Oneday Trip in Bangkok


นึก
ย้อนไปสัก 10 – 20 ปีก่อน  คุณคิดว่ากรุงเทพฯ เปลี่ยนไปแค่ไหน ? 

 

 อย่างหนึ่งที่เราอาจเห็นตรงกันคงเป็นระบบขนส่งมวลชนซึ่งทำให้การเดินทาง
สะดวกขึ้น ทั้งรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน และเรือโดยสาร
แล้วระบบขนส่งนี้เองที่ทำให้เราเที่ยวทั่วกรุงได้ภายในวันเดียว
แถมประหยัดทรัพย์อย่างนึกไม่ถึง

 
 เริ่มเดินทางแต่เช้าไปไหว้พระบรมสารีริกธาตุบนโลหะปราสาท วัดราชนัดดาราม พระอารามหลวงแห่งนี้
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว สร้างพระราชทานแก่พระเจ้าหลานเธอ
หม่อมเจ้าหญิงโสมนัส ภายในวัดมีศิลปะสมัยรัชกาลที่ 3 เช่น เสาพาไล
หน้าบันลายปูนปั้น พระเสฏฐตมุนี พระประธานซึ่งหล่อจากทองแดง
และที่ต้องไปชมให้ได้คือโลหะปราสาทด้านทิศ
ตะวันตกของวัด หลังแรกและหลังเดียวในประเทศไทย แว่วๆ
มาว่าเป็นโลหะปราสาทหลังสุดท้ายของโลกอีกต่างหาก
ภายในมีบันไดวนขึ้นสู่มณฑปซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปสักการะได้

   ออกจากวัดราชนัดดารามจะเห็นลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์
เดิมเป็นที่ตั้งของศาลาเฉลิมไทย
เมื่อถูกรื้อถอนออกไปจึงจัดสร้างพลับพลาสำหรับต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง และมีพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
อย่าลืมแวะสักการะเพื่อเป็นสิริมงคลก่อนไปเที่ยวต่อ
จากนั้นข้ามฝั่งไปชมนิทรรศการศิลปะดีๆ ที่หอศิลป์
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ



   เดินข้ามสะพานข้ามคลองรอบกรุงหรือสะพานผ่านฟ้า
ลีลาศ

เราอยากให้คุณสังเกตเสาสะพานจะมีรูปปั้นสำริดขุนนางฝรั่งนั่งพายเรือสำเภา
ยุโรปอย่างขะมักเขม้น ซึ่งท่าทางฝีพายแต่ละคนน่ารักจนทำให้ยิ้มได้
ก่อนเดินไปขึ้นเรือโดยสารหากมีเวลาแวะชมพิพิธภัณฑ์
พระบาทสมเด็จปกเกล้าเจ้าอยู่หัว

ภายในจัดแสดงพระราชประวัติของรัชกาลที่ 7
ตั้งทรงพระเยาว์จนถึงช่วงเปลี่ยนแปลงการปกครอง ของใช้ส่วนพระองค์
และนิทรรศการฉลองกรุงเทพ 150 ปี  

 
 เที่ยวฝั่งพระนครเสร็จนั่งเรือเข้าเมืองที่ท่าผ่านฟ้าลีลาศ ใช้เวลาไม่ถึง
20 นาทีก็ถึงท่าประตูน้ำ ลองแวะชิมข้าวมันไก่
ประตูน้ำ ที่ขึ้นชื่อมากว่า 20 ปี และหมูสะเต๊ะรสชาติดีก่อน
แล้วค่อยเดินย่อยอาหาร ย้อนขึ้นไปศูนย์การค้าสยาม พารากอน
ไปดำน้ำดูปลาแบบตัวไม่เปียกที่สยาม โอเชี่ยน เวิร์ล
ชมสัตว์น้ำกว่า 400 สายพันธุ์
จุดเด่นของที่นี่ต้องยกให้อุโมงค์น้ำขนาดใหญ่ที่มีปลาหลากหลายชนิดแหวกว่าย
ไปมา ทั้งฉลามเสือดาว ปลากระเบน ปลาหมอทะเล ฯลฯ
ไฮไลท์ของอุโมงค์คือการแสดงการให้อาหารปลาของนักดำน้ำที่ชวนตื่นเต้นและเร้า
ใจ หากคุณอยากดำน้ำดูปลาบ้างก็มีโซนให้ลงไปได้ด้วย
หรือจะนั่งเรือท้องกระจกดูปลาจากด้านบนก็ได้
ที่นี่ยังมีสัตว์หายากอีกหลายชนิดให้ชม ทั้งนกเพนกวิน ฉลามเสือทราย ปลาบึก
จนถึงเจ้าปลาถ้ำที่ไม่มีตา แต่ว่ายน้ำไปมาได้   

  
อีกส่วนหนึ่งที่ไม่ควรพลาดชม คือ ปลาหมึกยักษ์ตัวยาวกว่า 3 เมตร
ที่ถูกแช่อยู่ในน้ำแข็งก้อนโต ในโซนมอนสเตอร์ ออฟเดอะดีฟ
และสัตว์หายากอื่นๆ ทั้งปลาไหลมอเรย์ ปลานักตกเบ็ด  และปลาหิน
ที่นี่เหมาะสำหรับทุกเพศ ทุกวัยจริงๆ ค่ะ เพราะเด็กๆ ก็ได้ความรู้
ส่วนผู้ใหญ่ก็ได้ใกล้ชิดธรรมชาติแบบไม่ต้องเดินทางให้ลำบาก

  
ออกจากโลกใต้น้ำ ขึ้นรถไฟฟ้าไปลงสถานีอโศก
มีอีกสถานที่หนึ่งที่อยากให้คุณไปชมคือ สยามสมาคมใน
พระบรมราชูปถัมภ์ ตั้งขึ้นในปีพ.ศ. 2447
ปลายรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
เป็นองค์กรการกุศลเพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ของ
ประเทศไทย และประเทศใกล้เคียง ภายในมีพิพิธภัณฑ์
เรือนคำเที่ยง
เรือนไทยล้านนาทรงกาแล จัดแสดงเรื่องความเชื่อ
พิธีกรรม วิถีชีวิตความเป็นอยู่ เครื่องใช้ไม้สอย
และเครื่องครัวของคนล้านนา 

ห้องสมุดสยาม
สมาคมฯ
เป็นห้องสมุดเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ
เก็บรวบรวมหนังสือ สิ่งพิมพ์ ต้นฉบับตัวเขียนต่างๆ และที่น่าสนใจคือ
หนังสือหายาก เอกสารโบราณและคัมภีร์ใบลาน แผนที่โบราณ และภาพถ่ายหาดูยาก 

 
 เที่ยวดูเที่ยวชมมาทั้งวัน จะขาดช็อปปิ้งก็กระไรเลย
นั่งรถไฟใต้ดินไปลงสถานีลุมพินี แวะสวนลุม ไนท์
บาร์ซ่า
จับจ่ายสินค้าตั้งแต่งานหัตถกรรม ของตกแต่งบ้าน
จนถึงเสื้อผ้าราคาไม่แพง หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบสินค้าสไตล์สวนจตุจักร
รับรองว่ามาช็อปที่สวนลุม ไนท์คงไม่ผิดหวัง ไม่ต้องทนกับแดดร้อนๆ
ด้วยเพราะตลาดเริ่มตอนแดดร่มลมตกแล้ว แถมยังเปิดทุกวัน
และถ้ายังไม่ง่วงจนเกินไป อยากให้ไปชมหุ่นละครเล็กที่โรง
ละครโจหลุยส์ เธียร์เตอร์
ก่อนกลับบ้าน
เพราะเป็นศิลปะไทยอีกแขนงหนึ่งที่เราคนไทยควรภูมิใจและช่วยกันสืบ
สานอนุรักษ์ไว้นะคะ

   หากคุณมีเวลาลองไปเที่ยวสถานที่อื่นๆ
อีกก็ได้ เพราะตลอดเส้นทางรถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน และเรือโดยสาร
ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมายมาย เช่น หากชอบงานไอเดีย
แหล่งรวมร้านและงานเก๋ไก๋ ต้องไปถนนทองหล่อ
อยากกินอาหารญี่ปุ่นราคาประหยัดต้องซอย สุขุมวิท 33/1 เดินไม่ถึง 5
นาทีก็ถึง ในซอยมีอาหารญี่ปุ่นหลากหลายให้ลิ้มลอง ทั้งราเม็ง บาร์บิคิว
และที่พลาดไม่ได้คือร้านคัสตาร์ด นากามูระ
เบเกอรี่สไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ ราคาไม่แพง แต่ถ้าอยากดินเนอร์ใต้แสงดาว
ชมวิวที่สวยที่สุดของกรุงเทพตอนนี้ต้องไปร้านอาหารซี
รอคโค
ห้องอาหารกลางแจ้งที่ใหญ่และสูงที่สุดในเอเชีย
มองเห็นแม่น้ำเจ้าพระยา และแสงไฟระยิบระยับยามราตรีของกรุงเทพมหานคร

  
หากคุณคิดจะจัดโปรแกรมท่องเที่ยวแต่ยังไม่รู้จะเริ่มที่ไหน ลองไปเลียบๆ
เคียงๆ ขอแผนที่จากเจ้าหน้าที่สถานีรถไฟฟ้า หรือท่าเรือ
แค่นี้ก็เที่ยวสนุกตามแบบฉบับของตัวเองได้โดยไม่หลงทางแล้วค่ะ







Free TextEditor







































































































 

Create Date : 05 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 5 พฤษภาคม 2553 19:19:06 น.
Counter : 248 Pageviews.  

นั่งเรือเที่ยวเกาะเลาะทะเลกระบี่



จุดเริ่มต้นการเดินทางครั้งนี้อยู่ที่ อ่าวนาง
ศูนย์กลางการท่องเที่ยวอีกแห่งของจังหวัด
ชายหาดอ่าวนางคึกคักไม่แพ้ตัวอำเภอเมือง และจะคึกคักเป็นพิเศษตั้งแต่ 5
โมงเย็นไปจนถึงเที่ยงคืน รับรองว่ามีสีสันไม่แพ้ค่ำคืนที่พัทยาแน่นอน


   แต่ถ้าจะกินอาหารเช้าที่อ่าวนาง อาจต้องผิดหวัง
เพราะร้านอาหารที่นี่กว่าจะเริ่มขายก็เกือบเที่ยง
ทางที่ดีขับรถไปกินข้าวในตัวอำเภอเมืองจะสะดวกกว่า เติมพลังยามเช้าเสร็จ
หากจะไปเที่ยวเกาะก็ติดต่อเหมาเรือได้ทั้งที่ท่าเรือเจ้าฟ้า หรืออ่าวนาง
ส่วนใหญ่จะมีราคากลาง แต่ต่อรองกันได้นิดหน่อย
เช่าเรือได้แล้วก็ถึงเวลาออกไปโต้คลื่นสักที


   เริ่มนั่งเรือเที่ยวใกล้ๆ เป็นน้ำจิ้มที่ อ่าว
ไร่เลย์
เดินเล่นริมหาด อาบแดด เที่ยวถ้ำพระนาง
หรือถ้าชอบผจญภัยต้องปีนหน้าผา เพราะอ่าวไร่เลย์เป็นสถานที่ปีนผาแห่งแรกๆ
ของเมืองไทย ที่นี้มีโรงเรียนสอนปีนหน้าผาหลายแห่ง ราคาใกล้เคียงกัน
จะลองปีนเล่นๆ 1 วันก็ได้
หรือถ้าอยากทดลองเรียนแบบจริงจังจะต้องมีเวลาอย่างน้อย 3 วัน
ส่วนเรื่องความปลอดภัยไม่ต้องเป็นกังวลเพราะจะมีอุปกรณ์ล็อคกันตกผาเป็นระยะ
ขอแค่ไม่กลัวความสูงเสียอย่างเดียวก็ปีนได้แล้ว
พอขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดคุณจะรู้สึกภูมิใจ ว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเราๆ
ก็ปีนหน้าผากับเขาได้



   นอกจากนี้อ่าวไร่เลย์ยังมีทะเลใน (ลากูน)
และจุดชมวิว
ซึ่งมองเห็นอ่าวไร่เลย์ฝั่งตะวันออก และอ่าวไร่เลย์ฝั่งตะวันตก
มีลักษณะคล้ายเวิ้งอ่าวพระจันทร์เสี้ยวชนกัน เหมือนที่เกาะพีพี
และมีความสวยงามไม่แพ้กัน
แต่ทางขึ้นลำบากพอสมควรเพราะต้องปีนป่ายขึ้นเขาหินปูนที่แหลมคม
หากจะขึ้นไปต้องมั่นใจว่าร่างกายแข็งแรงพอสมควร และเตรียมรองเท้าไปให้ดี
ที่สำคัญอย่าลืมหาเพื่อนร่วมทางไปด้วย
เผื่อมีเหตุการณ์ฉุกเฉินจะได้ช่วยเหลือกัน


ทะเลแหวกที่เกาะทัพ เกาะหม้อ เกาะด้ามขวาน
ถือเป็นไฮไลท์หนึ่งของทะเลกระบี่ที่ไม่ควรพลาด หลังเหตุการณ์สึนามิ
ปรากฏการณ์ทะเลแหวกสันทรายเชื่อมเกาะทัพ เกาะหม้อ
และเกาะด้ามขวานถูกคลื่นพัดหายไปหมด
จนเวลาผ่านไปเกือบปีสันทรายจึงกลับคืนมาอีกครั้ง
และสวยงามไม่ต่างจากก่อนถูกคลื่นยักษ์ถล่ม
ที่สำคัญเนื้อทรายกลับขาวสะอาดกว่าเดิม ถ้าอยากเห็นสันทรายชัดๆ
ต้องไปเวลาน้ำลงต่ำสุด คือ 5 วัน ก่อนและหลังวันขึ้น 15 ค่ำ


เกาะด้ามขวาน
มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าเกาะไก่ หรือชิกเก้น ไอส์แลนด์
เนื่องจากมีสัณฐานคล้ายหัวไก่ยื่นออกมา
อย่าลืมให้คนขับเรือวนเรือเพื่อเก็บภาพเป็นที่ระลึกด้วย


เกาะปอดะ มีหาดทรายขาว น้ำทะเลใส
แถมด้านหน้ายังมีจุดดำน้ำดูปะการัง จึงเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว
โดยเฉพาะชาวต่างประเทศนิยมเหมาเรือจากอ่าวนางมานอนอาบแดด
แต่ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย
มักแวะมาดำน้ำดูปะการังและเล่นน้ำหน้าหาดเป็นส่วนใหญ่
ถัดไปไม่ไกลมีเกาะเล็กๆ ชาวเรือเรียกว่า เกาะสี่
เป็นจุดดำน้ำที่สวยงามมีทั้งปะการังจาน ปะการังเขากวาง แส้ทะเล
ปลาสวยงามหลายชนิดทั้งปลานีโม (ปลาการ์ตูนส้มขาว) ปลาการ์ตูนอินเดียแดง
ปลาสินสมุทรจักรพรรดิ ปลาโนรีคีบยาว ปลาวัว จนถึงปลาไหลมอเรย์
แต่เกาะนี้อยู่นอกโปรแกรมเที่ยว หากสนใจอาจต้องบอกคนเรือเป็นพิเศษ


หมู่เกาะห้อง
ประกอบด้วยหมู่เกาะน้อยใหญ่กว่า 10 เกาะ จึงมีอีกชื่อว่า “ป่าเกาะ”
มีเกาะห้องเป็นเกาะที่สวยงามที่สุด อยู่ด้านอ่าวปิเละ
เป็นโค้งอ่าวมีหาดทรายขาวสะอาดเป็นแนวยาว
น้ำทะเลสีเขียวมรกตใสจนมองเห็นปลาสลิดหินฝูงใหญ่แหวกว่ายไปมา
กองหินหน้าเกาะเป็นจุดดำน้ำตื้นที่น่าสนใจ มีปะการังอ่อนสีแดง
สีม่วงให้ชมโดยไม่ต้องดำน้ำสกูลบ้า แต่จุดนี้อยู่ห่างเกาะออกมาหน่อย
หากคลื่นลมแรงไม่ควรออกไปดำน้ำ จึงควรตรวจสอบสภาพอากาศก่อนเดินทางด้วย
อีกด้านของเกาะเป็นทะเลใน เวลาน้ำขึ้นเรือสามารถแล่นเข้าไปได้
มีสระน้ำกว้างใหญ่ โอบล้อมด้วยหน้าผาสูงชันทุกด้านเหลือทางเข้าออกเล็กๆ
ไว้แค่ทางเดียว
เมื่ออยู่ด้านในคุณจึงรู้สึกเหมือนหลุดไปสู่อีกโลกหนึ่งซึ่งเงียบสงบ
หากเป็นช่วงน้ำขึ้นอาจว่ายน้ำได้


เกาะผักเบี้ย เป็นเกาะเล็กๆ
ใกล้เกาะห้อง นักท่องเที่ยวนิยมไปเล่นน้ำ หรืออาบแดด
เพราะเงียบสงบและนักท่องเที่ยวไม่มากนัก
เกาะนี้พิเศษไม่เหมือนใครตรงที่เวลาน้ำขึ้นจะแยกเกาะผักเบี้ยออกเป็นสองเกาะ
แต่พอน้ำลงจะมีสันทรายเชื่อมให้เดินถึงกัน
หากไปเยือนต่างเวลาอาจหลงเข้าใจผิดว่ามีสองเกาะอยู่ใกล้กัน


   นอกจากนี้ยังมีเกาะไร่ เกาะพาราไดซ์
อยู่ไม่ไกลและเริ่มเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หนีความวุ่นวาย
จากเกาะปอดะและเกาะห้องมานอนพักผ่อนอาบแดด


   เที่ยวเกาะมาทั้งวัน หากยังไม่เหนื่อยอยากให้แวะไปหาดนพรัตน์ธารา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากอ่าวนาง
นั่งเล่นใต้ทิวสน รอเวลาพระอาทิตย์ลับขอบฟ้ากับคนรู้ใจ
ดูแสงสีส้มพาดผ่านทั่วท้องน้ำ จนคล้ายทะเลเป็นสีทอง
ทั้งสวยงามและลึกลับชวนมอง
แล้วจะพบว่าค่ำคืนที่กระบี่ยังมีมุมหนึ่งสงบเงียบชวนหลงใหลรอคุณอยู่







Free TextEditor







































































































 

Create Date : 05 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 5 พฤษภาคม 2553 19:17:10 น.
Counter : 213 Pageviews.  

ไปเก็บหมอกที่ “ปางอุ๋ง” สวิสเซอร์แลนด์แดนสยาม


  
บ้านรวมไทยหรือที่เรียกกันจนติดปากว่า “ปางอุ๋ง”
เป็นส่วนหนึ่งในโครงการพัฒนาตามพระราชดำริจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตั้งขึ้นในปี
2527 ส่วนที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเที่ยวอยู่บริเวณท้ายหมู่บ้าน
มีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ รายล้อมด้วยป่าสนสามใบ และสนสองใบ
ซึ่งตอนเช้าบรรยากาศจะงดงามมากเป็นพิเศษเพราะบนผิวน้ำมีไอหมอกลอยเลียบผิว
น้ำ มีแสงแดดสาดส่องกระทบแนวต้นสน อากาศเย็นสดชื่น
จนบางครั้งถึงขั้นหนาวเลยทีเดียว
อีกทั้งยังมีหงส์ขาวแวะเวียนมาให้ถ่ายรูปอย่างไม่อายกล้อง


   ปางอุ๋งมีที่กางเต็นท์ แค้มป์ปิ้งได้
หรือหากไม่สะดวกก็มีบ้านพักไว้บริการ ที่นี่สวยที่สุดช่วงเช้าและเย็น
หากไปผิดเวลาอาจไม่สวยเท่าที่ควร เที่ยวอ่างเก็บน้ำเสร็จแวะชิมชาในหมู่บ้าน
หรือเดินชมวิถีชีวิตชาวบ้าน อุดหนุนสินค้าท้องถิ่น ก่อนเดินทางไปหมู่บ้านรักไทย (แม่ออ)
หมู่บ้านสุดท้ายก่อนถึงชายแดนไทย – พม่า
ชาวบ้านเป็นชาวจีนอพยพมาจากตอนใต้ของประเทศจีนช่วงเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็น
ระบอบคอมมิวนิสต์ พวกเขายังคงรักษาวิถีชีวิต
และวัฒนธรรมท้องถิ่นไว้อย่างดีทั้งภาษาพูด ภาษาเขียน
การสร้างบ้านจากดินผสมฟางข้าว
และที่ขาดไม่ได้คืออาหารตำรับจีนยูนานทั้งก๋วยเตี๋ยว และขาหมูหมั่นโถ
นอกจากนี้ยังมีร้านขายชาอีกหลายร้านรอต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยไมตรีจิต



   ก่อนกลับมาสู่ถนนเส้นหลัก (ทางหลวงหมายเลข 1095) แวะเที่ยวพระตำนักปางตอง ชมแปลงสาธิตการปลูกดอกไม้ ผลไม้
การเลี้ยงสัตว์ ซึ่งคุณสามารถชมการตัดขนแกะ ถ่ายรูปเล่นกับลูกแกะตัวจ้อย
หรือเลือกซื้อสินค้าจากขนแกะ แล้วเดินทางกลับมาทางอำเภอปาย เมืองเล็กๆ แต่อบอวลไปด้วยความอบอุ่น
เดินดูร้านขายของฝากเท่ๆ จิบชากาแฟยามบ่าย เที่ยวบ้านสันติชล
กินอาหารจีนยูนาน เล่นชิงช้าดอย


   ตื่นเช้าหน่อยออกจากปายไปบ้านวัดจันทร์ เที่ยว
ป่าสนธรรมชาติผืนใหญ่ที่สุดของประเทศที่อุดมด้วยสนสามใบและสนสองใบ
แม้ทางขึ้นเขาคดเคี้ยวหลายช่วง แต่เห็นวิวทิวเขาสลับซับซ้อนสวยงาม
แถมหากขึ้นไปเช้าๆ อากาศดีจะมีทะเลหมอกให้ชมด้วย


   ระหว่างทางไปป่าสนจะผ่านโครงการหลวงบ้านวัด
จันทร์
มีแปลงปลูกดอกไม้สวยงาม
ที่เห็นเด่นเป็นสง่าเต็มลานคือดอกนางพญาเสือโคร่ง หรือซากุระเมืองไทย
ซึ่งจะออกบานสะพรั่งเต็มไปหมดในช่วงต้นเดือนก.พ.
นอกจากนี้ด้านหลังโครงการยังเป็นแปลงปลูกสนขนาดใหญ่
มีเส้นทางจักรยานอย่างดีไว้ให้นักท่องเที่ยวขาปั่นเที่ยวได้รอบทั้งบริเวณ
ป่าสน เส้นทางอ่างเก็บน้ำ หรือถ้าแรง (ขา) ดีหน่อยจะไปถึงหมู่บ้านก็ได้


   เดินทางมายาวไกลใกล้ถึงเวลากลับสักที
แต่ยังมีอีกสองสถานที่ที่อยากให้คุณไปเที่ยว คือ อุทยาน
แห่งชาติห้วยน้ำดัง
ชมทะเลหมอกยามเช้าที่ดอย
กิ่วลม
ซึ่งสวยงามไม่แพ้ที่ใด มองเห็นดอยหลวงเชียวดาวอยู่ไกลๆ
สัมผัสลมหนาวอากาศเย็น ถ้าจะให้ดีต้องนอนค้างสักคืน
ยิ่งไปกว่านั้นหากใครแน่จริงต้องลองอาบน้ำในฤดูหนาวที่ห้วยน้ำดัง
เพราะน้ำเย็นสะท้านใจจริงๆ


   ถ้าเป็นคนขี้หนาวแนะนำให้ไปอาบน้ำแร่ที่น้ำพุ
ร้อนโป่งเดือด
แทน ที่นี่เป็นน้ำพุร้อนแบบไกเซอร์ (Geyser)
คือน้ำพุร้อนที่น้ำพุ่งสูงจากพื้นดินเป็นระยะและมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ
อุณหภูมิของน้ำพุร้อนสูงราว 90-99 องศาเซลเซียส ทางอุทยานฯ
ได้สร้างห้องอาบน้ำแร่ไว้ให้นักท่องเที่ยวใช้บริการแบบราคาเป็นกันเอง
นอนแช่น้ำเล่นสักพักแล้วค่อยเดินทางกลับกันดีกว่า






Free TextEditor







































































































 

Create Date : 05 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 5 พฤษภาคม 2553 19:10:02 น.
Counter : 192 Pageviews.  

เที่ยวสัตหีบ จากดินแดนโจรสลัดสู่ฐานทัพอันเกรียงไกร



อำเภอสัตหีบที่เรากำลังจะไปเที่ยวมีประวัติหวือหวามิใช่เบา ตำนานเล่าว่า
ดินแดนแห่งท้องทะเลภาคตะวันออกแถบนี้เป็นที่ตั้งของชุมชนโจรสลัด
คอยปล้นสะดมชาวบ้าน ชาวเรืออยู่เสมอ
เมื่อได้สมบัติมาก็ฝังดินไว้กระทั่งเวลาต่อมาทหารเรือไปสำรวจพื้นที่พบโครง
กระดูก พร้อมหีบสมบัติ 7 ใบ (“สัตต” แปลว่า เจ็ด ส่วน “หีบ” หมายถึง หีบ)
จึงเป็นที่มาของชื่อ “สัตหีบ” ส่วนอีกหลักฐานหนึ่งเขียนไว้ว่า สัตหีบ คือ
ที่กำบังเจ็ดแห่ง อันได้แก่ เกาะพระ เกาะยอ เกาะหมู เกาะเตาหม้อ เกาะเณร
เกาะหินฉลาม และเกาะเลานั่นเอง


   สถานที่แรก เราอยากให้คุณไปสักการะศาลกรมหลวง
ชุมพร
เขาแหลมปู่เจ้า ภายในหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน
ภายในศาลนอกจากจะมีพระรูปจำลองของเสด็จในกรมฯ แล้ว ยังมีพระรูปหล่อจำลองของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า
พระอาจารย์องค์หนึ่งของเสด็จในกรมฯ ประดิษฐานให้สักการะด้วย รอบศาล
มีจุดชมวิวสวยๆ มองเห็นเกาะน้อยใหญ่ในเวิ้งอ่าวสัตหีบชัดเจนแบบ 180 องศา
แต่ห้ามถ่ายรูปโดยเด็ดขาด เนื่องจากเป็นจุดยุธศาสตร์
ลงจากจุดชมวิวแวะดูเรือจำลองประเภทเรือหลวงของกองทัพเรือ อาทิ
เรือหลวงจักรีนฤเบศร เรือหลวงมกุฎราชกุมาร เรือหลวงบางประกง
เรือหลวงสุรินทร์ เป็นต้น จากนั้นแวะเที่ยวหาดเตยงาม
ช่วงที่เราเดินทางเป็นเวลาที่น้ำลงตอนกลางวัน
จึงได้เห็นหาดทรายทอดยาวในทะเลกว้างเต็ม


   จากหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ขับรถเข้าอำเภอ ใช้ถนนเลียบชายหาด ผ่าน อ่าวดงตาล ที่มีบรรยากาศ 2 แบบ 2 อารมณ์
ในวันธรรมดาเป็นอ่าวเงียบสงบ มีนักท่องเที่ยวเพียงไม่กี่คน
แต่พอถึงวันหยุดเสาร์ – อาทิตย์ จะคึกคักมีรถยนต์ รถจักรยานยนต์จอดเรียงราย
มีบริการนวดฝ่าเท้า และร้านอาหารเคลื่อนที่บริการนักท่องเที่ยว
ช่วงเย็นมีเล่นเรือใบและวินเซิร์ฟ ถือเป็นสีสันหนึ่งในเขตทหารเลยทีเดียว


  
ผ่านอ่าวดงตาลไปไม่ไกลเป็นที่ตั้งของหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษา
ฝั่ง (สอ.รฝ.) มีสวนป่าชายเลนสอ.รฝ.
ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์สูงมาก ขับรถตรงไปเรื่อยๆ จะเห็นป้ายบอกทางไปศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล หรือที่เรียกกันง่ายๆ
ว่า “บ่อเต่า” เริ่มจากเพาะไข่เต่าทะเล
และอนุบาลลูกเต่าเพื่อปล่อยสู่ทะเลที่เกาะคราม
จนทุกวันนี้การเพาะพันธ์และอนุบาลเต่าได้ย้ายมายังชายหาดในสอ.รฝ.
มีบ่ออนุบาลเต่าตามช่วงวัยต่างๆ ทั้งเต่ากระ เต่าตนุ และเต่าหญ้าให้ชม
แต่ก่อนจะไปสัมผัสเต่าที่บ่ออนุบาล ควรทำความรู้จักกับเต่าชนิดต่างๆ
ที่อาคารอะควอเรียม และอาคารพิพิธภัณฑ์ก่อน
ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อการอนุรักษ์และไม่ได้แสวงหาผลประโยชน์
ที่นี่จึงไม่เก็บค่าเข้าชม ดังนั้นหากคุณมีโอกาสแวะไปชมบ่อเต่า
อย่าลืมช่วยกันบริจาคเงิน
หรืออุดหนุนสินค้าเพื่อสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่และเป็นค่าอาหารลูก
เต่าด้วย



   ดูลูกเต่ากันพอหอมปากหอมคอ ไปชมเรือหลวงจักรี
นฤเบศร

เรือบรรทุกอากาศยานลำแรกของกองทัพเรือซึ่งทันสมัยที่สุดลำหนึ่งของอาเซียน
ปกติหากไม่มีภารกิจทางทะเล
เรือหลวงจักรีนฤเบศรเปิดให้นักท่องเที่ยวและประชาชนผู้สนใจเยี่ยมชมเรือได้
โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร. 0–3843–7096
หากยังไม่เหนื่อยจนเกินไปควรแวะไปหาดนางรำ
และหาดนางรอง ชมพระอาทิตย์ตกดิน
แล้วค่อยหาอาหารซีฟู้ดรับประทานให้อิ่มหนำสำราญ และต้องแอบกระซิบดังๆ
ว่ามีร้านอาหารของสโมสรทหารเรืออร่อยๆ
ราคาไม่แพงเป็นที่ถูกปากชาวคณะยิ่งนัก


   บางคนบอกว่ามาทะเลถ้าไม่ได้ดำน้ำดูปะการังก็คงเสียดายแย่ แนะนำให้ไป อุทยานใต้ทะเลเกาะขาม
ในความดูแลของกองเรือป้องกันฝั่ง โดยไปขึ้นเรือที่ท่าเรือเขาหมาจอ ค่าเรือ
200 บาทถ้วน รวมค่านั่งเรือท้องกระจกชมปะการังแล้ว
จึงคุ้มมากสำหรับนักท่องเที่ยว
แต่ถ้าใครอยากดำน้ำดูปะการังจะเช่าอุปกรณ์ดำน้ำที่เกาะขามก็ได้ราคาชุดละ 30
บาทเท่านั้น จุดเด่นของปะการังเกาะขามคือมีดอกไม้ทะเลกลุ่มใหญ่
ปลาการ์ตูนส้มขาว หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า “นีโม”
และปลาการ์ตูนอินเดียแดงอาศัยอยู่เป็นกลุ่มๆ และเป็นปะการังเขากวาง
ปะการังจาน และอย่าลืมระมัดระวังหอยเม่นนะคะ
เพราะถ้าโดนตำขึ้นมาจะหมดสนุกเปล่าๆ


   กลับเข้าฝั่งเห็นหมู่อาคารตั้งเรียงรายอยู่ริมหน้าผา นั่นคือ พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย
ซึ่งกองทัพเรือได้รับสนองพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี เรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลมาปฏิบัติ
มีอาคารพิพิธภัณฑ์ 5 หลัง ไล่ระดับจนถึงยอดเขา ไม่ไกลจากจากพิพิธภัณฑ์ มีเพอคูล่าฟาร์ม
เพาะพันธุ์ปลาการ์ตูนทั้งปลาการ์ตูนส้มขาว ปลาการ์ตูนลายปล้อง
ปลาการ์ตูนปานดำ
นอกจากนั้นยังมีปลาทะเลประเภทอื่นจัดแสดงให้ชมด้วยทั้งปลาขี้ตังเบ็ดฟ้า
ปลาโนรี ปลานกแก้ว ปลาฉลามเสือดาว ปลากระรังหน้างอ ปลาหมอทะเล
โดยมีเจ้าหน้าที่พาชมให้ความรู้กับผู้ที่สนใจเป็นที่ถูกอกถูกใจทั้งเด็กและ
ผู้ใหญ่


   ก่อนกลับหากมีเวลาสักนิดควรแวะไปเที่ยวหาดทราย
แก้ว
ภายในโรงเรียนชุมพลทหารเรือ
เป็นหาดที่เพิ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวชมได้เมื่อปีพ.ศ. 2546 นี้เอง
และเริ่มเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวมากขึ้น เป็นหาดทรายทอดยาวขาวสะอาด
น้ำทะเลสีฟ้าใส
นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการหลบความวุ่นวายจากเกาะล้านมักมาพักผ่อนที่
นี่ แต่สำหรับคนไทยนิยมมากันในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์
หากเป็นวันหยุดเทศกาลต้องจองบ้านพักล่วงหน้าแต่เนิ่นๆ
หรือจะเอาเต็นท์ไปกางนอนรับลมเย็นริมหาดก็ได้
เพราะที่หาดทรายแก้วมีห้องน้ำไว้บริการ


   ความประทับใจที่มีต่ออำเภอสัตหีบคงไม่ใช่แค่ธรรมชาติที่งดงามเท่านั้น
แต่เรายังได้เห็นอีกบทบาทหนึ่งของทหารเรือในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
ทำให้ทะเลสัตหีบยังงดงามมาถึงวันนี้อีกด้วย







Free TextEditor







































































































 

Create Date : 05 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 5 พฤษภาคม 2553 19:07:41 น.
Counter : 204 Pageviews.  

"ทรัฟเฟิล" เห็ดวิเศษล้ำค่าที่ถูกล่า


ช่วง
สั้นๆของฤดูกาลนี้ บนยอดเขาสูงเทียมเมฆของอุมเบรีย (Umbria)
แคว้นหนึ่งซึ่งอยู่เหนือขึ้นไปจากกรุงโรมไม่กี่ร้อยกิโลเมตร
และได้รับการขนานนามว่าเป็นหัวใจสีเขียวของอิตาลี
ธรรมชาติกำลังสร้างสรรค์ผลผลิตที่มีค่าควรเมืองและหายากราวทองคำ นั่นคือ
"เห็ดทรัฟเฟิล"


   เห็ดทรัฟเฟิลเป็นพืชจำพวกรา ฝังตัวและเจริญเติบโตได้ดีใต้ดิน
ซึ่งต่างไปจากเห็ดอื่นๆ เห็ดชนิดนี้มีความสัมพันธ์เกื้อกูล
และพึ่งพารากของต้นไม้ใหญ่ที่มันขึ้นอยู่ เช่น ต้นโอ๊ก ต้นเชสนัท(เกาลัด)
สนบางชนิด และต้นบีช เป็นต้น โดยเห็ดทรัฟเฟิลจะให้แร่ธาตุแก่ต้นไม้
ส่วนต้นไม้ก็จะปล่อยแร่ธาตุบางอย่างกลับคืนมา
ซึ่งเห็ดจะสะสมพลังเหล่านี้เอาไว้เพื่อให้ตัวเองได้เจริญงอกงามจนมีรสชาติดี
และยังเจือกลิ่นที่เหมือนกับผลผลิตของต้นไม้นั้นๆ ออกมา
ด้วยรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ กลิ่นหอมแรงมหัศจรรย์ ความหายาก
และวิธีการเก็บที่ไม่ธรรมดา จึงทำให้ทรัฟเฟิลมีราคาแพงหูดับ! ที่สำคัญ
เห็ดชนิดนี้ไม่สามารถปลูกได้ จะขึ้นเองตามธรรมชาติ
และในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมเท่านั้น เหมือนเห็ดโคนของบ้านเรา


เห็ดทรัฟเฟิลมีมากมายหลายชนิด
แต่มีเพียงสองสายพันธุ์ที่ขึ้นชื่อและจัดว่าเป็นราชาแห่งเห็ด
คือเห็ดทรัฟเฟิลดำ (Black Truffle) ยังแบ่งเป็นทรัฟเฟิลดำหน้าหนาว (Black
Winter) และหน้าร้อน(Black Sumer)
ส่วนราชินีเห็ดต้องขอมอบตำแหน่งให้เห็ดทรัฟเฟิลขาว (White Truffle)
ซึ่งมีค่าราวทองคำ


   การล่าเห็ดในอิตาลีนั้น ต้องล่าตามฤดูกาล
เพราะรัฐบาลออกกฏหมายควบคุมไว้ มีการกำหนดช่วงเวลาในการล่า
โดยจะประกาศอย่างเป็นทางการให้ทราบทั่วประเทศอีกด้วย อย่างเช่น
เห็ดทรัฟเฟิลขาว จะล่าได้ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมไปจนถึงสิ้นปี
ส่วนทรัฟเฟิลดำซัมเมอร์ เก็บได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ไปจนสิ้นเดือนพฤศจิกายน
ทรัฟเฟิลดำวินเทอร์ ล่าได้ระหว่างเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงมีนาคมปีถัดไป
เห็ดทรัฟเฟิลแต่ละท้องถิ่น
หรือในแต่ละประเทศจะให้กลิ่นและรสชาติที่แตกต่างกันออก
ไปตามสภาพสิ่งแวดล้อมนั้นๆอีกด้วย



   ทริปนี้ เรามาล่า เห็ดทรัฟเฟิลดำซัมเมอร์ สายพันธุ์ Tuber
melanosporum
ซึ่งเป็นแบล็กทรัฟเฟิลที่มีชื่อเสียงและคุณภาพดีที่สุดในแคว้นอุมเบรีย
แผนการล่าได้นัดหมายกันล่วงหน้าไว้กว่าสามเดือน
เจ้าของฟาร์มแห่งหนึ่งซึ่งมีแหล่งเห็ดทรัฟเฟิลที่มีชื่อ
ได้เตรียมต้อนรับพวกเราแล้ว ฟาร์มเก่าแก่แห่งนี้
ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงเทียมเมฆ ชานเมืองสโปเลทโต (Spoletto) เมืองเล็กๆ
ที่มีภูมิทัศน์เขียวสวย บ้านรือนหลังคาสีอิฐเก่าคร่ำคร่า ดูคลาสสิก
เหมือนในหนังฮอลลีวูดย้อนยุค


   คุณลุงBratori ออกมายืนต้อนรับเรา พร้อมน้องหมาสหายตัวโปรด
อุปกรณ์การล่าที่เราต้องนำติดตัวไปด้วยมีอย่างเดียวคือ
ไม้เท้าด้ามยาวเกือบถึงอกที่ดูเหมือนไม้ตะพด
เอาไว้ช่วยพยุงตัวขณะเดินไต่ระดับลงเนินเขา หรือใช้ปัดกิ่งไม้
ใบหญ้าตามทางเดินกันงูเงี้ยวได้อย่างดี


   แหล่งเก็บเห็ดที่นี่เป็นเหมือนแหล่งสัมปทาน
อาณาบริเวณมากกว่าร้อยเอเคอร์นี้ กว้างไปสุดชายเขาลูกไกลโพ้น
เราเดินทอดน่องไปเรื่อยๆ เดินขึ้นๆลงๆ คาดว่าหลายกิโลเมตร
ผ่านทุ่งหญ้าสลับทิวป่าโอ๊คและป่าเกาลักจนมาหยุดยืนหอบเล็กๆกันอยู่กลางป่า
ที่เงียบงัน เดินไปอีกสักพัก คุณลุงจึงส่งสัญญานมือให้เราหยุดเดิน
เพราะหมาทั้งสองเริ่มได้กลิ่นเห็ดทรัฟเฟิลเข้าแล้ว
เห็ดทรัฟเฟิลสีดำก้อนแรกทำให้ทุกคนยืนอ้าปากค้าง เพราะมันน่าเกลียดมากๆ
ผิวขรุขระเป็นปุ่มหนามสีดำเมี่ยม ขนาดเกือบเท่าลูกกอล์ฟ ทรวดทรงพิกลพิการ
ลองบีบดูแล้วแข็งเหมือนท่อนไม้ แต่พอหยิบขึ้นมาดมก็ถึงกับอึ้งไปทันที
เพราะมีกลิ่นหอมสดชื่นคล้ายกลิ่นผลไม้สุก กลิ่นดอกไม้ เปลือกไม้ กลิ่นดิน
ผสมผสานกันไป คุณลุงบอกเคล็ดการซื้อเห็ดให้ฟังว่า ให้สังเกตดูที่ผิว
ถ้าเห็นรอยขีดข่วนจากเล็บหมาปรากฏอยู่
แสดงว่าเป็นเห็ดทรัฟเฟิลที่ถูกล่ามาจริงๆ


   หลังจากรู้สึกเต็มอิ่มกับการล่าและได้ทรัฟเฟิลกันมาหลายหัวแล้ว
เราจึงเดินลงเขากลับมารับประทานมื้อกลางวันภรรยาคุณลุงทำอาหารพื้นๆ
เป็นพาสต้าโฮมเมดไร้เครื่องเทศใดๆ มารบกวน
คุณลุงนำเห็ดทรัฟเฟิลดำที่เราล่ามาได้สไลด์บางๆ ลงไปสองสามแผ่นบนหน้าพาสต้า
และแล้วเมนูนี้ก็ส่งกลิ่นหอมหวนจรุงใจ อร่อยติดลิ้นแบบลืมไม่ลง
สมแล้วที่ทรัฟเฟิลดำได้สมญานามว่าเป็นราชาเห็ด
ปิดท้ายด้วยเมนูพิเศษที่คุณลุงแถมให้ คือเกาลักคั่ว
เก็บมาสดๆจากไร่ข้างครัว คั่วในเตาไฟโบราณหอมกรุ่นกำจายไปทั้งตำบล


  
ก่อนกลับที่พักเรายังมีโอกาสแวะโรงงานอุตสาหกรรมครัวเรือนขนาดย่อมที่ตีนเขา
ที่นี่เราได้เห็นวิธีการผลิตและมีผลิตภัณฑ์ทรัฟเฟิลในรูปแบบต่างๆ จำหน่าย
อาทิ ทรัฟเฟิลดำสได์บางๆ อยู่ในน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ ทรัฟเฟิลซอส
(ซอสทรัฟเฟิลสำเร็จรูป) น้ำมันมะกอกกลิ่นทรัฟเฟิล
แล้วยังมีเห็ดพอร์ชินี่อบแห้งอีก ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน


   ไฮไลต์อีกอย่างของที่นี่ คือเห็ดทรัฟเฟิลขาว (White Truffle)
หล่อนถูกเก็บรักษาไว้ในเซฟเฮาส์ แต่เจ้าของโรงงานใจดีนำออกมาอวด
เพียงแค่วางตระกร้าไว้เบื้องหน้า ยังไม่ได้เเกะผ้าขาวบางที่ห่มคลุมมันออก
กลิ่นราชินีทรัฟเฟิลก็สะกดให้เรายืนแข็งทื่อ ออกอาการอึ้ง
เพราะมีกลิ่นหอมแรงกว่าทรัฟเฟิลดำหลายเท่าตัวนั้น


   กลิ่นมหัศจรรย์นี้คล้ายกับกลิ่นหอมของผลไม้สุก
กลิ่นของดอกไม้ที่กำลังบาน กลิ่นหอมของเปลือกไม้ หรือใบไม้สดที่ถูกขยำขยี้
หรือคล้ายกลิ่นหอมของดินชื้นๆ
และอาจคล้ายอีกหลายกลิ่นซึ่งได้พยายามหลับตานึก แต่ก็นึกไม่ออกสักที


คงเป็นที่ประจักษ์ได้ว่า...
ทำไมเขาจึงต้องสไลด์ทรัฟเฟิลขาวให้เป็นแผ่นบางๆ
ราวแผ่นกระดาษเพียงแค่แผ่นสองแผ่น ลงบนอาหารจานพื้นๆ
ก็เพราะกลิ่นหอมแรงของเห็ดทรัฟเฟิลขาวสามารถยกระดับอาหารจานนั้นให้มีค่าราว
อาหารในราชสำนักได้เลยทีเดียว แม้หน้าตาของมันจะดูน่าเกลียด
น่ากลัวกว่าทรัฟเฟิลดำหลายเท่าก็เถอะ ลองถามราคาดู แค่หัวเดี่ยวโดดๆ
ขนาดเกือบเท่าลูกกอล์ฟ คำนวณดูแล้วตกเป็นเงินไทยราวหนึ่งหมื่นห้าพันกว่าบาท
ใจหายแว้บเลย


   มื้อค่ำสุดหรูในคืนวันนั้น
จบลงด้วยเห็ดทรัฟเฟิลขาวสไลด์บางๆมาบนหน้ารีซอตโต้แบบบ้านๆ
กฏเหล็กเพียงข้อเดียวในการรับประทานเมนูล้ำค่าตรงหน้าก็คือ... กินมันให้
"สิ้นซาก" ไปเล้ย!




อ่านเพิ่มเติมในคอลัมน์ Living นิตยสาร Health &
Cuisine ปีที่ : 8 ฉบับที่ : 89 เดือน
: มิถุนายน 2551






Free TextEditor







































































































 

Create Date : 05 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 5 พฤษภาคม 2553 8:12:08 น.
Counter : 364 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.