แต่ฉันโชคดีกว่าหน่อย
เมื่อตัดสินใจหอบหิ้วกระเป๋าตามคณะอมรินทร์ทัวร์ไปแอ่วดอยที่หนาวที่สุดแห่ง
หนึ่งของประเทศไทย "อ่างขาง" ลมหนาวต้นเดือนธันวาในดินแดนแห่งขุนเขา
สายหมอก และดอกไม้ พานพาให้ร่างกาย และจิตใจจนฉ่ำชื่นอย่างที่สุด
เราออกเดินทางตั้งแต่ไฟล์ทแรกสุดของการบินไทยสู่เชียงใหม่ในเช้าวันศุกร์
การผจญภัยเล็กๆก็เริ่มขึ้น เมื่อรถแล่นผ่านเส้นทางนับร้อยโค้งเชียงใหม่-ฝาง
ฉันลุ้นระทึกไปตลอดทางว่าจะสามารถผ่านพ้นไปได้อย่างราบรื่น
โดยไม่ขะย้อนอาหารกลางวันหรือไม่
แต่ในที่สุดเราก็ถึงตีนดอยโดยสวัสดิภาพ..ต้องขอบคุณยาแก้เมารถค่ะ
เราแยกย้ายเข้าพักตามห้องที่รีสอร์ตธรรมชาติอ่างขาง
มีเวลาก่อนอาหารเย็นเล็กน้อย ทีมงานก็พาเราไปชมบริเวณสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง
แปลงไม้ดอกเมืองหนาวนานาพันธุ์ที่พระตำหนักเรือนประทับของสมเด็จพระเทพรัตน
ราชสุดาฯ สีสันจัดจ้านสวยงามแข่งกัน
ชอบจังเวลาเห็นคุณๆสาวๆทำท่านั่งเอี้ยมเฟี้ยม ยิ้มหวานจ๋อยข้างกอดอกไม้
แอ็คชั่นคลาสสิกนี้ไม่เคยตกยุค
ดินเนอร์มื้อแรกสมกับชื่อกูร์เม่ต์ทัวร์เป็นที่สุด
เพราะสโมสรอ่างขางต้อนรับเราด้วยอาหารเมนูแนะนำที่หารับประทานทั่วไปได้ยาก
ยิ่ง พลาดไปอาจถูกหยามว่ามาไม่ถึงอ่างขาง เมนูอร่อยนั้นเป็นต้นว่า
ปลาเทร้าต์ทอดกระเทียมพริกไทยดำ -
ปลาเทร้าต์เนื้อแน่นส่งตรงมาจากดอยอินทนนท์ แค่ทอดธรรมดาก็อร่อยนัก
เป็ดอบซอสส้ม และ น้ำพริกอ่างขาง ใส่ถั่วเน่า รสเด็ดกลมกล่อมถูกปาก
มาอยู่ที่นี่ได้กินผักสดผลไม้สดสะใจที่สุด
เพราะเป็นผักผลไม้ในโครงการหลวง วางใจได้เรื่องสารพิษตกค้าง แถมยังสด กรอบ
ฉ่ำ อุดมสมบูรณ์ เพราะเรามากินถึงแหล่ง
คืนนี้หนาวนัก
ซุกตัวใต้ผ้าห่มแล้วหาไวน์จิบสักแก้วสองแก้ว
ก็ทำให้ราตรีกาลผ่านไปอย่างอบอุ่น
พรุ่งนี้เรามีนัดดูพระอาทิตย์ขึ้นแต่เช้าตรู่
คณะของเราพร้อมกันตรงเวลาตีห้าครึ่ง
กิจกรรมแรกที่แทบทุกคนทำคือเช็คเทอร์โมมิเตอร์ที่ติดไว้หน้าห้องนอน 12
องศาเซลเซียสโดยประมาณ แม้จะพูดควันออกปาก หลายคนยังบ่นว่า "เด็กๆ"
เรานั่งรถตู้ขึ้นไปที่จุดชมวิวบนยอดดอย ท้องฟ้ายังมืดตื๋อ
มีนักท่องเที่ยวประมาณหนึ่งมาถึงก่อนหน้าเรา จุดชมวิวนี้เป็นลานโล่งๆ
มีร้านค้าแผงลอยเรียงรายอยู่สองฟากให้เห็นเพียงริบหรี่จากหลอดไฟดวงเล็ก
กับกองไฟที่แต่ละร้านก่อไว้บริการความอุ่นให้ลูกค้า
แทบทุกร้านขายของคล้ายๆกัน เด็ดสุดและไม่ควรพลาดคือ ไก่ตุ๋นโสม
เป็นซุปใสๆที่ช่วยให้อบอุ่นได้ในทันทีด้วยฤทธิ์ของโสมและพริกไทย
หรือจะลองโจ๊กเห็ดหอม ซาลาเปาร้อนๆ ปลาท่องโก่ที่ส่องไฟฉายทอด กับกาแฟ
โอวัลตินร้อนๆสักแก้ว......เสียดายอยู่หน่อย วันนี้โชคไม่เข้าข้าง
หมอกหนาจนไม่ได้เห็นอาทิตย์ทอแสงสีแดงฉานอย่างที่หมายมั่นไว้
จุดท่องเที่ยวที่ควรแวะบนดอยอ่างขางคือ หมู่บ้านของชาวเขา
จะได้เห็นวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของพวกเขาอย่างใกล้ชิดทีเดียว
บนดอยอ่างขางนี้มีทั้งชาวมูเซอ จีนฮ่อ ปะหล่อง และไทยใหญ่
ที่หมู่บ้านขอบด้งเราได้เจอมัคคุเทศก์น้อยท่าทีเป็นมิตรท่องสคริปต์แนะนำ
หมู่บ้านและพาชมชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนด้วยสำเนียงไทยปนมูเซอดำอย่าง
ฉะฉาน เด็กๆที่นี่น่ารักและสดใส
ใครอยากช่วยเหลือทุนการศึกษาต่ออนาคตให้มัคคุเทศก์น้อย
ก่อนกลับก็หยอดกระปุกให้เขาหน่อยจะดี
นอกจากชาวเขาจะปลูกพืชผักต่างๆแล้ว อาชีพเสริมคือ สานกำไลหญ้า
ซึ่งกลายเป็นของที่ระลึกประจำอ่างขาง
คุณจะเห็นชาวเขาทั้งคนแก่และเด็กเล็กร้อยกำไลเป็นสายยาวเร่ขายอยู่ทั่วไป
ราคาโดยประมาณก็อันละ 5 บาท ฉันซื้อเหมามาทั้งเส้น
ถ้าใครมาเยี่ยมมาเยือนคงมีแจกได้ทั้งปี
หรือไม่เช่นนั้นก็เกิดไอเดียเอามาใช้แทน napkin ring ทำเป็นที่ล็อคผ้าม่าน
หรือแขวนเฉยๆทั้งพวงก็เป็นของแต่งบ้านสวยเก๋ได้แล้ว
มื้อเที่ยงของวันที่สองเป็นมื้อพิเศษอีกเช่นกันที่สโมสรอ่างขางจัดให้
เฉพาะกรุ๊ปเรา คืออาหารยูนนาน ซึ่งไม่มีปรากฏในเมนู
จานเด่นที่ควรลิ้มลองก็คือ ข้าวเฝิ่น ทำจากข้าวโพด ข้าวสาลี โม่บดรวมกัน
ลักษณะเป็นสีเหลืองข้นๆ รสชาติจืดๆ จะกินเปล่าๆเป็นอาหารว่าง
หรือใส่เส้นปรุงน้ำส้มน้ำปลาแบบก๋วยเตี๋ยว
หรือกินกับข้าวซอยสูตรดั้งเดิมแบบยูนนานก็ได้
อีกอย่างที่ติดใจนักหนาคือขาหมูหมั่นโถว แกล้งๆลืมห่วงไขมันไปบ้างก็พบว่า
ขาหมูเปื่อยนุ่มกับหมั่นโถวรสหวานนิดๆทอดกรอบนอกเข้ากันได้ดีจัง
ตบท้ายด้วยผลไม้ตามฤดูกาลคือ สตรอเบอรี่สด โรยไอซิ่ง ราดวิปครีม อืม...
ตกบ่ายเป็นช่วงเวลาชมสวนสวยในบริเวณสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง
เราเดินตามเจ้าหน้าที่เรื่อยไปตั้งแต่สวนบอนไซ
ซึ่งน่าสนใจที่สุดตรงที่เขาไม่ได้ใช้ต้นชาหรือโมกมาทำบอนไซอย่างทั่วไป
แต่เป็นไม้เมืองหนาวทั้งเมเปิ้ล สาลี แอ๊ปเปิ้ล บ๊วย พีช ฯลฯ
เป็นผลงานอันน่าภาคภูมิใจและคว้ารางวัลประกวดมาแล้วด้วย
ที่ตื่นตาตื่นใจหญิงสาวอย่างเราๆมากที่สุดเห็นจะเป็นภายในเรือนเพาะชำไม้ดอก
เมืองหนาว
เพราะทั่วพื้นที่สะพรั่งไปด้วยไม้ดอกไม้ประดับหลากหลายชนิดสวยสดงดงาม
ฉันสัญญาว่าเป็นคุณก็ต้องลืมโลมวุ่นวายไปได้หมด
เพราะธรรมชาติบำบัดอันแสนวิเศษนี่เอง
ภายในโรงเรือนเพาะชำนี้
เขาจัดมุมกาแฟให้นักท่องเที่ยวได้แวะจิบชากาแฟอันเป็นผลผลิตของโครงการหลวง
ด้วย สตรอเบอรี่ปั่นชื่นใจที่สุด กับเค้กมะตูมสักชิ้นก็อยู่ท้อง
จะว่าไปเค้กหรือชากาแฟรสชาติไม่ได้เลอเลิศ
แต่การได้นั่งละเลียดยามบ่ายในสถานที่และบรรยากาศเช่นนี้
ฉันขอบันทึกไว้ว่านี่เป็นมุมกาแฟที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งทีเดียว
ด้านนอกเรือนเพาะชำเป็นแปลงผักและแปลงไม้ผลเมืองหนาว
ที่ยินดีให้นักท่องเที่ยวเดินเข้าไปชมและสัมผัสอย่างใกล้ชิด
ไม่ไกลจากกันเป็นที่ตั้งของโรงคัดบรรจุ
พนักงานซึ่งเป็นคนในพื้นที่กำลังขมักเขม้นแยกพืชผักผลไม้บรรจุลงกล่อง
ก่อนพระอาทิตย์ตก รถห้องเย็นที่มีสัญญลักษณ์ "ดอยคำ"
แล่นออกจากสถานีฯผ่านเราไปอย่างช้าๆ
เส้นทางของผักผลไม้คุณภาพเริ่มต้นขึ้นแล้วก่อนจะถึงมือผู้บริโภคต่อไป
หากมีโอกาสอยากชวนให้คุณได้มาเยือนอ่างขางดูบ้าง
เพราะนอกจากการได้สัมผัสธรรมชาติในบรรยากาศบริสุทธิ์แล้ว
สิ่งพิเศษอีกอย่างที่ฉันยังไม่เคยเล่าให้ใครฟังก็คือ
ความสุขใจที่ได้รับเมื่อเราใช้ชีวิตอยู่ในดินแดนที่อวลด้วยบรรยากาศ
"เย็นศิระเพราะพระบริบาล"
ไม่มีแหล่งท่องเที่ยวใดในโลกให้ความรู้สึกเสมอเหมือนเช่นนี้ได้