BlogGang.com : : amulet108 : ดีเอสไอแยกสำนวนคดี 99ศพ (รายงานพิเศษ)

ดีเอสไอแยกสำนวนคดี 99ศพ (รายงานพิเศษ)

ดีเอสไอแยกสำนวนคดี 99ศพ

รายงานพิเศษ

ภายหลังอัยการสูงสุด (อสส.) มีมติสั่งฟ้อง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ

ฐานร่วมกันก่อหรือใช้ให้ผู้อื่นกระทำผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จากการออกคำสั่งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน(ศอฉ.) สลายการชุมนุมช่วง เม.ย.-พ.ค. 2553

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีการเสียชีวิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐ ในเหตุการณ์สลายการชุมนุมปี"53 เมื่อวันที่ 29 ต.ค.

เพื่อหารือถึงการดำเนินการของดีเอสไอที่จะรองรับคำสั่งของอสส. และการดำเนินคดีที่ยังเหลือในมือ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

ธาริต เพ็งดิษฐ์

อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ

จากกรณีที่ อสส.ได้พิจารณาสำนวนการสอบสวนคดีพิเศษที่ 130/2553 ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ กรณีกล่าวหานายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ กรณีสั่งให้พนักงาน เจ้าหน้าที่ของ ศอฉ.ในขณะนั้น

ใช้อาวุธและกระสุนชนิดร้ายแรงเกินจำเป็น ในการขอคืนพื้นที่การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในเดือน เม.ย.-พ.ค.53 ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บนับพันคน

ซึ่งคดีนี้เป็นการตายของ นายพัน คำกอง ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ และการบาดเจ็บของนายสมร ไหมทอง ซึ่งคดีดังกล่าว อสส.ได้มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 2 คือ นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ ตามความเห็นของพนักงานสอบสวน

จึงเป็นสิ่งยืนยันได้ว่าคณะพนักงานสอบสวนได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาตามข้อเท็จจริง ตาม พยานหลักฐานและตามกฎหมาย

เมื่อพิจารณาภาพรวมจะพบว่าดีเอสไอได้ดำเนินคดีความไม่สงบในเหตุการณ์เดือน เม.ย.-พ.ค.53 อย่างเท่าเทียมและเสมอภาคทั้งสองฝ่าย คือ กลุ่มฮาร์ดคอร์ และฝ่ายผู้สั่งการ ศอฉ.

โดย อสส.มีความเห็นว่าการกระทำของผู้ต้องหาทั้งสองเป็นการกระทำเพียงกรรมเดียว แม้จะออกคำสั่งหลายครั้งในเวลาต่างกันโดยให้ปฏิบัติในพื้นที่ต่างกัน และผลจากการกระทำตามคำสั่งที่ต่อเนื่องกันมีเจตนาเดียวกันเพื่อสลายการชุมนุม

ดีเอสไอเคารพในความเห็นของพนักงานอัยการ แต่คณะพนักงานสอบสวนก็จะยืนยันในความเห็นเดิมที่ได้มีการดำเนินการไปแล้ว และกำลังดำเนินการอยู่คือการแยกสำนวนคดีทั้งข้อหาฆ่าคนตาย และข้อหาพยายามฆ่าคนตายเป็นรายคดีๆ ไป

เว้นแต่กรณีใดเหตุการณ์ในเวลาและสถานที่เดียวกันจึงจะรวมสำนวนเป็นหนึ่งคดี โดยเฉพาะคดีพยายามฆ่าคนตายนั้นมีผู้เสียหายมากถึง 1,000 ราย ซึ่งต้องเคารพในสิทธิ์ของผู้เสียหายที่สูญเสียญาติพี่น้อง หรือตัวเองได้รับบาดเจ็บที่ได้มาร้องทุกข์รายคดี

อีกประการหนึ่ง หากการไต่สวนของศาลในเหตุและพฤติการณ์ที่ทำให้การตายของผู้ตายแต่ละรายยังไม่เสร็จสิ้น การสั่งคดีเช่นนี้ก็อาจกระทบอำนาจศาลในคดีที่อยู่ระหว่างการไต่สวนได้

ปัจจุบันดีเอสไอได้ส่งสำนวนชันสูตรพลิกศพในคดีที่มีหลักฐานเชื่อว่าความตายเกิดขึ้นโดยการกระทำของเจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่าปฏิบัติตามหน้าที่ กลับไปให้พนักงานสอบสวนท้องที่พิจารณาส่งให้พนักงานอัยการทำคำร้องขอต่อศาล เพื่อทำการไต่สวนแล้วจำนวนทั้งสิ้น 52 ราย

ในจำนวนนี้ศาลมีคำสั่งแล้วและส่งกลับดีเอสไอ จำนวน 15 ราย ซึ่งมีสำนวนการไต่สวนที่ส่งกลับมายังดีเอสไอแล้ว จำนวน 13 ราย ทั้งนี้ ไม่รวมคดีข้อหาพยายามฆ่า ซึ่งมีผู้เสียหายอีกประมาณ 1,000 ราย

อย่างไรก็ตาม แม้พนักงานอัยการจะฟ้องคดีกับผู้สั่งการหรือผู้ก่อเป็นกรรมเดียวกัน แต่ก็ไม่ตัดสิทธิ์ผู้เสียหายที่ประสงค์จะแยกฟ้องเป็นรายคดีแต่ประการใด ซึ่งที่สุดแล้วการกระทำผิดในคดีนี้จะเป็นกรรมเดียวหรือหลายกรรม หลายวาระ ก็อาจจะต้องชี้ขาดในศาลยุติธรรม ในที่สุด

พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ

กรณีที่อัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหา คือ นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ ในคดีการตายของ นายพัน คำกอง ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ และการบาดเจ็บของนายสมร ไหมทอง พนักงานสอบสวนจะนำมาใช้เป็นแนวทางหรือโมเดลในการทำสำนวนคดีอื่นๆ ต่อไป

ขณะนี้สำนวนคดีที่อยู่ในมือของดีเอสไอที่ศาลมี คำสั่งออกมาและสํานวนถูกส่งกลับมาดีเอสไอแล้วมีจำนวนทั้งสิ้น 15 ราย ประกอบด้วย นายพัน คำกอง, ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ, นายชาญณรงค์ พลศรีลา, นายชาติชาย ซาเหลา, นายบุญมี เริ่มสุข, นายฟาบิโอ โปเลงกี, พลฯ ณรงค์ฤทธิ์ สาละ, นายรพ สุขสถิตย์, นายอัฐชัย ชุมจันทร์, น.ส.กมนเกด อัคฮาด, นายมงคล เข็มทอง, นาย สุวัน ศรีรักษา นายอัครเดช ขันแก้ว นายมานะ อาจราญ นายฐานุทัศน์ อัศวสิริมั่นคง

หมายเหตุ : ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมปี 53 ที่ดีเอสไอรับผิดชอบมี 89 ราย จากจำนวน ทั้งสิ้น 99 ศพ

ดีเอสไอสอบสวนแล้วส่งสำนวนต่อบช.น. สอบสวนเพิ่มเติม 52 ราย ในจำนวนนี้ศาลมีคำสั่งแล้ว 17 รายโดยมี 15 สำนวน ส่งกลับมายังดีเอสไอแล้ว

ที่เหลืออีก 37 รายอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวนตำรวจและอัยการคดีพิเศษ

ศาลมีคำสั่งแล้ว

และส่งกลับดีเอสไอ 15 ราย

นอกเหนือจากคดีนายพัน คำกอง และด.ช.คุณากร หรืออีซา มีอีก 13 ราย ที่ศาลมีคำสั่งและส่งสำนวนกลับดีเอสไอ

1. นายพัน คำกอง ถูกยิงเสียชีวิต 15 พ.ค. 2553 หน้าคอนโดฯ ไอดีโอ ใกล้แอร์พอร์ตลิงก์

2.ด.ช.คุณากร หรือ อีซา ศรีสุวรรณ ถูกยิงเสียชีวิต 15 พ.ค. 2553 บริเวณสถานีแอร์พอร์ตลิงก์ ถ.ราชปรารภ

3. นายชาญณรงค์ พลศรีลา อาชีพคนขับแท็กซี่ ที่ถูกยิงเสียชีวิตที่ซอยรางน้ำ วันที่ 15 พฤษภาคม 53 โดยขณะเกิดเหตุการณ์ผู้ตายได้ใช้หนังสติ๊กยิงสู้กับทหาร

4. นายชาติชาย ซาเหลา อาชีพรับจ้างขับรถชาว จ.สุรินทร์ ถูกยิง ช่วงค่ำวันที่ 13 พ.ค.2553 บริเวณด่านตรวจ ถ.พระราม 4

5. นายบุญมี เริ่มสุข ถูกยิงที่ย่านบ่อนไก่ วันที่ 14 พ.ค.2553 เสียชีวิตในเวลาต่อมาวันที่ 28 ก.ค.2553

6. นายฟาบิโอ โปเลงกี ช่างภาพชาวอิตาลี เสียชีวิตบริเวณถนนราชดำริ ขณะสังเกตการณ์ถ่ายภาพการสลายการชุมนุมวันที่ 19 พ.ค. 2553

7. พลทหาร ณรงค์ฤทธิ์ สาละ สังกัดกองพัน ทหารราบที่ 2 กองพลทหารราบที่ 9 จ.กาญจนบุรี เสียชีวิตบริเวณถนนวิภาวดีรังสิต หน้าอนุสรณ์สถานแห่งชาติดอนเมือง วันที่ 28 เม.ย.2553

8. นายมานะ อาจราญ เจ้าหน้าที่สวนสัตว์เขาดิน ถูกยิงเสียชีวิตวันที่ 10 เม.ย. ภายในสวนสัตว์เขาดิน

9.นายฐานุทัศน์ อัศวสิริมั่นคง หรือลุงคิม ถูกยิงวันที่ 14 พ.ค. หน้าธนาคารไทยพาณิชย์ บ่อนไก่ เป็นอัมพาตและเสียชีวิตวันที่ 23 ก.พ.2555

10. นายสุวัน ศรีรักษา อาชีพเกษตรกร

11. นายอัฐชัย ชุมจันทร์ บัณฑิตคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

12. นายมงคล เข็มทอง อาสามูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

13. นายรพ สุขสถิต พนักงานขับรถรับจ้างในสนามบิน

14. น.ส.กมนเกด อัคฮาด อาสาพยาบาล

15. นายอัครเดช ขันแก้ว อาชีพรับจ้างและอาสาพยาบาล

6 รายหลัง ถูกยิงเสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม วันที่ 19 พ.ค.2553

ศาลมีคำสั่งแล้ว

แต่ยังไม่ส่งกลับดีเอสไอ 2 ราย

1.นายจรูญ ฉายแม้น

2.นายสยาม วัฒนนุกูล

ทั้งสองถูกยิงเสียชีวิตวันที่ 10 เม.ย. 2553 หน้าโรงเรียนสตรีวิทยา ถ.ดินสอ

Create Date : 31 ตุลาคม 2556

Last Update : 31 ตุลาคม 2556 2:42:49 น.

0 comments

Counter : 1543 Pageviews.