ยอดไลค์ ยอดแชร์ เรื่องกลุ้มกวนจิตใจของนัก(หัด)เขียนออนไลน์
มีเรื่องที่อยากเล่า อยากแชร์ถึงเธอ "เพื่อนๆ นัก (หัดเขียน) นิยายทุกคน ว่า.... เวลาที่เราทำอะไรสักอย่างเพื่อนำเสนอความสามารถที่คิดว่าตัวเองมีอยู่ให้ออกสู่สาธารณะก็ต้องการข้อคิดเห็นที่เกี่ยวกับผลงานนั้นๆ แน่นอนใช่ไหมคะ เช่นนักเขียนนิยาย เมื่อเรื่องราวของตัวเองออกมาเป็นผลงานแล้วก็ต้องการผู้เยี่ยมชมแล้วต้องการความเห็นของผู้เยี่ยมชม ผู้เยี่ยมชมก็คือนักอ่านที่อาจจะเป็นนักอ่านเท่านั้น หรือนักอ่านที่เป็นนักเขียนด้วย ดังนั้นการเยี่ยมชมก็อาจจะแตกต่างกันไปนักอ่านบางท่านเยี่ยมชมเพื่ออ่านอย่างเดียว นักอ่านที่เป็นนักเขียนบางท่านเข้าชมเพื่อศึกษาเทคนิคการเขียน แต่ไม่ว่าจะเป็นนักอ่านแบบไหน นักเขียนก็อยากได้ยินความเห็นเกี่ยวกับเรื่องราวที่ตัวเองแต่ง ระบบลงนิยายหลายเวบมีฟังค์ชั่นในเขียนความเห็นได้บางเว็บมีการนับยอดจำนวนคนชม บางเวบมีการให้โหวตความชอบ ซึ่งตรงนี้แหละที่เป็นสิ่งที่กวนจิตใจนัก(หัด)เขียนหน้าใหม่ นึกถึงเรื่องวันก่อนวันก่อนดิฉันซื้อขนมกล้วยจากเพื่อนที่ยายของเขาทำขายเป็นงานอดิเรกยามว่างเมื่อทานดูก็กินได้และรสชาติของมันก็คือขนมกล้วยนั่นแหละค่ะซึ่งในวันต่อมาเพื่อนคนนั้นบอกว่ายายของเขาให้ฝากมาถามว่ารถชาติของขนมกล้วยเป็นอย่างไร ต้องปรับปรุงอะไรไหม หวานไป หรือเปล่า โอ ขนาดคุณยายที่ทำขนมเป็นงานอดิเรกยามว่างยังต้องการคอมเมนท์ จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมในโลกปัจจุบันนี้ที่เป็นโลกของโซเชียลเนตเวิร์กถึงนิยมให้ผู้คนทั้งหลายเขียนคอมมเมนท์กดไลค์ แชร์ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่แสดงให้เจ้าของสิ่งนั้นรับรู้ว่า มีคนชอบ หรือ ไม่ชอบแค่ไหน ในโลกของนิยายออนไลน์ก็เช่นกันนักเขียนหน้าใหม่หลายคน(รวมทั้งตัวดิฉันด้วย)ก็ต้องการทราบว่าเรื่องราวที่แต่งไปนั้นเป็นอย่างไร ดีพอหรือไม่ สนุกน่าติดตามหรือต้องปรับปรุงอะไรอีก การเขียนนิยายไม่เหมือนเขียนไดอารี่ไว้อ่านเองใช่ไหมคะเราเขียนเรื่องราวเรื่องหนึ่งขึ้นมา ตามพล็อตที่คิดขึ้นเอง ใส่คำพูด อารมณ์ และความรู้สึกของตัวละครนำผู้อ่านไปสู่ธีมเรื่อง และจุดจบของความคิดที่แตกยอดจากการอ่านนิยายเรื่องนั้นๆ มันก็คล้ายกับการแสดงงานศิลปะที่ศิลปินอยากฟังความรู้สึกของผู้ชมหลังจากได้ชมภาพนั้นๆแต่ศิลปะไม่มีถูกไม่มีผิด การอ่านนิยายก็เป็นดั่งรสนิยมหนึ่งของผู้อ่านและผู้แต่งบางครั้งรสนิยมไม่ตรงกัน ก็พบกันครึ่งๆกลางๆแต่ถ้ารสนิยมใช่ตรงใจก็พากันไปจนถึงบทสุดท้ายของเรื่อง วกมาเรื่องคะแนนความนิยมของนิยาย เท่าที่อ่านกระทู้เกี่ยวกับปัญหานี้จากเว็บต่างๆมีหลายท่านที่ให้ความคิดเห็นว่า จนเขียนในสิ่งที่ชอบต่อไป อย่าเอาตัวเลขเหล่านั้นมาปิดกั้นตัวเองตัวเลขไม่ได้เป็นตัววัดว่างานของเราดีหรือไม่ดี ให้ถามตัวเราว่าเราเขียนนิยายเพื่ออะไร ประโยคที่เน้นตัวหนาเป็นประโยคที่นักเขียนทุกคนต้องคิดไว้สม่ำเสมอใช่ไหมคะไม่ว่าจะเขียนออนไลน์หรือออฟไลน์(ตีพิมพ์เป็นเล่ม)ก็แล้วแต่ บางครั้งดิฉันก็รู้สึกชื่นชมความอดทนของนักเขียนสมัยก่อนมากที่กว่าเขาจะเขียนออกมาจนจบกว่าจะผ่านการพิจารณาจนได้ตีพิมพ์ กว่าหนังสือจะออกจำหน่ายและกว่าจะมีนักอ่านมาเลือกซื้อหนังสือของตัวเองนั้น พวกเขาอดทนมากแค่ไหน และในระหว่างนี้เขาก็ยังสร้างสรรค์ผลงานเรื่อยๆโดยไม่หยุด ตรงนี้เองที่ดิฉันคิดว่าเป็นข้อดีของนักเขียนออฟไลน์ แต่สำหรับในยุคนี้ทุกอย่างมันถึงกันได้เร็วนักเขียนกับนักอ่านใกล้ชิดกันมากขึ้นนักเขียนสามารถแสดงผลงานได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านการพิจารณาของบรรณาธิการสำนักพิมพ์(ที่จะเป็นผู้แนะนำติชมก่อนการพิมพ์) โลกออนไลน์จะเป็นเส้นทางการนำผลงานสู่สายตานักอ่านได้เลยและนักอ่านนี่แหละคือผู้ที่จะแนะนำติชม และเป็นเสียงสำคัญที่จะทำให้นักเขียนพัฒนาปรับปรุงผลงานของตัวเอง ทว่า ผลเสียของมันก็ทำให้นัก(หัด)เขียนหลายคนจึงเกิดอาการกังวลเมื่อผลงานที่นำเสนอไปไม่ได้รับการตอบกลับในรูปแบบคอมเมนท์ยอดไลค์ หรือการแชร์ พวกเขาจะเกิดอาการเคว้งคว้างบนโลกออนไลน์กลายเป็นนักเขียนขี้เหงา คิดงานไม่ออก หมดแรงบันดาลใจ (ไม่ใช่ทุกคนนะคะ) ดิฉันก็เลยมองว่าคำติชมสำคัญ แม้จะมีแค่คำติอย่างเดียวก็สำคัญเพราะคำติชมมันเหมือนกระจกเงานะ แต่ก็ต้องบอกตัวเองว่าอย่าหลงกระจกเงาจนเกินไปหมายความว่ามัวแต่ส่องกระจกจนไม่ต้องทำอะไรก็ไม่ดี แต่เมื่อมีกระจกแล้วก็ให้สำรวจตัวเองตรงไหนที่ต้องปรับปรุงก็ยอมรับ (บอกตัวเอง) แต่ถ้าไม่มีกระจกก็เหมือนแต่งหน้าแบบคลำทางทาลิปเกินขอบปากบ้าง ทาตาไม่เท่ากันบ้าง แต่ก็มองอีกมุม อาจจะทำให้เกิดนิยายแนวใหม่ก็เป็นได้นะคะงานเขียนเป็นสิ่งดิ้นได้ เหมือนภาษาของเรานี่แหละ ไม่มีอะไรตายตัวนักหรอกบางครั้งนินยายก็มีกระแส มีเทรนด์เรื่องที่กำลังขายดีแต่เราจะไปแต่งตามเทรนด์ก็ไม่ไหวใช่ไหมคะ เรื่องที่อยากเขียนมันมีมากมายจะให้เขียนตามเทรนด์ เมดทูออเดอร์มันก็ไม่อินเท่ากับเรื่องที่มาจากความต้องการของเราเอง เพราะสิ่งที่เราเขียนมันเป็นตัวเรา เป็น Identity ของเรา บอกความเป็นตัวตนได้มากกว่า จึงไม่อยากให้สูญเสียมันไป เพราะในวันนี้ เข้าร้านหนังสือจะเห็นสัดส่วนของนิยายกระแสสลับเปลี่ยนไป แต่ก็ยังมีนักอ่านบางคนที่พยายามเดินเข้าไปในซอยลึกค้นหานิยายที่ตัวเองถูกใจด้วยหวังว่าจะต้องมีสักเรื่องหนึ่งที่ใช่แบบที่ตัวเองตามหา นี่พูดในมุมของคนอ่านด้วยนะทุกวันนี้ก็ยังตามหาเรื่องที่ว่า... เรื่องที่แบบเฮ้ยนี่แหละที่ชั้นอยากอ่านมานานแล้ว อะไรแบบนี้
ฉะนั้นยอดไลค์ ยอดแชร์ ยังไม่เท่ากับความสุขที่ได้เขียนเรื่องที่ชอบจริงๆใช่ไหมคะทุกคน
Create Date : 26 กันยายน 2557 |
|
0 comments |
Last Update : 7 มิถุนายน 2559 23:11:20 น. |
Counter : 199 Pageviews. |
|
|
|