It's All I Have to Bring Today !
Group Blog
 
 
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
19 กันยายน 2553
 
All Blogs
 
หวาน มัน ..บาคลาวา ขนมหวานสัญชาติเติร์ก



หวาน มัน ..บาคลาวา ขนมหวานสัญชาติเติร์ก


ฟังชื่อก็แปลกหู แต่พอเห็นหน้าตาแล้ว ก็ยากที่จะห้ามใจ เพราะด้วยความหอมของแป้งกับความมันของถั่วหลากหลายชนิดที่ผสมผสานเข้าด้วยกันนี้ ทำให้ บาคลาวาขนมจากประเทศตุรกี ก็มีดีให้คนที่รักการทานขนมนั้นต้องชิม

บาคลาวา (Baklava) ขนมหวานโบราณของประเทศตุรกี ซึ่งนิยมทานกันมากในแถบเมดิเตอร์เรเนียน   สำหรับคนไทยนั้นอาจจะไม่คุ้นกันนักกับขนมชนิดนี้ เพราะถ้าขนมหวานที่ได้รับอิทธิพลมาจากตะวันตกนั้น ส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับขนมที่ทำมาจากไข่ที่เข้ามาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยามากกว่า แต่ที่จริงแล้ว บาคลาวาถือเป็นขนมเก่าแก่ ที่มีประวัติยาวนานมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรไบแซนไทน์แล้วด้วยซ้ำ ซึ่งถ้ามองดีๆหน้าตาก็คล้ายๆกับถั่วตัดของบ้านเรา หรือตุ้บตั้บของจีน แต่คนไทยจะเรียกว่าขนมพายถั่วฝรั่ง



รสชาติของขนมบาคลาวาจะมีความหวานและหอม ที่ทำให้รสชาตินั้นอร่อย ทานง่าย เพราะเนื้อแป้งฟิลโล ที่ซ้อนทับเป็นชั้นๆ แทรกด้วยถั่วพีแคน พีนัท และพิสตาชิโอ ราดด้วยน้ำผึ้งที่แต่งกลิ่นหอมจากอบเชย และน้ำเลมอนเล็กน้อย หรือน้ำเชื่อมแต่งกลิ่น เข้าไปอบที่ความร้อนพอเหมาะ โดยขนมชนิดนี้ชาวอาหรับจะนิยมนำมาใช้ในพิธีสำคัญทางศาสนา และทานกันในช่วงเทศกาลรอมฎอน

เห็นหน้าตาของขนมน่าทานแบบนี้ใครอยากลองทำทานเอง วันนี้ทางโรงแรมริชมอนด์ก็เผยสูตรมาให้ด้วย แต่ถ้าใครไม่อยากทำเอง ก็ไปได้ที่งาน World Sweets 2010 ณ ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัล (แจ้งวัฒนะ) ที่บูธของทางโรงแรมฯ ตั้งแต่วันที่ 20 - 26 กันยายน 2553 ได้เลย จะได้ไปลองลิ้มรสกับขนมหวานต้นตำรับของประเทศตุรกีแน่นอน

ส่วนผสม

แป้งฟิโล (phyllo/fillodough)     1 กล่อง
ถั่วอบต่างๆ              21/2 ถ้วย
น้ำตาลทราย             25 กรัม  ( อาจใช้น้ำตายทรายแดงแทนได้)
ผงอบเชย (Cinnamon)         1/2 ช้อนชา
เนยจืดละลาย            120 กรัม



ส่วนผสมของน้ำราด



1. น้ำเปล่า             3/4 ถ้วย
2. น้ำผึ้ง                 1/2 ถ้วย
3. น้ำตาลทรายแดง         90 กรัม
4. น้ำเลมอน             1 ช้อนโต๊ะ
5. ผิวเลมอนขูดเป็นเส้นใหญ่     5-6 ชิ้น

6. ก้านอบเชย             1 ก้าน


นำส่วนผสมใส่หม้อตั้งไฟอ่อนเคี่ยวให้ส่วนผสมละลาย เป็นสีน้ำตาลสวยงาม หมั่นชิมเสมอ อย่าให้มีรสขมที่เกิดจากน้ำตาลไหม้ (caramelizing) เด็ดขาด พอเสร็จแล้วก็พักไว้ให้เย็นสักครู่

วิธีทำ

1. เริ่มต้นด้วยการนำถั่วทั้งหมดปั่นแบบหยาบ จากนั้นนำน้ำตาลทรายแดง (ควรเป็นแบบหยาบเช่นกัน) และผงอบเชย คลุกเคล้าให้เข้ากัน อาจจะเอาไม้พายตำให้น้ำตาลแหลกหน่อยก็ได้ คลุกเคล้าส่วนผสมให้เข้ากัน หมักไว้ 7-10 วัน

2. นำแป้งฟิลโล วางแผ่ไว้ แล้วนำผ้าสะอาดชุบน้ำหมาด ๆ วางคลุมไว้กันไม่ให้แป้งแห้ง และจากนั้นก็หาภาชนะสำหรับอบ และนำแป้งฟิลโล ตัดให้เท่ากับขนาดของภาชนะอบ  ต่อจากนั้นก็นำถาดอบมาทาเนยเหลว ทำแบบนี้ไปซ้ำๆ กัน จนครบ 8 ชั้น  และแต่ละชั้น ควรทาเนยบนแป้งฟิลโลทุกครั้ง อย่าลืมเด็ดขาด

3. นำถั่วบดหยาบที่ผสมไว้เรียบร้อยแล้วในขั้นตอนแรก เทโรยลงไปพอเหมาะ เกลี่ยให้เรียบร้อยเสมอกัน และกดเบา ๆ เพื่อไล่ฟองอากาศออก ทำแบบนี้ซ้ำ ๆ กันจนถั่วครบ 3 ชั้น และแป้งครบ 4 ชั้น กดมีดลงไปอย่างเบามือตัดเป็นรูปแบบ Diamond หรือจะตัดแบบปกติ (แบบสี่เหลี่ยม) นำเข้าอบในเตาอบ ที่อุณหภูมิ 180องศาเซลเซียส เป็นเวลา 40-43นาที

4.พอขนมอบเสร็จเรียบร้อย ให้ใช้มีดตัดตามรอยอีกครั้ง จากนั้นก็เทน้ำราดลงไปให้ทั่วทั้งถาดแล้วทิ้งไว้สักพัก แล้วแต่ความชอบว่าจะให้มันซึมเข้าเนื้อ หรือแค่มีรสชาติหวานพอเป็นพิธี ถ้าจะให้อร่อยเข้มข้นควร ทิ้งไว้สัก 2-5 ชั่วโมง



เคล็ดลับความอร่อยBaklava เป็นขนมที่หวาน ควรกินคู่กับ ชาฝรั่ง (Earl Grey, Darjeeling ฯลฯ) หรือกาแฟนมเพื่อดื่มด่ำให้ถึงรสชาติของความสุขหรือจะกินไป จิบชาไป และสูบบารากุไปด้วยก็ยิ่งได้อรรถรสมากขึ้น

//www.thairath.co.th/content/life/111923

Credit : //www.thairath.co.th/


Create Date : 19 กันยายน 2553
Last Update : 21 ธันวาคม 2556 5:12:09 น. 0 comments
Counter : 1366 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Turtle Came to See Me
Location :
พัทลุง Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]





★ที่มา ล็อกอิน ★Turtle Came to See Me ★( บทกวี Poem )
เป็นหนังสือ สำหรับเยาวชน
★Turtle Came to See Me
แต่งโดย :Margrita Engle
★★★★



BlogGang Popular Award #11

BlogGang Popular Award #12
Friends' blogs
[Add Turtle Came to See Me's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.