ทรงปลื้มพระทัยอย่างมาก..ชาวบ้านมีกิน ไม่ลำบาก จาก กุ้งสมเด็จ
ดร.จรัลธาดา กรรณสูต ในความทรงจำของ ดร.จรัลธาดา กรรณสูต ที่ปรึกษาสำนักราชเลขาธิการ ซึ่งมีโอกาสสนองงานพระราชดำริ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มาเป็นระยะเวลานาน โดยเฉพาะการสนองแนวพระราชดำริในด้านการประมง ได้ถ่ายทอดความรู้สึกจากที่ได้รับใช้ใกล้ชิดพระยุคลบาทถวายงานถึงพระราชหฤทัยห่วงใยในชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นอย่างมาก ทรงสัมภาษณ์ถึงความเป็นอยู่และอาหารการกินของชาวบ้านด้วยพระองค์เอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องประมง ด้วยทรงเล็งเห็นว่าสัตว์น้ำเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีที่จะช่วยพัฒนาคุณภาพบุคลากรของชาติเราทั้งทางร่างกายและทางสมอง ผ่านวารสารอันเนื่องมาจากพระราชดำริและขออนุญาตนำมาถ่ายทอดต่อดังนี้ กุ้งสมเด็จ เพื่อปากท้องของราษฎร จุดเริ่มต้นการสนองพระราชดำริ
. เมื่อราวๆ 30 ปีที่แล้ว สมัยผมยังเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อย ได้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ห่างๆ บ้างเป็นครั้งคราว จากการติดตามอธิบดีกรมประมงในขณะนั้น ได้เห็นว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ทรงงานอย่างหนัก และทรงห่วงใยราษฎรเป็นอย่างมาก จนกระทั่ง เมื่อได้ตำแหน่งรองอธิบดีกรมประมง จึงมีโอกาสได้รับใช้ใกล้ชิด จำได้ว่า การสนองงานในระยะแรก คือ เรื่องกุ้งก้ามกรามที่บางไทร เมื่อครั้งที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มีพระราชดำริให้ก่อตั้งศูนย์ศิลปาชีพบางไทร ในช่วงนั้นเสด็จฯ ไปที่บางไทรค่อนข้างบ่อย และทรงสังเกตเห็น ว่า กุ้งก้ามกรามในประเทศไทยน้อยลง จึงมีรับสั่งถามว่า กุ้งเดี๋ยวนี้หายไปไหนหมด ไม่ค่อยมีขาย ต้องนำเข้ากุ้งจากพม่ามา ความจริงในขณะนั้นกุ้งในประเทศไทยก็ยังคงมีอยู่ แต่เริ่มหายไปจากแม่น้ำเจ้าพระยา ส่วนในแม่น้ำแม่กลอง แม่น้ำบางประกง และแม่น้ำทางภาคใต้ เช่น สุราษฎร์ธานี แม่น้ำตาปี มีบ้าง แต่ไม่เพียงพอต่อการบริโภคของประชาชนจึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีการนำเข้ามาจากพม่า ผมจึงได้กราบทูลฯ ถวายรายงาน ว่า ปัญหาเกิดจากคุณภาพแม่น้ำเจ้าพระยา ออกซิเจนมีไม่เพียงพอที่กุ้งจะอพยพย้ายถิ่นออกไปปากอ่าวได้ ทำให้กุ้งในแม่น้ำเจ้าพระยาไม่สามารถจะสืบพันธุ์ได้ พระองค์จึงมีรับสั่งถามว่า เราจะแก้ปัญหาได้อย่างไร จึงได้กราบบังคมทูลไปว่า ขณะนั้นกรมประมงสามารถเพาะพันธุ์กุ้งได้แล้ว โดยเอาน้ำเค็มมาเพาะพันธุ์กุ้งในสถานี แล้วก็สามารถนำมาปล่อยทดแทนได้ ซึ่งวันที่พระองค์เสด็จฯ กรมประมงได้นำกุ้งไปถวายให้ทรงปล่อยสู่แม่น้ำด้วย หลังจากนั้นก็มีรับสั่งให้ปล่อยทุกปี จนกระทั่งถึงปัจจุบัน มีรับสั่งว่า อย่าละเลย เพราะว่ามันเป็นอาชีพของคนยากจน ซึ่งสามารถไปตกกุ้งนำไปขาย สร้างรายได้เลี้ยงชีพได้ ประชาชนสามารถจับกุ้งได้เพิ่มมากขึ้น มีรายได้จากการจับกุ้งขาย ชาวบ้านแถบนั้น จึงเรียกว่า กุ้งสมเด็จ ทรงปลื้มพระทัยอย่างมาก ชาวบ้านมีกิน ไม่ลำบาก
ที่มา : สำนักงาน กปร. , สยามรัฐ สำนักข่าวเจ้าพระยา
Create Date : 21 สิงหาคม 2558 |
Last Update : 21 สิงหาคม 2558 19:39:10 น. |
|
0 comments
|
Counter : 2984 Pageviews. |
|
|