ธันวาคม 2555

 
 
 
 
 
 
1
3
4
5
6
7
8
9
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
ได้อ่านช้าไป...เสียดายปัณณ์ปุระ
เพิ่งมารู้ตัวว่าเริ่มต้นอ่านงานของสำนักพิมพ์ปัณณ์ปุระช้าไป เพราะได้ข่าวแว่วๆว่าสำนักพิมพ์นี้ได้ปิดกิจการไปแล้ว...T^T
เรื่องของเรื่อง มีอยู่ว่าไปเดินเล่นร้านหนังสือ แล้วเจอโปรโมชั่นซื้อ 1 แถม 1
ก็เลยเข้าไปเมียงๆมองๆ อยู่สักพัก พอสังเกตดูก็เจอว่ามีแต่นิยายที่เป็นแนวพีเรียดทั้งนั้น
เอาล่ะสิ...ปกติก็ไม่ค่อยได้อ่านแนวนี้เท่าไหร่ เลือกไม่ถูก แต่ความงกมีมากกว่า
ลองๆอ่านปกหลัง เอาแบบตัวเอกย้อนเวลากลับไปได้แล้วกัน น่าจะอ่านถนัดที่สุด...

แม่แก่นจันทร์...ดวงดาวสีน้ำเงิน...เรื่องนี้เอาชื่อนางเอกเป็นชื่อเรื่องเลยค่ะ เป็นเรื่องราวสมัย ร.5 ยุคที่มีฝรั่งมังค่าเข้ามามากมายในดินแดนสยาม แม่แก่นจันทร์เป็นแม่หญิงชาวสยามในยุคนั้น เธอเกิดในตระกูลดี พ่อเป็นขุนนางในยุคนั้น มีบ่าวไพร่มากมาย (แต่เห็นเด่นๆอยู่สามคน)
นานๆจะได้เห็น พระเอกเป็นฝ่ายข้ามกาลเวลากลับไปหาอดีตสักที เรื่องนี้พระเอกของเราเป็นหนุ่มนักเรียนนอกเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ แต่เพราะถูกพ่อบังคับอยากให้เป็นนักการเมืองเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจจึงออกจากบ้านไป สุดท้ายประสบอุบัติเหตุทำให้พระเอกของเราย้อนกลับไปในสมัย รศ.112 ในยุคที่สยามจะต้องเสียดินแดนบางส่วน
พอพระเอกย้อนเวลามา (โผล่มาตรงหน้านางเอกกันเลย) ก็ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นพวกฝรั่ง (ก็เล่นย้อมผมสีทองทั้งหัวแบบนั้น แถมผิวก็ขาวผิดชายไทยสมัยโบราณ) นางเอกของเราเลยแก้ต่างว่าเป็นครูสอนภาษาฝรั่งที่ว่าที่คู่หมั้นเป็นคนหามาให้ พระเอกก็เลยได้พักอาศัยบ้านนางเอกอยู่ชั่วคราว ท่ามกลางความไม่พอใจของว่าที่คู่หมั้นนางเอก
เรื่องนี้ผิดจากนิยายแนวย้อนเวลาจากหลายเรื่องที่เคยอ่านมา คือนางเอกเข้าใจง่ายมากว่าพระเอกมาจากโลกในอนาคต (มีรถยนต์ของพระเอกเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ) และดูไม่ตกใจมากเท่าที่ควร (กะว่าหญิงยุคนั้นน่าจะเป็นลมหมดสติเวลาที่ตกใจอะไรง่ายๆมากกว่า)
ส่วนเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ก็มีไม่มากเท่าที่ควร เข้าใจว่าผู้เขียนอยากเน้นเรื่องความรักของพระเอกนางเอกมากกว่า
ตอนจบก็ไม่ผิดคาดมากไปจากที่คิด แต่แอบทึ่งตรงที่พระเอกยอมเป็นนักการเมืองตามความต้องการของพ่อ เพราะต้องการทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ เพราะได้รู้ซึ้งแล้วว่าคนยุคก่อนเขารักชาิติบ้านเมืองกันแค่ไหน แอบชอบตอนพระเอกอธิบายให้นางเอกฟังว่ายุคสมัยปัจจุบันเขาใช้ชีิวิตกันอย่างไร ส่วนนางเอกก็ช่างซักช่างถาม อยากรู้อยากเห็นไปซะหมด

"ผู้หญิงบางคนก็ออกไปทำงานนอกบ้าน ผู้ชายในยุคของกระผมถ้าเข้าครัวจับงานบ้านงานเรือนจะดูเป็นผู้ชายอบอุ่นน่ารักขอรับ"
"แล้วหลังจากนี้ใครจะดูแลอาหารการกิน หากผู้หญิงออกไปทำงานอย่างผู้ชาย"
"ผู้หญิงที่ยังคงทำอาหารเองก็มีบ้าง แต่หายากมาก ผู้หญิงในยุคของกระผมมักจะออกไปทำงานนอกบ้าน กับข้าวกับปลาก็ซื้อเอาจากข้างนอกเป็นถุงๆ"
"แล้วงานบ้านงานเรือนเล่า"
"ก็จ้างคนมาทำ เสื้อผ้าก็จ้างเขาซัก"
"คนยุคนั้นคงใช้ัอัฐกันมาก"


สรุปคือ...เรื่องนี้อ่านได้ค่ะ ไม่ขัดตา ฉากหวานก็หวานกันแต่พองาม ถึงแม้จะแอบขัดใจอยากรู้ประวัติศาสตร์มากกว่านี้ แต่ก็คิดซะว่านี่มันนิยายไม่ใช่หนังสือประวัติศาสตร์ซะหน่อย...หากคนเขียนใส่ประวัติศาสตร์มาเต็มหน้าคนอ่านก็คงจะหลับกันไปก่อนที่จะอ่านจบแน่นอน เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ให้ผ่านค่ะ


พระพายรำเพย...ณ พิชา...เรื่องนี้ก็ย้อนกลับไปยุคสมัย ร.5 เช่นกันค่ะ แต่เป็นยุคต้นรัชกาล สมัยที่พระพุทธเจ้าหลวงยังทรงพระเยาว์จึงต้องมีผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ คราวนี้เรื่องราวเป็นนางเอกที่เป็นฝ่ายย้อนเวลาบ้าง แถมไม่ได้ย้อนไปอยู่ในพื้นที่ที่เป็นเขตพระนครเสียด้วย แต่กลับย้อนไปยังกรุงเก่า (พระนครศรีอยุธยา) ซึ่งสมัยนั้นพวกวัดวาทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นวัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดไชยวัฒนาราม ซึ่งเป็นฉากสำคัญในเรื่องยังไม่ได้รับการบูรณะปฏิสังขรเหมือนในปัจจุบันนะคะ แต่เป็นวัดที่ถูกปล่อยให้รกร้างแทบจะไม่มีคนเข้าไปใกล้ซะด้วยซ้ำ จุดสนใจของเรื่องนี้มันเลยเริ่มจากตรงนี้ล่ะค่ะ เคยเจอแต่ถ้าย้อนอดีตไปยุคสมัยไหนตัวเอกก็มักจะไปในพื้นที่ที่สำคัญของยุคนั้นๆ เช่นถ้าเป็นสมัยกรุงศรีฯก็ต้องย้อนกลับไปที่พระนครศรีอยุธยา หรือถ้าเป็นยุครัตนโกสินทร์ก็ต้องเป็นที่บางกอก

เพราะนางเอกต้องหลงไปอยู่ในกรุงเก่าที่แทบจะรกร้าง แต่ได้ัรับความใจดีจากคุณป้าคนหนึ่งที่ไม่มีลูกหลานรับไปอยู่ด้วย คุณป้าคนนี้ก็เป็นชาวบ้านธรรมดาๆนี่ล่ะค่ะ แต่เก่งเรื่องข้าวปลาอาหาร เลยได้รับเมตตาจากข้าหลวงที่ถูกส่งมาเป็นเจ้าเมือง (ในยุคนั้นยังไม่ได้แบ่งการปกครองเป็นมณฑลค่ะ) นางเอกของเราถือว่าเป็นของแปลกสำหรับคนยุคนั้นเลยคะ่ พูดเร็ว เดินเร็ว เรื่องครัวไม่เอาไหน รู้ภาษาฝรั่ง รูปร่างผอมสูง(สมัยนั้นสาวๆจะอวบๆ) ผมยาวตรง ไม่กินหมาก ใครๆก็เลยพากันร่ำลือว่าหลานสาวคุณเอินที่มาจากพระนครนั้นสวยแปลกตา (ถือว่าเป็นคำชม) แม้แต่พระเอกของเราก็ยังติดใจ

ปมของเรื่องนอกจากนางเอกที่พลัดหลงเข้ามาในยุคเก่าแล้ว ที่มาที่ไปของพระเอกยังเป็นที่เคลือบแคลงสงสัยอีกด้วย กว่าจะรู้ว่าเป็นใครมาจากไหน ก็เล่นเอาซะเกือบจบเรื่อง (แต่คนอ่านแอบเดาได้ตั้งแต่ตอนกลางๆเรื่อง)

เรื่องนี้คนเขียนหยิบยกเอกเกร็ดประวัติศาสตร์สั้นๆ (แม้แต่คนอ่านก็ไม่เคยรู้ว่ามี) มาเล่าได้เป็นเรื่องเป็นราวเลยค่ะ โดยหยิบจากเหตุการณ์มีโจรร้ายที่เข้าปล้นชาวบ้านแถบกรุงเก่าอย่างเหี้ยมโหดมานานหลายปีจนชาวบ้านชาวช่องเดือดร้อนกันไปทั่ว ขุนนางพื้นที่ก็ไม่สามารถจับกุมได้ จนท่านเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทนพระองค์ (หลังจากพ้นตำแหน่งแล้วได้รับพระราชทานยศเป็นสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์) ต้องส่งข้าหลวงส่วนตัวมากำจัดโจรร้าย ซึ่งก็คือพระเอกของเรานั่นเอง

จากเกร็ดประวัติศาสตร์สั้นๆ จนได้นิยายเรื่องยาวมาหนึ่งเรื่อง ผู้เขียนได้แทรกวัฒนธรรมประเพณีเข้าไปใ้ห้อ่านไม่รู้สึกเบื่อ เช่น งานทอดกฐิน ซึ่งถือว่าเป็นงานบุญใหญ่ของคนยุคนั้นสมัยนั้น การเล่นเพลงเรือ(เปิดโอกาสให้หนุ่มจีบสาว สาวจีบหนุ่ม) ฉากการพูดคุยของพระเอกนางเอกก็น่ารักกำลังดี ทำให้รู้ว่ารักกัน แต่ไม่ได้หวานมากจนเลี่ยน พระเอกรู้สึกยังไงก็พูดออกไปตรงๆ แต่ก็เล่นเอานางเอกซึ่งเป็นสาวยุคปัจจุบันอายได้เหมือนกัน
"อ้าว...ก็ถ้าแม่อัปสรไม่ใ้ห้ฉันยิ้ม ฉันจะทำกระไร"
"ก็เวลาคนเราได้ดังประสงค์ก็ต้องยิ้มกันบ้าง อืม...รึแม่อัปสรจะสั่งห้ามฉันยิ้ม?"


"ไม่เหนื่อย"..."แค่วันนี้ได้มาพบหน้าแม่อัปสร ฉันก็ไม่รู้สึกเหนื่อยแล้ว"

ช่วงก่อนใกล้จบ ทำเอาคนอ่านซึมไปนิดหน่อยกับฉากการจากกันของพระนาง...ถึงแม้จะรู้่อยู่แล้วว่าเรื่องมันก็คงต้องเป็นแบบนี้ และนางเอกก็คงจะเจอใครสักคนที่เป็นลูกหลานของพระเอกสืบทอดกันมา แต่...ก็ผิดคาดนิดหน่อย...ไม่ถึงกับมากมาย

สรุป...เรื่องนี้อ่านแล้วชอบค่ะ กำลังดีเลย เกร็ดประวัติศาสตร์ที่แทรกเข้ามาก็ไม่มากไม่น้อย ชอบพระเอกของเรื่องค่ะ ซื่อๆพูดตรงๆและมั่นคงดี ส่วนนางเอกก็เปลี่ยนจากสาวน้อยวัยเรียนมหาวิทยาลัยที่สนุกสนานไปวันๆกลายเป็นสาวยุคโบราณได้อย่างเกือบจะกลมกลืนและดูมีความคิดมากขึ้น และชอบการจีบกันของคนยุคก่อนค่ะ กว่าจะได้เจอกันก็ต้องรองานบุญ จะพบกันก็ต้องอยู่ในสายตาผู้ใหญ่ น่ารักมากค่ะ...

พอได้อ่านสองเรื่องนี้ถึงได้นึกเสียดาย...ไม่รู้ว่าจะมีงานแบบนี้ออกมาอีกไหม อยากให้คนอ่านได้ลองอ่านดูบ้างค่ะ่ ภาษาอาจจะไม่ลื่นไหลมาก แต่ทำให้เราได้สนใจเีรียนรู้ประวัติศาสตร์รากเหง้าของเรามากขึ้นค่ะ (อย่างเช่น วันนี้เจ้าของบ้านก็เข้าไปหาอ่านประวัติท่านสมเด็จเจ้าพระยาฯ)




Create Date : 23 ธันวาคม 2555
Last Update : 5 มกราคม 2556 15:38:38 น.
Counter : 3488 Pageviews.

9 comments
  
น่าสนใจค่ะ แต่จะหาซื้อยากหรือเปล่าคะ
โดย: Sab Zab' วันที่: 23 ธันวาคม 2555 เวลา:22:27:33 น.
  
ตอนนี้ตามร้านหนังสืออย่างพวกนายอินทร์ ซีเอ็ด บีทูเอส ก็ยังพอมีอยู่บ้างค่ะ
โดย: Aneem วันที่: 24 ธันวาคม 2555 เวลา:20:05:28 น.
  

อ้าว ปัณปุระปิดตัวแล้วหรือค่ะ เสียดายจัง
โดย: a murder suicide วันที่: 24 ธันวาคม 2555 เวลา:22:06:37 น.
  
(ไม่)รู้ว่า(ไม่)รัก หนังสือค่อนข้างนานแล้ว อาจหาซื้อตามร้านยากหน่อยค่ะ แต่ในเว็บอาจจะยังมี (มั้ง) ลองดูในเว็บของแจ่มใสดูนะคะ


โดย: หัวใจสีชมพู วันที่: 24 ธันวาคม 2555 เวลา:22:07:27 น.
  
คุณ a murder suicide เคยได้ยินมาจากในนี้น่ะค่ะ แต่ไม่แน่ใจเหมือนกัน

คุณหัวใจสีชมพู ขอบคุณค่ะ ไว้จะลองหาอ่านดูบ้าง
โดย: Aneem วันที่: 25 ธันวาคม 2555 เวลา:19:44:37 น.
  
เพิ่งได้อ่านพระพายรำเพยค่ะ น่ารักดี เลยมาค้นดูบ้าง พอเห็นบอกว่าสนพ. จะปิดตัว เหวอไปเลยค่ะ
โดย: jackfruit_k วันที่: 7 มกราคม 2556 เวลา:13:56:27 น.
  
อยากอ่านจังมีขายในแบบebookไหมค่ะ
โดย: นิตยา นิยมไร่ IP: 49.48.100.88 วันที่: 21 กรกฎาคม 2556 เวลา:17:28:12 น.
  
ขอบคุณมากค่ะที่ชอบแม่แก่นจันทร์ ขอบคุณจริงๆจากใจเลยค่ะ สำหรับนักเขียนไม่มีความสุขใดจะยิ่งใหญ่ไปกว่าการที่คนอ่านชอบงานของเรา ขอบคุณจริงๆค่ะ
โดย: ดวงดาวสีน้ำเงิน IP: 171.97.95.46 วันที่: 2 พฤศจิกายน 2557 เวลา:17:39:38 น.
  
ขอบคุณมากค่ะที่ชอบแม่แก่นจันทร์ ขอบคุณจริงๆจากใจเลยค่ะ สำหรับนักเขียนไม่มีความสุขใดจะยิ่งใหญ่ไปกว่าการที่คนอ่านชอบงานของเรา ขอบคุณจริงๆค่ะ
โดย: ดวงดาวสีน้ำเงิน IP: 171.97.95.46 วันที่: 2 พฤศจิกายน 2557 เวลา:17:40:21 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Aneem
Location :
สระบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]



ปีนี้+++ตั้งเป้าไว้ว่าจะพยายามซื้อหนังสือให้น้อยลง...แต่จะอ่านของเก่าที่ดองอยู่ให้มากขึ้น...จำทำได้มั้ยนะ!!!