On The Way บนเส้นทาง 3 สมุทร

สุดเขต
ผืนน้ำอ่าวไทยตอนในติดแผ่นดิน มีจังหวัดเล็กๆ
เชื่อมต่อกันเป็นทางผ่านของแม่น้ำสำคัญ 3 สาย แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน
แม่น้ำแม่กลอง เป็นชุมชนเก่าแก่ที่มาของเรื่องราวดินแดน 3 สมุทร คือ
สมุทรปราการ สมุทรสาคร และสมุทรสงคราม   

  
ด้วยความที่เป็นจังหวัดเล็กๆ จึงมักถูกนักเดินทางมองข้ามไปเสมอ
แต่เชื่อไหมคะ 3 จังหวัดนี้มีความงามในความเรียบง่ายซ่อนอยู่ เริ่มจากจังหวัดสมุทรปราการ
ฝั่งอำเภอพระประแดงที่ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง
เป็นตลาดน้ำยามเช้าแห่งใหม่เพิ่งเปิดได้ไม่นาน (พ.ศ.2547)
โดยชาวบ้านจะลอยเรือขายอาหารริมคลองกว่า 20 ลำ
และมีร้านปลูกเป็นเพิงหลังคามุงจากอีกหลายหลังขายอาหาร ของฝาก เสื้อผ้า
ต้นไม้หลายชนิด ตอนเช้ามานั่งกินอาหารที่นี่ คนยังไม่เยอะ
คุณจึงเดินไปชิมไปได้อย่างสบายอารมณ์
หรือถ้ารู้สึกเบื่ออยากลองหัดพายเรือในคลองดูบ้างก็ได้ 



   ออกจากตลาดน้ำอย่าลืมแวะนมัสการ พระสมุทร
เจดีย์
สัญลักษณ์คู่เมืองสมุทรปราการ ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
สร้างในสมัยรัชกาลที่ 2 และในรัชกาลที่ 4 ได้โปรดเกล้าฯ
ให้สร้างเจดีย์ครอบเจดีย์องค์เดิมให้สูงขึ้น
เพื่อเป็นที่สังเกตของนักเดินเรือต่างชาติว่าล่องเรือผ่านเข้าสู่ชายเขตพระ
นครแล้ว เดิมพระสมุทรเจดีย์ตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำ
เรือสามารถขับวนรอบได้ แต่การเปลี่ยนแปลงของกระแสน้ำและตะกอนทับถมทำให้กลาย
เป็นแผ่นดินเชื่อมต่อกัน จนดูไม่ออกว่าเคยตั้งอยู่บนเกาะมาก่อน 

  
จากพระสมุทรเจดีย์ไปไม่ไกลมี อุทยานประวัติศาสตร์
ทหารเรือป้อมพระจุลจอมเกล้า
หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า "ป้อมพระจุลฯ"
สถานที่แห่งนี้มีความสำคัญในกรณีพิพาทร.ศ.112
เมื่อประเทศฝรั่งเศสนำเรือรบเข้ามาในแม่น้ำเจ้าพระยาเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม
พ.ศ.2436 ซึ่งกองทัพเรือที่ป้อมพระจุลฯ ได้ร่วมต่อต้านอย่างเข้มแข็ง
แต่ก็ไม่สามารถต้านทานได้
จนเป็นเหตุให้เราต้องเสียดินแดนฝั่งขวาของแม่น้ำโขงแก่ฝรั่งเศส


   ภายในป้อมพระจุลฯ มีสิ่งที่น่าสนใจ คือ พระบรม
ราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

ใต้ฐานพระบรมรูปมีห้องแสดงนิทรรศการเรื่องวิกฤตการร.ศ.112 ทั้งสไลด์
วีดิทัศน์ ภาพถ่าย และแผนที่จัดแสดงไว้อย่างน่าชม
แต่ห้องนี้จะเปิดในโอกาสพิเศษเท่านั้น
หากอยากเข้าชมควรสอบถามและแจ้งความจำนงค์ล่วงหน้า 

พิพิธภัณฑ์เรือหลวงแม่กลอง
แม้จะไม่เคยถูกใช้ประจำการรบจริง
แต่ก็เป็นเรือครูของนายทหารเรือหลายต่อหลายรุ่น
และถือเป็นเรือที่มีสภาพสมบูรณ์ที่สุดลำหนึ่ง
เมื่อปลดระวางจึงถูกนำมาจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้นักท่องเที่ยวได้เห็นโครงสร้าง
และอุปกรณ์บนเรือรบจริง

   ปืนเสือหมอบ
อาวุธสำคัญในการรบกรณีพิพาทไทย-ฝรั่งเศส ร.ศ.112 มี 7กระบอก
เป็นปืนทันสมัยที่สุดสมัยรัชกาลที่ 5  ยิงได้ไกลกว่า 8,046 เมตร
ภายในป้อมปืนมีคลังเก็บกระสุนดินปืนไว้ไม่ไกล เพื่อความสะดวกในการใช้งาน
แต่ปัจจุบันได้ย้ายกระสุนออกไปหมดแล้วและเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้

  
ออกจากจังหวัดสมุทรปราการตรงไปถนนพระราม 2 ผ่านจังหวัดสมุทรสาคร
ฟันเฟืองสำคัญของอุตสาหกรรมอาหารทะเลของประเทศ
แม้จะเป็นแค่ทางผ่านแต่ก็มีอะไรดีๆรอคุณไปสัมผัสเช่นกัน

ตลาดมหาชัย แหล่งรวมอาหารทะเล
มาเดินช็อปปิ้งอาหารทะเลที่นี่รับรองไม่ผิดหวังต้องได้ของติดมือกลับบ้าน
แน่ๆ เพราะมีทั้งกุ้งหอย ปู ปลา ตัวใหญ่ๆ อาหารทะเลแปรรูป
แช่แข็ง หรืออบแห้ง และบางช่วงยังมีอาหารทะเลแปลกๆ
อย่างปูแปะดองน้ำปลาให้ชิมด้วย 



ท่าเรือข้ามฟากมหาชัย - ท่าฉลอม
เป็นเส้นทางไปมาหาสู่ที่ย่นระยะทางของคนสองฝั่งแม่น้ำ
หากล่องเรืออยู่กลางแม่น้ำจะเห็นสัญลักษณ์สำคัญของเมือง คือ
หอนาฬิกาและรูปปั้นเรือสำเภา ซึ่งอยู่คู่กับท่าเรือมหาชัยมากว่า30 ปี
แต่ถ้าไม่อยากข้ามไปจะเดินชมวิวแถวๆ ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองก็ได้
เพราะมองเห็นทิวทัศน์ของฝั่งท่าฉลอม และสถานที่ใกล้เคียงได้เหมือนกัน

ตำบลท่าฉลอม
เป็นหมู่บ้านชาวประมงที่สำคัญของจังหวัดสมุทรสาคร
มีทั้งโรงงานแปรรูปอาหารทะเล อู่ต่อเรือ สะพานจอดเรือ
ตลอดแนวริมอ่าวไปจรดตำบลบางหญ้าแพรก
นอกจากนี้ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เมื่อคราวเสร็ดฯ
มาทรงเยี่ยมราษฎรได้ทรงยกท่าฉลอมเป็นสุขาภิบาลแห่งแรกของประเทศไทย 

วัดสุทธิวาตวราราม หรือ "วัดช่องลม"
ตั้งอยู่ฝั่งท่าฉลอม เนื่องจากติดกับปากอ่าวไทย ช่วงเย็นๆ แดดร่มลมตก
คนท้องถิ่นจึงนิยมมาออกกำลังกาย หรือนั่งเล่นชมวิว
มาถึงวัดนี้อย่าลืมไปสักการะ หลวงพ่อหินแดง ในพระอุโบสถ
เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ทำด้วยศิลาแดง พระหัตถ์ข้างซ้ายมี 6 นิ้ว
เชื่อกันว่าศักดิ์สิทธิ์มากหากมากราบไหว้ขอพรมักจะสมหวังอย่างที่ตั้งใจ 

วิหารหลวงปู่แก้ว
ตั้งอยู่ใกล้กับพระอุโบสถใหญ่ "หลวงปู่แก้ว"
เป็นเจ้าอาวาสองค์ก่อนซึ่งมรณภาพแล้ว
แต่ด้วยความรักและศรัทธาของชาวบ้านจึงได้เก็บศพและสร้างรูปเหมือนของท่านไว้
กราบไหว้ ภายในวิหารหลวงปู่แก้วยังมีนกนางแอ่นเข้ามาทำรังเป็นจำนวนมาก
แถมรู้เวลาเปิดปิดประตูวิหาร ตอนเช้าออกไปหากิน
พอตอนเย็นใกล้ปิดประตูจะมาบินวนรอเข้าวิหาร
สร้างความประหลาดใจให้กับผู้พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง

พระโพธิสัตว์กวนอิม
สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวโรกาสทรงครอง
สิริราชสมบัติครบ 50 ปีเมื่อปีพ.ศ.2539
เป็นรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมปางเมตตาหลั่งน้ำมนต์จากคนโท ประทับยืนบนฐานมังกร
ซึ่งสวยงามและมีขนาดใหญ่มาก

   ออกจากท่าฉลอมมุงหน้าต่อไปยังจังหวัดสมุทรสงคราม
เมืองเก่าอีกแห่งหนึ่งที่รุ่มรวยศรัทธาในพระพุทธศาสนา ที่น่าสนใจคือ วัดบางกุ้ง
ตั้งอยู่ในค่ายบางกุ้งมีความสำคัญมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาและกรุงธนบุรี
โดยเป็นค่ายต่อต้านการรุกรานของพม่าหลายครั้ง
สิ่งที่เด่นของวัดนี้จนได้รับคัดเลือกเป็นแหล่งท่องเที่ยว Unseen Thailand
คือ โบสถ์โพธิ์ปรก
เป็นโบสถ์ที่ถูกต้นไม้ใหญ่ทั้งต้นโพธิ์ ต้นไทร ต้นไกร
และต้นกร่างขึ้นปกคลุมโอบล้อมไว้ ภายในมีหลวงพ่อนิลมณี พระพุทธรูปขนาดใหญ่
และภาพจิตรกรรมฝาผนังให้ชม บริเวณวัดยังมีสระน้ำ
โบราณ
อายุกว่า 400 ปี แม้มีขนาดเล็กและทรุดโทรมไปมาก
แต่ยังกักเก็บน้ำได้ แสดงให้เห็นถึงภูมิปัญญาของคนโบราณได้อย่างดี

วัดจุฬามณี
เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยพระเจ้าปราสาททองแห่งกรุงศรีอยุธยา
ภายในวัดมีพระอุโบสถที่ใช้เวลาสร้างนานกว่า 31 ปี
และภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังเรื่องไตรภูมิ และพุทธประวัติที่วาดนานกว่า 6 ปี
โดยจิตรกรเพียงคนเดียว

วัดอัมพวันเจ
ติยาราม
เป็นนิวาสสถานเดิมของสมเด็จพระอมรินทรามาตย์
สันนิษฐานว่าเป็นที่พระราชสมภพของพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โดยรัชกาลที่ 3
ทรงสร้างพระปรางค์สำหรับบรรจุพระอัฐิและพระสรีระอังคารของรัชกาลที่ 2
และมีการบูรณะปฎิสังขรณ์พระวิหาร พระอุโบสถโดยรัชกาลที่ 4 และรัชกาลที่ 5
อย่างต่อเนื่อง 

   ใกล้ๆ วัดอัมพวันมี อุทยาน
ร.2
เป็นหมู่เรือนไทยกลางสวนร่มรื่น
เรือนหลังเก่าอยู่ระหว่างซ่อมบำรุง
แต่ยังพอเห็นเค้าความงดงามของเรือนไทยเดิมได้
ส่วนหมู่เรือนไทยที่ใช้จัดแสดงแทนเป็นอาคารที่สร้างขึ้นใหม่
รายล้อมด้วยต้นไม้ในวรรณคดีไทย และไม้หอมนานาพันธุ์
เมื่อเดินเล่นในสวนแห่งนี้จึงหอมกลิ่นรวยรินของดอกไม้ตลอดเวลา

  
สถานที่สุดท้ายที่คุณไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่งเมื่อไปแม่กลอง คือ ตลาดน้ำอัมพวา
แม้มีขนาดไม่ใหญ่โตนักแต่ก็เต็มไปด้วยสีสันและความมีชีวิตชีวา
ยิ่งใกล้เวลาพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า
แสงจากดวงไฟหลากสีจะทอประกายสว่างไสวทดแทน
ผู้คนคึกคักยิ้มแย้มบ้างมากับครอบครัว บ้างมากันเป็นคู่
หรือกลุ่มเพื่อนฝูงต่างจับจองที่นั่งริมน้ำ สั่งอาหารกินกันอย่างสนุกสนาน
ที่ตลาดนี้พ่อค้าแม่ค้าจะเริ่มตั้งร้านตอนบ่ายๆ
และขายต่อเนื่องไปจนเกือบสามทุ่ม สินค้ามีทั้งของฝากอาหารแห้ง
จนถึงเสื้อผ้า โปสการ์ดน่ารักๆ และของเล่นโบราณหายาก ที่สำคัญ
อาหารอร่อยและราคาถูกมาก จานละ 10 -15 บาทก็อิ่มได้ ทั้งผัดไท หอยทอด
ก๋วยเตี๋ยว ทอดมันหัวปลี น้ำดอกอัญชัน
อิ่มแล้วหากยังไม่ง่วงอย่าลืมไปล่องเรือดูหิ่งห้อย รับลมเย็นๆ ก่อนนอน
รับรองว่าคืนนี้คุณต้องฝันดีแน่ค่ะ






Free TextEditor







































































































Create Date : 05 พฤษภาคม 2553
Last Update : 5 พฤษภาคม 2553 19:32:25 น. 0 comments
Counter : 198 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.