หลวงพระบาง เมือง(คน)งามในความทรงจำ

หลวงพระบางเป็นเมืองเล็กๆ
ชนิดที่เดินเที่ยว(พอเหนื่อย)ก็ทั่วแล้ว
ความน่าสนใจทั่วทั้งเมืองทำให้การเดินเท้าไม่น่าเบื่อเลย
เพราะมีสิ่งๆต่างๆเรียกร้องให้คุณเข้าไปชมตลอดเวลา
และข้อดีของการเดินเที่ยวก็คือ
คุณสามารถหลงและหลุดไปนอกแผนที่ได้อย่างสนุกสนาน
เป็นประสบการณ์ประทับใจที่ไกด์บุ๊คเล่มไหนก็ให้ไม่ได้

  
ความที่คนเมืองหลวง(คนหลวงพระบางเรียกตัวเองว่าคนเมืองหลวง
และเรียกคนเวียงจันทน์ว่าคนเวียงค่ะ)เป็นคนใจดี 
ถ้าผ่านกิจกรรมน่าสนใจตามบ้านเรือนต่างๆ ลองขออนุญาตเข้าไปชมได้ 

   อาหาร
เมืองหลวงนั้นไม่ได้จัดจ้านอย่างที่เราคิด แต่ละมุนละไมกลมกล่อม
อาหารจานเด็ดที่คุณไม่ควรพลาด ได้แก่ เอาะหลาม
รสชาติคล้ายแกงอ่อมบ้านเรา ไส้อั่ว
รสละมุนต่างจากไส้อั่วเชียงใหม่ที่จัดจ้านด้วยเครื่องเทศ ไคแผ่นจิ้มแจ่วบอง
หมกปลาฟอก
หน้าตาคล้ายห่อหมกแต่ใช้กะทิและเนื้อปลากวนเข้าด้วยกันก่อนนำไปนึ่ง
และจานเด็ดสุดคือสลัดผักน้ำ -
ผักตระกูลเดียวกับวอร์เตอร์เครสที่คนเมืองหลวงภูมิใจเสนอ
เพราะเป็นผักที่อร่อยและมีเฉพาะในหลวงพระบางเท่านั้น

  
ถ้าหากอยากอิ่มง่ายๆแบบจานเดียว คนที่นี่นิยมกินเฝอ
หรือก๋วยเตี๋ยวน้ำ ข้าวเปียก - ที่มีหน้าตาคล้ายก๋วยจั๊บญวนบ้านเรา
กินคู่กับข้าวโคบ ให้อารมณ์เหมือนเหมือนกินก๋วยเตี๋ยวเรือแคบหมู
ข้าวปุ้นหรือขนมจีน มีให้เลือกคือข้าวปุ้นน้ำแจ่วและน้ำกะทิ
ซึ่งให้รสชาติอร่อยกับไปคนละแบบ

  
สำหรับคนไทยที่เคยชินการกินอาหารแบบอู้ฟู่ อาจรู้สึกไม่อยู่ท้องไปบ้าง
เพราะอาหารที่นี่เน้นไปที่แป้งและผัก ส่วนเนื้อสัตว์เป็นรอง 
ลองซื้อไก่ย่างจากตลาดมานั่งกินกับเฝอก็จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปได้ 
และอีกเรื่องที่อยากแนะนำก็คือตอนนี้วัฒนธรรมผงชูรสแพร่หลายเหลือเกินในหลวง
พระบาง  หากคุณแพ้ผงชูรส  เมื่อสั่งอาหารแล้วอย่าลืมกำชับว่า
"บ่ใส่แป้งนัว" (ผงชูรส) ค่ะ

  
การสื่อสารระหว่างคนไทยและคนเมืองหลวงก็ไม่ยาก คนส่วนใหญ่ฟังภาษาไทยเข้าใจ 
สำเนียงการพูดของที่นี่ค่อนข้างราบเรียบเสมอกัน
ให้ความรู้สึกเหมือนคุยกับคนภาคเหนือแถวเชียงใหม่มากกว่า

 
 เมื่อแรกมาถึง
คุณอาจตื่นตาตื่นใจกับสถาปัตยกรรมแบบโคโลเนียลที่ยังคงความสมบูรณ์อย่างไม่
น่าเชื่อ แต่เมื่อผ่านไปสองสามวันคุณจะพบว่า
ความงามของตึกรามบ้านช่องจะไม่มีความหมายอะไรเลย
หากปราศจากชาวหลวงพระบางที่น่ารักเหล่านี้ 
เมืองที่มิตรภาพเกิดขึ้นได้ง่ายๆ แม้ไม่มีการพูดคุยต่อกัน


กิน-อยู่ในหลวงพระบาง




  1. ร้านกาแฟประ
    ซานิยม
    -
    เริ่มต้นมื้อเช้าด้วยกลิ่นหอมของเตาฟืนในร้านกาแฟสุดคลาสสิค
    ด้วยกาแฟลาวรสเข้มข้น โอวัลติน ชานม  มีข้าวจี่ ปาท่องโก๋
    ให้กินคู่กาแฟด้วย

  2. ข้าวจี่ใส่ใส้ ข้างประซานิยม -
    แนะนำข้าวจี่หรือบาแก็ตใส่ใส้ที่ประกอบด้วยหมูสับผัดซอส หมูยอ หมูหยอง
    น้ำพริกเผา ซอสพริก(ผสมแม็กกี้และพริกไทย)  แตงกวาขูดฝอย
    เหมาะซื้อเป็นเสบียงระหว่างวัน

  3. ข้าวเปียกหัวเซียง -
    ร้านนี้เช้าถึงเที่ยงขายข้าวปุ้นน้ำแจ่วและข้าวปุ้นน้ำกะทิ 
    ช่วงเย็นถึงสองทุ่มขายข้าวเปียก โรยเนื้อไก่ฉีกและสารพันผักรวม

  4. ร้านอาหารลาวสมจัน -
    ดินเนอร์มื้อใหญ่ริมลำน้ำโขงกับเมนูแนะนำ ตำส้ม ไส้อั่ว ไก่ปิ้ง
    สลัดผักน้ำข้าวเหนียว

  5. ร้านอาหารลาวบัวสะหวัน -
    มื้ออิ่มสำหรับคนที่ต้องการลิ้มลองรสชาติอาหารลาวแบบดั้งเดิม เมนูแนะนำคือ
    ตำส้ม ไส้อั่ว ลาบไก่ทรงเครื่อง ทอดปลา สลัดผักน้ำ เอาะหลาม

  6. ร้านกาแฟ เบเกอรี่ อาหารไทย-ลาว บัวกลางบึง
    - สำหรับผู้ที่คิดถึงอาหารไทย และอยากสัมผัสความงามของบึงบัวธรรมชาติ
    นอกจากนี้ก็ยังมีอาหารลาว เบเกอรี่ และเครื่องดื่มอื่นๆไว้บริการด้วย 

  7. ร้านตำหมี่ (ไม่มีชื่อร้าน)
    อยู่ใกล้เฮือนพักกาลาว
    - หากปั่นจักรยานจนเหนื่อยแล้ว
    ลองแวะเติมพลังด้วยตำส้ม
    ตำหมี่-ส้มตำที่เพิ่มเส้นก๋วยเตี๋ยว(หน้าตาคล้ายเส้นขนมจีน)
    เลือดหมูและสารพันผักลงไปด้วย  และมีน้ำผลไม้ปั่นให้เลือกหลายชนิด 

  8. Joma Bekery - เมนูแนะนำคือ ชีสเค้ก
    สโนว์บอลคุกกี้ และฟรุตเชค   อร่อยและราคาประหยัด

  9. ร้านL'etranger -
    ร้านหนังสือน่ารักริมถนนพูสี ด้านล่างมีบริการหนังสือต่างประเทศทั้งอังกฤษ
    ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และลาว ส่วนด้านบนเป็นtea bar มีขนม อาหารและเครื่องดื่ม
    เมนูแนะนำคือ มิกซ์ฟรุต และบานานาช็อคโกแล็ตปั่น แถมมีหนังฉายฟรีให้ดูทุกๆ 1
    ทุ่ม

  10. ตลาดเช้า/ตลาดเย็น -
    สัมผัสวิถีชีวิตของชาวบ้าน ณ ตลาดเช้า
    ซึ่งชาวบ้านจากฝั่งตรงข้ามจะข้ามเรือนำสินค้าเกษตรต่างๆมาจำหน่าย
    ทั้งพืชผักตามฤดูกาล ไก-หรือสาหร่ายน้ำจืดตากแห้ง (ซื้อเป็นของฝากได้) ปลา
    และสัตว์ป่าต่างๆ ส่วนตลาดเย็นก็ขายอยู่ที่เดิม เพียงแต่เน้นกับข้าว เช่น
    ปิ้งไก่ ปิ้งหมู ไส้อั่ว แกงต่างๆ มากกว่า

  11. ตลาดม้ง -
    อยู่บริเวณสี่แยกกลางเมือง มีชาวบ้านเปิดแผงขายของที่ระลึกต่างๆ เช่น
    ผ้าปักต่อลายเป็นผ้าห่ม  ผ้าถุง  ย่าม เสื้อยืด และของใช้กระจุกกระจิกต่างๆ


  12. ตลาดกลางคืน -
    ตลอดเส้นทางบนถนนสีสะหว่างวงมีของให้เลือกสรรมากมาย ทั้งผ้าทอ กระเป๋า
    รองเท้า ร่ม ผลิตภัณฑ์จากกระดาษสา เครื่องเงิน งานไม้แกะสลัก  เสื้อยืด
    ราคาสมเหตุสมผล 

  13. เฮือนพักบุปผา -
    ร้านนี้มีทั้งห้องพักและจักรยานไว้ให้เช่า  
    มีรถไม่มากนักแต่สภาพค่อนข้างใหม่กว่าร้านอื่นๆ 

  14. ร้านทิดเพ็งมะนีพอน -
    จำหน่ายเครื่องเงินแท้ๆแบบหลวงพระบาง มีให้เลือกทั้งสร้อย แหวน กำไล
    และพานรองต่างๆอยู่ในซอยใกล้วงเวียนน้ำพุ

  15. ร้านโพทิสัก -
    ร้านเครื่องเงินเก่าแก่อีกร้านหนึ่งของหลวงพระบาง
    คุณสามารถแวะไปชมการตีเงิน
    การขึ้นลวดลายและหาซื้อเครื่องประดับเงินเพื่อเป็นของฝากได้ 

    * หมายเหตุ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราที่ 264 ต่อ 1 บาท



รู้ก่อนเที่ยว
  
เพื่อย่นเวลาการเดินทางให้เร็วขึ้น
คุณอาจเดินทางไปหลวงพระบางได้จากเชียงใหม่ด้วยการบินไทย
มีเที่ยวบินบริการทุกวัน  ส่วนการบินลาวให้บริการทุกวันอังคาร
ศุกร์และอาทิตย์ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง
ส่วนบางกอกแอร์เวย์มีเที่ยวบินจากกรุงเทพไปหลวงพระบางทุกวัน ใช้เวลา 2
ชั่วโมง

  
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเที่ยวหลวงพระบางคือช่วงฤดูหนาวตั้งแต่พฤศจิกายน
-มกราคม แต่ถ้าอยากสัมผัสบรรยากาศประเพณีอันยิ่งใหญ่ 
ควรมาเที่ยวในช่วงสงกรานต์ (ควรจองห้องพักล่วงหน้า)

  
มาเที่ยวหลวงพระบางทั้งที
อย่าพลาดการตักบาตรข้าวเหนียวยามเช้านะคะ ผู้หญิงควรใส่ผ้าถุงและนั่งตัก
บาตร ส่วนผู้ชายยืนได้และถอดรองเท้าด้วย 
การตักบาตรทุกเช้าเป็นเสมือนการแสดงชุดไฮไลท์ที่ทุกคนรอคอย
แต่เพื่อการถ่ายภาพอย่างมีมารยาท
ควรหลีกเลี่ยงการใช้แฟลชโดยเด็ดขาดและอยู่ให้ห่างจากทางที่พระสงฆ์จะต้อง
เดินผ่าน รวมทั้งอย่าอยู่สูงกว่าพระสงฆ์ เช่น ยืนบนหลังคารถเพื่อถ่ายภาพ
เป็นต้น






Free TextEditor







































































































Create Date : 05 พฤษภาคม 2553
Last Update : 5 พฤษภาคม 2553 20:33:26 น. 0 comments
Counter : 338 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.