'อภิสิทธิ์' ชวนคนออกมาแสดงพลังต้าน พ.ร.บ.นิรโทษสุดซอย ยืนยันจะต่อสู้ในเวทีสภาต่อ ยังมีหนทางที่จะชนะอย่าท้อแท้ ชี้ การออกกฎหมายนี้เท่ากับประกาศว่าประเทศไทยฆ่าคนได้อย่างสุดจริต และยังทำให้ประเทศล้าหลัง ทั้งที่รัฐบาลควรไปดูแลประชาชน...

เมื่อวันที่ 1 พ.ย.2556 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวบนเวทีการชุมนุมต่อต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม บริเวณสถานีรถไฟสามเสน ว่า ขอเป็นหนึ่งในผู้ที่ต่อต้านกฎหมายนิรโทษกรรม และพร้อมที่จะต่อสู้เพื่อความถูกต้อง รวมถึงตนขอเป็นกำลังใจให้กับทุกกลุ่มที่ออกมาต่อสู้  ส่วนตัวไม่เห็นด้วยหากกฎหมายนี้ออกมา เพราะจะทำลายสังคมที่เคารพกฎหมาย หลักนิติรัฐ นิติธรรม  แต่ถ้าหากใครมีความคิดแสดงออกทางการเมือง และกระทำผิดอันนี้นิรโทษกรรมได้ แต่คนที่ทำความผิดกฎหมายอาญานิรโทษกรรมไม่ได้ สำหรับกลุ่มคอยกดดันให้ยอมรับการนิรโทษกรรม เตรียมตัวผิดหวัง เพราะผลประโยชน์ส่วนรวมมาก่อนส่วนตัว ไม่มีประเทศใดที่ปล่อยให้การฆ่าคนเป็นเพียงการแสดงออกทางการเมือง เนื่องจากขัดกับหลักสิทธิมนุษยชน

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า กฎหมายนิรโทษกรรมในครั้งนี้ เป็นการเอาประชาชนมาบังหน้า และต้องการช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จึงนำ พ.ร.บ.นิรโทษแบบเหมาเข่งเข้าสภา ขณะที่ในชั้นกรรมาธิการในการแก้ไขกฎหมาย ได้มีความพยายามแปลยัตติกฎหมาย พ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยการเพิ่มเนื้อหาให้นิรโทษกรรมถึงผู้ที่ทุจริตได้ และความผิดทางอาญา ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือเป็นการประกาศว่า ประเทศไทยสามารถฆ่าคนได้อย่างสุจริต เพราะเมื่อได้อำนาจก็สามารถออกกฎหมายล้างผิดได้ ดังนั้น วันนี้ต้องพิสูจน์ความจริง

ส่วนตัวพร้อมจะสู้พร้อมถูกประหารและติดคุก หากศาลมีการตัดสินเพื่อรักษาบ้านเมือง ไม่ยอมหนีไปต่างประเทศ แม้จะมีการอ้างว่าเป็นช่วยเหลือตนและนายสุเทพ แต่ตนต้องการให้ไปสู้ในชั้นศาล และไม่ยอมที่จะลงคะแนนเห็นด้วยกับกฎหมาย นิรโทษกรรม แต่ส.ส.พรรคเพื่อไทยกลับมีการลงคะแนนเห็นด้วยกับการนิรโทษกรรม แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลจะช่วยเหลือคนผิดที่ฆ่าประชาชน ทั้งที่ ควรเอาเวลามาแก้ปัญหาให้ประชาชน เพราะการนิรโทษกรรมให้คนผิดทำให้ประเทศล้าหลัง ทั้งที่ประเทศควรเดินหน้าได้แล้ว อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันจะต่อสู้ในเวทีสภาต่อไป และขอประชาชนอย่าท้อแท้ ยังมีหนทางที่จะชนะ พร้อมเชิญชวนทุกคนให้ออกมาแสดงตนว่าไม่ต้องการกฎหมายนิรโทษกรรม และไปบอกต่อกับ ส.ว.ที่รู้จัก ให้ต่อต้านกฎหมายล้างผิด พร้อมกับยืนยันการชุมนุมครั้งนี้ ปราศจากอาวุธ ชุมนุมโดยสงบ.