"จุรินทร์" แจง 7 ข้อไม่เห็นด้วย กม.นิรโทษฯ เสียใจสภาฯลงมติไม่เลื่อนพิจารณา ซัดมีเจตนาบิดเบือนเขียนไม่ชัดเจนอาจไม่ครอบคลุมผู้กระทำผิด ม.112 ส่อเค้าขัด รธน. ด้าน "สมศักดิ์" สั่งปิดการประชุม นัดถกต่อพรุ่งนี้ 10.00 น. ...

เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 7 ส.ค. มีรายงานว่า ภายหลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ลงมติด้วยเสียงข้างมาก 301 เสียง ไม่เห็นชอบเลื่อนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับนายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ตามที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านเสนอ จากนั้นนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน ได้อภิปรายแสดงความเสียใจ ที่สภาฯมีมติดังกล่าว และนายกรัฐมนตรีไม่ได้เข้าร่วมประชุมเพื่อพิจารณากฎหมายสำคัญ พร้อมทั้งแสดงความกังวลต่อสถานการณ์บ้านเมือง ที่จะเกิดความขัดแย้งขึ้นหลังจากนี้ พร้อมได้อภิปรายเหตุผล 7 ข้อ ที่ไม่เห็นด้วยกับการออกกฎหมายนิรโทษกรรมดังกล่าว 1.กฎหมายฉบับนี้มีเจตนาบิดเบือนข้อเท็จจริง 2.มีการกล่าวอ้างเพื่อสร้างความปรองดอง แต่การออก พ.ร.บ.ฯกลับมีการเขียนหลักการที่ไม่ชัดเจน โดยไม่ระบุว่า จะครอบคลุมถึงกลุ่มที่ถูกดำเนินคดีก่อการร้าย และผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ด้วยหรือไม่

3.กฎหมายฉบับนี้ส่อต่อการขัดกับรัฐธรรมนูญ นิรโทษกรรมให้กับบุคคลที่ศาลตัดสินคดีว่า มีความผิดกรณีเผาศาลากลางจังหวัด รวมถึงทำให้รัฐต้องสูญเงินที่จะได้รับจากการชดใช้ของผู้กระทำความผิดจำนวนกว่า 243 ล้านบาท 4.กฎหมายฉบับนี้ทำลายหลักนิติรัฐ นิติธรรม และหลักสิทธิมนุษยชน ทำให้ผู้กระทำความผิดคดีอาญาได้รับการล้างผิด 5.เนื้อหาของกฎหมายฉบับนี้ ได้นิรโทษกรรมให้เฉพาะคนบางกลุ่ม โดยจากการตรวจสอบจำนวนผู้ต้องหาที่ถูกดำเนินคดีในขณะนี้ มีไม่ถึง 1,000 คน ตามที่พรรคเพื่อไทยกล่าวอ้าง 6.เห็นว่ากฎหมายฉบับนี้ จะเป็นบันไดขั้นแรกในการล้างผิดผู้ต้องหาคดีทุจริตเต็มรูปแบบในอนาคต โดยไม่มีหลักประกันว่า หลังรับหลักการในวาระหนึ่ง จะไม่มีความพยายามในการแปรญัตติ เพื่อให้ครอบคลุมกับคดีคอรัปชั่น และ 7.กฎหมายฉบับนี้ไม่ได้นำไปสู่การสร้างความปรองดองอย่างแท้จริง เพราะแค่นับหนึ่งก็มีการประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯแล้ว

 

นอกจากนี้ยังระบุว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่ปฏิบัติตามคำสัญญาที่เคยให้ไว้ในสภา ว่าจะนำแนวทางของ คอป.และสถาบันพระปกเกล้า ไปปฏิบัติด้วยการถามความเห็นจากกลุ่มที่มีความเห็นต่างเพื่อลดความขัดแย้ง อย่างไรก็ตาม ได้เรียกร้องให้ถอนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษฯ ออกจากสภาฯ เพื่อลดความขัดแย้ง โดยเฉพาะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นผู้มีบทบาททางการเมือง และมีเสียงข้างมาก เพื่อเห็นแก่หลักนิติรัฐ นิติธรรมของประเทศในระยะยาว

จากนั้นเป็นการอภิปรายสนับสนุนร่างกฎหมายฉบับนี้ โดยนายชวลิต วิชยสุต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่ระบุว่า ที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์มีการใช้ พ.ร.บ.นิรโทษฯ ในหลายรัฐบาล โดยให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่ายอย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ จึงพาประเทศไปสู่ความปรองดองได้

ขณะที่ นายสุรเชษฐ์ แวอาแซ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เสนอให้เลื่ิอนการพิจารณาไปเป็นสัปดาห์หน้า เนื่องจากวันพรุ่งนี้ (8 ส.ค.) เป็นวันฮารีรายอ ซึ่งถือเป็นวันสำคัญทางศาสนาของพี่น้องชาวมุสลิม ส่วนท่าทีของวิปทั้ง 2 ฝ่าย ได้ทำหน้าที่ของตนในการชี้แจงอย่างเต็มที่ โดยไม่มีการประท้วง ทำหน้าการอภิปรายเนื้อหาเป็นไปด้วยความราบรื่น และมีท่าทีอ่อนลงในการตกลงกรอบเวลาการอภิปราย แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปว่า จะมีการลงมติในวันนี้หรือไม่ เนื่องจากฝ่ายค้านมีผู้ประสงค์ขออภิปรายเป็นจำนวนมาก

 

ด้านนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวอภิปรายว่า แม้จะไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมให้ผู้กระทำความผิด แต่เห็นว่าหากไม่เริ่มนิรโทษในวันนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะไปเริ่มเมื่อใด แต่ทั้งนี้ต้องไม่มีการนิรโทษกรรม ให้ผู้กระทำความผิดตามมาตรา 112 เรื่องการหมิ่นสถาบัน พร้อมกันนี้ เห็นว่านายกรัฐมนตรีและผู้นำฝ่ายค้าน ควรมีการพูดคุยกันแปรญัตติวาระ 2 ให้ชัดเจน ว่าจะหาทางออกกันอย่างไร ไม่พูดภาพซ้ำ ทำให้ประชาชนรู้สึกเบื่อหน่าย ทั้งนี้ตนอยากเห็นการแก้ปัญหาโดยใช้ช่องทางสภาฯ ไม่ใช่นอกสภาฯ และซึ่งทุกฝ่าย ควรลดทิฐิ

จากนั้นมีการถกเถียงกันขึ้นถึงเรื่องการอภิปรายต่อ ทำให้ในเวลา 22.39 น. นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาฯ ได้สั่งปิดการประชุมสภาฯ และยกวาระกระทู้ถามสด เพื่อนัดประชุม พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯต่อเป็นวันที่ 2 ในวันพรุ่งนี้ 10.00 น.