ที่ประชุมร่วมรัฐสภา ปิดอภิปราย "เขาพระวิหาร" ไม่มีการลงมติตามมาตรา 179 หลังใช้เวลานานกว่า 15 ชม."ทูตวีรชัย"ลุกชี้แจงสอนมวย "ศิริโชค" อ้างแผนที่ 1 ต่อ 2 แสนของเขมรชี้ไทยเสียดินแดน ทำการเจรจาของไทยในอนาคตยากขึ้น และเป็นการทำร้ายประเทศอย่างใหญ่หลวง...

เมื่อเวลา 01.35 น. วันที่ 14 พ.ย. ที่ประชุมร่วมรัฐสภา ได้ปิดการอภิปรายทั่วไป ตามที่รัฐบาลขอเปิดประชุม โดยไม่มีการลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 179 ให้คณะทำงานในคดีปราสาทเขาพระวิหารได้เข้ารายงาน และวิเคราะห์ผลการตัดสินของศาลโลกต่อรัฐสภา และให้ประชาชนได้รับทราบโดยทั่วกัน เพื่อไม่ให้มีการตีความสับสนในผลคำตัดสินของศาลโลก ซึ่งก่อนการปิดประชุมส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการประท้วงนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กรณีถูกพูดพาดพิง

สำหรับการประชุมดังกล่าว ได้เริ่มตั้งแต่เวลา 09.30 น.วันที่ 13 พ.ย. แม้ว่าก่อนเข้าสู่วาระการประชุมทางส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้เลื่อนการประชุมครั้งนี้ออกไปก่อน เพราะเห็นว่ายังไม่มีความพร้อม เช่น การยังไม่ได้ดำเนินการแปลคำพิพากษาศาลโลกเป็นภาษาไทย สถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ไม่มีการถ่ายทอดสด และน.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังไม่เข้าร่วมประชุม แต่ที่สุดแล้วที่ประชุมรัฐสภามีมติ 304 ต่อ 90 เสียงให้ดำเนินการประชุมรัฐสภาตามปกติ  โดยมีส.ส. และ ส.ว.ร่วมอภิปรายเป็นจำนวนมาก รวมถึงนายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทยประจํากรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในฐานะหัวหน้าทีมกฏหมายต่อสู้คดีเขาพระวิหาร ได้เข้าร่วมชี้แจง

ทั้งนี้ เวลาประมาณ 23.50 น. นายวีรชัย ได้ลุกขึ้นชี้แจงกรณี นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้นำแผนที่แสดงปริมาณพื้นที่ ซึ่งอ้างว่านักวิชาการส่วนตัวใช้เวลา 48 ชม. และได้ชี้ว่าไทยต้องเสียดินแดนจากคำพิพากษาศาลโลก อยู่ระหว่าง 0.3 –2 ตารางกิโลเมตร จากแผนที่ 1 ต่อ 2 แสนของกัมพูชา โดยระบุว่า ขอชื่อชมนายศิริโชค ที่อ้างว่านักวิชาการส่วนตัวสามารถตีความศาลโลก ในวรรคที่ 98  ได้ภายใน 48 ชั่วโมง เพราะตนและคณะทำงานระดับโลกที่เก่งที่สุด ทำงานมาหลายปี นับจากวันที่ 11 พ.ย. มาจนวันนี้ยังไม่กล้าสรุปชี้ชัดในประเด็นนี้

พร้อมระบุว่า ตามที่นายศิริโชค อ้างเป็นการตั้งสมมติฐานที่ผิดตั้งแต่แรก การอ้างแผนที่ 1 ต่อ 2 แสนของกัมพูชา จะทำให้งานยากขึ้นจากการกระทำของนายศิริโชค จึงขอสงวนสิทธิแทนประชาชนไทย และประเทศไทย ว่า ไม่ใช่การยอมรับของประเทศไทย เป็นเพียง 1 คนในรัฐสภานี้เท่านั้นที่พูด เพราะคนที่จะทำให้มีผลผูกพันธ์ได้ คือนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศเท่านั้น จึงขอให้ที่ประชุมแห่งนี้บันทึกไว้ว่า จะไม่ผูกพันธ์กับประเทศไทย เพราะจะทำให้การเจรจาของไทยในอนาคตยากขึ้น และเป็นการทำร้ายประเทศไทยอย่างใหญ่หลวง.