...คิดว่ายังมีความหวัง ตราบที่ยังมีลมหายใจ...
Group Blog
 
<<
กันยายน 2554
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
2 กันยายน 2554
 
All Blogs
 
พบเธอที่บ้านถ้ำธง ๕

พบเธอที่บ้านถ้ำธง วันนี้โพสต์ได้แล้วครับ ขอฉายต่อ

..ไพบูลย์ พันธุ์เมือง..


.
หญิงสาวเล่าว่า... นายเทิน ท่าลาด เป็นคนมาจากจังหวัดเพชรบุรี มีเรืออวนลากหลายลำ แต่เรือได้จมไปเกือบหมดตอนที่เกิดพายุไต้ฝุ่นเกย์ ทำให้ฐานะทรุดลง แต่นายเทินกับพวกได้ซื้อที่สวนมะพร้าวไว้หลายแปลงทั้งที่ทุ่งมหา บ้านบางแหวน บ่อสำโรง และบ้านถ้ำธง

“แรกๆ ที่นายเทินมาอยู่ทุกคนคิดว่าเขาเป็นคนดี เพราะเห็นเป็นคนกว้างขวางโอบอ้อมอารี ตอนดิฉันยังรุ่นๆ ดิฉันเคยไปรอรับซื้อปลาสดจากเรือของเขา แล้วนำไปขายตามบ้านด้วยรถเครื่อง เขาขายให้ดิฉันในราคาที่ถูกกว่าขายให้แม่ค้าเจ้าอื่น แต่หลังจากซื้อขายกันไม่นานเขาก็เริ่มแสดงท่าทีว่าชอบดิฉัน



"ดิฉันเห็นว่าเขาอายุเกือบจะคราวพ่อ จึงไม่คิดว่าเขาจะคิดแบบชู้สาวพอดีตอนนั้นครอบครัวของเราค่อนข้างลำบาก เพราะพ่อป่วยเป็นโรคไขข้ออักเสบ เดินได้บ้างแต่ทำงานหนักไม่ได้มาสี่ห้าปีแล้ว พี่สาวของดิฉันกำลังเรียนชั้น ป.วช. ส่วนดิฉันเรียนจบมอหก แล้วก็เที่ยวรับซื้อปลาจากเรือประมงไปขายต่อตามบ้าน ดิฉันกะจะเรียน ม.ส.ธ. แต่ต่อมาอีกไม่นานเราก็ต้องหยุดซื้อหยุดขายกัน…”

“ทำไมหรือครับ?”
“เขาส่งคนมาทาบทามสู่ขอดิฉันจากพ่อ…”
“แล้วพ่อคุณว่าไง?”
“พ่อเรียกดิฉันไปถาม ดิฉันไม่อยากหักด้ามพร้าด้วยเข่า จึงบ่ายเบี่ยงไปว่าดิฉันยังอยากเรียนต่อ…”
“แล้วนายนั่นว่าไง?”

“เขาบอกว่าจะช่วยส่งเสียให้ดิฉันและพี่สาวเรียนจนจบมหาวิทยาลัย แต่มีข้อแม้ว่า เราคนใดคนหนึ่งจะต้องเป็นของเขาหลังจากเรียนจบ… และถ้าไม่รังเกียจเขาจะเลี้ยงดูเป็นเมียทั้งสองคน เขาบอกเขาร่ำรวยพอที่จะเลี้ยงดูดิฉันกับพี่สาวให้มีความสุขได้ โดยจะให้อยู่ในฐานะที่เท่าๆ กันทุกประการ จะไม่ให้ใครเป็นสองรองใคร”

“แล้วลูกและเมียของเขาล่ะ ไม่มีหรือ?”
“เขาว่าเขาเป็นพ่อม่าย เมียตายลูกๆ โตแล้วไม่เคยมายุ่งกับเขา มีคนบอกว่าเขามีเมียแต่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ดิฉันก็เลยเลิกซื้อปลาจากเขาตั้งแต่บัดนั้น”

“คราวนี้ก็เลยมีเรื่อง” ธนาดักคอ
“ใช่ คราวนี้เขากลั่นแกล้งเราทุกวิถีทาง เช่นสั่งไม่ให้เรือปลาลำใดขายปลาให้ดิฉัน ส่งลูกน้องไปคอยดักฉุดดิฉันกับพี่สาว และคอยคุกคามเราทุกวิถีทาง พี่สาวดิฉันเลยต้องหนีไปอยู่กรุงเทพฯ ส่วนดิฉันก็ปักหลักสู้กับมันอยู่ที่นี่ตลอดมา จนเกิดพายุเกย์…”

"แล้วไม่มีใครคิดปกป้องคุณบ้างเลยหรือ ทำไมจึงยอมให้มันวางอำนาจข่มขู่ชาวบ้าน?"

"ดิฉันไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนหลังจากแม่ตาย และพี่สาวหายไป แต่ถึงมีก็ไม่มีใครช่วยหรอกเพราะต่างเห็นดีเห็นงามไปด้วยว่า ไปเป็นเมียน้อยคนรวยสบายแถมบางคนยังว่า ดิฉันไม่รักดี ราชรถมาเกยแล้วยังปฏิเสธ สมัยนี้คุณก็รู้คนชั่วพอมีเงินเข้าหน่อยก็กลายเป็นคนดี มีคนนับหน้าถือตา ลงสมัคร ส.ส.,ส.จ. สมัครกำนัน ผู้ใหญ่บ้านก็มีคนเลือก ตำบลนี้มีแต่พวกพ้องของนายเทิน มันสนิทสนมกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ส.จ. , ส.ส. ตำรวจบนโรงพัก ข้าราชการบนอำเภอ เป็นพวกของมันหมด”

"แล้วยังไง นายเทินจึงมาเป็นนายหน้าขายที่ดินของคุณ?"

"พวกมันเพิ่งจะมายึดอาชีพเป็นนายหน้าขายที่ดินกัน หลังจากเกิดพายุไต้ฝุ่นเกย์ พายุทำให้เรืออวนของพวกมันแตกและจมเกือบหมด มันจึงเปลี่ยนอาชีพเป็นนายหน้า ติดต่อขายที่ชาวบ้านให้พวกนายทุน นายพล นายพันไปหลายราย พวกคนกรุงเทพที่มาซื้อๆ ที่ไว้ซื้อผ่านพวกมันทั้งนั้นแหละ

"พวกมันได้ค่านายหน้ามาหลายล้านจึงได้ใจ ส่วนของดิฉันหลังจากดิฉันเข้าบ้านไม่ได้และพี่สาวดิฉันหนีไปอยู่กรุงเทพ มันไปข่มขู่พ่อบังคับให้ขาย มันว่าถ้าไม่ขายก็อย่าหวังเลยว่าจะมีใครมาอยู่ ไม่ว่าจะเป็นดิฉันหรือพี่สาวเว้นแต่ว่ามาอยู่แล้วยอมเป็นเมียมัน"

"ทำอย่างนี้มันรังแกกันมากเกินไปแล้ว” ธนารู้สึกโกรธแทนขึ้นมาทันที พลางนึกสงสารและเห็นใจในชะตากรรมของหญิงสาวที่ไม่มีทางออก จนต้องทำตนเป็นหญิงลึกลับ

"ผมชื่อ ธนา อารีรักษ์ เป็นนักกฎหมายต่อไปนี้คุณเลิกหลบๆ ซ่อน ๆ ได้แล้วผมจะร่วมต่อสู้กับมันเพื่อช่วยคุณ ผมบอกพวกมันไปแล้วเมื่อตอนเย็น ว่าคุณเป็นเพื่อนของผม เพราะฉะนั้นต่อไปนี้คุณอย่ายอมมัน ผมจะช่วยคุณและขออาศัยบ้านคุณอยู่สักพักเพื่อหาทางลากคอพวกมันเข้าคุก"

ธนาเดินเข้าไปหาสาวเจ้าของบ้าน ยื่นมือไปจับมือเธอไว้เพื่อปลอบและให้กำลังใจ ทว่าก็ต้องตกใจ
“เอ๊ะ ทำไมมือคุณเย็นจัง”

“อ๋อ คงเพราะตะกี๊ดิฉันออกไปข้างนอก โดนลมโดนน้ำค้างกระมัง เอ้อ - คุณไปนอนพักผ่อนเถอะนะค่ะ พอดีดิฉันเป็นคนชอบนอนแต่หัวค่ำ" สาวเจ้าของบ้านรีบดึงมือออกจากการเกาะกุมของเขา


วันรุ่งขึ้น ธนา อารีรักษ์ ขับรถยนต์มาพบกับเทิน ท่าลาด ที่โรงแรมมาบอำมฤต สมุนบริวารของเทินพากันมองธนาอย่างหวาดระแวง ส่วนอาแป๊ะเลี่ยงไปนั่งจิบน้ำชาอยู่มุมหนึ่งของเคาเตอร์ ไม่กล้ามาทักทายแต่สายตายังคงคอยชำเลืองดู และหูคอยฟัง

เทิน ท่าลาด ทำทีเป็นถามธนาว่า “เป็นอย่างไรบ้างครับเมื่อคืนที่บ้านเพื่อนคุณ คุณนอนหลับดีไหม?”

“โอ นอนหลับสบายมากเลยครับ แต่มีสิ่งรบกวนอยู่บ้างตอนสามทุ่ม มีสุนัขจากที่ไหนไม่รู้ไปเห่าหอนรบกวน ทำเอาเสียเวลานอนไปช่วงหนึ่งเหมือนกัน เพื่อนผมต้องออกไปไล่หมา จึงได้หลับนอนกันต่อ” พูดจบก็ชำเลืองไปยังลูกน้องของเทิน เห็นบางคนกำลังกัดฟันกรอดๆ เพราะรู้ว่าถูกด่ากระทบ

“อ๋อ งั้นหรือครับ งั้น - เอ้อ… เรามาพูดเรื่องธุระกิจของเรากันดีกว่านะครับ” เทินขัดขึ้นแล้วเอ่ยต่อไปว่า "ผมมีที่ดินที่จะให้คุณดูหลายแปลง แปลงแรกที่จะพาไปดูนี่ที่สวยมาก อยู่ติดเนินเขาและติดทะเล เราจะไปดูกันเลยไหมครับ"

“ก็ไปกันเลยซีครับ” ธนาตอบ เทินจึงหันไปสั่งลูกน้อง
"ยอด สง เอ็งสองคนขับรถของข้าตามไปนะ ข้าจะไปกับรถของคุณธนา" เทินหมายถึงรถกระบะสีแดงตอนครึ่งกลางเก่ากลางใหม่ของตน สั่งแล้วก็เดินไปขึ้นรถแวนของธนา โดยนั่งคู่ไปกับธนาซึ่งเป็นคนขับ

"ผมมีที่ดินอยู่ติดทะเลและเนินเขาจะให้ดูอยู่สองแปลง ไม่ทราบคุณจะสนใจแปลงไหน จะซื้อเพื่อทำที่พักผ่อนหรือทำสวน" เทินเริ่มเรื่องธุรกิจ

"อยากดูทั้งสองแห่ง ถ้าถูกใจอาจจะซื้อทั้งสองแปลง" ธนาตอบอย่างระมัดระวัง เพราะรู้แล้วว่าเขากำลังคุยกับบุคคลประเภทใด

"ทั้งสองแปลงวิวสวยทำเลดีมาก ราคาจึงอาจจะแพงสักหน่อย" เทิน ท่าลาด พูดเกริ่นนำเรื่องก่อนพาไปดูที่

"เป็นที่ของชาวบ้านที่นี่หรือของใครครับ แล้วเจ้าของที่ยังอยู่หรือเปล่า?" ธนาลองหยั่งเชิง

"เป็นที่ของชาวบ้านฝากให้ผมช่วยจัดการติดต่อขายให้ เพราะเจ้าของตัวจริงไปอยู่ที่อื่น แปลงแรกที่จะไปดูนี่มีชายชราคนหนึ่งเฝ้าอยู่ ผมอยากบอกให้คุณรู้ล่วงหน้าว่า คุณอย่าไปคุยกับชายคนนี้เพราะจะไม่ได้เรื่องได้ราวอะไร สติสตังค์ของแกเลอะๆ เลือนๆ มาตั้งแต่วันที่โดนพายุ คุณอย่าไปฟังแกก็แล้วกัน เพราะคนที่จะขายคือลูกสาวแกที่อยู่กรุงเทพ และมอบอำนาจให้ผมเป็นผู้ดำเนินการแทน"

ธนาฟังไปเรื่อยๆ ไม่ออกความเห็นใดๆ พลางทำหน้าที่ขับรถแต่ใจกลับคิด พวกมันดำเนินธุรกิจกดขี่ข่มเหงชาวบ้าน ถ้าใครไม่รู้คงจะคิดว่า พวกนายเทินเป็นตัวแทนคอยรักษาผลประโยชน์ของชาวบ้าน โชคดีที่เขามารู้เบื้องหลังของพวกมันเสียก่อน

เทิน ท่าลาด บอกให้ธนาเลี้ยวขวา เมื่อรถแล่นจากตลาดมาบอำมฤตมาถึงตลาดทุ่งมหา ถนนเป็นดินลูกรังและเป็นหลุมบ่อ เหมาะมากที่เขานำรถแวนเครื่องยนต์ดีเซลมาใช้ในพื้นที่นี้ สองข้างทางหลังจากออกมาจากบ้านทุ่งมหา ที่ดินสองฟากถนนแทนที่จะเป็นสวนกลับดูโปร่งโล่ง อันเป็นผลพวงจากการเกิดพายุไต้ฝุ่นที่ผ่านมา

ที่ดินหลายแปลงยังมีซากต้นมะพร้าวล้มนอนอยู่ระเกะระกะ หลายแปลงกำลังใช้รถไถผลักดันตอและขอนไม้ทิ้ง แต่บางแปลงก็ปล่อยให้เป็นดงหญ้าคา เพราะเจ้าของบางคนแก่ชราหมดกำลังใจ หรือไม่มีกำลังที่จะทำต่อ บางแปลงกำลังปลูกพืชชนิดใหม่แทนพืชเดิม เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และพืชไร่ มีน้อยรายที่จะปลูกมะพร้าวอีก อาจจะเป็นเพราะถ้าปลูกจะต้องอาศัยระยะเวลายาวนาน หรือไม่ก็อาจคิดว่าลองปลูกพืชอื่นดูบ้างเผื่อจะได้ร่ำรวยกับเขาเสียที


ที่ดินฝั่งถนนด้านขวาที่อยู่ตรงข้ามกับที่ดินชายทะเล มีบ้านสวยงามทันสมัยปลูกใหม่หลายหลัง และมีรถยนต์กระบะออกใหม่จอดที่หน้าบ้าน เทิน ท่าลาด ชี้มือแล้วพูดว่า

"พวกนี้ขายที่ชายทะเลแล้วมาปลูกบ้านอยู่ฟากนี้ ถ้าไม่ขายที่ชายทะเลไม่มีปัญญาปลูกบ้านสวยๆ และซื้อรถใหม่อย่างนี้หรอกครับ นี่เขาเรียกว่า ‘พายุไม่ได้พาแต่ความหายนะมาให้ แต่พาโชคลาภวาสนามาให้ด้วย’ คนเคยจนเลยรวยกันไปหมด”

“งั้นหรือครับ” ธนาพยักหน้าพลอยรับรู้ “แล้วพอขายที่ได้เงินได้บ้าน ได้รถยนต์มาแล้ว เขามีอาชีพหรือมีการงานการทำมาหากินอะไรต่อไปละครับ เกิดว่าถ้า… วันหนึ่งข้างหน้าเงินหมด”

“บางคนไม่มีเลยครับ ขายที่แล้วเอาเงินไปซื้อรถยนต์ขับกิน เที่ยว ห้องอาหาร คลับบาร์ คาราโอเกะ… พอเงินหมดต้องไปอยู่อาศัยวัดก็มี" นายเทินพูดจบก็หัวเราะร่วน

"ได้ยินว่าคุณเทินมีเรือประมงหลายลำ ตอนนี้ยังทำอยู่หรือเปล่าครับ" ธนาถามขึ้นเพื่อหาข้อมูล

"เหลืออยู่สองลำครับ แหม เกย์มาตอนนั้นทำเอาผมแย่ เมื่อก่อนผมมีเรือเจ็ดแปดลำ มีรายได้จากการจับปลาเดือนละเป็นล้าน มาตอนนี้เหลือเดือนละแสนสองแสน นี่แหละนะเขาถึงว่าอะไรๆ มันไม่แน่นอน ก็เหมือนกับที่ดินชายทะเลนั่นแหละครับ เมื่อก่อนเกิดพายุเกย์ทราบไหมครับเขาซื้อขายกันไร่ละเท่าไหร่?“ นายเทินพูดแล้วแกล้งขยักไว้เพื่อให้คู่สนทนาอยากรู้ แต่พอธนาไม่ถามก็รีบเฉลยเสียเอง

“เมื่อก่อนขายกันไร่ละพันสองพัน ขายไปหาซื้อที่ใหม่ริมถนนใหญ่อยู่ทำไร่ ทำสวน เพราะคิดว่าอยู่ทะเลมันไม่เจริญ กี่ปีกี่ชาติมันก็เห็นแต่ทะเล การทำมาหากินก็ออกแต่ทะเลอย่างเดียว แต่พอหลังพายุเกย์ รัฐบาลท่านประกาศตัดถนนเลียบริมทะเลตลอดภาคใต้ ที่ดินชายทะเลเลยมีราคาพุ่งพรวดขึ้นไปเป็นไร่ละล้านถึงสองล้าน เป็นเศรษฐีอภิมหาเศรษฐีกันทันตาเห็นทีเดียว แฮะๆ ผมเองเลยได้อาชีพใหม่เป็นนายหน้าขายที่ดินให้คนต่างถิ่นไปด้วย...”

“คงมีรายได้มหาศาลละซีครับแต่ละปี” ธนาว่า

“ก็...พอได้ค่าเหนื่อย ค่าเสียเวลาบ้างนิดๆ หน่อยๆ คือผมไม่ได้เรียกค่านายหน้าค่าอะไรจากเขามากมายนักหรอกครับ ชาวบ้านก็คนกันเองๆ รักชอบเหมือนญาติกันอยู่ทั้งนั้น ผมไม่ใช่พวกนายหน้าอาชีพที่กะฟันค่านายหน้าสี่เท่าห้าเท่า ขายได้เท่าไหร่ก็เอาค่าเหนื่อยนิดๆ หน่อยๆ เจ้าของที่เขาก็รวยๆ กันส่วนผมก็อยู่อย่างนี้คือจนเหมือนเดิม" เทิน ท่าลาด พูดราวกับว่าเป็นผู้มีคุณธรรม

"แล้วเรือประมงละครับ ให้ใครทำ" ธนาถามต่อ

"ก็ให้พวกลูกน้องเก่าๆ มันทำครับ ผมไม่มีเวลาไปดูไปแลหรอก ถึงเรือของผมจะจมสูญหายไป แต่พวกลูกน้องยังอยู่ก็ให้พวกมันได้ทำมาหากินกันไป เพราะถ้าไม่ให้พวกมันทำเรือก็ไม่รู้ว่าจะให้พวกมันไปทำอะไรที่ไหน"

ฟังนายเทินพูดแล้วน่าศรัทธานับถือ นี่ถ้าธนาไม่พบกับยานีเสียก่อน เขาก็คงเป็นอีกคนที่จะต้องหลงคารมนายคนนี้ โบราณว่าคบคนให้ดูหน้าซื้อผ้าให้ดูเนื้อ เนื้อผ้าพอดูออก แต่หน้าคนไม่รู้ว่าจะให้ดูอย่างไร เพราะรู้หน้าไม่อาจจะรู้ใจ

เทินบอกให้ธนาเลี้ยวรถเข้าไปจอดในที่ดินด้านซ้ายมือ เมื่อรถที่ธนาขับมาถึงบริเวณที่ด้านซ้ายของถนนเป็นเนินสูง ทางที่เลี้ยวเข้าไปเป็นที่สวน ดินมีสีแดงคล้ำ ยังเหลือต้นมะพร้าวที่เอนลู่และนอนราบอยู่กับพื้นหลายต้น กับซากมะพร้าว มะม่วง และต้นไม้ผลที่โค่นล้ม ยังไม่ได้รับการผลักดันออก

มีมะพร้าวและมะม่วงบางต้นที่ล้มแล้ว แต่ยังกระดกยอดขึ้นออกดอกออกผลใหม่ต่อไปอีก เหมือนคนที่ไม่ยอมย่อท้อต่อชะตาชีวิต...
เลยจากสวนจึงเป็นที่ลาดลุ่มลึกมองลงไปเห็นหมู่หินสีดำและทรายขาว เห็นคลื่นกระทบหินและหาดทรายเป็นฟองเหมือนผงซักฟอก บนเนินเขามีต้นไม้เล็กๆ ขึ้นปกคลุม

กลางที่ดินที่ธนาขับรถมาจอด มีซากบ้านที่ก่ออิฐถือปูนให้เห็นอยู่ คือเสาผนังบางส่วนและฝาผนังห้องน้ำซึ่งเป็นคอนกรีต

เทิน ท่าลาด ชี้ให้ธนาดูแล้วบอกว่า "ที่ในบริเวณทั้งหมดนี่แหละครับ ที่ผมจะให้คุณดู"

ยอด ดอนไผ่ ขับรถกระบะของเทินโดยนั่งคู่มากับสง สินลา มาจอดเทียบ ธนาเปิดประตูรถลงมายืนสูดอากาศและหันมองรอบๆ ห่างจากที่ธนาและยอด ดอนไผ่ ขับรถเข้าไปจอดไปราว ๕๐ เมตร มีกระท่อมหรือเพิงเล็กๆ หลังหนึ่ง ประกอบขึ้นด้วยเศษไม้และเศษสังกะสี ที่คงจะเอามาจากซากบ้านที่พังนั่นเอง

เทิน ท่าลาด รีบก้าวยาวๆ ตรงไปที่เพิงหรือกระท่อมหลังนั้น ใต้เพิงหลังคาสังกะสี ธนามองเห็นชายชราอายุประมาณเจ็ดสิบคนหนึ่งนั่งอยู่ เทินคุยอะไรกับชายคนนั้นอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็เดินออกมา บอกให้ธนาเดินตามเขาไปดูที่ดินบริเวณที่ลาดลึกลงไปจากเนินจนไปติดทะเล พลางอธิบายสรรพคุณว่า

"ที่ตรงนี้มีอยู่ประมาณ ๑๐ ไร่ ถ้าคุณจะซื้อไว้ทำสวนเล็กๆ ทำเป็นที่พักผ่อนปลูกบ้าน หรือทำรีสอร์ท ผมว่าเหมาะมาก ที่สวยๆ แบบนี้ปัจจุบันหายาก"

ธนาไม่พูดว่ากะไร ได้แต่เดินตามดูไปเรื่อยๆ ส่วนยอด ดอนไผ่ กับ สง สินลา ก็ตามมาห่างๆ ราวกับจะคอยคุ้มกัน อีกครึ่งชั่วโมงต่อมาด้วยอากาศร้อนและแดดจ้า ทั้งเทิน ยอด และ สง ก็คงจะเหนื่อย จึงพากันเดินนำธนาไปยังเพิงกระท่อมที่ชายชรานั่งอยู่

เทิน ท่าลาด ถามหาน้ำฝนมาดื่ม ชายชราทำท่าจะลุกขึ้นแต่ไม่สะดวก ยอด ดอนไผ่ จึงเดินไปหยิบขันใบใหญ่ในกระท่อม แล้วเดินอ้อมไปจ้วงตักน้ำฝนในตุ่มที่ชายคาเพิงมายื่นให้เจ้านาย

เทินส่งขันน้ำฝนมาให้ธนาดื่ม ธนาดื่มน้ำฝนอันมีรสจืดและเย็นชื่นใจนั้น แล้วส่งขันคืนให้เทิน เทินเอาน้ำนั้นมาล้างหน้าล้างตา แล้วส่งขันให้ยอดไปตักใหม่มาให้ตนดื่ม น้ำที่เหลือจากเทินยอดกับสงจึงเวียนกันดื่มต่อ

"ไปไหนกันมาล่ะพ่อคุณ" ชายชราตั้งใจถามธนาเพราะเห็นเป็นคนแปลกหน้า ส่วนเทิน ท่าลาด กับสมุนมารบกวนซักถาม เรื่องลูกสาวแกอยู่บ่อยจนชายชรารู้สึกชังน้ำหน้า

"เสี่ยเขามาจากกรุงเทพมาหาซื้อที่จะทำรีสอร์ท" เทิน ท่าลาด สำเนียงข่มขู่อยู่ในที

ธนามองชายชรา สังเกตเห็นแววตาเศร้าหมองของแก ชายชราสบตาเขาคล้ายๆ จะพูดหรืออยากจะบอกอะไรบางอย่าง แต่พอแกเห็นสายตาของเทิน ท่าลาด ยอด ดอนไผ่ และ สง สินลา ที่มองแกอยู่แกก็หลบตาลงต่ำและไม่กล้าสบตาของคนทั้งสาม

"ตอนเกิดพายุลุงอยู่ที่ไหน?" ธนาชวนชายชราคุยเพื่อสร้างความเป็นกันเองและหาข้อมูล เพราะมั่นใจว่า ชายชราคือพ่อของหญิงสาวที่ชวนเขาเข้าพักในบ้าน

"ผมอยู่ในบ้านตรงที่เห็นซากอยู่นั่นแหละ" ชายชราชี้มือ

"แล้วลุงหนีรอดออกมาได้ยังไง?" ธนาถามอีก

"ไม่ได้หนี ลุงกับป้าหลบอยู่ในบ้าน มีคนอีกหลายคนมาพลอยหลบอยู่ด้วย แล้วบ้านก็พังลงมา ตอนนั้นมันสับสนและชุลมุน ลุงมารู้สึกตัวอีกทีตอนพายุสงบแล้ว มีคนเขามาช่วย เขาช่วยกันทำเพิงให้ลุงอยู่ ก่อไฟให้ผิง มีคนมาอยู่และช่วยกันหลายคน..." ชายชราเล่าแล้วทำท่าจะร้องให้ “แต่เมียของลุงตายเพราะถูกบ้านพังทับ”

“แล้วลุงไม่มีลูกเต้าเลยหรือ?” ธนาถาม

“มี เป็นลูกสาวทั้งสองคนแต่ไปอยู่บ้านอีกหลัง ไปทางถ้ำธง”

“ลูกสาวลุงเป็นอย่างไรบ้าง?” ธนาดีใจที่ได้ข้อมูลที่ตรงกับที่คิด

“ลูกสาวของลุงสูญหายไปคนหนึ่ง... อีกคนหนีไปอยู่กรุงเทพ เอ่อ - มันกลัว...” ชายชราพูดพร้อมกับมองเทิน ท่าลาด ยอด ดอนไผ่ และ สง สินลา

"ลูกสาวของลุงหายไปไหน?" ธนารีบซักต่อ

"ไม่รู้ มันไม่เคยกลับมาดูมาแลลุงอีกเลย แต่อีกคนยังมาบ้างมันแอบมาเงียบๆ แต่มันอยู่ที่นี่ไม่ได้มัน…?" แล้วชายชราก็ร้องไห้โฮๆ ออกมาจนธนาตกใจ…

"ลูกสาว... ลูกสาวของลุงชื่ออะไรบ้าง?" ธนาได้โอกาสถามยาว

“คนที่หายไปชื่อนงเยาว์ คนที่ยังไปๆ มาๆ ชื่อ ยานี” ชายชราตอบ พลางร้องไห้ไม่หยุด

"คุณอย่าไปซักไปชวนแกคุยเรื่องนี้เลย เรื่องลูกสาวแกที่หายชาวบ้านเขารู้กันทั่ว มันหนีตามครูประถมคนหนึ่งไป ครูคนนั้นเคยมาสอนที่โรงเรียนบ้านปากคลอง ตอนหลังย้ายไปอยู่สุราษฎร์หรือนคร ผมไม่แน่ใจ” เทิน ท่าลาด รีบขัดแล้วปรามว่า

“ผมบอกคุณแล้วไง ว่าอย่าไปชวนแกคุย ใครมาชวนแกคุยแกก็เป็นอย่างนี้แหละทุกที เรื่องมันเลยมาเกือบสองปีแล้วยังไม่รู้จักปลง ผมว่าเราไปดูที่แปลงที่สองกันต่อเถอะ แปลงนี้ถ้าคุณตกลงอย่างไรผมก็จะรีบเดินเรื่องให้" เทิน ท่าลาด ตัดบทสนทนาโดยการลุกขึ้นเดินนำธนาออกไป

“ไม่ ฉันไม่ขาย ไม่ขายที่แปลงไหนทั้งนั้น พวกแกอย่ามาบังคับข้า” ชายชราทำท่าลุกขึ้น เอามือชี้หน้า เทินท่า ลาด แล้วหันมาชี้หน้าธนาต่อพูดว่า

“คุณก็เหมือนกัน อย่าเที่ยวเอาเงินมาฟาดหัวคนจน ที่ของฉันๆ ไม่ขายหรอก ฉันจะอยู่ที่นี่และตายในที่ดินของฉัน ฉันบุกเบิกฉันสร้างมันมากับมือ”

“อะไรๆ กันตารอด ไปก้าวร้าวเสี่ยเขาทำไม เสี่ยคนนี้เขามาดูเฉยๆ เท่านั้น เขาไม่ได้มาซื้อที่ของแก แกนะหลงเลอะเทอะไปใหญ่แล้ว” ยอด ดอนไผ่ และสง สินลา เข้าไปยืนขวางชายชรา ยอดเป็นคนพูดและผลักร่างแกให้นั่งลงตามเดิม

ธนาสบตา ยกมือไหว้ชายชราแล้วพูดว่า “เปล่านะลุง ผมไม่ได้มาบังคับซื้อที่ของใครหรอก ผมมาเที่ยวแล้วก็เดินๆ ดูเท่านั้น แต่ถ้าใครเต็มใจอยากจะขายผมก็อยากจะซื้อ แล้วผมจะมาหาลุงอีก ในวันหลัง”






Create Date : 02 กันยายน 2554
Last Update : 2 กันยายน 2554 20:16:12 น. 11 comments
Counter : 1701 Pageviews.

 
สวัสดีครับลุงบูลย์

ผมได้อ่านไป 2 ตอน หมู่นี้ไม่ค่อยได้อ่านอะไรยาวๆเลย งานยุ่งมากครับลุง มีเวลาค่อยมาอ่านย้อนหลังแน่นอน ลุงสบายดีนะครับ


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 2 กันยายน 2554 เวลา:21:41:55 น.  

 
สวัสดีครับคุณลุงบูลย์

บทนักเลงกับลูกน้องได้ใจมากครับ ไม่ต้องบรรยายมาก เพียงแสดงกิริยาท่าทางก้เห็นภาพแล้ว

ภาพที่ครอบครัวของคุณลุงคนนี้โดนพายุเกย์ ผมคิดถึงช่วงที่คุณลุงบูลย์เล่าให้ฟังตอนที่แม่บ้านเอาภาพเขียนคุมศีรษะกันของตกกระแทกครับ

อ่านสนุกครับ


โดย: Insignia_Museum วันที่: 3 กันยายน 2554 เวลา:12:16:42 น.  

 
ขอบคุณๅ ปลายแป้นพิมพ์ และคุณอิมครับ ที่มาเมนท์ไว้ ถ้ายังโพสต์ได้จะโพสต์ให้จบเร็วขึ้นครับ


โดย: pantamuang วันที่: 3 กันยายน 2554 เวลา:20:09:09 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณลุงกำลังมันส์เลยค่ะ ตกลงยานีเป็นคนหรือผีแต่มือเย็นเป็นผีแน่เลยใช่ไหมคะ ชอบประโยคนี้จัง "ตรงคำว่ากระดกยอดขึ้น"
"มีมะพร้าวและมะม่วงบางต้นที่ล้มแล้ว แต่ยังกระดกยอดขึ้นออกดอกออกผลใหม่ต่อไปอีก เหมือนคนที่ไม่ยอมย่อท้อต่อชะตาชีวิต..."


โดย: หญิงแก่น วันที่: 3 กันยายน 2554 เวลา:20:28:56 น.  

 
ขอบคุณ ๆ เล็ก
เรื่องนี้ยิ่งอ่านไปจะยิ่งชวนให้เป็นนิยายแนวสืบสวนครับ

คุณถาวร สุวรรณ ประธานมูลนิธิสุภาว์ เทวกุล เอ่ยชมชม ผมให้ท่านนำไปอ่านตอนไปอบรมเรื่องการเขียนนวนิยายกับมูลนิสุภาว์ เทวกุล

แต่ผมยังไม่ได้เสนอไปที่ไหนเลย

ตอนนี้ผมเบลอ ๆ เซ็ง ๆ ไม่รู้จะส่งเรื่องไปที่ไหน


โดย: pantamuang วันที่: 4 กันยายน 2554 เวลา:19:31:54 น.  

 
เอาเค้กมาฝากยามบ่ายค่ะคุณลุง


โดย: หญิงแก่น วันที่: 6 กันยายน 2554 เวลา:13:28:18 น.  

 
ดูท่าอร่อยท้างน้าน อยากได้ของจริง อิ ๆ


โดย: pantamuang วันที่: 6 กันยายน 2554 เวลา:20:12:44 น.  

 
นอกจากจะได้ความอื่บเอิบจากรสตัวอักษรแล้ว
ยังได้รับรู้ประวัติศาสตร์ช่วงหนึ่งของเมืองชุมพร และการฟื้นตัวหลังมีพายุใหญ่ครับ

คุณลุงบูลย์สบายดีนะครับ


โดย: Insignia_Museum วันที่: 11 กันยายน 2554 เวลา:9:39:16 น.  

 
ตอนใหม่มายังคะ มารออ่านนานแล้วค่ะคุณลุง


โดย: หญิงแก่น วันที่: 12 กันยายน 2554 เวลา:14:36:29 น.  

 
สายัณห์สวัสดีค่ะลุงบูลย์
+================================+

แวะมาทักทาย.. และอ่านเอาเรื่องในยามเงียบ ๆ หุ หุ


โดย: สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น วันที่: 16 กันยายน 2554 เวลา:21:25:01 น.  

 
สวัสดีครับลุงบูลย์

เห็นลุงบูลย์เอ่ยถึงคุณถาวร สุวรรณ ผมจำได้ว่าสมัยเด็กเคยอ่านงานเขียนของท่าน ถ้าจำไม่ผิด เรื่องรักริษยา ชอบมาก เคยทำเป็นหนังทีวีหลายครั้งแล้วด้วย

ปีนี้ฝนฟ้าดีจังนะลุง ช่วงนี้ตกทุกวันเลย


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 19 กันยายน 2554 เวลา:15:45:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

pantamuang
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 22 คน [?]




ไม่อยู่อย่างอยาก แต่ยังอยากจะอยู่
อยู่อย่างไม่ลำบาก เวลาที่เหลือน้อยรีบสอยรีบคว้า
ก่อนจะหมดเวลาให้สอย

ดวงดาวบนฟ้าก็สอยได้ ถ้ารู้จักต่อด้ามฝันให้ยาวพอ

ฝันถึงไหนก็ได้ มีสิทธิ์ฝัน แต่จะเป็นจริงหรือไม่ช่างฝัน
เพราะสิ่งที่ฝันคือนวนิยาย..

ชีวิตก็คือนวนิยายเรื่องหนึ่ง ที่เราเป็นผู้เขียนและกำกับ.

เริ่ม 9 กันยายน 2550

Friends' blogs
[Add pantamuang's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.