จงให้ความสำคัญต่อสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่าสิ่งที่ถูกใจ
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2554
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
20 พฤษภาคม 2554
 
All Blogs
 
โอกาส

โอกาส ไม่ได้มีมาให้คุณเสมอไป

คนที่ชอบฉวยโอกาส เป็นคนไม่ดี จริงหรือ ?
ทำไมคนเราชอบมองคนอื่นว่าไม่ดี
แต่มองตัวเองว่า ดี เก่ง ไร้เทียมทาน เมื่อตัวเองประสบความสำเร็จ
ทั้ง ๆ ที่ อะไร ๆ ก็คือหัวโขน

ตื่นแต่เช้ามืด รีบปลุกลูก ๆ รีบหาอาหารให้ลูก และตัวเอง
ส่วนใหญ่ ทานไม่ทัน ก็เอามาทานกันในรถ
ส่งลูกไปโรงเรียน สายจนได้ ก็รถมันติด ฝนมันตก
พ่อแม่ก็เข้าทำงานสายไปด้วย เซ็นชื่อใต้เส้นแดงอีกแล้ว
ทำงานงก ๆ ทั้งวัน ผิดพลาดบ้าง ถูกหัวหน้าตำหนิอีก
อย่าหวังได้เงินเดือนขึ้นกับเขาเล้ย... แบบนี้

เข้าประชุม ประชุม ประชุม กันทั้งวัน จากห้องโน้น ไปห้องนั้น ไปห้องนี้
เอาเวลาที่ไหนไปจัดการกับไอ้ที่หัวหน้าสั่งไว้ ร้อยแปด พันเรื่อง !

พอสิ้นปี มีการประเมิน อ้าว ! ตกขบวนอีกแล้ว ตู !
คนขี้ประจบได้ไปแล้ว 2 ขั้น
ไอ้คนทำงานอย่างเรา งก ๆๆ ... อดตามเคย

อายุมากขึ้น ติดหนัก จะไปไหนที่ดีกว่านี้นะ
ทางเลือกชักจะตีบตัน ขืนเปลี่ยนงานตอนนี้ ลูกลำบากแน่ ๆ
เอา... อดทนมันต่อไป
ทำไปเรื่อย ๆ ... ไม่ผิดอะไรมาก เขาก็ไม่ถึงไล่ออกนะ
เดี๋ยวเกษียนแล้ว ได้เงินมากสักก้อน ค่อยคิดอีกที

นี่แหละ คือสิ่งที่คนทั่วไป ส่วนใหญ่คิด
ไม่กล้าเปลี่ยนแปลง
รู้สึกว่า ก็มันยังทนได้อยู่ เลยอยู่กันต่อไป... จนเกษียน 60


เราคิดกันแต่ปัจจุบัน เพราะภารกิจต่าง ๆ ประจำวัน ทำให้เราไม่มีเวลาคิดทบทวนว่า
ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ มันดีที่สุด หรือยัง ?

เมื่อเด็ก ๆ ผู้ใหญ่ชอบมาถามว่า โตขึ้นอยากเป็นอะไร ?
เออ... ใครเคยจำได้บ้าง ว่าเคยตอบกันไปว่า อยากเป็นอะไร

ส่วนตัวเราเอง จำไม่ได้ รู้แต่ว่า อยากให้พ่อแม่รัก เพราะเป็นลูกคนกลาง
พี่สาวคนโต เป็นคนสวย พ่อรักมาก เพราะเป็นลูกคนแรก
น้องชายคนเล็ก แม่ก็รักมาก และพ่อก็ดีใจว่า ได้ลูกชายสักคน

ลูกคนกลาง เป็นผู้หญิง สวยไม่เท่าพี่สาวคนโต ก็แฝดกับน้องชายนะแหละ
แต่ไง กลับไม่มีใครยินดีเมื่อเกิดมา
พ่อเคยคิดจะยกเราให้เจ้านาย เพราะเจ้านายไม่มีลูก
แต่แม่เราไม่ยอมด้วย
เราก็เลยอยู่เป็นลูกสาวคนกลางที่ค่อนข้างจะดื้อ เป็นตัวของตัวเอง ไม่ชอบแต่งตัว
อยู่บ้านชุดไหน แม่ให้ออกไปด้วย ก็จะไม่ชอบไปเปลี่ยนชุดสวย ๆ กับเขา
น่าจะมีวีรกรรมหลายอย่าง (ที่จำไม่ได้) แต่จำได้ว่า ถูกแม่หยิกบ่อยมาก
คงเพราะดื้อ นี่ละมั้ง

แต่พอโตหน่อย ส่องกระจกดูตัวเองว่า สวยไม่เท่าพี่สาว
กลับบอกตัวเองได้ว่า ฉันต้องเป็นคนดี ผู้คนจะได้รักเรามั่ง
เออ.. คิดได้เองยังไงก็ไม่รู้
ตั้งใจเรียน แล้วเรียนได้ดีเสียด้วย
แต่พ่อบอก ไม่มีเงินส่งให้เรียนเมืองนอกนะ
ส่งได้แต่น้องชายคนเล็ก เพราะเขาต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวต่อไป
เสียสละให้น้องนะ เรากลับมาเรียนที่เมืองไทยแล้วกัน
เดี๋ยวแต่งงานแล้ว ผัวเลี้ยงเองแหละ จะได้ไม่ต้องเอาความรู้ไปไกวเปล
ลูกผู้หญิง ไม่ต้องเรียนสูง ๆ ก็ได้ รู้ภาษาต่างประเทศให้ดี ๆ เดี๋ยวก็หางานได้ง่าย ๆ
เอ้อ... พ่อนะพ่อ โบราณดีจัง

เออ..แต่พ่อก็พูดถูก เรื่องรู้ภาษาต่างประเทศดี ๆ ก็มีคนจ้างจริง ๆ
ในที่สุด ด้วยวุฒิการศึกษาที่ไม่ได้สูงอะไร ทั้งพี่สาวคนโต และเราเอง
ก็มีคนจ้างให้ไปทำงานจริง ๆ
ตอนนั้น คนรู้ภาษาต่างประเทศยังมีอยู่น้อยคน
เลยไม่ตกงาน
เปลี่ยนงานมา 2-3 แห่งในชีวิต
ทำงานด้วยประสบการณ์ เอาใจใส่ เจ้านายก็เลยไว้วางใจ
ในที่สุด ได้เลื่อนขั้นไปเรื่อย ๆ จนถึงระดับ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่าย (Vice President)
เป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้ขั้นนี้ของฝ่ายที่ดูแลรับผิดชอบอยู่ ในตอนนั้น ถือว่า เป็นหน้าเป็นตาให้ฝ่ายฯ ได้อยู่
ลูกน้องก็รักพอสมควร เจ้านายก็ชอบ และไว้วางใจ
ถือว่าประสบความสำเร็จ

เรานึกว่า ดีมาก ๆ แล้ว ที่ได้ถึงขนาดนี้
เพราะประเมินตัวเองต่ำไปหน่อย
ไปวัดที่การศึกษา ตามที่สังคมของงานประจำเขาสร้างระบบขึ้นมาวัดกัน

ความสามารถน่าจะถึงผู้จัดการได้ แต่เขาไม่ให้ เพราะวุฒิการศึกษาไม่ถึง
เขาไม่นับประสบการณ์เสียแล้ว ตอนนี้
เขาบอกว่า เขาขึ้นเงินเดือนให้ก็แล้วกัน แต่ตำแหน่ง ขอชะลอไว้ก่อน
เราก็ยอม เพราะยังไง ๆ เงินก็ดี ตัวคูณตอนเกษียนมันจะได้แยะหน่อย
โอเค .. ยอม.. ก็จะเกษียนอีกปีเดียวนี้แล้ว
ตำแหน่ง... ช่างหัวมัน ไม่เอาก็ได้
เอาเป็นเงินละกัน

เห็นตัวอย่างหรือยังง่า ศักยภาพมี แต่ถูกระบบกดไว้
ก็เลยเป็นได้แค่นั้น
เลยไม่คิดสร้างสรรค์อะไรต่อ ประทังไว้ แค่ถึงเกษียน
รักษามิตรภาพกับลูกน้อง และเพื่อนร่วมงานให้ดี
มีความสุขที่สุดแล้ว

มองหาคนที่จะมาแทนเราต่อไป
เดี๋ยวเขาก็มาคิดต่อเองแหละ เราจะคิดไว้ให้ เขาก็คงไม่อยากได้ ปล่อยให้เขาแสดงผลงานดีกว่า เรากำลังจะเข้าไปหลังโรงละครแล้ว
เหนื่อยแล้ว พอแล้ว
เตรียมตัวไว้เที่ยวดีกว่า

ยังไม่มีเวลาคิดด้วยซ้ำไปว่า 60 แล้ว มันจะกลายเป็นเลข 0
เพราะต่อไปนี้ ไม่มีเงินเดือนเข้าบัญชีอีกแล้ว
มันจะเหลือแค่เท่าที่บริษัทเขาให้จริง ๆ ก้อนสุดท้ายนั่นแหละ

เอาไปลงทุนอะไรก็กลัวจะสูญ
ไอ้ไม่ลงทุน ก็สูญเหมือนกัน เพราะมันกินเนื้อไปเรื่อย ๆ
ทำอะไรดีน้า...
ไปเรียนอาชีพเสริมดีกว่า

เรียนทำขนม เขียนขวดสวย ๆ เขียนกระเบื้องสวย ๆ ทำน้ำส้มคั้น แปลหนังสือ ทำ ฯลฯ สารพัดที่ไปเรียน
ค้นหาไม่พบว่า ตกลงจะทำอะไรดี
สอนภาษาอยู่ที่บ้าน หรือจะเขียนขวดสวย ๆ กระเบื้องสวย ๆ ลง internet แล้วขาย
อะไรดีน้า...ใช้บ้านเป็นที่ทำเงิน... ตัดสินใจไม่ถูก โครงการแยะไปหมด
หรือจะไปซื้อ Franchise สักตัวดีน้า ...
มันต้องลงทุนสูงนะ มันก็เสี่ยงนะ
เกิดขายไม่ออก จะทำยังไง
โอ้ย... คิดหนัก

ความที่ไม่เคยแบมือขอเงินใคร มันหยิ่งน่าดู !

ลูก ๆบอก ไม่ต้องห่วง ดูแลแม่ได้ ลูกสองคน ดูแลแม่คนเดียวได้
พ่อ.. ไม่รู้อยู่ไหน ตอนจะเกษียน
ไม่ได้ข้องเกี่ยวกันมา 12 ปีแล้ว ถือว่าขาดกันไปแล้ว
เปลี่ยนนามสกุลมาใช้ของพ่อแม่เราอย่างเดิม จะหากินได้อยู่ไหมเนี่ย ?
ไม่แน่ใจอีก...

บอกลูก ๆ ว่า ขอบใจมาก ลูกรัก แต่แม่ขอดูแลตัวเองด้วยนะ เพราะอยู่เฉย ๆ ไม่เป็น กลัวสมองฟ่อ
จะช่วยกันแบ่งเงินมาให้แม่ใช้มั่ง แม่ก็ยินดี ลูกก็ได้ตอบแทนพระคุณของแม่ด้วย ได้บุญ

ลูกชายคนเล็กบอก เปิดร้านกาแฟให้แม่ดูแล แล้วแม่ก็นั่งเขียนขวด เขียนกระเบื้องขายไปด้วย

ลูกสาวคนโตบอก มาไปเที่ยวอเมริกาปีละ 2 ครั้งก็ได้
ลูกเปิดร้านอาหารไทยอยู่ ไปช่วยส่งภาษาแนะนำเมืองไทยก็ได้

แม่บอกลูก ๆ ว่า ไม่เอา เอาแต่ไปเที่ยวบ้าง โอเค
แต่ไม่ดูแลอะไรแบบทุก ๆ วันอีกแล้ว ขอเป็นอิสระมั่ง

พอดี มีเพื่อนเก่าคนหนึ่ง เอาโอกาสมาให้
มาบอกเรื่องธุรกิจที่ลงทุนเรียนรู้ หลักพัน แล้วทำไปด้วย ใช้ของไปด้วย
สุขภาพจิตดี สุขภาพกายก็ดีด้วย ได้เพื่อนใหม่ดี ๆ แยะเลย
ตั้งใจทำแค่ 2-3 ปี สบายแล้ว
หยุดได้ แต่รายได้ไม่หยุด ถูกกฎหมายด้วย
ได้เที่ยวฟรีด้วย เป็นมรดกให้ลูกได้ด้วย

มีด้วยหรือ แบบนี้ ไม่เคยได้ยิน
สนใจตรงที่เป็นมรดกให้ลูกได้นี่แหละ
ถามเพื่อน ว่า ธุรกิจอะไรนี่ มีด้วยหรือ
มันวิเศษแบบนี้ ทำไมเราไม่เคยรู้เลยละ

เราก็ว่า เรารอบรู้สารพัด แล้วได้นี่มันหลุดหู หลุดตาเราไปได้ยังไง
เพื่อนก็บอกว่า เธอเชื่อฉันไหมก่อน ไว้ใจฉันไหม
เราก็ว่า เชื่อ เพราะเพื่อนคนนี้ คบกันมานาน รู้นิสัยกันดีว่า เขาไม่เคยหลอกใคร
แต่จะถูกใครหลอกมาหรือเปล่า อันนี้เราไม่รู้ได้
เอ... แต่เพื่อนคนนี้ มันก็เป็นคนฉลาด ใช้ได้อยู่นา

เพื่อนบอก ไม่ถูกหลอกแน่นอน เขาไปศึกษามาแล้ว
ไปฟังรายละเอียดด้วยกันอีกทีก็ได้

นี่แหละ ที่เกริ่นมาแต่แรกว่า โอกาส ไม่ได้มีมาถึงคุณบ่อยครั้งนัก
ถ้ามีใครมาบอกอะไร อย่าหัวชนฝา คิดลบ ๆ ไปเสียหมด
เปิดใจ ไปรับฟังข้อมูลบ้าง แล้วค่อยมาคิดพิจารณาอีกที ว่าเหมาะกับเราไหม
จะได้รู้ว่า ปฏิเสธอะไร
ดีกว่า ปฏิเสธลูกเดียว แต่ไม่ไปฟังอะไรเลย
เราไม่ได้ถูกเขาลากไปฆ่าทำแกงอะไรสักหน่อย

การฟังเขาว่า กับการไปฟังเองให้ได้ยินกับหู ดู ให้เห็นกับตาตัวเอง
มันอาจไม่เหมือนกันเลย กับที่ได้ยินมา ก็ได้
ถ้ากลัวถูกเขาหลอก ก็ให้เอาเพื่อนที่จบเรื่องกฎหมายไปฟังด้วย
ซักถามกันให้ละเอียด แล้วค่อยมาวิเคราะห์ผลได้ ผลเสีย

อย่าปฏิเสธทีเดียว ไม่ว่าอะไร ฟังเขาดูก่อน
เปิดใจ เปิดโอกาสให้ตัวเอง
เพราะ โอกาส ไม่ได้มีมาถึงคุณเสมอไป
“ โอกาส ” ไม่เหมือน “โชค ”

โอกาส มีแหล่งข้อมูลให้ศึกษา ยังจับต้องได้
โชค ไม่มีข้อมูล มันมาจากทางไหนก็ไม่รู้ อาศัยดวงอย่างเดียว... !

โอกาส เปรียบเสมือนน้ำแก้วหนึ่ง ที่มีคนเอามาให้เราดื่ม
แต่คน ๆ นั้นไม่สามารถจะบังคับให้เราดื่มได้ เราต้องก้มลงไปดื่มน้ำในแก้วนั้นเอง

เมื่อโอกาสมาอยู่ตรงหน้าเรา พร้อมข้อมูล
หากเราจะค่อย ๆ ก้มลงดื่มน้ำทีละแก้ว ๆ และท้ายที่สุด น้ำนั้นก็จะกลายเป็นแชมเปญรสเลิศ
แทนที่จะเป็นเพียงการดื่มน้ำเปล่าธรรมดา ๆ

เราก็สามารถจะฉลองให้ตัวเอง และจิบแชมเปญแห่งความสำเร็จแทน ได้ตลอดไป

อย่าปล่อยให้โอกาสหลุดลอยหายไป โดยที่เราไม่ได้แม้แต่จะทดลองทำอะไรสักอย่างกับโอกาสนั้น

โอกาสเช่นนั้น อาจจะไม่มีวันหวนกลับมาให้เราอีกเป็นครั้งที่สอง..





Create Date : 20 พฤษภาคม 2554
Last Update : 20 พฤษภาคม 2554 21:35:10 น. 0 comments
Counter : 701 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ธารน้อย
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ธารน้อย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.