ปลายปีนี้ ไป ปีนัง (วันที่ 5 เที่ยวสงขลาเย็นกลับบ้าน )
ย้อนดู วันที่ 4 เช้าเก็บตกปีนัง บ่ายกลับหาดใหญ่ คลิกเลย
วันเสาร์ที่ 7 ธ.ค.62
เช้านี้ไม่รีบ 07.00 น.ตื่นไปเดินเล่น หาของกินแถวตลาดกิมหยง
หน้าโรงแรมที่เราพักเมื่อคืน ด้านข้างเป็นลานจอดรถ โรงแรมได้จัดข้าวต้ม ไส้กรอก ไข่ดาว ขนมปัง น้ำส้ม กาแฟ ไว้บริการ แต่ผมไม่ได้ลองชิม อยากไปหาของกินแถวตลาดกิมหยงมากกว่าจากโรงแรม 750 ม. ประมาณ 9 นาทีก็ถึงแล้ว ไม่ไกลครับเดินข้างๆตลาดเลยครับ จะเหมือนตลาดสด ขายของกินเพียบ ใช่กะละแมเปล่าไหมรู้ ไม่แน่ใจไก่ทอด ไม่ได้ลองชิม ขนมหัวครก ลักษณะของขนมคือใช้เม็ดมะม่วงหิมพานต์ มาฉาบกับน้ำตาลแดงหรือน้ำตาลปี๊บเป็นสีน้ำตาลเข้ม มันแววสวยงามทีเดียว วางอยู่บนใบมะม่วงหิมพานต์แก่ตัดแต่งสวยงาม วิธีการก็ไม่ยากนำเม็ดมะม่วงหิมพานต์วางเรียงบนที่รองหรือใบมะม่วงหิมพานต์แก่จากนั้นก็นำน้ำตาลแดงหรือน้ำตาลปี๊บราดด้านบน ไม่นานก็จะเหนียวหนึบ หวานอร่อยทีเดียว อันละสิบบาท อันนี้ของโปรด ไข่ครอบ เป็นภูมิปัญญาการถนอมอาหารอย่างหนึ่งของครอบครัวชาวประมงพื้นบ้านแถบริมทะเลสาบสงขลารู้จักทำกันมานาน แต่ก่อนทำเพียงแค่เพื่อถนอม หรือรักษาไข่แดงที่เหลือจำนวนมากจากการใช้ไข่ขาวย้อมด้ายเนื้ออวน แห กัดวางปลา ไม่ให้เน่าเสียโดยการนึ่ง เพื่อเก็บไว้กิน และนำไปขายในงานเทศกาล ตลาดนัดชุมชุน ไข่ครอบ แต่ก่อนใช่จะหากินกันได้ง่ายๆ จะมีกิน มีขายก็ต่อเมื่อมีการย้อมเส้นด้าย ในช่วง 1-2สัปดาห์ แต่ปัจจุบันจะทำขายเป็นอาชีพกันหลายครอบครัว ในตลาดนัดวันต่างๆของสงขลา ในร้านข้าวแกงก็จะมีจำหน่าย ไข่ครอบเท่าที่สืบทราบจะมีการทำกันเฉพาะในครอบครัวของชาวประมงริมทะเลสาบฝั่งตะวันออก โดยเฉพาะที่ชุมชนบ้านคูขุด ไข่ครอบจึงนับว่าเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น ด้านการถนอมอาหาร ของชาวประมงพื้นบ้านตำบลคูขุด อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา นั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลเวป M THAI คลิกเลย ได้ข้าวมันกับข้าวยำมากินคนละห่อ รองท้องไปก่อนเข้าไปสำรวจในตลาดกิมหยง ร้านค้าต่างๆเพิ่งเริ่มทยอยเปิด เดี๋ยวสายๆค่อยมาซื้อของกลับบ้าน ตอนนี้กลับเข้าโรงแรมขับรถไปหาของกิน
เป้าหมาย โชคดีแต่เตี้ยม ขับรถตามแผนที่ คลิกเลย ถึงแล้ว เจอทัวร์ลง ลูกค้าเยอะมาก ลองเดินไปถามคิว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ายาวแน่เผ่นก่อน กลับมาตั้งหลักแถวตลาดกิมหยงมาหาดใหญ่ซื้อเจ้านี้ประจำ แม้ลูกเจ้าของจะไม่ค่อยรับแขกก็ตาม แต่ของเค้าใหม่จริง
แถมฟรี! เทคนิคการซื้อที่คนหาดใหญ่แนะนำ ของฝากห้ามพลาดจากตลาดกิมหยง จากเวป wongnai.com คลิกเลย ไปหาขนมร้านมันเดือยหน้าสถานีรถไฟหาดใหญ่ ขับรถไปนิดเดียวเองครับ
ร้านเปิดเที่ยง อดกินใกล้ๆมีร้านข้าวแกง กินกันตายไปก่อนของผม แกงเนื้อ+ทอดมัน อร่อยอยู่เหมือนกันของแฟนแกงเนื้อ+หมูสามชั้นทอด แอบจิ๊กทอดมันผมไป 1 ชิ้น กับต้มจืดฝักกระดูกหมูอิ่มแล้วกลับเข้าโรงแรม
เวลา 10.30 น. check-out ออกจากโรงแรม แวะกินขนมจีนร้านป้าชื่น อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมแต่ทางไปร้านจะงงๆหน่อย ตามกูเกิ้ลไปได้ คลิกเลยแฟนผมจัดการขนมจีน น้ำยา 1 จาน บอกร้านนี้เด็ด ส่วนผมขอบาย ข้าวแกงยังไม่ย่อยเลย เครื่องเคียงจัดให้มาเต็มมากนอกจากน้ำยา ยังมีน้ำพริก น้ำพริกป่า ประมาณ 5 แกง ขนาดผมไม่ใช่แฟนขนมจีนแค่เห็นก็รู้ว่าต้องอร่อยแน่ตบด้วยขนมหวานอีก 1 ถ้วย สาคู-ลูกเดือย แอบชิมของแฟนไป 1 คำ อร่อยมาก น่าจะเป็นลูกเดือยแท้ไม่ใช่เอาแป้งมาปั้นเหมือนแถวบ้านผม ขนมหวานแนะนำ สาคูเลยครับ อร่อยจริงๆ อิ่มแล้วได้เวลาเดินทางไปตัวเมืองสงขลา
ประมาณ 12.00 น.ผมก็มาถึงตรงนี้ ระยะทาง 30 กม.จากร้านป้าชื่น คลิกเลยเป้าหมาย ถนนนางงาม หาที่จอดรถได้ก็เดินลุยเลยครับ
มีรถรางท่องเที่ยวไว้บริการด้วย จะวิ่งรอบเมืองสงขลา หาข้อมูลมาให้แล้วกัน คลิกเลย
การให้บริการรถรางชมเมืองสงขลา Singora Tram Tour รายละเอียดรถรางชมเมืองสงขลา
เวลาให้บริการรถราง วันจันทร์-วันเสาร์ เวลา 09.00 - 15.00 น. วันอาทิตย์ เวลา 09.00 - 16.00 น. โดยแบ่งเป็นรอบดังนี้ รอบที่ 1 เวลา 09.00 - 10.30 น. รอบที่ 2 เวลา 10.30 - 12.00 น. รอบที่ 3 เวลา 12.00 - 13.30 น. รอบที่ 4 เวลา 13.30 - 15.00 น. รอบที่ 5 เวลา 15.00 - 16.30 น.
คุณสมบัติรถราง - รถรางนำเที่ยว นั่งได้จำนวน 32 ที่นั่ง มีผู้บรรยายตลอดเส้นทาง - รถรางวิ่งเฉพาะเส้นทางและจุดจอดที่ระบุไว้เท่านั้น - จุดเริ่มต้น – จุดสิ้นสุด ที่พิพิธภัณฑ์ธำมะรงค์ หมายเหตุ *** กรณีนักท่องเที่ยวมาเป็นหมู่คณะตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ต้องติดต่อเหมารอบ ก่อนวันเดินทางล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วันใช้บริการ ติดต่อเหมารอบได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 09-1048-6673 *** หากมีการเปลี่ยนแปลงการเดินทางกรุณาโทร.แจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน ก่อนการใช้บริการ *** ช่วงเวลา (รอบ) ที่มีการเหมารอบแล้ว ให้งดรอบหน้างานในช่วงเวลา (รอบ) นั้น
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ งานพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยว สำนักปลัดเทศบาล หมายเลขโทรศัพท์ 0-7431-1015 ต่อ 106 ถนนนางงาม ร้านแรก ไอติมยิว เห็นในยูทูป อยากกินมากสั่งถ้วยใหญ่ ใส่ไข่ดิบโรยด้วยโอวันติน กินกับกล้วยไข่ 1 ลูก แอบผิดหวังไอติมไม่อร่อยอย่างที่คิด คงคาดหวังไว้เยอะตอนดูรีวิว พอคิดเงิน 29 บาท ไม่รู้เพิ่มอะไรมา 4 บาท ค่าน้ำ 2 แก้วหรือกล้วยไข่ 1 ลูก แต่น่าจะเป็นกล้วยไข่เนอะ ไม่ถามคนขายซะด้วย มั่วแต่งงๆกับรสชาติไอติมอยู่ เดินเล่นถนนนางงามต่อไปร้านขนมไทย ก็มีหลายคนรีวิวว่าอร่อย ผมไม่ได้ชิมอ่ะเดินไปอีกนิดเดียวก็ถึงศาลเจ้าพ่อหลักเมือง มีประวัติน่าสนใจอยู่เหมือนกันข้างในมีก๋วยเตี๋ยวใต้โรงงิ้ว (ป้าเล็ก) เปิดขายอยู่ ถ้าไม่สังเกตจะไม่เห็น แต่ถ้าหาข้อมูลร้านนี้ก็ดังอยู่เหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าอร่อยไหมเดินผ่านร้านอื่นเพื่อเก็บท้องไว้กินร้านนี้โดยเฉพาะดูเมนูกันก่อนก่อนอื่นแนะนำ น้ำจิ้ม ก่อนเลย เปรี้ยว หวาน เค็ม เผ็ด ครบเครื่อง ชอบมากๆ แค่น้ำจิ้มก็เด็ดแล้ว คุ้มค่าที่รอคอย แต่อย่างอื่นจะอร่อยหรือต้องมาลองชิมกันสตูเครื่องในหมู สั่งถ้วยละ 100 บาท ก็อร่อยอยู่นะแต่ยังไม่ว๊าวววเท่าไหร่หรือผมคาดหวังไว้สูง น้ำซุปเฉยๆแต่ไม่ถึงกับเลวร้าย แบบว่าหอมเครื่องเทศแต่รสยังไม่เข้มข้นเท่าไหร่ ส่วนพวกเครื่องในถือว่านุ่ม ไม่มีกลิ่นเหม็น แต่ที่เด็ดคือน้ำจิ้ม แจ่มสุดแล้วครับ หมูกรอบโอเคเลย เนื้อหมูนุ่มแทรกมันช่ำ ส่วนหนังกรอบกรุ๊บๆ จิ้มกับน้ำจิ้มให้เต็มสิบเลย ชอบๆส่วนขนมกะหรี่ปั๊บ ไม่รู้แฟนผมไปตบร้านไหน ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำร้อนๆอร่อยอยู่อิ่มแล้ว เดินเล่นแถวถนนนางงามจนไปสุดโรงสีแดงขนมไข่เตาถ่าน เห็นอยู่หลายเจ้า ไม่รู้ต้นตำหรับคือเจ้าไหนเดินชมเมืองต่อไปถึงแล้ว โรงสีแดง โรงสีแดง หรือ หับ โห้ หิ้น เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดสงขลา หับ โห้ หิ้น ในสมัยก่อนคือโรงสีข้าว เป็นสถานที่เก่าแก่ในย่านเมืองเก่าของจังหวัดสงขลา ที่มีอายุกว่า ๑๐๐ ปี ตัวอาคารทั้งหมดทาด้วยสีแดงสดใส สวยแตะตาต้องใจ หับ โห้ หิ้น ตั้งอยู่บนถนนนครนอก ตำบลบ่อยาง อำเภอเมืองสงขลา หากย้อนไปในอดีตเมืองสงขลาโดยเฉพาะฝั่งบ่อยาง การขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เจริญและพัฒนา โดยกลุ่มคนเชื้อสายจีน ประกอบด้วยหลาย ๆ ตระกูล อาทิ ณ สงขลา, รัตรสาร, รัตนปราการ ซึ่งได้ทำค้าขายกับเมืองอื่น ๆ เช่น ปัตตานี นราธิวาส หรือมาเลยเซีย โดยเฉพาะการค้าขายข้าวสาร ซึ่งสมัยก่อนการส่งมอบผลิตผลทางการเกษตรที่สำคัญคือข้าวคือโรงสี หับ โห้ หิ้น หรือโรงสีแดง จึงเป็นโรงสีข้าวที่รองรับผลผลิตข้าวเปลือกจากเกษตรกรในแถบลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาที่สำคัญ ขอบคุณข้อมูลจากเวป คลิกเลยตอนนี้เมืองสงขลากำลังขอให้เป็นเมืองมรดกโลก ขอให้เป็นเมืองมรดกเร็วนะครับไม่อธิบายแล้ว ลงรูปอย่างเดียวแล้วกันได้เวลาเดินกลับแล้ว
เดินผ่านร้านขายน้ำพริก เห็นน่ากินดี กลับมากินที่บ้านอร่อยดีครับระหว่างทางเดินไปขึ้นรถ มีศิลปะข้างกำแพงเยอะอยู่เหมือนกันเคยอ่านเจอว่าคนในภาพวาดนี้มีตัวตนจริงๆไอติมโคนนางงาม ไม่ได้อุดหนุนหลังจากนั้นก็ขับเที่ยวในตัวเมืองสงขลา ขับวนไปวนมา ง่วงนอน แวะมาเช่าเสื่อนอนแถวชายหาดสงขลา 1 งีบ (แถวๆหน้าทหารเรือ นักท่องเที่ยวน้อย เงียบสงบ เหมาะแก่การนอนพักผ่อนมาก)
ลมพัดตึงเลย แต่คลื่นแรงเอาเรื่องเลย ตื่นมาจะโดนคลื่นทะเลซัดไปกินนอกชายหาดไหมตื่นแล้วขับรถไปหาดสมิหลาสัญลักษณ์ เกาะหนู เกาะแมววันนี้น้ำขึ้นสูงมากเรารักนางเงือก ดาวเด่นประจำชายหาดสงขลารักมากไปไหมรอประมาณยี่สิบนาที ดูแล้วคงไม่ได้ถ่ายรูปเดี่ยวๆแน่ถ่ายม้าไปก่อนแล้วกัน 16.00 น.กลับไปหาดใหญ่ดีกว่า ขากลับขอแวะมัสยิดกลางสงขลา ถ่ายรูปแก้ตัวเมื่อวานนี้ขากลับข้ามแพขนานยนต์ไปทางเกาะยอค่ารถยนต์ 20 บาท ส่วนผู้โดยสาร ฟรีขึ้นมาบนแพขนานยนต์แล้ว ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีพอข้ามสะพานติณสูลานนท์ เจอฝนเต็มๆตลอดทาง อดแวะมัสยิดกลางสงขลา ตลาดน้ำคลองแห ก็ไม่ได้แวะ เข้าตัวเมืองหาดใหญ่ก็ไม่รู้ไปไหน เลยกลับสนามบินหาดใหญ่แล้วกัน คืนรถก่อนกำหนด 2 ชั่วโมงขากลับแวะ 7/11 ซื้อน้ำ ของกินนิดหน่อย เติมน้ำมันแกสโซฮอลล์ 91 เต็มถังก่อนคืนรถที่สนามบิน
มาถึงสนามบินหาดใหญ่ประมาณ 1 ทุ่มมีเวลา 3 ชั่วโมง หาอะไรกินในนั้นแหละ
ราดหน้ากับข้าวต้มแบรนด์เดียวกัน ราคาก็แพงกว่า ทำไมรสชาติมันไม่ได้เรื่องเลย เสียดายตังค์ แพงไม่ว่าขอให้มีรสชาติซักนิดก็ยังดี บ่นไปไม่มีประโยชน์ ระหว่างรอขึ้นเครื่องแวะซื้อของร้านนี้ได้เวลาขึ้นเครื่องแล้ว ไฟลท์ FD3113 เวลา 22.25 น. – 23.55 น. เครื่อง A320-200 ออกตรงเวลาเป๊ะถึงดอนเมืองโดยสวัสดิ์ภาพ ทริป นี้ประทับใจมาก ทั้งปีนัง หาดใหญ่และสงขลา ขอพูดแต่เมืองปีนังแล้วกันครับ ชอบบ้านเมืองเค้า วางผังเมืองดีมาก เดินได้สบายๆ ถึงแม้มีหลายวัฒนะธรรมแต่ก็อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข ด้านคมนาคมสะดวกดี เสียอย่างเดียวอากาศร้อนกว่าบ้านเราอีก ถ้ามีโอกาสจะไปอีกไหม ตอบเลยว่าไปครับ ไว้มีทริปใหม่จะมาบันทึกความทรงจำเก็บไว้ในบล็อกอีกครับ
ค่าใช้จ่ายวันเสาร์ที่ 7 ธ.ค.62 ข้าวมัน+ข้าวยำ 40 บาท ( ห่อละ 20 บาท ) ขนมหัวครก 50 บาท ( 6 ชิ้น ) ร้านข้าวแกง 120 บาท เม็ดมะม่วงคั่วเกลือ 600 บาท ( เม็ดใหญ่ 1.5 กก.ๆละ 400 บาท ) เม็ดมะม่วงทอด 440 บาท ( เม็ดใหญ่ 1 กก. ) พุทราจีนอบแห้ง 120 บาท ( เม็ดใหญ่ 1 กก. ) พุทราจีนอบแห้ง 40 บาท ( เม็ดเล็กครึ่งกิโลกรัม ) ขนมปลาเส้น 100 บาท ( 1 ถุงใหญ่ ) ขนมจีน+ขนมหวาน 55 บาท ( อย่างละ 1 จาน ) ไอติมยิว 29 บาท ( ไอติม 1 ถ้วย 25 บาท+กล้วย 1 ลูก ) สตูหมู 180 บาท ( สตู 1 ถ้วย 100 บาท หมูกรอบ 1 จาน 60 บาท ข้าวสวย 2 จาน 20 บาท ) ขนมหัวครก 20 บาท ( 2 ชิ้น ) มันปู+น้ำพริกเผา 170 บาท ( มันปู 100 บาท น้ำพริกเผา 70 บาท ) เช่าเสื่อ 30 บาท ( 1 ผืนเล็ก ) ค่าน้ำมัน 260 บาท ( 91 เต็มถัง ) 7/11 ราคา 76 บาท ( น้ำเปล่า 2 ขวด ฟุตลอง 1 ชิ้น วาฟเฟิน 1 ชิ้น ) ไข่ครอบ 70 บาท ( 1 ถุง 3 ฟอง ) มะม่วงเบา 980 บาท ( 7 ถุงๆละ 140 บาท ) น้ำพริกแกง 130 บาท ( 1 ถุง ) ร้าน Black Canyon Coffee 216 บาท ( ราดหน้า 1 จาน 118 บาท ข้าวต้ม 1 ถ้วย 98 บาท ) เก้าอี้นวด 100 บาท ( ในสนามบินคนละ 50 บาท ) ค่าแท็กซี่กลับบ้านนนทบุรี 200 บาท ( ค่าแท็กซี่ 148 บาท ค่าธรรมเนียม 50 บาท ) รวมค่าใช้จ่ายวันเสาร์ที่ 7 ธ.ค.62 ทั้งหมด 4,026 บาท
สรุป รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดตลอดทริป 5 วัน ทั้งหมด 22,195.07 บาท เงินไทย 19,332.07 บาท เงินมาเลเซีย 409 ริงกิต ( ประมาณ 2,863 บาท )
Create Date : 23 ธันวาคม 2562 |
|
0 comments |
Last Update : 7 มีนาคม 2565 17:53:47 น. |
Counter : 4005 Pageviews. |
|
|
|