บางเรื่องของพระอริยจริยวัตร สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ
ในการเดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจต่างๆ เจ้าพระคุณสมเด็จฯ มักใช้บริการรถรับจ้างสาธารณะ ด้วยไม่โปรดที่จะรบกวนผู้อื่น หากเดินไปเองได้ ก็จะเดิน บ่อยครั้งที่มีผู้มาอาราธนาไปบำเพ็ญกุศลที่บ้าน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดมากนัก เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ก็จะตรัสแก่เจ้าภาพว่า ไม่ต้องเอารถมารับนะ แล้วจะเดินไปเอง
.. เมื่อคราวที่ต้องไปปฏิบัติหน้าที่พระอุปัชฌาย์ ประทานบรรพชาอุปสมบทแก่กุลบุตร ณ วัดพุทธบูชา บางมด เป็นประจำทุกปีก่อนเข้าพรรษา ก็โปรดที่จะเดินทางโดยรถแท็กซี่ จากวัดบวรนิเวศวิหารต่อหนึ่ง แล้วไปลงเรือหางยาวอีกต่อหนึ่ง ลัดเลาะเรื่อยไปตามคลอง จนถึงวัดพุทธบูชา ด้วยเหตุนี้ผู้เคารพนับถือหลายคนจึงพยายามที่จะถวายรถยนต์ สำหรับทรงใช้ส่วนพระองค์ แต่ก็ได้รับการปฏิเสธ ด้วยเหตุผลง่ายๆ ไม่รู้จะเอาไปเก็บไว้ที่ไหน
.. อีกครั้งหนึ่ง คราวเกิดเหตุระเบิดขึ้นข้างพระตำหนัก ในช่วงบ่ายขณะที่เจ้าพระคุณสมเด็จฯ กำลังสนทนาธรรมอยู่กับ นางโยเซฟีน สแตนตัน ภรรยาอดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ซึ่งโชคดีว่าไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ แต่เหตุระเบิดในครั้งนั้นทำให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาถวายอารักขา วันละ ๑ นาย และโปรดให้รถยนต์หลวง (รยล.) มาประจำไว้ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เพื่อถวายความสะดวกในการเสด็จไปปฏิบัติศาสนกิจยังสถานที่ต่างๆ สำหรับกรณีของรถยนต์หลวงนั้น เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ได้รับสั่ง กับเจ้าหน้าที่ผู้รับคำสั่งสั้นๆ เพียงว่า ไม่สมควร เป็นอันว่าไม่ทรงรับไว้ เพียงแต่ขอรับพระราชทานใช้เป็นครั้งคราวเท่านั้น
(เนื้อหาบางตอนจาก : หนังสือบวรธรรมบพิตร ฉบับประมวลพระรูป)
วินัยกรรม ชีวิตก เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวรฯ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อครั้งทรงดำรงสมณศักดิ์ที่ พระโศภณคณาภรณ์ ทรงเป็นผู้ดำรงอยู่ในความไม่ประมาท ด้วยทรงมีพระลิขิต วินัยกรรม หรือพระพินัยกรรม ไว้ด้วยลายพระหัตถ์ของพระองค์เองลงบนกระดาษ ๑ แผ่น จัดแจกบริขารทั้งปวงให้แก่สงฆ์ในอารามต่างๆ ดังปรากฏความว่า
บริกขารทั้งปวงก็ดี สิทธิเพื่อบริกขารทั้งปวงก็ดี ของข้าพเจ้า : อยู่วัดบวรนิเวศ ถวายแด่ท่านเจ้าอาวาส (ภายหลังเมื่อทรงครองวัด จึงขีดฆ่าออกแล้วลงพระนามกำกับไว้ ซึ่งขณะนั้นทรงดำรงสมณศักดิ์ที่ พระสาสนโสภณ) และพระกรรมการวัดบวรนิเวศ อยู่ที่วัดเทวสังฆาราม จังหวัดกาญจนบุรี ถวายแด่ท่านเจ้าอาวาส และพระเถระผู้รองลงมาอีก ๓ รูป วัดเทวสังฆาราม นอกจากนี้ อยู่ที่ผู้ใดที่ไหน ให้แก่ผู้นั้นที่นั้น ข้าพเจ้ามีความประสงค์แจ้งอยู่ในแบบวินัยกรรมชีวิตกนี้ พระโศภณคณาภรณ์ เขียนที่กุฏิคอยท่า วัดบวรนิเวศวิหาร ๑๕ พฤษภาคม ๒๔๙๒ เวลา ๒๓.๒๐ น. ยืนยันตามนี้ พระโศภณคณาภรณ์ ยืนยันตามนี้ พระโศภณคณาภรณ์ ๒๒ เม.ย. ๒๔๙๖ ,,______,, พระสาสนโสภณ ๒๕ ก.ค. ๒๕๐๙
. พระวินัยกรรมนี้นอกจากจะแสดงความไม่ประมาทในการใช้ชีวิต เนื่องด้วยทรงมีพระลิขิตตั้งแต่มีพระชนมายุได้ ๓๖ ปี แล้วยังคงดำรงมั่นในเจตนารมณ์นี้ด้วยการลงพระนามกำกับอีก ๒ ครั้ง ทั้งในปีพุทธศักราช ๒๔๙๖ เมื่อมีพระชนมายุได้ ๔๐ ปี และในปีพุทธศักราช ๒๕๐๙ เมื่อมีพระชนมายุได้ ๕๓ ปี ในครั้งหลังนี้พระองค์ได้ทรงขีดทับข้อความในพระวินัยกรรม ที่ยกบริขารในส่วนของวัดบวรนิเวศวิหารออก เนื่องด้วยพระองค์ท่านดำรงสถานะเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหารแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องยกบริขารใดๆ ให้เจ้าอาวาสอีก พระวินัยกรรมนี้ยังสะท้อนถึงหลักอนุสสติ ๑๐ ที่เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ทรงพิจารณามรณานุสสติอยู่เนืองๆ นับเป็นการเตรียมความพร้อมในการใช้ชีวิต เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับคนรอบข้างหากต้องจากโลกนี้ไป
. พระเมตตาของพระองค์ไม่มีประมาณ ราวปีพุทธศักราช ๒๕๒๐ เสด็จไปปฏิบัติศาสนกิจทางภาคอีสาน ทรงแวะตามหมู่บ้านประทานของแจกแก่ชาวบ้าน ในยามที่ประชาชนประสบภัยพิบัติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม ไฟไหม้ โรคระบาด ภัยร้อน ภัยแล้ง ภัยหนาวต่างๆ ก็จะทรงขวนขวายในทันทีทั้งด้านปัจจัยสี่ ทั้งการเยียวยาจิตใจ และบำรุงขวัญด้วยธรรมะ เพื่อเกื้อกูล ผ่อนหนักให้บรรเทาเบาลง ทั้งที่พระองค์เองก็ใช่ว่าจะมีพระพลานามัยที่สมบูรณ์นัก แต่ละวันถูกรุมเร้าด้วยพระศาสนกิจตั้งแต่เช้าจรดค่ำ บางคราวต้องเสด็จไปกิจนิมนต์ไกลโพ้นข้ามจังหวัด ทว่าก็ไม่เคยแสดงอาการอ่อนล้า ครั้นผู้ถวายงานใกล้ชิดกราบทูลให้ทรงผ่อนคลายหรือละเว้นเสียบ้าง ก็จะทรงพระสรวลแต่เบาๆ พลางรับสั่งว่า เออ ! จะทำอย่างไรได้
ที่นี่เป็นพระของประชาชน (เนื้อหาบางตอนจาก : หนังสือบวรธรรมบพิตร ฉบับประมวลพระรูป) สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงถวายพวงมาลัยสักการะ พระไพรีพินาศ พระพุทธรูปศิลาปิดทอง ศิลปะศรีวิชัย ปางประทานพร ในโอกาสที่เสด็จขึ้นคำบูชาและวางเครื่องสักการะพระเจดีย์ วัดบวรนิเวศวิหาร เนื่องในวันมาฆบูชา วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๓๕ พิธีมาฆบูชา เป็นธรรมเนียมที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ทรงตั้งขึ้นนับแต่ยังทรงครองวัดบวรนิเวศวิหาร ด้วยเป็นพิธีบูชาที่ทรงพระราชดำริขึ้นเป็นครั้งแรกในโลก ซึ่งหลังจากพระองค์ทรงนำทำวัตรสวดมนต์แล้ว จักเสด็จไปยังลานประทักษิณชั้นบนของพระเจดีย์ ทรงกล่าวคำบูชาพระเจดีย์แล้ววางเครื่องสักการะ (โดยไม่มีการเวียนเทียนแต่อย่างใด)
.. ที่มา www.dhammajak.net สำนักข่าวเจ้าพระยา
Create Date : 15 ธันวาคม 2558 |
Last Update : 15 ธันวาคม 2558 22:36:36 น. |
|
0 comments
|
Counter : 3262 Pageviews. |
|
|