พระเครื่อง : แหล่งข้อมูลบทความพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง และวัตถุมงคล
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2556
 
8 กรกฏาคม 2556
 
All Blogs
 
ล้างคราบโกง หรือ สร้างภาพ

ล้างคราบโกง หรือ สร้างภาพ

กระบวนท่า “ยิ่งลักษณ์” จุดพลุหยุดคอรัปชันอีกรอบ

ขึงขัง มุ่งมั่น เอาจริงเอาจัง

กับฉากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำทีมรัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ ร่วมประกาศเจตนารมณ์ “เดินหน้า...หยุดคอรัปชัน” ในการบริหารประเทศ เพื่อให้การดำเนินงานของรัฐบาลเป็นไปอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

ตามยุทธศาสตร์และแผนงานเชิงรุกในการต่อต้านการทุจริต

ด้วยการกำหนดหลักการเพื่อส่งเสริมผลักดันให้หน่วยงานภาครัฐเปิดเผยข้อมูลในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างทุกขั้นตอนตามที่กฎหมายกำหนดอย่างเป็นรูปธรรม และให้มีการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันต่อผู้เสนอราคาหรือผู้เสนองานทุกราย เพื่อสร้างความโปร่งใสและเที่ยงธรรม

โดยเฉพาะการเปิดให้บุคคลจากภาคส่วนต่างๆที่ผ่านการฝึกอบรมและได้รับการรับรองสามารถเข้ามาเป็นผู้สังเกตการณ์ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เพื่อทำหน้าที่สอดส่อง สังเกตการณ์และเสนอแนะให้การจัดซื้อจัดจ้างเป็นไปโดยสุจริต ซึ่งสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของมาตรา 23 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2556

นอกจากนี้ยังจัดให้มีคณะกรรมการขึ้นหนึ่งชุด เพื่อทำหน้าที่ ขับเคลื่อนการเสริมสร้างความโปร่งใสในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ โดยกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการการคัดเลือก คุณสมบัติ บทบาทหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้สังเกตการณ์ จัดทำบัญชีรายชื่อผู้สังเกตการณ์ ซึ่งมีตัวแทนจากทุกภาคส่วนแยกตามรายสาขาวิชาชีพ และประกาศบัญชีรายชื่อดังกล่าวให้สาธารณชนรับทราบ

รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการคัดเลือกโครงการที่เข้าข่ายใน การเปิดให้มีผู้สังเกตการณ์เข้าร่วมในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ซึ่งจะ เป็นโครงการที่เป็นภารกิจหลักของหน่วยงาน โครงการที่มีวงเงินงบประมาณสูงหรือโครงการที่สาธารณชนให้ความสนใจ

“ยิ่งลักษณ์” ประกาศเลยว่า นับจากนี้ไปรัฐบาลจะเพิ่มความเข้มข้นและวางขั้นตอนการแก้ไขปัญหาทุจริตคอรัปชันให้อยู่ในมาตรฐานสากล

และหากพบการทุจริตไม่ว่ากรณีใดๆ รัฐบาลจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างไม่ละเว้น

กางแผนปฏิบัติชัดเจน มองเห็นเป็นรูปธรรม

เบื้องต้น โดยเจตนารมณ์ต้องถือว่า เป็นความตั้งใจดีที่นายกรัฐมนตรีและภาครัฐตื่นตัว มุ่งมั่นเอาจริงเอาจังกับการต่อต้านการทุจริตคอรัปชัน

ในสถานการณ์ที่ประเทศไทยถูกจัดลำดับความโปร่งใสอยู่อันดับที่เกือบร้อยของโลก

แต่แน่นอน อีกมุมหนึ่งมันก็ถูกมองเป็นยุทธศาสตร์การตลาด แค่จังหวะกระตุกกระแสที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยกำลังเผชิญแรงเสียดทานจากปมทุจริตคอรัปชัน

นั่นก็เพราะการประกาศหยุดคอรัปชันเกิดขึ้นภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีชุดใหม่นัดแรก หลังจากการปรับ ครม.อันมีผลพวงมาจากแรงสั่นสะเทือนจากปมทุจริตโครงการรับจำนำข้าว

และตามพันธะสัญญาก็อย่างที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์ประกาศในนาม ครม.ชุดใหม่

“รัฐบาลมั่นใจว่า คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่นอกจากจะมีความรู้ความสามารถเหมาะสมกับตำแหน่งในแต่ละกระทรวงแล้ว ทุกท่านยังมีความตื่นตัวในการที่จะร่วมแรงร่วมใจกันต่อต้านและปราบปรามการทุจริตคอรัปชัน เพื่อสร้างมิติใหม่ให้เป็นคณะรัฐมนตรีที่ยึดมั่นในความถูกต้องชอบธรรม

ทั้งนี้ จะทำงานประสานความร่วมมือกับข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยเฉพาะหัวหน้าส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ตลอดจนตัวแทนภาคประชาชนให้เข้ามามีส่วนในการพัฒนาประเทศ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ภาพลักษณ์คอรัปชันของประเทศไทยดีขึ้นเป็นที่ยอมรับในระดับสากลได้”

เป็นนัย ครม.ชุดใหม่จะเริ่มต้นด้วยความโปร่งใส ถือเป็นนิมิตหมายใหม่

แต่ถ้ายังจำกันได้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรก

ย้อนไปก่อนหน้านี้เมื่อปีที่แล้ว ก็มีฉากลักษณะเดียวกันที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์นำทีม 35 รัฐมนตรี ร่วมกันประกาศเจตนารมณ์การไม่ทุจริตคอรัปชัน พร้อมทั้งเปิดศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตคอรัปชัน ในการเป็นประธานเปิดโครงการ “ประเทศไทยก้าวไกล ไร้ทุจริตคอรัปชัน” ของรัฐบาล ที่จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.)

ครั้งนั้นนายกรัฐมนตรีได้ประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจริตภาครัฐ ต่อหน้าหัวหน้าส่วนราชการ ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บริหารการเปลี่ยนแปลงระดับกรมและจังหวัด ผู้แทนองค์กรอิสระ ผู้แทนภาคท้องถิ่น ผู้แทนภาคเอกชน ผู้แทนภาคสื่อมวลชน คณะผู้แทนทางการทูตในประเทศไทย ผู้แทนองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศ และผู้แทนหอการค้าต่างประเทศในเมืองไทย

เป็นประเด็นข่าวใหญ่ ตื่นตาตื่นใจกันมาแล้วรอบหนึ่ง

แต่เรื่องของเรื่อง ก็ฮือฮากันเฉพาะวันจัดงานอีเวนต์โชว์สื่อแล้วก็หายไป กระแสการทุจริตคอรัปชันก็กลับมาปกคลุมประเทศไทยเหมือนจอกแหนในบ่อน้ำ

ไม่มีทางย่อยสลาย ปราบปรามกันง่ายๆ

ที่แน่ๆช่วงปีหลังๆของรัฐบาล ประเด็นการชักหัวคิวกลายเป็นเรื่องธรรมดาที่รู้กันในวงการผู้รับเหมาประมูลงานหน่วยรัฐ โดยเฉพาะตัวละครอย่างเจ๊ “ด” ที่โด่งดังมากๆ โผล่ไปเกี่ยวโยงกับโครงการแทบจะทุกกระทรวง สลับกับ “นายหน้า” ที่อ้างคำสั่งตรงจากคนเมืองนอก ส่งมาคุมบ่อเงินบ่อทองในกระทรวงต่างๆ

ขณะที่รัฐมนตรีเป็นเพียงตุ๊กตา มีหน้าที่แค่ตัดริบบิ้นเปิดงาน เท่านั้น

และจากปรากฏการณ์ที่ตอนแรกรับรู้กันในวงการ แต่ภายหลังมีการแฉจากพ่อค้านักธุรกิจที่ออกมาโวยวาย สอดรับกับข้อมูลที่ฝ่ายค้าน พรรคประชาธิปัตย์แฉประจาน กระแสแพร่กระจายออกมาภายนอก

สังคมร่วมรับรู้ถึงพฤติกรรมส่อไม่โปร่งใส

กระแสหวาดระแวง ความไม่ไว้วางใจที่มีต่อรัฐบาลเริ่มขยายวงกว้าง

ตามปรากฏการณ์สะท้อนจากโพลสำรวจความคิดเห็นโครงการรับจำนำข้าวที่ตัวเลขออกมาประชาชนเกินกว่าร้อยละ 80 เชื่อว่ามีการทุจริตจริง

เครดิตด้านความโปร่งใสของรัฐบาลแทบไม่เหลือ

ซึ่งนั่นก็ส่งผลให้คะแนนนิยมของนายกฯ ยิ่งลักษณ์ที่เคยพุ่งติดเพดาน ลดลงฮวบฮาบ สถานการณ์รัฐบาลเข้าสู่ภาวะขาลงก่อนห้วงเวลาที่คาดการณ์กันไว้

และไม่ใช่แค่นั้น กระแสทุจริตคอรัปชันยังส่งผลถึงโปรแกรมบริหารโครงการสำคัญๆที่รัฐบาลกำหนดไว้ ทั้งเมกะโปรเจกต์ บริหารจัดการน้ำมูลค่า 3.5 แสนล้านบาท ที่โดนกลุ่มเอ็นจีโอและแนวร่วมฝ่ายต้านรัฐบาลเดินหน้าสกัด ตั้งแง่ปมบริหารจัดการไม่โปร่งใส

ในที่สุดศาลปกครองก็มีคำสั่งให้รัฐบาลชะลอโครงการออกไป โดยให้กลับไปทำประชาพิจารณ์ ผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนก่อนเพื่อความรอบคอบ

ผลสะเทือนลามต่อเนื่องมาถึงโครงการเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท เพื่อพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคม ก็ส่อเค้าว่าจะสะดุด จากกรณีที่นายคณิต ณ นคร ประธานกรรมการปฏิรูปกฎหมายฯ ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี และประธานสภา เตือนว่า ร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ส่อขัดรัฐธรรมนูญว่าด้วยการคลังและงบประมาณ

รัฐบาลเจอตอ สะดุดหัวทิ่มหัวคะมำ

สถานการณ์ส่อเค้าว่า จะเดินหน้าบริหารต่อไปด้วยความยากลำบาก

ตามเหลี่ยมเซียนการตลาด นายกฯยิ่งลักษณ์จึงต้องนำทีมรัฐมนตรีชุดใหม่ประกาศเดินหน้าหยุดคอรัปชัน เพื่อกระตุกกระแส ฟื้นเครดิตรัฐบาลกลับมา

ซึ่งก็น่าสนใจว่า จะได้ผลมากน้อยแค่ไหน

ในเมื่อฉากงานอีเวนต์ของผู้นำหญิง กับ “พฤติกรรมสะสม” ของคนแวดวงใกล้ชิดมันสวนทางกันอยู่

“ปู กรรเชียง” ออกตัวยาก ล้างคราบลำบาก

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าพฤติกรรมการทุจริตคอรัปชันจะไม่ประสบความสำเร็จ ถ้าเป็นเรื่องของฝ่ายถืออำนาจรัฐเพียงลำพัง มันต้องเป็นความร่วมมือกันทุกฝ่าย

เป็นเรื่องสมยอมกันของนักการเมือง พ่อค้านักธุรกิจ และข้าราชการ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นว่ากันตามเงื่อนไข ในส่วนของพ่อค้านักธุรกิจต้องถือว่าอยู่ปลายทางของกระบวนการงาบหัวคิวงบประมาณ

นั่นก็เพราะถ้าไม่สมยอมตามก็ไม่ได้งาน ธุรกิจก็อยู่ไม่ได้

เช่นเดียวกันกับสถานะของข้าราชการ ถ้าไม่ทำตามใบสั่งนักการเมือง ก็อยู่ลำบาก ไม่เจริญก้าวหน้าในตำแหน่งการงาน จำเป็นต้องเล่นลูกตามน้ำ

จุดสำคัญสุดมันจึงอยู่ที่นักการเมือง ฝ่ายถืออำนาจรัฐที่คุมเกมนั่นแหละตัวการใหญ่

ไม่เช่นนั้นคงไม่มีปรากฏการณ์ของ “ธุรกิจการเมือง” ที่ฟูเฟื่องขึ้นมา นับตั้งแต่ยุคที่อดีตพรรคไทยรักไทยเรืองอำนาจเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

เริ่มตั้งแต่การตั้งพรรคหรือกลุ่มการเมือง ทุ่มทุนระดม ส.ส.เข้าสังกัดเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจรัฐ วางเกมบริหารแบบซับซ้อน เข้าลักษณะทุจริตเชิงนโยบายให้ยากต่อการเอาผิดทางกฎหมาย

แล้วก็ใช้อำนาจรัฐเอื้อประโยชน์ธุรกิจกลุ่มทุนการเมือง

จากอดีตที่สินบนเป็นแค่เรื่องน้ำใจ พัฒนาเรื่อยมาเป็นการชักหัวคิว 5 เปอร์เซ็นต์ หนักขึ้นเป็น 10 เปอร์เซ็นต์ 20 เปอร์เซ็นต์ ล่าสุดขูดกันเลือดสาด 30 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป

ฟาดกันคำโตๆเป็นล่ำเป็นสัน

จากตัวเลขสิบล้าน ร้อยล้าน พัฒนาการเป็นหลักหมื่นล้าน แสนล้าน

แต่ไม่ว่าจะพัฒนาการไปไกลแค่ไหน ธุรกิจการเมืองก็วนกลับมาในรูปแบบของ “บริษัทจำกัด”

แม้แต่การปรับ ครม.ครั้งล่าสุด ก็มีเสียงซุบซิบไม่เว้นในหมู่คนของพรรคเพื่อไทยเองที่มองว่ามีการรวบโควตารัฐมนตรีของภาคต่างๆ รวมทั้งกลุ่มก๊วนในพรรคไปไว้ในโควตากลาง

จัดแบ่งกันในหมู่คนของตระกูล

ซึ่งแน่นอน เมื่อไล่กันตามเส้นทางธุรกิจการเมืองในรูปแบบ “บริษัทจำกัด” จะเห็นได้ว่า มันส่ายมาตั้งแต่ระดับหัว จึงเป็นเรื่องป่วยการที่จะจัดฉากหยุดคอรัปชัน

สร้างภาพคุมตรงส่วนหางไม่ให้กระดิก

เรื่องของเรื่อง ไม่ใช่แค่เสียงขู่ของฝ่ายตรงข้ามที่บอกว่าปมทุจริตจะเป็นจุดตายของรัฐบาล

แม้แต่นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำเสื้อแดง นปช.ก็ออกมาเตือนกันชัดๆรัฐบาลต้องไม่ทุจริตคอรัปชัน คนเสื้อแดงจะเจ็บปวดมาก เพราะรัฐบาลอาจล้มเองหากไม่ซื่อสัตย์สุจริต และเท่ากับล้มเส้นทางทั้งหมดที่ประชาชนร่วมต่อสู้มาด้วยชีวิต เลือดเนื้อ และคราบน้ำตาเพื่อให้ได้รัฐบาลของประชาชน

คนกันเองกระตุกมันยิ่งมีน้ำหนักไม่ธรรมดา

เอาเป็นว่า โดยภาวะอันตราย ตามธรรมชาติกระแสทุจริตคอรัปชันจะเป็นชนวนให้ฝ่ายต้านรัฐบาล นำไปสู่การปฏิวัติรัฐประหารในตอนจบทุกครั้ง

นี่คือจุดเสี่ยงของรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์”

แต่สำหรับประชาชนคนไทย เชื้อร้ายคอรัปชันคงไม่จบที่การเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ เพราะถึงจะพลิกขั้วพลิกข้างก็หนีไม่พ้นขบวนการโกงอยู่ดี ขึ้นชื่อว่านักการเมืองก็แสบด้วยกันทั้งนั้น

มันสำคัญที่การปลูกฝังจิตสำนึก ก่อนอื่นใดคนไทยต้องไม่สนับสนุนการเมืองระบบอุปถัมภ์ ทำให้เกิดวงจรอุบาทว์ ลงทุนซื้อเสียงเลือกตั้งเพื่อให้ได้อำนาจรัฐ กลับไปถอนทุน

เพราะปราบโกงยังไงก็ไม่หมด ถ้าไม่มีมาตรการทางสังคมกดดัน.




Create Date : 08 กรกฎาคม 2556
Last Update : 8 กรกฎาคม 2556 1:01:25 น. 0 comments
Counter : 848 Pageviews.

amulet108
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 96 คน [?]








Friends' blogs
[Add amulet108's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.