เกริ่นนำ เปิดตัว

สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านทุกท่าน
ก่อนอื่นขอแสดงเจตนาบริทธิ์ก่อนว่า ที่เขียนข้อมูลบทความ
หาได้ชวนท่านผู้อ่าน ไปลงทุน หรือเก็งกำไร เพียงบันทึกไว้บางส่วน
หากท่านนำข้อมูลเหล่านี้

ซื้อ หรือ ขาย
กำไร หรือ ขาดทุน

จากข้อมูลเหล่านี้ ท่านต้องเข้าใจด้วยว่า
เงินในกระเป๋าของท่านที่ควักออกมาซื้อหุ้นนั้น
หาได้มีใครเอาปืนมาจี้ ข่มขู่ หรือบังคับ
หากเกิดข้อผิดพลาดจากการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์
ท่านต้องโทษตัวเอง
อย่าหาแพะมารับบาป ห้ามโทษผู้อื่นโดยเด็ดขาด
ด้วยความปราถนาดี โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน

ผมได้รับแรงบันดาลใจจากการเล่นหุ้น นับถือ ศรัทธา เลื่อมใส
หากไม่มีท่านเหล่านี้ ผมคงไม่มีแรงบันดาลใจ เขียนเรื่องเหล่านี้เลยครับ
ขอยกย่องท่านเหล่านี้ ไว้ ณ.ที่แห่งนี้



เฮีย ดับเบิ้ลคอ (เฮียคลายเครียด)
ในภาพจะเห็นได้ว่า เฮียหลบให้ผมโชว์ความหล่อให้ผมคนเดียว
เฮียเป็นคนดี เป็นผู้ใหญ่ที่ผมรักนับถือ เฮียให้ข้อคิดมากมาย
เตือนสติในโลกของการลงทุน เฮียปลอบใจเสมอ

พันคนทุกข์พันอย่าง

เป็นสัจธรรม เฮียตั้งสำนักTemple Boxing School
เป็นผู้บัญญัติคำ มนุษย์หุ้น มันก็เป็นเช่นนั้นเอง
รับปรึกษาและแนะนำได้ทุกอย่าง
ยกเว้นเรื่องยืมตังค์
______________________________________________________




คุณธันวา เลาหศิริวงศ์
จาก...www.thaivi.com

คุณธันวาเป็นนักลงทุน Good Investor
ผมได้เรียนรู้ถึงการบริหารธุรกิจ รู้จัก IBM ดีขึ้น
เห็นถึงความมีจรรยาบรรณ ความโปร่งใสในการประกอบธุรกิจ
ความซื่อตรงต่อการทำงาน ผมปรับเปลี่ยนการลงทุน
ที่ไม่ได้มุ่งหวังแต่ผลกำไร แต่มุ่งไปที่ความสุขใจกับอนาคตตามวิสัยทัศน์
__________________________________________________



หนุ่มน้อยคนนี้มาแทนคุณพ่อ ชาญชัย ยงปิยะกุล
พ่อมดการเงิน ตอบปัญหาได้มากกว่าศิราณีแห่งเดลินิวส์
อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของผม เทคนิคทางคอมพิวเตอร์
เครื่องมือการเขียนบล็อก ตลอดจนโปรแกรม และมากมีน้ำใจ
เสมอต้นเสมอปลายตลอดมา
__________________________________________________



คุณมนตรี นิพิฐวิทยา
ผู้ก่อตั้งเวปไทยวิ ผู้เขียนพ็อกเก็ตบุ๊ค อ่านก่อนรวยถาวรกว่า
ถ้ายังไม่อ่าน จะรวยไม่ค่อยถาวร นะอิอิ
ผมชอบเรียกคุณมนว่า เจ้าสำนัก....
ผู้เกื้อกูล เอื้อเฟื้อ เป็นกันเองมาโดยตลอด

_____________________________________________________________________



คุณวิบูลย์ พึงประเสริฐ
นักเขียนคอลั่มน์นิสต์ ปากกาคม คารมดี
______________________________________________________


คุณเจ๋ง ที่รักวิธีการลงทุน แบบบับเฟต์
สไตล์การลงทุนซื้อทั้งบริษัท เป็นเงินเท่าไหร่....
มันดีนะ มันถูกนะ ทำไมราคามันยังลงมาอีก
นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งในโลกการลงทุนของผม

______________________________________________________


น้องธิติพล ศรัทธาพร
ถึงแม้ว่ายังหนุ่ม แต่ความคิดริเริ่มแบบผู้นำ
อ่านหุ้นเก่ง เขียนกลอนแบบมืออาชีพ
และได้ให้การสนับสนุนผม ได้เขียนเรื่องราวต่างๆมากมาย
ขอบคุณทุกท่านครับ

__________________________________________________________________









______________________________________________________

"ละครบทเก่าของนักเล่นหุ้น "ฆ่าตัวตาย-ประท้วง-คลังแทรกแซง"
จากนิตยสารผู้จัดการ( ธันวาคม 2538)

ข่าวร้ายยุคไร้สติปราบเซียนหุ้นสิ้นปี กดดันให้วิวัฒน์ ศรีสัมมาชีพ
ต้องฆ่าตัวตายประท้วงตลาดหลักทรัพย์เปรียบไปก็เหมือนโศกนาฎกรรม
ในบ่อนการพนัน ที่ผู้เล่นยอมรับกติกาบ่อนไม่ได้และมองโบกในแง่ร้ายกว่า
ความเป็นจริง กติกาที่ว่านี้คือมาตรการฟอร์ชเซลล์ที่บังคับขายหุ้นที่ไปวาง
ค้ำประกันเงินกู้มาเล่นหุ้น เพื่อลดความเสี่ยง

"แม้จะมีการประท้วงด้วยการยิ่งด้วยการยิงตัวตาย ก็ไม่ได้กระทบ
ต่อหน้าที่ของผมเพราะจะทำอะไรต้องมีสติและรอบคอบ ไม่ใช่เมื่อมี
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นแล้ว ทำอะไรไม่ถูก ซึ่งผมจะอยู่หน้าที่ในฐานะ
ผู้นำของตลาดหุ้นต่อไป" เสรี จินตนเสรียืนยัน ฐานะกรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์ต่อไป หลังหายช็อคจากเหตุร้ายที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา

การประท้วงกดดันให้ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ลาออกครั้งนี้ ไม่ใช่ครั้งแรก
ในปี 2525 ยุคตลาดหุ้นที่เคยซื้อขายกันวันละ 250 ล้านบาทต่อวัน ลดเหลือ
เพียงวันละไม่ถึง 10 ล้าน นักเล่นหุ้นรายย่อยแบบมาร์จิ้นต่างเจ็บหนักขณะที่
โบรกเกอร์กลุ่มหนึ่งก็เรียกร้องให้กระทรวงการคลังยุคปู่สมหมาย ฮุนตระกูล
เป็น รมว. คลังเข้าช่วยเหลือภาวะซบเซานี้ ผลจากการแทรกแซงครั้งนั้น
ทำให้สามผู้บริหารระดับสูงของตลาดหลักทรัพย์ยื่นใบลาออก
ได้แก่บัณฑิต บุณยะปานะ ประธานกรรมการ
ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม กรรมการและผู้จัดการทั่วไป
และทวี วิริยฑูรย์ รองผู้จัดการ

ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมาของตลาดหลักทรัพย์โศกนาฏกรรม
ของผู้ลงทุนรายย่อยได้เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2520 หุ้นของราชาเงินทุน
ของเสรี ทรัพย์เจริญที่ปั่นราคาจาก 275 บาท พุ่งขึ้นสูงสุด 2,470 บาท
และภายในปีเดียวกันก็หล่นวูบลงเหลือ 375 บาท บริษัทราชาเงินทุน
มีปัญหาชำระเงินคืนลูกค้าผู้ตั๋วสัญญาใช้เงินไม่ได้ เพราะเช็คเด้งเนื่องจาก
แบงก์กรุงเทพปฏิเสธการจ่ายเงิน จนทางแบงก์ชาติต้องเพิกถอนใบอนุญาต
นักเก็งกำไรที่กู้ยืมเงินทองทั้งหมดซื้อหุ้นเพิ่มทุน เพื่อหวังรวยจากลูกหุ้น
ราคาถูกต่างก็สิ้นเนื้อประดาตัว บ้างก็โดดตึกฆ่าตัวตาย บ้างก็เป็นบ้าเคาะ
กระดานสูง-ต่ำอยู่ในโรงพยาบาลศรีธัญญา เป็นที่น่าสลดสังเวชใจ

แม้เวลาจะเพิ่มประสบการณ์ชีวิต แต่สัจธรรมที่ว่าความโลภไม่เคยปรานีใคร
ก็ทำให้เกิดเหยื่อรายใหม่ ๆ เกิดขึ้นเพราะคิดว่าเป็นคนละเรื่องที่น่าจะออกตัว
ได้ทัน แต่อนิจจา…กรณีของวิวัฒน์ ศรีสัมมาชีพก็เกิดขึ้นฟ้องตัวเองว่ากู้ยืม
เงินเล่นหุ้นและติดหุ้นราคาสูงไว้ เมื่อถูกบังคับขายก็แทบบ้าฆ่าตัวตายเพื่อ
ประท้วงเสรี โชคร้ายที่วิวัฒน์ลืมคิดไปว่า ในการพนันทุกชนิดคนรวยที่สุด
คือ "เจ้ามือ" ส่วนคนที่เล่นชนะแล้วรู้จักเลิกเล่น นั่นแหละคือหนทางรอด

ท่ามกลางความวิตกกังกลเกี่ยวกับปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด
ซึ่ง ดร. สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ คาดว่าจะเพิ่มมากขึ้นถึง 3 แสนกว่าล้านบาท
หรือเกือบจะถึง 7% ของจีดีพี ทำให้นักลงทุนต่างชาติขนย้ายเงินหนีไป
หาตลาดอื่น ๆ กระทบกระเทือนดัชนีหุ้นตกต่ำวันละ 15-20 จุด การแก้ไข
ปัญหาดุลบัญชีเดินสะพัดต้องใช้เวลาหลายปีที่จะลดยอดขาดดุลให้เหลือ
ต่ำกว่า 1% ตามเป้าหมาย ซึ่งใคร ๆ ก็รู้ว่าต่อให้เทวดามาเกิดก็แก้ไม่ได้
ระยะสั้น แต่ที่หยิบกยมาเป็นประเด็นคือความไม่เชื่อมั่นใน
ผู้บริหารกระทรวงการคลัง

"ถ้ามีความมั่นใจ ทุกคนก็จะยอมซื้ออนาคต แต่หลังจากที่ผ่านมา 3 เดือน
ต่างชาติดูแล้วไม่ค่อยแน่ใจก็เลยขายดีกว่า" ดร. สมชายวิเคราะห์เหตุให้ฟัง

วิกฤตการณ์ตลาดหุ้นขณะนี้เป็นหนึ่งในแรงกดดันทางการเมือง ที่มีผลต่อ
เสถียรภาพรัฐบาล และเศรษฐกิจโดยม็อบเซียนหุ้นและโบรกเกอร์ต่างดา
หน้าสู่ทำเนียบรัฐบาล และรุกหนักทางกระทรวงการคลังให้แทรกแซงเข้า
ช่วยเหลือเหมือนละครฉากเก่า ๆ ที่เคยเป็นมา

แรงกดดันทางการเมืองนี้ผลักดันให้บทบาทของสุรเกียรติ เสถียรไทย
ในฐานะประธานกรรมการต้องออกมาทำหน้าที่ "หมอใหญ่" ผ่าตัดรักษา
คนไข้โรคถุงเงินอักเสบ ด้วยมาตรการเสริมสภาพคล่องในตลาดตั้งแต่
วันที่ 20 พ.ย. ศกนี้ ด้วยการจัดสรรเงินกู้ 30,000 ล้านบาทที่ระดมผ่าน
แบงก์กรุงไทยแก่ผู้เล่นหุ้นในอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน 10% ต่อปี

เม็ดเงินที่อัดฉีดไป 30,000 ล้านบาทนี้แบ่งเป็นสองก้อน
ก้อนแรก 10,000 ล้านบาทให้กับนักเล่นหุ้นประเภทมาร์จิ้นผ่อนชำระ
โดยไม่เรียกหลักประกันเพิ่มหรือบังคับขาย ส่วนที่เหลือ 20,000 ล้านบาท
เสริมสภาพคล่องโดยแบงก์กรุงไทยจะเป็นคนคัดเลือกให้สินเชื่อแก่บริษัท
ในสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ ที่จะเป็นผู้กำหนดซื้อหุ้นที่มีสภาพคล่องสูง

นอกจากนี้การปรับลดอัตราอินนิเชียลมาร์จินลงจากเดิมที่คิดใน
อัตรา 40% เหลือ 30% ก็เพิ่มกำลังซื้อให้มากขึ้นเนื่องจากมีเม็ดเงินใหม่ ๆ
เข้ามาเสริมสภาพคล่อง เสริมด้วยมาตรการที่ให้ออกซิเจนแก่คนไข้หนัก
ด้วยการรับจำนำใบหุ้นเก่าซึ่งถือเป็นทางออกสำหรับผู้เล่นหุ้น
ที่ถูกบังคับขายในบางส่วนด้วย

แต่มาตรการระยะสั้นทั้งหลายทั้งปวงที่เร่งเสริมสภาพคล่องของ
ตลาดหลักทรัพย์นี้ มีปัญหาใหญ่ที่หนักหน่วงอยู่ประการเดียว
คือคนไข้ไม่มั่นใจว่า "หมอใหญ่" อย่างสุรเกียรติ์ เสถียรไทย
จะชำนาญโรคหรือไม่ ?!

ดังนั้นข่าวร้ายสิ้นปีนี้จึงอาจจะเป็นแรงกดดันทางการเมืองที่จะทำให้
เกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐมนตรีคลังคนใหม่ในปีหน้า ขณะที่
นักลงทุนรายย่อยก็ต้องเผชิญชะตากรรมยามเศรษฐกิจไร้ฟองสบู่

-----------------------------------------------------------------------------


ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ
แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย

______________________________________________________


ธุรกิจ : Quotes of The Day
วันที่ 15 พฤศจิกายน 2552 09:00
จาก Black Monday ถึง Hamburger Crisis
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์


ทุกๆ เหตุการณ์ข่าวสำคัญ ในหนังสือ 2530-2551
จาก Black Monday ถึง Hamburger Crisis
เพื่อทำให้เข้าใจปัจจุบัน และมองอนาคตได้อย่างถูกต้อง

นับตั้งแต่เหตุการณ์ที่ถูกบันทึกบนหน้าประวัติศาสตร์เศรษฐกิจโลก
Great Depression หรือภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกตกต่ำครั้งใหญ่ที่สุด
ผ่านเลยมาแล้ว 73 ปี (เกิดขึ้นระหว่างปี 2472-2478) จวบจนวันนี้
ยุคข้าวยากหมากแพงก็หมุนกลับซ้อนทับประวัติศาสตร์อีกครา
สัจธรรมของเหรียญที่มีสองด้าน ภายใต้วิกฤติจึงแฝงเร้นไว้ซึ่งหนทาง
อยู่ที่ใครจะพลิกวิกฤตินั้นเป็นโอกาส

เหตุการณ์ Black Monday วันจันทร์ทมิฬที่เกิดขึ้นเมื่อ 19 ตุลาคม 2530
นับเป็นวิกฤติตลาดหุ้นครั้งประวัติศาสตร์ของโลกและของไทย กระทบ
มายังตลาดหุ้นทั่วทั้งโลก เป็นวิกฤตการณ์ที่ต้อนรับการถือกำเนิดของ
หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ (6 ตุลาคม 2530) เพียงไม่กี่วัน
เหตุการณ์ครั้งนี้ก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงกับนักลงทุน
ในตลาดหลักทรัพย์เป็นจำนวนมากแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ดัชนีราคาหุ้น
ลดลงอย่างรวดเร็วจากระดับสูงสุดที่ 472.86 จุด มาอยู่ที่ระดับต่ำสุด
ที่ 243.97 จุด ณ วันที่ 11 ธันวาคม 2530 โดยระดับดัชนีลดลง
ถึง 228.89 จุด หรือ 48.4 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงเวลาไม่ถึง 2 เดือน

พอเกิดเหตุการณ์ Black Monday ฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและ
เอกชนต่างตระหนักถึงผลกระทบและระดมกำลัง ทั้งมีการจัดตั้งกองทุน
และดำเนินมาตรการหลายประการเพื่อแก้ไขสถานการณ์จนคลี่คลาย
ความตื่นตกใจ ทำให้ระดับราคาหุ้นกลับฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

วิกฤติครั้งนั้น ก็คือ “โอกาส” สำหรับใครอีกหลายคน
ในยุคส่งผ่านอำนาจ จาก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มาสู่พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ
หัวหน้าพรรคชาติไทย นายกรัฐมนตรีคนที่ 17 ของประเทศไทย
ได้ก่อให้เกิดประวัติศาสตร์เศรษฐกิจหน้าใหม่ของประเทศไทยที่
ต้องจดจำ ทั้งรีบเร่ง รุ่งเรือง หลงระเริง ฟุ่มเฟือย และเจ็บปวด
ความรู้จักอดออม ดำรงความเป็นอยู่อย่างไม่ฟุ่มเฟือยในยุครัฐบาล
ป๋าเปรม สะสมฐานะทางการคลังจนเข้มแข็ง ส่งต่อผลดีมาถึงรัฐบาล
พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ หันมายึดนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
การคลังเชิงรุก ขยายการลงทุนไปทุกสารทิศบนฝันอยากเป็น
“เสือเศรษฐกิจตัวที่ 5 ของเอเชีย” ยุคนั้นเราจะได้ยินคำว่า NICs
หรือ Newly Industrialized Countries และนโยบาย
“เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้า” อันโด่งดังในยุคน้าชาติ
"No Problem ..ไม่มีปัญหา” เป็นวลีที่ผู้นำพูดให้ได้ยินกันจนติดหู
แม้ยุคนั้นจะใช้การลงทุนเป็นธงนำ แต่ก็ขับเคลื่อนเศรษฐกิจล้อไป
กับนโยบายประชานิยมดีๆ นี่เอง เราได้ยินโครงการอีสเทิร์นซีบอร์ด
เราได้เห็นราคาที่ดินพุ่งทะยานครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่เวลา
ฮันนีมูนของน้าชาติก็มาสะดุดหลังจากเกิดไฟสงครามอ่าวเปอร์เซีย
อิรักบุกยึดคูเวตเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2533 ปัญหาคอร์รัปชันแพร่กระจาย
ในวงกว้าง จนรัฐบาลชุดนี้ถูกตั้งฉายาว่า “รัฐบาลบุฟเฟ่ต์คาบิเนต” ในที่สุด
ก็ถูกคณะรสช.นำโดย "บิ๊กจ๊อด" พลเอกสุนทร คงสมพงษ์
โค่นลงจากอำนาจ

หลังจากคณะรสช.แต่งตั้งนายอานันท์ ปันยารชุน เข้าดำรงตำแหน่ง
นายกรัฐมนตรี เศรษฐกิจไทยยังไม่ทันจะฟื้นตัว รสช.ก็วางแผนสืบ
ทอดอำนาจ วางตัวให้พลเอกสุจินดา คราประยูร ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี
จนเกิดขบวนการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่โดยพลังประชาชน
นำโดยพลตรีจำลอง ศรีเมือง และบานปลายนำไปสู่เหตุการณ์
“พฤษภาทมิฬ” ที่ต้องจดจำ

ในปีเดียวกันนั้นเองก็ได้ก่อกำเนิดนักเลงหุ้นระดับพระกาฬที่ประวัติศาสตร์
ต้องจารึก เขาคือ “สอง วัชรศรีโรจน์” ศิษย์เอกวัดพระธรรมกาย
ที่เข้ามาแสวงหาโอกาสความร่ำรวยจากตลาดหุ้น ผ่านมาแล้ว 16 ปี
จนถึงทุกวันนี้ก็ยังมีชื่อสองอยู่เบื้องหลังหุ้นร้อนหลายต่อหลายตัว

ประวัติศาสตร์ต้องบันทึกอีกครั้งในช่วงปลายปี 2536 ดัชนีราคาหุ้นติด
เครื่องทะยานขึ้นไปอย่างบ้าคลั่ง มีเศรษฐีหน้าใหม่เกิดขึ้นทุกวันในช่วงนั้น
หุ้นทะยานขึ้นไปทำจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ 1,753.73 จุด จนกระทั่งถึง
วันนี้ 15 ปีผ่านไปแล้ว ก็ยังไม่เคยไต่ขึ้นไปถึงจุดนั้นได้อีกเลย

“สูงสุดคืนสู่สามัญ” คือความจริงแท้แน่นอน ไม่มีฟองสบู่ใดจะยืนยาว
และมั่นคงเท่ากับพื้นฐานที่เป็นจริง ในที่สุดงานเลี้ยงก็ย่อมมีวันเลิกรา
รัฐนาวาชวน 1 ดำเนินไปได้พักใหญ่ก็ต้องเผชิญกับปัญหาที่ดิน ส.ป.ก.4-01
ก่อนจะเปลี่ยนผ่านมาสู่รัฐบาลนายบรรหาร ศิลปอาชา กงล้อเศรษฐกิจไทย
เริ่มหมุนอย่างเชื่องช้า ขณะที่ภาคเอกชนยังหลงระเริงเงินกู้บีไอบีเอฟ
โดยไม่หวั่นเกรงความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
ขณะที่ในหลายธุรกิจได้เกิด Over Supply

ปีศาจร้ายเข้ามาเยือนแล้วอย่างเงียบๆ

ในยุค "นายบรรหาร" ตลาดหุ้นไทยต้องถูกบันทึกลงบนหน้าประวัติศาสตร์
อีกครั้ง เมื่อนักลงทุนรายย่อยทนไม่ไหวกับภาวะความตกต่ำ รวมตัวกัน
ประท้วงนายเสรี จินตนเสรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์
และนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลังในขณะนั้น
และแล้ว เสียงปืนก็ดัง เปรี้ยง!!! ณ อาคารสินธร นายวิวัฒน์ ศรีสัมมาชีพ
ลั่นไกหมายปลิดชีพตนเองเพื่อประท้วง แต่ก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์
ใดๆดีขึ้น และก็ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่าปรอทวัดไข้เศรษฐกิจได้ส่งสัญญาณ
ใกล้ถึงจุดระเบิดแล้ว

เศรษฐกิจไทยมาถึง “จุดอับปาง” ในยุครัฐบาลพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ
เกิดวิกฤติต้มยำกุ้งในปี 2540 โดยสัญญาณร้ายเริ่มมีตั้งแต่
“ม็อบโทรศัพท์มือถือ” ก่อตัวประท้วงย่านถนนสีลม เริ่มมีข่าวลือสถาบัน
การเงินถูกปิดกิจการ ในที่สุดก็นำไปสู่การสั่งปิด 56 ไฟแนนซ์ ขณะเดียวกัน
ค่าเงินบาทเริ่มถูกนักเก็งกำไรโจมตีอย่างหนัก ธนาคารแห่งประเทศไทย
ต่อสู้จนทุนสำรองระหว่างประเทศหมด นำไปสู่การประกาศลอยตัวค่าเงิน
บาท และต้องเข้าโครงการขอความช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่าง
ประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ

หลังวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 ได้เกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาอีกหลายระลอก
เศรษฐกิจไทยดำเนินไปด้วยความยากลำบากอย่างที่สุด ธุรกิจน้อยใหญ่
ต้องล้มละลาย ตลาดหุ้นตกต่ำถึงขีดสุดตกจาก 1,753 จุด ลงมาต่ำสุด
204 จุด มี “เจ้าสัวเยสเตอร์เดย์” เกิดขึ้นมากมาย
รวมทั้งได้ก่อเกิดวลีดัง “ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย” ของเจ้าพ่อวงกาเหล็ก
"สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง" และการต่อสู้ชนิดหัวชนฝาของ
"ประชัย เลี่ยวไพรัตน์" เพื่อรักษาอาณาจักรแสนล้าน "ทีพีไอ"
สุดท้ายก็รักษาเอาไว้ไม่ได้

รัฐนาวาชวน 2 เข้ามาแก้ปัญหาในยุคที่เศรษฐกิจไทยมีความหวังเหลือ
เพียงเลือนราง และถูกโจมตีอย่างหนักเมื่อเปิดให้ต่างชาติเข้ามารุมทึ้ง
เศษซากธุรกิจในราคาแบกะดิน นับตั้งแต่รัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
เข้ามาบริหารประเทศ กว่า 5 ปี ด้วยนโยบาย “ประชานิยม” เอาใจรากหญ้า
กงล้อเศรษฐกิจไทยเริ่มขับเคลื่อนไปข้างหน้า แต่ยิ่งรัฐบาลเข้มแข็งมาก
เท่าไร ก็ยิ่งสะสมจุดอ่อนมากขึ้นเท่านั้น และก็นำมาสู่การปฏิวัติรัฐประหาร
ล้างไพ่ใหม่อีกครั้ง

ทุกๆ เหตุการณ์ข่าวสำคัญ ในหนังสือ 2530-2551
จาก Black Monday ถึง Hamburger Crisis เล่มนี้
ให้ประสบการณ์การเรียนรู้ เพื่อทำให้เข้าใจปัจจุบันดีขึ้น
และมองทางเดินไปสู่อนาคตได้อย่างถูกต้อง
“คนเดินถนนที่ราบเรียบตลอดเวลา มักจะชะล่าใจชอบวิ่ง จึงมักหกล้ม
ในที่สุด แต่คนที่เดินบนถนนที่ขรุขระ มักระวังตัวเพราะความกลัวจึง
ปลอดภัย ธรรมชาติมักหยิบยื่นความสามารถให้แก่เรา ถ้าเรารู้เท่าทัน”

เล่มนี้เป็นหนังสืออ้างอิงข่าวเศรษฐกิจ “เล่มแรก-เล่มเดียว” ของ
ประเทศไทย ที่มีคุณค่าอย่างยิ่งต่อการเป็นแหล่งข้อมูลอ้างอิงเสริม
ต่อการเรียนรู้และทำความเข้าใจ “ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไทย”
ตลอดช่วงเวลากว่า 2 ทศวรรษ ภายใต้การพิมพ์ของสำนักพิมพ์
กรุงเทพธุรกิจ Bizbook โดดเด่นด้วยกราฟฟิก “SET Index” มากถึง
21 ภาพ ช็อตคัตให้คุณได้ทำความเข้าใจและเรียนรู้สาเหตุการเติบโต
ตีบตัน ของตลาดทุนไทยในรอบ 21 ปีที่ผ่านมา

นี่คือหนังสือที่ทรงคุณค่าเล่มหนึ่งที่บันทึกประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไทย

Tags : จาก Black Monday ถึง Hamburger Crisis
//www.bangkokbiznews.com/home/detail/business/business/20091115/86425/จาก-Black-Monday-ถึง-Hamburger-Crisis.html
______________________________________________________





Create Date : 24 มกราคม 2550
Last Update : 27 กันยายน 2556 23:18:46 น. 0 comments
Counter : 3835 Pageviews.  
 

P_ปรัชญา
 
Location :
ขอนแก่น Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 63 คน [?]




หยิ่ง
กับตัวเองบ้าง
ในบางครั้ง

เบื่อ
ชีวิตความผิดหวัง
ในบางหน

เกลียด
ความไม่จริงใจ
ในบางคน

ยอมทน
คนหยามเหยียดได้
ในบางที


[Add P_ปรัชญา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com