เมื่อตะวันยอแสง..เรี่ยวแรงก็เริ่มอ่อนล้า..พักลงตรงนี่ที่เดิมแล้วหลับตา..
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2559
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
2829 
 
5 กุมภาพันธ์ 2559
 
All Blogs
 

พระมหากรุณาธิคุณในความทรงจำ (๑)



71110

ดร.สุเมธ  ตันติเวชกุล

“…ความสุขความสวัสดีของข้าพเจ้าจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยบ้านเมืองของเรามีความเจริญมั่นคงเป็นปรกติสุข  ความเจริญมั่นคงทั้งนั้นจะสำเร็จผลเป็นจริงได้ก็ด้วยทุกคนทุกคนทุกฝ่ายในชาติมุ่งที่จะปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เต็มกำลัง  ด้วยสติรู้ตัว  ด้วยปัญญารู้คิดและด้วยความสุจริตจริงใจโดยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมยิ่งกว่าส่วนอื่น…”

พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2552

      ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล อดีตเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ(เลขาธิการ กปร.) คนแรก ปัจจุบันท่านเป็นกรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา

     ท่านได้ถวายงานใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาตั้งแต่ ปี 2525  จึงมีภาพแห่งความทรงจำและความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ได้เห็นด้วยตาสัมผัสพระมหากรุณาธิคุณด้วยตัวเองที่ทรงทุ่มเทพระองค์ปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ด้วยทรงตั้งพระราชปณิธานบำบัดทุกข์ให้หมดหรือบรรเทาเบาบางไปจากประชาชนของพระองค์  นำประโยชน์สุขเข้ามาแทนที่  นับแต่เสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติถึงวันนี้ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงงานหนักเพื่อราษฎรที่สุดในโลก

     พระมหากรุณาธิคุณที่ประจักษ์เป็นรูปธรรมถึงพระราชกรณียกิจที่ทรงทำเพื่อราษฎรคือโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่พระราชทานไว้ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทยวันนี้เกินกว่า 4,500  โครงการ

     เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนาได้ถ่ายทอดพระมหากรุณาธิคุณสู่คนไทยในหลายสถานที่ หลายโอกาสเน้นย้ำให้ประชาชนได้เกิดความภาคภูมิใจและร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่เกิดมาเป็นคนไทยใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร และได้ร่วมกันตั้งจิตมั่นที่จะเดินตามรอยพระยุคลบาทเพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศล

      จึงขออนุญาต ดร.สุเมธ  ตันติเวชกุลนำความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเผยแพร่แก่ประชาชนคนไทย  เพื่อเชิญชวนเน้นย้ำร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณครับ

……………………………………………

1999

      พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประกอบพระราชกรณียกิจด้วยพระราชหฤทัยมุ่งมั่นเพื่อทรงบำบัดทุกข์ยากและเพื่อประโยชน์สุขของอาณาประชาราษฎร์  เฉพาะอย่างยิ่งผู้ยากไร้ด้อยโอกาสในชนบทที่ห่างไกล  ซึ่งนับเป็นพระราชภาระอันยิ่งใหญ่  เนื่องด้วยทรงระลึกเสมอ ว่า “ทุกข์ของประชาชน คือ ทุกข์ของพระองค์”  จึงทรงคิดค้นหาแนวทางการพัฒนาด้วยพระวิริยอุตสาหะเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนทุกหมู่เหล่า  ทั่วราชอาณาจักร  อันเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่เคยทรงทอดทิ้งประชาชน

      คณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ(กปร.)มีบทบาทหน้าที่ในการสนองพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  สมเด็จพระเจ้านางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถและพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์  โดยมีมีสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ(สำนักงานกปร.)เป็นสำนักงานวิชาการและประสานงาน  ซึ่งได้ก่อตั้งมาครบ  35  ปี ในปี2559  นี้

      สำนักงานกปร.ในฐานะเป็นหน่วยงานกลางในการประสานแผนงานและความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวเพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปตามแนวพระราชดำริ  ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามีโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริไว้กว่า 4,500  โครงการ  ที่ได้พระราชทานแก่ประชาชนกระจ่ายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ  ทั้งโครงการพัฒนาด้านการเกษตร  การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  การสาธารณสุข  การส่งเสริมอาชีพการพัฒนาแหล่งน้ำ  การสื่อสารคมนาคม  การแก้ไขปัญหาจราจรและสวัสดิการสังคม 

 รวมทั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริทั้ง  6  ศูนย์ที่มีพระราชดำริให้จัดตั้งขึ้นตามภูมิภาคต่างๆทั่วประเทศ  เพื่อเป็นศูนย์กลางในการศึกษา  วิจัย  แสวงหาแนวทางการพัฒนาที่เหมาะสมสอดคล้องกับสภาพแวดล้อม  ภูมิสังคมและการประกอบอาชีพของราษฎร  พร้อมกับนำผลสำเร็จขยายผลการพัฒนาไปสู่พื้นที่ของเกษตรกร  โดยมีจุดมุ่งหมายให้ราษฎรมีความเป็นอยู่อย่างพอมีพอกิน  และพอเพียงควบคู่กับการพัฒนาที่ยั่งยืน

     การปฏิบัติภารกิจสนองพระราชดำริใดๆคงไม่อาจสำเร็จลุล่วงไปได้หากปราศจากความร่วมมือเสียสละและอุตสาหะในการปฏิบัติงานของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในหน่วยราชการและองค์กรต่างๆทุกภาคส่วน  ความร่วมมือร่วมใจดังกล่าวทำให้บังเกิดผลเป็นความสุขความเจริญแก่ประเทศชาติและประชาชนที่อยู่ใต้ร่มพระบารมีโดยแท้

A6109934-13

ในโอกาสที่ พ.ศ.2559  เป็นปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติมาถึง  70  ปี  ขออนุญาตนำความรู้ของอดีตเลขาธิการกปร.ที่ได้สนองงานรับใช้เบื้องพระยุคลบาท  ทำงานถวายต่างพระเนตรพระกรรณ  เพื่อนำพระมหากรุณาธิคุณอันเกิดจากพระราชหฤทัยห่วงใยสู่พสกนิกรไทยทั้งประเทศ  ตลอดจนยังนำพระเมตตาแผ่ไปยังประชาชนในประเทศอื่นๆเฉพาะอย่างยิ่งประเทศเพื่อนบ้าน

     ท่านแรก ดร.สุเมธ  ตันติเวชกุล  ซึ่งท่านผู้อ่านคงได้สัมผัสคำบอกเล่าความรู้สึกที่ได้มีโอกาสทำงานถวายสนองพระมหากรุณาธิคุณมาแล้วพอสมควร  ท่านไปบรรยายมาแล้วหลายต่อหลายปีในหลายโอกาส  หลายสถานที่และคำบรรยายของท่านมีการนำไปรวมไว้ในหนังสือวางแผงมาแล้วหลายๆต่อหลายครั้ง และใครก็ตามที่อ่านแล้วอ่านอีก  ก็จะได้สัมผัสซึมซับพระมหากรุณาธิคุณผ่านคำบอกเล่านั้น  ได้ซาบซึ้งและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่สุดจะหาคำพูดใดๆมาถ่ายทอดความรู้สึกที่เชื่อว่าทุกคนมีเหมือนกันคือสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ที่ทรงทำเพื่อคนไทยทุกคนให้อยู่ดีกินดีมีสุขอย่างยั่งยืนในการดำเนินชีวิต

คนอายุรุ่นราวคราว 40  ปีขึ้นอาจจะบอกว่าฟังและอ่านบ่อยแล้ว  แต่อยากเชิญชวนให้อ่านอีก  คนรุ่นอายุต่ำกว่า  40  ปีลงมาหรือที่เรียกว่าคนรุ่นหนุ่มสาวจนถึงเยาวชนยิ่งอยากให้อ่าน  ผมก็หวังที่เอาความรู้สึกผ่านคำบอกเล่าของ ดร.สุเมธ  และอดีตเลขาการ กปร.ท่านอื่นๆที่ถ้ามีโอกาสจะได้นำเอาความรู้สึกนึกคิดของท่านมาถ่ายทอดในโอกาสต่อไป

“ผมได้เข้าถวายงานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้านการพัฒนาตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริตั้งแต่ปี 2524  ขณะนั้นผมดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองวางแผนเตรียมด้านเศรษฐกิจ  สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  และได้ถวายงานเรื่อยมาจนกระทั่งตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ(สำนักงาน กปร.) เมื่อปี 2536  และได้ลาออกจากราชการเมื่อปี 2542″

      ทุกครั้งที่มีการตั้งหัวข้อให้ท่านพูดถึงการได้เข้ามารับใช้เบื้องพระยุคลบาทนำเอาพระมหากรุณาธิคุณไปถึงประชาชน

art132A

     ดร.สุเมธจะเล่าให้ฟังต่อเนื่องแบบเลียงลำดับ ว่า  ขณะยังรับราชการอยู่นั้นปี  2531  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจัดตั้งมูลนิธิชัยพัฒนา  พระองค์ทรงดำรงตำแหน่งเป็นองค์นายกกิตติมศักดิ์และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นองค์ประธานกรรมการ  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้ดร.สุเมธเป็นเลขาธิการมูลนิธิ  เพราะฉะนั้นเมื่อลาออกจากราชการแล้วจึงยังคงทำงานมูลนิธิชัยพัฒนาเรื่อยมาจนปัจจุบัน

     ทุกครั้งที่ไม่ว่าจะเป็นสื่อมวลชน  หรือใครก็ตามที่มีโอกาสได้ไปขอให้ดร.สุเมธได้พูดได้เล่าถึงประสบการณ์ที่ได้ทำงานถวาย  ทุกครั้งทุกคราต้องถามว่าได้รับความประทับใจอะไรบ้างในการถวายงาน

“ผมคงตอบในฐานะส่วนตัว ว่า ผมซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อตัวผม  และตอบในฐานะเป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่งผมซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อประชาชนชาวไทยทั้งชาติ”

     ดร.สุเมธบอกว่าตั้งแต่ได้ถวายงานและตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ที่เสด็จพระราชดำเนินไปทั่วทุกสารทิศแม้ว่าพระองค์ทรงเป็นองค์พระประมุข  แต่ได้สังเกตเห็นความยากลำบากที่ทรงกรำงาน  ทรงเหน็ดเหนื่อย  พระองค์ทรงลุยบุกป่าฝ่าดง  ถ้าตรงจุดใดในทั่วราชอาณาจักรไทยมีปัญหา  พระองค์ทรงพร้อมที่จะเสด็จฯไปทรงแก้ไขด้วยพระองค์เอง

“ทั้งนี้ไม่ว่าพระองค์จะทรงย่างพระบาทไปในพื้นที่ใดบนผืนแผ่นดินไทย  ทุกแห่งคือผืนแผ่นดินของพระองค์ และพระองค์คือพระเจ้าแผ่นดินของประชาชน  และประชาชนทุกหมู่เหล่าไม่ว่าพื้นที่ใดบนแผ่นดินนี้ คือ พสกนิกรของพระองค์”

………………………………………….

ที่มา : สยามรัฐ คอลัมน์พระมหากรุณาธิคุณ โดยคุณเสกสรร  สิทธาคม

สำนักข่าวเจ้าพระยา




 

Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2559
0 comments
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2559 17:19:57 น.
Counter : 1496 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


สาว17
Location :
ลูกสาวเมืองสิงห์ Germany

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Color Codes ป้ามด







เพื่อรักษาไว้ซึ่งชีวิตครอบครัว
มีบางครั้งที่เราต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ
มีบ้างบางครั้งที่เราต้องเลิกทำในสิ่งที่ชอบ
เพื่อความก้าวหน้าของชีวิตครอบครัว
มีบ่อยครั้งที่เราต้องรู้จักใช้สติ
ต้องรู้จัก อดทน และให้อภัย
ดูอย่างต้นไม้ซิ
มันไม่เคยที่จะผืนลิขิตของฤดูกาล
มันไม่คิดจะขัดธรรมชาติ
เมื่อถึงคราวต้องทิ้งใบก็ยินยอมแต่โดยดี
อดทนและอดทน
เพื่อผลิใบ และดอกผลเมื่อฝนมา
เพราะเมื่อเวลามาถึงทุกสิ่งจะดำเนินไป
ชีวิตที่เรียบง่ายคือชีวิตที่มีสุข








Free Hit Counter ทีเว็บมาสเตอร์ รวมพลคนทำเว็บ
Google
New Comments
Friends' blogs
[Add สาว17's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.