'โทนี แบลร์' ร่วมปาฐกถาพิเศษ สนับสนุนไทยสร้างความปรองดอง ยืนยันไม่ได้ถูกจ้างมา ชี้ปัญหาในไทย ต้องแก้ด้วยคนไทย พร้อมย้ำการสร้างปรองดองต้องมาจากประชาธิปไตยที่แท้จริง...
เมื่อวันที่ 2 ก.ย. 56 ที่โรงแรมพลาซ่าแอทธินี หลังจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวปาฐกถาพิเศษ "Uniting for the Future : Learning from each other's experience" ครั้งที่ 1 หรือ "ผนึกกำลังสู่อนาคต : เรียนรู้ร่วมกันจากประสบการณ์" แล้ว นายโทนี แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร ได้กล่าวปาฐกถาโดยสรุปใจความว่า การเดินทางมาร่วมปาฐกถาพิเศษที่ประเทศไทยครั้งนี้ ไม่ได้โดนจ้างให้มาร่วมงาน เหตุผลที่เดินทางมาเพราะว่าถูกเชิญมา และเชื่อมั่นในกระบวนการปรองดอง โดยย้ำว่า ปัญหาในประเทศไทย ต้องแก้ด้วยคนไทยเท่านั้น คนนอกไม่เกี่ยว เพียงแต่จะเข้ามาเล่าประสบการณ์ และกระบวนการว่าเคยทำอย่างไรบ้าง ทั้งนี้การสร้างความปรองดองจะต้องสร้างให้เกิดโอกาสอันยิ่งใหญ่ให้กับทุกคนได้แบ่งปันร่วมกัน เพื่อทำให้ทิ้งผลประโยชน์ส่วนตนไว้ก่อน แต่อย่างไรก็ตาม การทำให้คนเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับอดีต เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก ดังนั้นจะต้องทำให้ทุกคนหันมาสร้างอนาคตใหม่ร่วมกันแทน นั่นคือหนทางที่จะออกจากความขัดแย้ง คือต้องมองอนาคตร่วมกัน
"การปรองดองจะต้องมาจากประชาธิปไตยที่แท้จริง ที่ทำให้ทุกภาคส่วนในสังคมได้รับความเท่าเทียมกัน ไม่แบ่งแยกเชื้อชาติ ศาสนา และสันติภาพจะเกิดขึ้นได้ เมื่อทุกฝ่ายมองเห็นรางวัลที่วางอยู่ในเบื้องหน้า ประชาธิปไตย ไม่ใช่แค่การเลือกตั้ง และคำว่าประชาธิปไตย ไม่ได้หมายถึงอำนาจของพรรคการเมืองหนึ่ง แต่จะต้องสร้างโอกาสให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมในสังคม ในระบอบประชาธิปไตยจะต้องทำให้ระบบกฎหมายมีความน่าเชื่อถือเป็นธรรม เพื่อที่คนในสังคมจะได้ยอมรับการบังคับใช้กฎหมายนั้นๆ การปรองดองจะเกิดขึ้นได้เมื่อการเมืองสามารถนำมาได้ซึ่งนโยบายที่เป็นผลประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง ส่วนความโปร่งใส ความธรรมาภิบาลของรัฐบาลที่ขึ้นมาบริหารประเทศ จะเป็นการสร้างความมั่นใจให้ประชาชน และนำไปสู่ความปรองดองง่ายขึ้น"
อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร ยังกล่าวอีกว่า การปรองดองจะเกิดขึ้นได้ เมื่อรัฐบาลสามารถที่จะดำเนินการในสร้างความเป็นอยู่ให้กับประชาชนทุกหมู่เหล่าดีขึ้น ด้วยความโปร่งใส และเราอาจจะไม่เชื่อในการปรองดอง แต่อย่างน้อยต้องมีการเริ่ม อย่าเพิ่งท้อ แม้จะมีความแตกต่างแค่ไหน แต่จะต้องใช้ความพยายาม และนักการเมืองที่มีความตั้งใจในการนำไปสู่ความปรองดองเพื่อคนทั้งประเทศ.