เมื่อย่างเข้าช่วงปลายยุค 60 กระแสดนตรีหลักที่มาแรงเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนรุ่นใหม่ทั่วโลก ก็คือแนวเพลงร็อก ดนตรีร็อกถูกแพร่กระจายไปอย่างแพร่หลาย หนุ่มสาวยุคบุบผาชน ต้องการการแสดงออกถึงความอิสระเสรีทางความคิดของปัจเฉกบุคคล ทุกคนต่างใช้การแสดงออก ผ่านเสียงเพลง นักดนตรีอย่าง Jimi Hendrix The Who The Beatles หรือ Bob Dylan ต่างก้าวขึ้นมาเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับคนรุ่นใหม่ๆ อย่างมากมาย แม้กระทั่งนักดนตรีแจ๊สหัวก้าวหน้าอย่าง Miles Davis ที่เสาะแสวงหาแนวทางใหม่ๆให้กับดนตรีของเขาอยู่ตลอดเวลา ซึ่งในขณะนั้นเขากำลังสนใจดนตรีของ James Brown และดนตรีจังหวะร็อกต่างๆ
ณ ช่วงเวลานั้นดูเหมือนว่า Miles กำลังสนใจในเสน่ห์ของเครื่องดนตรีไฟฟ้าเป็นอย่างมาก และอีกทั้งเขายังได้มีโอกาสที่จะสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางดนตรีกับ Jimi Hendrix เลยทำให้เขาสนใจในดนตรีร็อกเป็นอย่างยิ่ง มันจึงเป็นโอกาสที่เขาจะทดลองสิ่งใหม่ๆอีกครั้ง Miles ไม่รอช้าแต่อย่างใด เขาตัดสินใจทิ้งเครื่องดนตรีอย่างดับเบิ้ลเบสหรือเปียโน แล้วหันมาคว้าเครื่องดนตรีอย่างเบสไฟฟ้า คีย์บอร์ด และเขายังนำเอากีต้าร์ไฟฟ้าเข้ามาใช้ในงานด้วย
Miles Davis and Friends - Paris 1991 :- In A Silent Way
ผลงานของ Miles ในครั้งนี้ เขาหันหลังให้กับจังหวะสวิงหรือเพลงที่ต้องเปลี่ยนคอร์ดอย่างมากมาย เขากลับใช้คอร์ดเพียงไม่กี่คอร์ด และเปิดอิสระให้กับนักดนตรีอย่างเต็มที่โดย ไม่ปิดกั้นแต่อย่างใด และเขายังได้นำเอาจังหวะของร็อกมาใช้อย่างเต็มตัว จนทำให้เกิดอัลบัมชุดประวัติศาสตร์ขึ้นมาไม่ว่าจะเป็น In The Silent Way และ Britches Brew เป็นต้น สองชุดนี้อาจเรียกว่าเป็นอัลบัมที่กำเนิดแนว Fusion Jazz อย่างแท้จริงก็ว่าได้ โดยครั้งนี้ Milesได้รวบรวมลูกทีมขึ้นมาใหม่ ไม่ว่าจะเป็น Wayne Shorter Joe Zawinul Chick Corea John McLaughlin Herbie Hancock และ Michael Brecker และอีกมากมาย (ภายหลังนักดนตรีเหล่านี้ เป็นผู้นำความคิดของ Miles ไปต่อยอดในแนวทางของตนอย่างมากมาย)
Britches Brew เพลงในแบบ experimental
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการที่ Miles ทำเช่นนี้ ก็เกิดความไม่พอใจให้กับนักดนตรีหัวโบราณอีกมากมาย พวกเขาเหล่านั้นสาปแช่ง และดูถูก Miles อย่างรังเกียจ ทุกคนต่างประณาม Miles ว่าเขาเป็นตัวทำลายความสวยงามของดนตรีแจ๊ส ที่เคยมีอยู่ลงอย่างสิ้นเชิง แต่ทุกคนหารู้ไม่ว่า กระแสแนวเพลงหลักอีกหนึ่งสไตล์ของแจ๊สกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว และแม้ว่าจะมีคนเกลียดมากเท่าไหร่ ในทางกลับกัน ก็มีคนชอบมากขึ้นเท่านั้นเช่นกัน Fusion Jazz ของ Miles เป็นที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ในหมู่นักศึกษาและเหล่าคนฟังเพลงร็อก และยังมีแฟนเพลงเก่าๆ ยังคงติดตามผลงานของเขาอย่างไม่ขาดสาย
Chick Corea on LEGENDS OF JAZZ
ในระหว่างยุคซิกซ์ตี้นี้เอง เพลงแจ๊สตกที่นั่งลำบาก นักวิจารณ์เพลงแบ่งดนตรีแจ๊สออกเป็นแนวต่างๆ เช่น Dixieland , swing , bebop , hard bop , modal , free jazz , avant-garde แต่คนหนุ่มสาวส่วนมาก เลือกที่จะฟังร็อคแอนด์โรลแทน และแม้ว่าผลงานเพลง Hello Dolly ของ Louis Armstrong จะขายดีกว่าเพลงของวง The Beatles ในช่วงสั้นๆ แต่นักดนตรีแจ๊สส่วนใหญ่ ก็หางานทำลำบากขึ้น และมุ่งหน้าไปสู่ยุโรป รวมถึงนักแซ็กโซโฟนอย่าง Dexter Gordon
Herbie Hancock - Jazz Fusion Cantelope Island
แจ๊สยังคงค้นหาความหมายของมันอยู่ต่อไป ระหว่างการเรียกร้องสิทธิมนุษยชน แจ๊สได้กลายเป็นเสียงแห่งการประท้วง ก่อนที่จะเสียชีวิต John Coltrane ยังได้เชื่อมโยงแจ๊สกับการค้นหา เพื่อการหยั่งรู้ด้านจิตวิญญาณของยุคซิกซ์ตี้ ผ่านเพลงชุด A Love Supreme อีกด้วย
DJ-DON-JD
ที่มา jazz jazz / guitarthai //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=jazzandchess&month=08-2006&date=14&group=3&gblog=1 เพลงจาก //www.foxytunes.com/
ส่วนบทความหรือภาพถ่ายใดๆ ที่ได้นำมาจาก website อื่น เพื่อเป็นข้อมูลประกอบเรื่องนั้นๆ เป็นการถ่ายทอดจากวิจารณญาณแล้วว่า มีความถูกต้องเป็นจริง มากที่สุด และได้นำมาจาก website ที่เป็นสาธารณะ ถ้าเรื่องราวหรือภาพของท่านที่ได้นำมาถ่ายทอดนี้ ไปละเมิดลิขสิทธิ์ของท่าน กรุณาแจ้งมาทาง email : nana_sara1000@ymail.com ผมจะทำการลบข้อมูลหรือภาพที่ละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าว ออกทันที Acknowledges that I try to write or report accurately but postings may contain fact , speculation or rumor. I find images from the Web that are believed to belong in the public domain. If any stories or images that appear on the site are in violation of copyright law, please email to :- nana_sara1000@ymail.com and I will remove the offending information as soon as possible.