่งตะวันตกและตะวันออกซึ่งถือว่าแปลกในบรรดาสิ่งก่อสร้างปราสาทญี่ปุ่น เสาทางตะวันออกเป็นเสาเดิมที่ประครองปราสาทฮิเมจิมานานกว่า 400 ปีโรคุโยคุกิกะคุชิ สิ่งประดับเพื่อซ่อนหัวตะปูซึ่งมีแบบดีไซน์เป็นใบไม้ 6 ใบ ระหว่างใบจะมีช่องว่างรูปทรงหัวใจเรียกว่าอิโนเมบันไดทางขึ้นและลงแต่ละชั้นชั้น 5 ตรงบันไดจะมีประตูปิดไม่ให้ขึ้นบันไดได้ ชั้น 6 หน้าต่างมหัศจรรย์ เดิมทีหน้าต่างทุกบานของผนังกำแพงชั้น 6 ถูกวางแผนให้เปิดได้ทุกบานแต่นภายหลังค้นพบว่าช่วงระหว่างก่อสร้างได้เปลี่ยนแผนมาปิดกั้น 4 บานชั้นนี้มีศาลเจ้าโอซะกะเบะ เดินมที่ศาลเจ้าโอซะกะเบะสักการะเทพเจ้าคุ้มครองพื้นที่แห่งนี้ใกล้เคียงหอปราสาทหลักแต่ในปัจจุบันถูกบูชาไว้ที่ศูนย์กลางของปราสาทชั้นบนสุดเพื่อเป็นเทพเจ้าคุ้มครองปราสาทเดินลงมาชั้นล่างทางเดิม จะมีปราสาทไม้จำลองไว้ให้ดูชั้นล่างสุดมีกระเบื้องของประสาทใช้สลับระหว่างรูปทรงแบนและทรงกลม กระเบื้องมีลงลายตราประจำตระกูลของเจ้าของปราสาทซึ่งในปราสาทฮิเมจิ มีตราดังกล่าวทั้งหมด 6 ประเภทนักท่องเที่ยวเริ่มทยอยมาแล้วครับเดินลงทางออกปราสาทตรงนี้ เดินออกตามทางจนมาเจอกับบ่อน้ำ บ่อน้ำนี้มีชื่อว่า Okiku Ido (Okiku well) เป็นตำนานของ “ผีนับจาน” ในประเทศญี่ปุ่น
ผีนับจาน เป็นเรื่องเล่า กึ่งเรื่องจริง มีอยู่ประมาณ 3 ตำนาน เราจะเล่าเพียงตำนานเดียว ตามข้อมูลที่ติดไว้ตรงหน้าบ่อน้ำ ซึ่งเป็นตำนานที่เกี่ยวข้องกับปราสาทฮิเมจิ เมื่อประมาณปี ค.ศ. 1500 Aoyama เป็นผู้สำเร็จราชการของฮิเมจิ ได้วางแผนกับ Danshiro จะฆ่า Norimoto เจ้าเมืองฮิเมจิ แผนการนี้ได้ยินถึงหู Okiku คนรับใช้ในบ้าน Aoyama Okiku ได้บอกให้เจ้าเมืองฮิเมจิหนีออกไปก่อนที่จะถูกฆ่า แผนการฆ่าจึงล้มเหลว พอ Danshiro ได้รู้ว่า Okiku เป็นผู้นำแผนไปบอก จึงได้วางแผนที่จะกำจัด Okiku ด้วยการให้ Okiku ดูแลจาน 10 ใบที่เป็นสมบัติล้ำค่าของตระกูล Aoyama และได้แกล้งเอาจาก 1 ใบไปซ่อนแล้วใส่ร้ายว่า Okiku ขโมยจาน ต่อมา Danshiroได้จับ Okiku โยนลงบ่อน้ำ หวังฆ่าให้ตาย หลังจาก Okiku ตาย ผู้คนมักจะได้ยินเสียง Okiku ดังมาจากบ่อน้ำ เป็นเสียงกำลังนับจาน “1 ใบ … 2 ใบ … 3 ใบ …นับได้แค่ 9 ไม่ครบ 10”ปราสาทคู่กับซากุระรูปปั้นปลาที่หลังคาปราสาท มีชื่อว่า “ชะชิโฮะโกะ” (Shachihoko : 鯱) เป็นสัตว์ในตำนานญี่ปุ่น หัวเป็นเสือ ร่างเป็นปลาคาร์ฟ เชื่อว่ามีอำนาจทำให้ฝนตกได้ ไว้ป้องกันปราสาทจากไฟไหม้
จะมีรูปปั้นโชว์ให้ดูทั้ง 3 แบบ มุมกำแพงหิน มีการก่อสร้างเพื่อป้องกันข้าศึกปืนขึ้นมา ด้วยการเพิ่มส่วนโค้ง (Fan curve) ที่ปลายกำแพงด้านบนทำให้กำแพงชันขึ้นออกจากตัวปราสาทเดินกลับออกประตูทางด้านขวามือให้ขึ้นไปชมสวนซากุระฟรีชมสวนเสร็จออกประตูเดิมเลี้ยวขวาเพื่อไปสวนโคโคเอง
มีนั่งเรือชมรอบปราสาทด้วย ไม่รู้ขึ้นเรือตรงไหน พอดีเดินผ่าน สวนโคโคเองอยู่คนละส่วนกับตัวปราสาทฮิเมจินะครับ ตอนแรกนึกว่าอยู่ในส่วนเดียวกันอีก
ต้องเดินออกจากบริเวณปราสาทมาข้างนอกถนนเลี้ยวขวาเดินตรงไป พอพ้นคูน้ำข้างบน ด้านขวามือจะเป็นสวนโคโคเอง เดินเข้าไปเลยครับ ใช้บัตรปราสาทฮิเมจิยื่นให้เจ้าหน้าที่ตรงทางเข้าได้เลยครับเดินเข้าไปนิดเดียวก็กลับแล้วครับ กลัวเสียเวลากินสเต็กที่โกเบ
สวนที่นี่ช่วงใบไม้แดงน่าจะสวยเดินประมาณ 5 นาทีก็เผ่นไปสถานีแล้วครับ
เจอร้านขนมหน้าสถานีขอชิมหน่อย 3 ชิ้น 496 เยน 11.58 น. รอขึ้นรถไฟทีสถานี Sanyo-Himeji ขบวน Hanshin-Umeda ชานชาลาที่ 4 ตู้ที่ 6
ใช้บัตร KTP เสียบเข้าสถานีหน้าตารถไฟเป็นแบบนี้ ดูป้ายหน้ารถถูกขบวนแล้ว ขึ้นได้เลย เอาขนมวาฟเฟิ้ล มากินระหว่างเดินทาง อร่อยมาก บ่ายโมงมาถึงสถานี Kobe-Sannomiya เสียบบัตรออกหาทางออกตรงประตู Hankyuจากประตูสถานี Hankyu รูปข้างบน มองเยื้องๆไปด้านขวาจะเห็นร้านโกเบสเต็กแลนด์ สาขา 1
มาทันเซทกลางวันพอดี ตรงที่คนยืนรอคิวหน้าร้านรอคิวประมาณ 15 นาที เรียกไปที่โต๊ะ สั่งไป 2 เซท โกเบสเต๊กเนื้อวัวกลางวัน 150 กรัม ราคา 4,180 เยน ชุดสเต็กเนื้อโกเบแบบพิเศษ180 กรัม ราคา 5,880 เยน รวม 10,060 เยนเอาเนื้อที่สั่งมาให้ดูของผมโกเบสเต๊กเนื้อวัวกลางวัน จะให้สลัด น้ำจิ้มและเครื่องเคียง+น้ำเปล่าตามรูปเลยครับส่วนของแฟน ชุดสเต็กเนื้อโกเบแบบพิเศษ ให้เหมือนกันแต่เพิ่มซุปมิโซะมา 1 ถ้วยนั่งรอประมาณ 5 นาที เชฟก็มาปรุงอาหารให้ต่อหน้า
กระเทียมมาก่อนเลยปรุงแบบสุกปานกลาง
ทำชุดสเต็กเนื้อโกเบแบบพิเศษ 180 กรัมก่อน มีหัวบุก-เห็ด-มะเขือยาว ผัดพวกผักเสร็จ
เนื้อทั้ง 2 เซทลงกระทะพร้อมกัน โรยเกลือ พริกไทยนิดหน่อยของแฟนเสร็จแล้ว มีข้าวหรือขนมปังให้เลือก ของผม ไม่มีหัวบุก เห็ด มะเขือยาว แต่มีน้ำมิโซะกับข้าวสวยให้ผัดถั่วงอกกับผักตั้งโอ๋(ไม่แน่ใจนะครับ) ผัดเสร็จมาใส่จานผม ลุยได้
เนื้อแทบไม่ต้องเคี้ยวเลย นิ่มมากกกก ส่วนรสชาติเฉยๆ ออกจืดๆไปหน่อย อาจจะคาดหวังไว้สูง ยังไม่ค่อยโดนทั้ง 2 จาน หลังจากเช็คบิลเสร็จ เป้าหมายต่อไป เมือง Arima-onsen ถามพนังงานแคชเชียร์สถานี Subway Sannomiya Station ไปทางไหน น้องเค้าอธิบาย ดูผมงงๆ เลยพาเดินไปส่ง
ออกจากร้านเลี้ยวขวาเดินตรงไปถึงแยกแรกให้เลี้ยวขวาจะเข้าถนน IKUTA (แถวนี้ดงร้านสเต็กเลยครับ) เดินตรงไปเกือบสุดถนน จะเห็นสถานี Subway Sannomiya Station อยู่ขวามือน้องเดินเร็วมาก ขอบคุณอีกครั้งนะครับ ที่พามาส่งถึงสถานีเดินลงบันได ใช้บัตร KTP เสียบบัตรเข้าไปได้เลย
รอที่ชานชาลาที่ 1 เพื่อไป Tanigami 14.38 น.รอขึ้นที่ ชานชาลาที่ 1ภายในตู้โดยสาร นั่งสบายๆหน้าตารถที่เรานั่งมาจะเป็นแบบนี้นั่งประมาณ 10 นาทีก็มาถึงสถานี Tanigami ลงแล้วเดินไปขึ้นอีกขบวน Kobe Dentetsu-Arima Line อยู่ชานชาลาตรงกันข้าม
นั่งประมาณ 10 นาที มาถึงสถานี Arimaguchi Stationหน้าตารถที่นั่งมาจะเป็นแบบนี้ 15.05 น.ก็มาถึง Arimaonsen Stationทางเข้า ทางออกมีประตูเดียว เสียบบัตรออกไปเลยครับ Arimaonsen Station เป็นสถานีเล็กๆออกจากสถานีเลี้ยวซ้ายเดินข้ามถนนมาก็เจอสัญลักษณ์เมืองอาริมะเลยครับเดินลงไปชมข้างล่างกันเดินขึ้นสะพานมาได้ ถึงสี่แยกเดินตรงเข้าถนนสายนี้เจอร้านขายขนมแซมเบ้ ทำกันสดๆ 3 ชิ้น 100 เยน จัดมา เดินมาหน่อยก็เจอสถานีรถบัสของ Hankyu สามารถนั่งกลับไปโอซาก้าได้เลย ลองเขาไปถามใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ราคาประมาณ 1,000 กว่าเยน จำราคาไม่ได้ เดินต่อไปเจอตึก Arima Toys and Automata Museum เดี๋ยวกลับมาชม Kinsen : บ่อน้ำพุร้อนสีทอง อยู่ใกล้ๆตึก Arima Toys and Automata Museum ข้างๆตึกมีบ่อแช่เท้าฟรี เดินชมเมืองกันก่อนครับ
เมืองอาริมะไม่ใหญ่แต่เป็นเมืองน่ารักมาก ลักษณะเดินขึ้นเนินไปเรื่อยๆ เจอ KOROKKE โคะโระเกะ อร่อยมาก จัดไป 2 ชิ้น แผนที่น่ารักมากมาถึงตรงนี้เดินกลับมาที่ Arima Toys and Automata Museum ซื้อบัตรเข้าชมกันครับ คนละ 800 เยน ใช้บัตร KTP ลดได้ 100 เยน เหลือคนละ 700 เยน
บัตรเข้าชมน่ารัก ได้บัตร ขึ้นลิฟต์ไปชั้น 6 แล้วค่อยเดินลงมายังชั้นล่าง โดยแต่ละชั้นจะแสดงของเล่นเกี่ยวกับไม้ อลังการ ตื่นตะลึงกับสิ่งของที่เอามาแสดงโชว์ ไม่รู้จะอธิบายยังไง ต้องมาดูเอง แนะนำเลยครับ เดินชั่วโมงครึ่ง เต็มอิ่มกับ Arima Toys and Automata Museum ได้เวลาเดินกลับแล้ว เดินมาถึงสถานี Arimaonsen Station 17.39 น. เสียบบัตรเข้าไปเลยครับกลับรถไฟเส้นเดิม 18.30 น.ถึง Kobe-Sannomiyaนั่งสาย Hanshin Line ชานชาลาที่ 1 ประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึง Hanshin-Umeda Station ต่อด้วย รถไฟใต้ดิน Mido-suji สายสีแดง กลับ Nambaเดินเล่นแถวนัมบะต่อกินทาโกยากิ ตรงร้านหัวมุมสะพานร้านนี้ทั้งแป้ง ทั้งซอส อร่อยมากกก
ลงไปกินที่ในร้านได้เลยมีน้ำเปล่าให้ดื่มฟรีพร้อมห้องน้ำต่อด้วยเกี้ยวซ่าร้านนี้สั่งแบบ Original เข้าไปนั่งกินที่ร้านก็ได้ มีซอสไว้ให้ใส่พร้อมน้ำเปล่ากดดื่มได้เลย ตัวแป้งด้านบนกรอบ ด้านล่างนิ่ม เนื้อแป้งไม่หยาบนุ่มกำลังดี ใส้ก็อร่อย เข้ากันมาก ร้านนี้อร่อยเลยครับ แนะนำ เดินเล่นได้ซักพักเดินกลับไปที่พัก ผ่านร้าน Yoshinoya กินข้าวคนละถ้วย
ร้านนี้แฟนติดใจตั้งแต่วันแรกแล้ว ต้องมาซ้ำของผมของแฟนราคาทั้งหมดตามใบเสร็จ 22.14 น.ได้เวลากลับเข้าที่พัก กว่าจะอาบน้ำ ประมาณ 23.30 น. หัวถึงหมอนสลบยาว พรุ่งนี้ไปชมสวนซากุระ Kameoka ที่ Kyoto ครับ คลิ๊กเลย ค่าใช้จ่ายวันนี้ ค่าเข้าปราสาทฮิเมจิ 2,080 เยน (คนละ 1,040 เยน ) Magnet 400 เยน (ปราสาทฮิเมจิ 1 ชิ้น) ขนมวาฟเฟิ้ล 496 เยน (3 ชิ้น) ร้านสเต็กแลนด์ 10,060 เยน (2 เซท) ขนมแซมเบ้ 100 เยน (3 ชิ้น) KOROKKE โคะโระเกะ 260 เยน (2 ชิ้น) ค่าเข้าชม Arima Toys and Automata Museum 1,400 เยน (คนละ 700 เยน) ทาโกยากิ 500 เยน เกี้ยวซ่า 260 เยน ร้าน Yoshinoya 1,220 เยน สรุป ค่าใช้จ่ายวันนี้ 16,776 เยน วันนี้ใช้บัตร Kansai Thru Pass 3 Day ราคา 5,200 เยน วันที่ 2 ใช้ค่าเดินทางรถไฟ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม
สรุป ถ้าซื้อเป็นเที่ยวในวันนี้ทั้งหมด 4,740 เยน จากสถานี Osaka-Namba Station – สถานี Sanyo-Himeji ราคา 1,370 เยน สถานี Sanyo-Himeji – สถานี Kobe-Sannomiya ราคา 960 เยน จากสถานี Subway Sannomiya – สถานี Arimaonsen Station ราคา 930 เยน จากสถานี Arimaonsen Station - สถานี Subway Sannomiya ราคา 930 เยน จากสถานี Kobe-Sannomiya - สถานี Namba ราคา 550 เยน
รวมใช้ PASS 2 วัน จ่าย 6,950 เยน เกินราคา Pass แล้วครับ ยังเหลืออีก 1 วัน วันที่ 1 จ่ายทั้งหมด 2,210 เยน วันที่ 2 จ่ายทั้งหมด 4,740 เยน
Create Date : 14 เมษายน 2562 |
Last Update : 9 พฤษภาคม 2562 13:19:38 น. |
|
1 comments
|
Counter : 4692 Pageviews. |
|
|