ไก่ชน"ตัวโปรด"เทาสายฟ้า"

"ธนินท์ เจียรวนนท์"กับ"ไก่ชน"ตัวโปรด"เทาสายฟ้า"เล่นสนุก ๆ ครั้งละหมื่นไม่ถึงแสน (มีคลิป)

//www.matichon.co.th/play_clip.php ... 1327305946

เรามักได้ยินเรื่องราวน่าทึ่งของคนดังหลากหลายคนอย่างที่เราคิดไม่ถึง


“ธนินท์ เจียรวนนท์” ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือซีพี ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ร่ำรวยติดระดับมหาเศรษฐีของโลก มีอีกเสี้ยวมุมเล็ก ๆ ในโลกส่วนตัวที่น่าค้นหายิ่ง

ในโอกาสครบรอบ 15 ปี การจัด “มหกรรมไก่ชน”ขึ้นที่ศูนย์วิชาการและสาธิตพันธุ์ไก่พื้นเมือง ต.ท่าบุญมี อ.เกาะจันทร์ จ.ชลบุรีเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่าน

ซึ่งทางซีพีได้จัดให้มีตลาดนัดสินค้า การประกวดไก่ชนสวยงามชิงแชมป์ประเทศไทย การแข่งขันกีฬาไก่ชนแบบไฟท์เตอร์ การแข่งขันกีฬาไก่ชนสมัครเล่น การแข่งขันกีฬาไก่อาชีพเงินล้านฯ

ชอบเลี้ยง“ไก่ชน”เป็นชีวิตจิตใจ

“ธนินท์”ในวัย 72 ปีที่มาพร้อมกับเสื้อสีส้มและหัวเข็มขัดรูปไก่ได้มาบอกเล่าอย่างเป็นกันเองถึงความผูกพันกับไก่ชนให้ฟังว่า ผมชอบไก่ชนพื้นเมืองของไทยมาตั้งแต่อายุ 9ขวบแล้ว ผมชอบเลี้ยงไก่เป็นชีวิตจิตใจ ไก่ชนของไทยเวลายืนมีลักษณะสง่า เข้มแข็ง เจ้าเนื้อ ถ้าปล่อยตามธรรมชาติเวลาเดิน ท่าทางสง่า พวกผมชอบ ดูได้ทั้งวัน

ผมซื้อไก่ตัวแรกตอนอายุ 11 ขวบ ตอนนั้นผมอยู่ต่างจังหวัดอยู่โรงเรียนประจำที่อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี นำเงินแต๊ะเอีย หรืออั่งเปาที่ได้รับในวันตรุษจีนไปซื้อ โดยชาวบ้านจะเอาไก่มาขาย เราก็ไปคัดเลือกเอาไก่ตัวสวย ๆ มา แต่ไม่มีที่เลี้ยง เพราะไปเรียนโรงเรียนประจำเลยนำไปฝากไว้ที่บ้านครู ครอบไว้ เลี้ยงมาได้ประมาณสัปดาห์ก็ตาย



ผมกับวัลลภ(คุณวัลลภ เจียรวนนท์ รองประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของธนินท์ ) ชอบตีไก่กัน พอตีรู้ว่า แพ้ก็จับให้หยุดเลยให้มันเจ็บน้อยลง ผมเสียดาย ผมถึงเสนอความคิดว่า ในสนามชนไก่ให้นำนวมมาใส่ และให้คะแนนให้มันเจ็บน้อยลงให้เล่นเป็นกีฬา

มีบางคนมองว่า กีฬาไก่ชนเป็นการทรมานไก่นั้น เพราะคนไม่เข้าใจ ไก่ชนเวลาไก่ตัวนั้นไม่ยอมชน เราไปสั่งไม่ได้ ถ้าจะแพ้แล้ว จับให้ไก่ชนกันอย่างไร ไก่ตัวนั้นก็ไม่สู้ เราบังคับไก่ไม่ได้

หากเปรียบเทียบกับกีฬาต่อยมวยของคน ถามว่า ทรมานหรือไม่ ถ้ามวยไม่ทรมาน ไก่ชนยิ่งไม่ทรมาน คนเจ้าของค่ายมวย สั่งให้ต่อยให้ชนะให้ เราบังคับคนได้ แต่ไก่ฟังภาษามนุษย์ไม่เป็น ปล่อยลงไป ถ้าไก่ตัวนั้นไม่สู้ ไก่จะหนีเลย ไม่ต้องเจ็บตัว ที่ตีกันเพราะเขาพร้อมใจจะสู้กัน

สมัยก่อนการตีไก่ ถูกกล่าวหาว่า เป็น“บ่อนตีไก่” แต่ผมมองว่า สนามชนไก่เปรียบเหมือนตลาดหลักทรัพย์ โดยวิธีการในตลาดหลักทรัพย์ เจ้าของหุ้นคือบริษัทขนาดใหญ่ นักการพนันคนที่มีเงินก็มาซื้อหุ้นขายไปขายมา เก็งกำไร

แต่ที่สนามไก่ชน เจ้าของไก่ คือ เกษตรกร เวลามาตีคนที่มีเงินก็มาเล่นการพนัน มีคนเสีย กับมีคนได้ แต่เกษตรกรได้แน่อน เพราะไก่ตัวไหน ตีชนะสามารถขายไก่ตัวนั้นได้เงินเป็นพัน เป็นหมื่นเป็นแสนบาท ตัวเกษตรกรเองมีเงินที่ไหนมาเล่นมากมาย



ผมเองมีเล่นพนันไก่ชนบ้าง แต่ผมพนันน้อย เล่นสนุก ๆ ครั้งละเป็นหมื่นบาท ถึงเล่นเป็นแสนสุดท้ายได้เสีย ก็เป็นหมื่นบาท มีคนบอก คุณธนินท์ออกตัวเร็ว แต่ใจผมพอเห็นไก่ตัวที่จะแพ้ ก็สงสารไปเล่นตัวแพ้ พวกที่เป็นเซียนไก่ เขาเล่นตัวที่ชนะ เงินนี้ไม่ได้ทำให้ไก่ชนะได้ ตัวไก่เองที่ชนะ ผมเองยังไม่เก่งพอ ผมยังดูไก่ตัวไหนชนะยังไม่ค่อยเป็นเท่าไหร่

โดยพันธุ์ไก่ชนที่มีชื่อเสียงของไทย คือ “พันธุ์เหลืองหางขาว” เป็นไก่พันธุ์ของไทยตัวแรกที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชนำไปตีชนะพม่า เรียกกันว่าเป็น “ไก่กู้เมือง” สมัยโบราณกิจกรรมบันเทิงของพระมหากษัตริย์ คือ การนำไก่มาตีกัน

ตอนนี้ผมทำธุรกิจไม่มีเวลาเลี้ยงไก่แล้ว ก็ส่งเสริมให้ชาวบ้านเลี้ยงแทน
แต่ผมมีไก่ตัวโปรดที่มีคนช่วยดูแลอยู่หลายตัว เช่น"เทาสายฟ้า"ชนะมาแล้ว 5 ไฟต์รวด เป็นต้น

หลงเสน่ห์“นกพิราบ”ก่อนเข้าสนามไก่ชน

นอกจากการเลี้ยงไก่ชนแล้ว ผมชอบเลี้ยงนกพิราบด้วย นกพิราบพอปล่อยออกไป มันบินกลับมา แล้วการเลี้ยงนกพิราบก็เพลินเหมือนกัน เราต้องมาเพาะผสมพันธุ์เอง เลี้ยงลูกนกตั้งแต่เกิด 6 เดือนก็เริ่มแข่งได้แล้ว การเลี้ยงไก่ชนยังไม่ได้ใกล้ชิดเท่านก ปล่อยไปวิ่งไปเล่นไปนอนบนต้นไม้

นกพิราบเลี้ยงในกรง เช้า-เย็นก็จับมาดู จะสนิทกับคน ถ้าเลี้ยงดี ๆ นกพิราบจำคนได้ ถ้าเลี้ยงดี ๆ ทุกวัน เขาจะจำคนได้ บินมาเกาะ สื่อสารกับคนเข้าใจ เพียงแต่พูดไม่ได้ นกฉลาดกว่าไก่ แต่ไก่ก็จำคนได้ ถ้าหากใครเลี้ยง หากปล่อยออกมาจะเดินตามเลย

นกพิราบจะไม่เหมือนไก่ เขาจะจับคู่กัน จะไม่แยกกัน คู่ใครคู่มันเหมือนคน กิริยาเหมือนคน เวลานี้ผู้เชี่ยวชาญการเลี้ยงไก่ของผมคนหนึ่ง กลายมาเป็นผู้เชี่ยวชาญการเลี้ยงนกจนได้แชมป์ แต่ไก่ยังไม่ได้แชมป์ แต่นกพิราบได้แชมป์

ผมเคยเลี้ยงนกพิราบหลายร้อยตัว ผมสร้างกรงนก 3 ชั้น ข้างล่างเป็นที่จอดรถ สมัยนั้นที่ผมสร้างกรงนกในประเทศไทยยังไม่มีการเลี้ยงนกพิราบเลย นกพิราบผมนำเข้ามาจากเบลเยี่ยม เช้าไปให้อาหาร เย็นเลิกงานก็ไป ถ้ามีเวลาก็ไปนั่งในกรงนกทั้งวันดูเพลิน แต่ตอนนี้ไม่ได้เลี้ยงแล้ว ผมเป็นภูมิแพ้นกพิราบ จับแล้วมีฝุ่น แต่ถ้าอยากดูก็ให้คนไปจับมา




ผมชอบเลี้ยงไก่มีเชื้อมาจากคุณพ่อ เวลานี้ลูกผมมีคนเดียวที่ชอบนกพิราบ คือ คุณณรงค์ (นายณรงค์ เจียรวนนท์ รองประธานของเจียไต๋) ชอบเลี้ยงนกพิราบ ตอนเล็ก ๆ ไปดูกรงนกพิราบถามว่า ปาป๊าทำไมนกมันตาหวาน ชอบตั้งแต่เด็ก ๆ อย่างนี้สอน หรือถ่ายทอดไม่ได้ เป็นเรื่องที่ติดมากับตัว ลูกชายผมเก่งกว่าผม

ผมชอบเลี้ยงนก ชอบซื้อนก แต่ลูกชายผมไม่ใช่ ถ้าลูกผมไปพบตัวเก่ง ๆ เขาซื้อ 1-2 ตัว แล้วนำมาผสมพันธุ์ จับตัวนี้เข้ากับตัวนี้ ลูกหลานนกที่ออกมาเก่งมากจนมีชื่อเสียงในเมืองจีน ลูกใช้เงินน้อยกว่าผมมาก นกของผมก็ให้เขาจับผสม

มีหลานชายผมอีกคน เป็นลูกชายของลูกพี่ลูกน้องผม คนหนึ่งอยู่ปักกิ่ง อีกคนหนึ่งอยู่เซี่ยงไฮ้ เราได้เปรียบอย่างหนึ่ง โลตัสที่เซี่ยงไฮ้ เราไปเลี้ยงนกบนหลังคาได้

คนเลี้ยงนกพิราบถ้าเจอกัน ฝอยกันทั้งวันทั้งคืน คุยกันไม่จบจนเข้านอน คุยโม้กันว่า ของผมเก่งยังไง มีเรื่องมาแลกเปลี่ยนกัน คุยกันมากกว่าการเลี้ยงไก่ อย่างประเทศไต้หวันมีการเล่นพนันกันสูง จนสุดท้ายรัฐบาลไม่กล้าปิด เพราะแม่บ้านชอบมาก สนับสนุนสามีเลี้ยงนกพิราบ พอเลิกจากงานกลับบ้านเลยดูแลแต่นก

ลุยเปิดสนามชนไก่ทั่วไทยดันโกอินเตอร์

ธนินท์บอกว่า ในสมัยโบราณมีคำพูดที่ว่า “ช้างคู่เมือง ไก่คู่บ้าน”ทุกบ้านต้องเลี้ยงไก่ ไว้กินไข่ กินเนื้อ ไก่ชนที่ชาวบ้านเลี้ยงกันทุกวันนี้ถือเป็นพันธุ์ไก่เนื้อดั้งเดิมของไทยที่เราต้องอนุรักษ์ไว้ ให้อยู่คู่กับคนไทย ตัวเก่งนำไปตีชนะก็มาขายได้เป็นหมื่นเป็นแสนบาท ดีกว่าไปซื้อล็อตเตอรี่ ไม่ต้องไปเล่นหวยใต้ดินมีแต่เสีย เลี้ยงไก่มีแต่ได้ บางคนบอกว่าการเลี้ยงไก่ชนใต้ถุนบ้าน “เปรียบเหมือนตู้เย็นเคลื่อนที่”สมัยโบราณไม่มีตู้เย็นก็ทยอยเชือดไก่ใต้ถุนบ้าน

ซีพีส่งเสริมการเลี้ยงไก่ เมื่อเลี้ยงได้ผลผลิตแล้วไปขายที่ไหน เราต้องสร้างตลาดครบวงจร เลยสร้างสนามชนไก่เป็นที่ขายของของเกษตรกร แต่ถ้าไม่มีสนามชนไก่ มูลค่ามันจะไม่เกิด และก็กลายเป็นสถานที่ทำกิจกรรมบันเทิง สัปดาห์หนึ่งมาที่สนามชนไก่ เพื่อความสนุกสนาน แล้วเกษตรกรก็มาแลกเปลี่ยนความรู้กัน เช่น ทำไมถึงขายไก่ชนได้ราคาเป็นหมื่น มีวิธีการเลี้ยงอย่างไร จะกระตุ้นให้กลับไปเลี้ยง ธุรกิจไก่ชน ขายไม่ได้ ไม่เน่าไม่เปื่อย



ผมจึงมีนโยบายจะขยายสนามชนไก่ไปยังทุกจังหวัด เพื่อส่งเสริมให้มีกีฬาชนไก่เป็นสิ่งถูกกฎหมาย มีระเบียบ มีกติกา ไม่ให้เขาเอารัดเอาเปรียบคนที่มาตีไก่ ไม่โกงกันเป็นที่มาสนุกสนานบันเทิงของเกษตรกรสัปดาห์หนึ่งมาที่สนามชนไก่ครั้งหนึ่งมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ความรู้ กระตุ้นให้ไปเลี้ยงไก่ เลี้ยงแล้วขายไม่ได้ ก็เป็นอาหารโปรตีน ลดรายได้ เท่ากับเพิ่มรายได้

ที่ผ่านมามีหลายประเทศให้ความสนใจพันธุ์ไก่ชนของไทย ทั้งญี่ปุ่น อินโดนีเซีย อินเดีย ปากีสถาน บาเรล ประเทศอิสล่ามตีไก่กันมากที่สุด โดยมีมูลค่าการส่งออกนับร้อยล้านบาท แต่หลังจากเกิดการระบาดของโรคไข้หวัดนก ทางรัฐบาลไทยไม่ให้ความสนใจ จึงเป็นเรื่องน่าเสียดาย เวลานี้มีการลักลอบขายกันไปทางใต้ ผ่านเข้าทางประเทศมาเลเซีย ไปถึงอินโดนีเซีย หากมีการเปิดเสรี และรัฐบาลไทยเอาจริงเอาจัง เราสามารถจะขายพันธุ์ไก่ชนไปยังทุกประเทศในอาเซียน

ผมมองว่า ในอนาคตประชาชนไทยจะร่ำรวยกว่านี้ เพราะคนจะนิยมกินไก่พื้นบ้านกันมากขึ้น แล้วไก่ชนเนี่ยแม้ราคาแพงกว่าไก่เนื้อทั่วไปหลายเท่าคนที่ร่ำรวยก็จะซื้อ

ยกตัวอย่าง ประเทศญี่ปุ่นประเทศที่มีความเจริญทางด้านเทคโนโลยี แต่คนทำนาจะต้องมีไก่ชนเลี้ยง ทุกหมู่บ้านจะมีสถานที่สำหรับไว้ตีไก่ ขณะที่รัฐบาลญี่ปุนจะจัดสนามชนไก่ โดยได้นำสายพันธ์ของไทยไปพัฒนา ปรากฎว่า สามารถเลี้ยงได้ ทุกหมู่บ้านที่ญี่ปุ่นมีสนามตีไก่ แล้วรัฐบาลญี่ปุ่นจัดสนามชนไก่ประกวด

ญี่ปุ่นพัฒนาน้ำหนักไก่ของไทยจาก 3 กิโลกรัม ขึ้นไปถึง 7 กิโลกรัมแล้ว ตัวใหญ่ขึ้น ๆ การอนุรักษ์ไก่มีค่ากว่าสัตว์ทุกชนิด ไก่ชนเราสืบพันธุ์ได้ ญี่ปุ่นยังซื้อไก่ชนของไทยไปชน เรียกว่า “ไก่สยาม”

อย่างไรก็ตาม นายธนินท์กล่าวทิ้งท้ายว่า เราทำธุรกิจได้กำไรจากไก่ เราอยากคืนให้สังคม ให้กับคนยากจนที่ไม่มีโอกาส ใครเลี้ยงไก่หรือเลี้ยงนก ยิ่งวัยรุ่นเลี้ยงไก่หรือนก รับรองไม่ติดยาเสพติด พอเลิกจากโรงเรียนต้องมาเลี้ยงไก่ ต้องอาบน้ำให้ไก่ คนเลี้ยงไก่ รักไก่ยิ่งกว่าลูก บางคนไม่เคยอาบน้ำให้ลูก แต่อาบน้ำให้ไก่ เช้า-เย็น ไม่เคยกางมุ้งให้ลูก แต่ต้องก้างมุ้งให้ไก่ทุกวัน




 

Create Date : 23 ตุลาคม 2555   
Last Update : 23 ตุลาคม 2555 12:46:15 น.   
Counter : 11298 Pageviews.  


รุ่น ดอนเศรษฐี


องค์จตุคามรามเทพ รุ่น “ดอนเศรษฐี”

เป็นรุ่นที่ แอ๊ด คาราบาว รับเป็นประธานดำเนินการจัดสร้าง
ออกแบบ และควบคุมการผลิตทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง

มีคุณพยัค คำพันธุ์ นายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องบูชาไทย
รับเป็นประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์

พิธีกรรม พิธีบวงสรวง พิธีเทวาภิเษก และพิธีมหาพุทธาภิเษก
๑. บวงสรวงเทวดาฟ้าดินขอใช้มวลสาร บนเขาใหญ่
นครราชสีมา (๓๐ มิ.ย.๕๐)
//www.carabao.bz/jatukam.htm
_________________________________________________________

ปีที่ 59 ฉบับที่ 18361 วันอังคาร ที่ 29 เมษายน 2551

เลขเป็นมงคล คือ 9 ซึ่งถือว่า จะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างก้าวหน้า...!!!


จตุคามรามเทพ รุ่น ดอนเจดีย์ ของ วัดท่ากุ่ม สุพรรณบุรี
ซึ่ง พระครูธรรมธรสุวรรณ เจ้า อาวาสได้มอบหมายให้
นายยืนยง โอภากุล เป็นผู้ ดำเนินการ
โดยถือว่า สร้างในแผ่นดินรัชกาลที่ 9 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์

จึงเลือกเอา มวลสาร 9 ชนิด คือ อิฐสถูปเก่า ดอนเจดีย์ ผงพุทธคุณ
ตะกรุดโทนหลวงพ่อแพรวัดพิกุลทอง ผงพระเบญจภาคี
สมเด็จบางขุนพรหม สมเด็จวัดเกษไชโย
ผงจาก นายณสรรค์ ลูกชาย พลตำรวจตรีขุนพันธรักษ์ราชเดช
จาก โกหว่า ทุ่งสง ศิษย์ผู้น้องขุนพันธฯ และ เหล็กไหลจากเจ้ายอดศึก
ผู้นำรัฐฉาน...โดย นายยืนยง โอภากุล เป็นผู้ออก แบบ บริหารและจัดการฯ

แล้วนำมวลสารมาบดผสมกัน จากนั้นได้ทำ พิธีกดพิมพ์นำฤกษ์
ณ หน้าอนุสรณ์สถานดอนเจดีย์พร้อมกัน
9 ลูก ใน วันที่ 9 เดือน 9 เวลา 9 นาฬิกา
และในวันนั้น นาย ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานเครือเจริญโภคภัณฑ์
ทำการ ประมูลไปในราคา องค์ละ 999,999 บาท...

ในพิธีได้นำช้าง 9 เชือกเข้าร่วมอย่างมโหฬาร จนเป็นที่ตื่นตา ตื่นใจ
ของพี่น้องชาวจังหวัด สุพรรณบุรี....ให้เป็นนิมิต หมายที่ดียิ่ง
ในการนำสัตว์ มงคลเข้าร่วม โดยเชื่อว่าจะเป็นมงคล
แก่ผู้ที่มีจตุคามฯ รุ่นนี้ไว้ครอบครอง

พอพิธีกรรมเริ่มด้วย นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานจุดเทียนชัย
พระสงฆ์สวดบริกรรมคาถา เหล่า สมาชิกวงดนตรีคาราบาว
ตั้งเป็นขบวนช้างศึกอันยิ่งใหญ่วนปริมณฑล 3 รอบ และอนุญาตให้
ประชาชนได้ถ่ายภาพและ ลอดงาช้างศึกที่กำลังทำศึกเพื่อเป็นสิริมงคล


_______________________________________________________


รูปนี้คงเป็นรูปประวัติศาสตร์ ขอบันทึกไว้ ณ.ที่นี้

_______________________________________________________

แอ๊ด คาราบาวครั้งแรกออกแบบปั๊มจตุคามฯ
5 กันยายน 2550 17:42 น.



กระแสจตุคามรามเทพส่งผลให้ "ใครๆ หน่วยงานไหนๆ
และองค์กรใดๆ ต่างก็สร้างจตุคามฯ" ออกมาให้เช่าบูชา
จนกลายเป็นว่าขณะนี้มีการสร้างจตุคามฯ
ออกมาให้เช่าบูชาเกิน ๑,๐๐๐ รุ่นแล้ว
โดยล่าสุดนายยืนยง โอภากุล หรือ แอ๊ด คาราบาว
ศิลปินเพลงเพื่อชีวิตก็จัดสร้างจตุคามฯ รุ่นดอนเศรษฐี

การเข้ามาเป็นประธานดำเนินการจัดสร้างจตุคามฯรุ่นนี้
ของ แอ๊ด คาราบาว หลายคนอาจจะมองว่าเขาเป็นมือใหม่
ของการสร้างพระ และก็เป็นคนหนึ่งที่ฉวยโอกาสกระแสจตุคามฯ
แต่แท้ที่จริงแล้ว แอ๊ด คาราบาว มีประสบการณ์การสร้างพระเครื่อง
ที่ผ่านมาที่ถือว่าโด่งดังและเป็นที่รู้จักอย่างมาก
คือ การสร้างเหรียญหลวงพ่อคูณ รุ่นคนสร้างชาติ
พร้อมๆ กับออกอัลบั้มเพลงหลวงพ่อคูณด้วย



แอ๊ดคาราบาว เล่าว่า ตลอดระยะเวลากว่า ๓๐ ปีที่ช่วยเหลือชาวบ้าน
ใน อ.ดอนเจดีย์จ.สุพรรณบุรี ที่ยากจนเพื่อให้สังคมมีทางออก
จึงร่วมกับวัดท่ากุ่ม สร้างโรงเรียน เพื่อให้นักเรียนที่ยากจนได้เรียนหนังสือ
ฟรี ทำให้มีความคุ้นเคยกับเจ้าอาวาส ท่านขอให้เราสร้างจตุคามฯ
เพื่อจะได้นำปัจจัยมาช่วยสร้างเสนาสนะให้วัด จีงรับปากไว้เมื่อครั้งอยู่ใน
อาการเมาไม่ได้สติจากดื่มสุรา จึงลืมไม่รู้ว่ารับปากท่านไว้ กระทั่งวันหนึ่ง
ท่านมาสอบถามความคืบหน้า เพื่อไม่ให้เสียสัจจะจึงต้องดำเนินการสร้างให้
พร้อมทั้งอาสาเป็นผู้ศึกษาแล้วออกแบบจตุคามฯรุ่นนี้เองด้วยการค้นคว้า
ศิลปะศรีวิชัย ย้อนลงไปถึงสมัยลังกาวงศ์ เพราะศิลปะศรีวิชัยมาจากลังกา
ทำให้องค์จตุคามฯ ที่สร้างมาเหมือนคนอินเดียโบราณ ถามว่าผิดแบบของ
จตุคามฯ หรือไม่ เพราะที่มาผ่านมาการสร้างจตุคามฯ จะถูกแบบหรือไม่
"ทุกวันนี้ต่างคนต่างคิดเพื่อหาเอกลักษณ์ แต่การออกแบบครั้งนี้ยืนยันว่าเรา
มีองค์ดำ คือสมเด็จพระนเรศวรร่วมอยู่ด้วย จึงเป็นองค์เทพที่ซ้อนกัน ฉะนั้น
ช้างจึงเป็นตราของสมเด็จพระนเรศวร หรือตราพญานาค ขององค์ราชันดำ
โดยใช้เวลาออกแบบประมาณ ๑๐ วัน
นับว่าโชคดีที่ได้รับความเมตตาจาก
คุณธนินท์ เจียรวนนท์ เป็นประธานกิตติมศักดิ์
คุณพยัพ คำพันธุ์ เป็นประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์" แอ๊ด คาราบาว กล่าว



วัตถุประสงค์ในการจัดสร้างจตุคามฯครั้งนี้
๑.สร้างศาลาการเปรียญและรั้ว วัดท่ากุ่ม
๒.สร้างเขื่อนหน้าบ้านท่ากุ่ม(แม่น้ำท่าคอย)
๓.สร้างอุโบสถวัดหนองขุม
๔.สร้างพระธาตุวัดสระด่าน
๕.หล่อองค์พระนเรศวรเท่าองค์จริงถวายวัดหนองสาหร่าย
๖.ขยายที่ให้วัดบ้านลาด๗.สร้างโรงครัววัดบ้านลาด
๘.สมทบทุนเข้าสภาครูพระสอนธรรมอ.ดอนเจดีย์
๙.บริจาคซ่อมแซมสร้างหอสวดมนต์วัดใหม่สุวรรณภูมิ
๑๐.ซ่อมศาลาการเปรียญวัดศรีมงคลอ.กุมภวาปีจ.อุดรธานี
๑๑.กองทุนปราบปรามยาเสพติดสภ.อ.ดอนเจดีย์
๑๒.โรงเรียนกรรณสูตโรงเรียนสุวรรณภูมิ โรงเรียนอนุบาลสุพรรบุรี
๑๓.กองทุนการศึกษานักเรียนผู้ยากไร้ในความอุปถัมภ์
ของมูลนิธิแอ๊ดคาราบาว
๑๔.สมทบทุนมูลนิธิช่วยชนบทสร้างโรงเรียนบ้านแม่ละนา
อ.ปางมะผ้าจ.แม่ฮ่องสอน
๑๕.มอบจตุคามฯรุ่นดอนเศรษฐี ให้ทหาร ตำรวจ
ที่ปฏิบัติงานในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
๑๖.มอบรายได้สมทบกองทุนของสมาคมส่งเสริมอาชีพไก่ชนไทย

สำหรับมวลสารที่ใช้ในการสร้างครั้งนี้คือ พระเครื่องชุดเบญจภาคีที่ชำรุด
และชนวนมวลสารทั้งหมดที่ใช้ในการจัดสร้างจตุคามฯ
รุ่นขุมทรัพย์สี่แผ่นดิน โดยนายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่อง
พระบูชาไทย (พยัพคำพันธุ์)
คุณพิศาลเตชะวิภาค (ต้อยเมืองนนท์)
เป็นผู้มอบให้ชนวนมวลสารทั้งหมดที่ใช้ในการจัดสร้างจตุคามฯ
รุ่นเจ้าสัวอึ้งค่ายท่าย เศรษฐีใจบุญ เงินไหลนอง ทองไหลมา
เช่น พระกรุท่าเรอ นางตรา นาคคาม นาสน ถ้ำพรรณราที่ชำรุด
ผงวิเศษเขาอ้อ ลูกอมพ่อท่านคล้าย คลิ้ง เขียว ทิม
คุณวรศักดิ์ อดิเทพวรพันธุ์ (โกหว่าทุ่งสง) เป็นผู้มอบให้ฯลฯ




จากนี้แล้วแอ๊ด คาราบาว ยังบอกถึงที่มาของใช้ชื่อรุ่นดอนเศรษฐี
ด้วยว่า เดิมทีในสมัยศรีวิชัยนั้น องค์เจ้าจันทรภาณุ ซึ่งเป็นกษัตริย์ครองเมือง
ศรีวิชัย พระองค์นั้นได้ชื่อว่า ราชันดำ เพราะพระองค์มีพระวรกายเป็นสีดำ
ท่านเป็นกษัตริย์นักรบที่ขับไล่ผู้ที่ครองเมืองนครศรีธรรมราช เมื่อพระองค์
เข้ามาครองเมืองบรมกษัตริย์ของนครศรีธรรมราช สั่งให้สร้างพระธาตุเมือง
นคร ในที่สุดเมื่อพระองค์มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา
หลังจากสวรรคตจนกลายเป็นเทพประจำพระธาตุนครมาจนถึงปัจจุบัน

แต่ทั้งนี้เดิมทีเจดีย์ยุทธหัตถี ณ ดอนเศรษฐีนั้น สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
โปรดให้ทรงสร้างเมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๑๓๕ หลังจากที่ทรงกระทำ
ยุทธหัตถีมีชัยต่อพระมหาอุปราชา เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งการทำยุทธหัตถี
และเป็นการอุทิศส่วนกุศลเมตตาและอภัยทานแก่ผู้รุกรานแผ่นดินไทย
ต่อมาราวปี ๒๕๓๐ กรมศิลปากรบูรณะองค์เจดีย์ยุทธหัตถี มีการขนย้ายอิฐ
ดั้งเดิมขององค์เจดีย์เก่าออกไปไว้ที่วัดท่ากุ่ม เพราะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์จึงต้อง
นำไปถวายวัด ตำนานสมเด็จพระนเรศวร และแผ่นอิฐเจดีย์โบราณนี้
คือความเป็นมาของชื่อจตุคามฯ องค์ราชันดำ รุ่นดอนเศรษฐี

ผมบอกได้เลยว่าตั้งแต่ได้เริ่มต้นมาจับจตุคามฯมีเงินไหลเข้ามาเกี่ยวกับ
อาชีพที่ทำประมาณ ๒๐ ล้านบาท โดยไม่ได้เกี่ยวกับการสร้างจตุคามฯ
แต่เงินเข้ามาอย่างไม่คาดฝันจริงๆ ยิ่งนับวันยิ่งศรัทธาองค์พ่อจตุคามฯ
มากขึ้น วันนี้ขอประกาศเลยว่าสร้างรุ่นนี้เพียงรุ่นเดียวจะไม่สร้างอีกแล้ว
เพราะภาพเราไม่ใช่พ่อค้าไม่ใช่คนสร้างพระ ที่ทำก็เพื่อต้องการให้เป็น
อนุสรณ์ให้วัดท่าบุ่ง เราสร้างเสร็จก็ให้วัดจัดการกันเอง ส่วนเราก็ถือว่าจบ
แล้ว" แอ๊ด กล่าวทิ้งท้าย อย่างไรก็ตามในพิธีพุทธาภิเษกวันศุกร์ที่ ๗
กันยายน ณ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.สุพรรณบุรี ตั้งแต่เวลา ๑๔.๐๐ น.
มีการสวดนพเคราะห์ประจำวันเกิดเป็นสิริมงคลแก่ผู้เข้าร่วมพิธี
นอกจากนี้แล้วยังมีคาราวานชมรมออฟโรดและชมรมช็อปเปอร์ไปร่วมงาน
ขณะเดียวกันเพื่อเป็นการเฉลอมฉลอง
ช่วงเย็นยังมีฟรีคอนเสิร์ตคาราวบาวเต็มวง
ที่วัดท่ากุ่ม ต.หนองสาหร่าย อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี ให้ชมอีกด้วย


เรื่องสุทธิคุณ กองทอง
ภาพประเสริฐ เทพศรี

ที่มา:คมชัดลึก
//www.komchadluek.net/2007/09/0...news_id=134040
______________________________________________________

ภาพพิธีกรรม ปั๊ม ปลุกเสก ขนเขาใหญ่ โบนันซ่า


พระเทวราชโพธิสัตว์ จตุคามรามเทพ มหาราช องค์ราชันย์ดำ รุ่น ดอนเศรษฐี


ฉัตรเงิน-ฉัตรทอง ธงปลิวไสว


มวลสารใช้ทำวัตถุมงคล รุ่นดอนเศรษฐี


นำมากองกันไว้


.....เหล็ก ก้อนไหนล่ะเนี่ย


เครื่องของบูชา ครู บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ บอกให้ฟ้าดินรับรู้




มีงานที่ไหน นักข่าวก็มีการสัมภาษณ์


สงสัยก้ม หา เลขเด็ด












อราธนาศีล กราบไหว้พระ ก่อนเริ่มพธี


รับศีล รับพร ฟังบทสวดมนต์




พระฤาษี




พิธีกรรมเริ่มด้วย นายธนินท์ เจียรวนนท์
ประธานจุดเทียนชัยพระสงฆ์สวดบริกรรมคาถา


บวงสรวงเทวาพิเศก สักการะเซ่นไหว้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทั้งสามโลก


ท่านเจ้าสัว กดองค์นำฤกษ์ (มหาฤกษ์-มหาชัย)


ภาพ ที่ต้องจารึก แห่งวงการพระเครื่องเมืองไทย


แอ๊ด คาราบาว นักร้องเพลงเพื่อชีวิต ผู้ยิ่งใหญ่


คุณพยัพ คำพันธุ์ เป็นประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์


คุณต้อย เมืองนนท์


อ็อด คาราบาว






__________________________________________________________
รูปที่แปะลงนี่ ได้รับจากผู้หวังดีส่งมาให้ ผมเลยนำลงไว้ดู
พระรุ่นนี้ผมไม่มีเลยแม้องค์เดียว (อยากได้เหมือนกัน)
ไม่ได้มุ่งหวังทางการค้า ไม่มีจิตหรือเจตนาล่วงเกิน
ท่านหนึ่ง ท่านใดเลย เก็บไว้ชื่นชมความดีงาม การเสียสละ
การสร้างคุณงามความดี
ขอแสดงความนับถือทุกท่านครับ
_______________________________________________________




รูปแบบ ด้านหน้า และ ด้านหลัง


_______________________________________________________
ภาพบรรยากาศงานพิธีมหาพุทธา-เทวาภิเษก 9-9-2550























ขอขอบคุณ ภาพจากเวป คาราบาว
//www.carabao.net/




1. ผงไม้เทพทาโร (มหาอำนาจ)
โรยผงแร่วังโบราณ
ขนาด 5.5 เซ็นติเมตร



2. ผงไม้ตะเคียนดำ (มหาโชคมหาลาภ)
โรยผงแร่วังโบราณ
ขนาด 5.5 เซ็นติเมตร



3. ผงไม้กากยายักษ์ (ป้องกันคุณไสย)
โรยผงแร่วังโบราณ
ขนาด 5.5 เซ็นติเมตร



4. ผงไม้ขาว (ทำมาค้าขึ้น)
โรยผงแร่วังโบราณ
ขนาด 5.5 เซ็นติเมตร


5. ผงไม้ว่าน 108 (พุทธคุณ)
โรยผงแร่วังโบราณ
ขนาด 5.5 เซ็นติเมตร



6. ผงไม้ก้นครก (รวมพุทธคุณทั้งหมด)
ขนาด 5.5 เซนติเมตร



7. เนื้อผงทรงกลด (ทรงฤทธิ์)
ขนาด 5.5 เซนติเมตร



8. เนื้อผงทรงกลดปัดทอง (ทรงฤทธิ์)
ขนาด 5.5 เซนติเมตร



9. ผงไม้ก้นครกปิดทองฝังทับทิมเศรษฐี
รุ่นพิเศษ


10. ล็อกเก็ต ฝังเหล็กไหล!
ที่ยอดเจดีย์ ภายในบรรจุ
มวลสาร รุ่นดอนเศรษฐีอย่างครบถ้วน
ขนาด 3.2 เซ็นติเมตร



_______________________________________________________



“แอ๊ด-เจ้าสัวธนินท์” เพื่อนซี้ต่างขั้ว
โดย ผู้จัดการรายวัน 12 พฤษภาคม 2551 11:27 น.


‘ไก่ชน’ คือความชอบส่วนตัวของเจ้าสัวซีพีและราชาเพลงเพื่อชีวิต
_________________________________________________________

จะมีกี่คนที่รู้ว่านักธุรกิจที่ร่ำรวยติดอันดับ 1 ใน 3
ของประเทศอย่าง ‘เจ้าสัวธนินท์’
จะมีเพื่อนซี้เป็นนักร้องเพลงเพื่อชีวิตที่ชื่อ‘แอ๊ด คาราบาว’
ว่ากันว่าเขาทั้งสองซี้ปึ้กกันมาถึง 10 ปีและไม่มีความแตกต่างใดๆ
จะมาขวางกั้นสายสัมพันธ์ของคำว่า ‘เพื่อน’



(ภาพนี้น้อยคนนักที่จะเคยเห็น)

สายสัมพันธ์ดังกล่าวถูกถ่ายถอดผ่านถ้อยคำของ‘ ยืนยง
โอภากุล’หรือ ‘แอ๊ด คาราบาว’ ศิลปินเพลงเพื่อชีวิต
ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครด้วยน้ำเสียงอันก้องกังวาน
และท่วงท่าการชูมือขวาเป็นรูปเขาควาย แอ๊ดเล่าว่า
เขากับประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร
เครือเจริญโภคภัณฑ์ นาม ‘ธนินท์ เจียรวนนท์’
มีโอกาสได้รู้จักกันเมื่อประมาณ 10 ที่ผ่านมา
ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ผู้ยิ่งใหญ่จากสองวงการโคจรมาพบกัน
ก็คือกีฬาพื้นบ้านอย่าง ‘ไก่ชน’ ที่คนทั้งคู่ชื่นชอบนั่นเอง

“ ผมกับท่านประธาน (ธนินท์ เจียรวนนท์)
รู้จักกันเมื่อประมาณปี 2540
เราไปเจอกันในงานชนไก่นานาชาติ ที่พนัสนิคม จ.ชลบุรี
ซึ่งทางสมาคมอนุรักษ์และพัฒนาไก่พื้นเมืองไทย
ของอาจารย์ปรารถนา งามวงศ์วาน เป็นผู้จัด
คือสมัยเด็กๆผมเคยเลี้ยงไก่ชน
พอเห็นข่าวในหนังสือพิมพ์ว่าจะมีงานชนไก่ที่พนัสนิคม
โดยจะมีการนำไก่พันธุ์ต่างๆ ไก่เวียดนาม ไก่จีน ไก่ลาว
ไก่พม่า ไก่ไทยมาจัดแสดงผมก็สนใจ เลยไปดู
แล้วก็ได้พบกับท่าน(คุณธนินท์)
ตั้งแต่นั้นท่านก็ให้ไก่ผมมาเลี้ยง แล้วก็ติดต่อกันเรื่อยมา คือ
คุณธนินท์ ท่านชอบไก่ชนเป็นชีวิตจิตใจ
บางครั้งท่านก็แนะนำเรื่องการดูไก่ชน ให้ดูเกร็ด ดูสายพันธุ์
อย่างสายพันธุ์ไซง่อน จากเวียดนาม
ผมก็ได้สัมผัสครั้งแรกเพราะว่าท่านเป็นคนมอบให้
ท่านให้พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ที่สวยมาก
แล้วก็พาไปดูฟาร์มที่ท่านทำไว้

ผมกับท่านก็เจอกันค่อนข้างบ่อยนะ
ช่วงว่างก็เจอกันตลอด ส่วนใหญ่ท่านจะไปชนไก่
่ที่โบนันซ่า เขาใหญ่ คือที่นั่นเป็นสนามชนไก่ของ
สมาคมส่งเสริมอาชีพไก่ชนไทย ซึ่งผมเป็นนายกสมาคมอยู่
และที่ตั้งขึ้นมาก็เพราะแรงผลักดันของท่านประธานน่ะแหล่ะ
เราก็ไปเช่าสนามชนไก่ของพี่ไพวงษ ์
(ไพวงษ์ เตชะณรงค์ ประธานกรรมการ โรงแรมโบนันซ่า เขาใหญ่)
แล้วก็ทำกันเป็นล่ำเป็นสัน คือต้องการให้ที่นี่เป็นศูนย์กลาง
ของการแลกเปลี่ยนซื้อขายไก่ชนด้วย
แล้วก็เป็นสนามที่ได้มาตรฐานถูกต้องให้เป็นแบบอย่าง
กับสนามอื่นๆ เหตุที่สนิทกันก็อาจเป็นเพราะผมกับท่าน
มีอะไรคล้ายๆกัน ลูกผู้ชาย จะคบกับใครนี่ให้ใจเต็มร้อยเลย”
แอ๊ด บอกเล่าถึงสายสัมพันธ์อันยาวนาน


( ธนินท์และ แอ๊ด คาราบาว มักเจอกันในงานประกวดไก่ชน )

ธุรกิจไม่สำคัญเท่าคำว่า‘เพื่อน’
คำว่า‘ให้ใจเต็มร้อย’ที่แอ๊ด คาราบาวกล่าวถึงนั้น
มิได้เป็นเพียงคำพูดสวยหรูระหว่างเขาและเจ้าสัวธนินท์
หากแต่สามารถยืนยันได้จากหลายเหตุการณ์
เพราะไม่ว่าแอ๊ดจะทำงานอะไร ผู้บริหารใหญ่ของซีพี
ก็ยินดีที่จะหยิบยื่นน้ำใจให้แก่เพื่อนรักคนนี้เสมอ
ธนินท์ยอมสละเวลาจากธุรกิจหมื่นล้านมาคำให้ปรึกษา
แก่แอ๊ดเมื่อครั้งที่ราชาเพลงเพื่อชีวิตตัดสินใจจะลงทุน
ทำธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังภายใต้ชื่อ ‘คาราบาวแดง’
ถึงขนาดที่มีการกล่าวขานกันว่าเจ้าสัวธนินท์เป็น
ผู้ที่ดันคาราบาวแดงให้แจ้งเกิด

ประธานใหญ่ของซีพีไม่เคยมีท่าทีเหนื่อยล้ากับการเดินทาง
ไปร่วมงานต่าง ๆ ที่มีแอ๊ดเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง
ไม่ว่าจะเป็นพิธีเปิดสนามไก่ชนโบนันซ่า
พิธีปลุกเสกมวลสารและพิธีกดพิมพ์นำฤกษ์จตุคามรุ่น‘ดอนเศรษฐี’
ที่แอ๊ดเป็นผู้จัดสร้าง เพื่อนำรายได้ไปบูรณะวัดท่ากุ่ม
จ.สุพรรณบุรี หรือแม้แต่งานขึ้นบ้านใหม่ของแอ๊ดเมื่อปลายปี
2543 ธนินท์ก็ยังไปร่วมแสดงความยินดี

ซึ่งน้ำจิตน้ำใจที่เจ้าสัวซีพีมีให้แก่เพื่อนรักต่างขั้ว
ที่ชื่อ แอ๊ด คาราบาว นั้นกลายเป็นเรื่องที่ลูกน้องและคนใกล้ชิด
ของเจ้าสัวต่างก็คุ้นชินกันดี

คนใกล้ชิดของธนินท์เล่าให้ฟังว่า “
ท่านประธานธนินท์ถึงกับยอมยกเลิกนัดกับนักธุรกิจชาวจีน
ซึ่งนัดหมายกันว่าจะพบเพื่อเจรจาธุรกิจกัน
แล้วท่านก็ให้คนจองตั๋วเครื่องบินด่วน
เพื่อบินกลับมาเป็นประธาน
ในงานกดพิมพ์นำฤกษ์จตุคามที่คุณแอ๊ดเป็นคนจัดสร้าง
คือท่านบอกว่า ‘งานของเพื่อนรัก ไม่ไปไม่ได้’
ท่านคงมองว่าธุรกิจลงทุนใหม่ได้ แต่เพื่อนแท้หาซื้อไม่ได้ ”


( ความสง่างามของควายไทยทำให้เจ้าสัวธนินท์หลงรัก )

ขณะเดียวกัน แอ๊ด คาราบาว
ก็เทใจให้แก่ท่านประธานธนินท์เช่นกัน
เพราะแอ๊ดนั้นรู้สึกว่าเจ้าสัวธนินท์มีฐานะเป็นทั้งเพื่อน
และครูที่ให้ความรู้และมุมมองชีวิตแก่เขา
เป็นผู้ใหญ่ที่เขาให้ความเคารพและศรัทธามาตลอด
ระยะเวลา 10 ปี ดังนั้นไม่ว่างานไหนที่ศิลปิน
อย่างเขาพอช่วยได้แอ๊ดก็จะเสนอตัวเข้าไปโดยไม่มีคำว่าค่าตัว
ล่าสุดนอกจากแอ๊ดจะปลีกเวลาจากการทัวร์คอนเสิร์ต
ไปร่วมในงานเปิดศูนย์อนุรักษ์และพัฒนาควายไทย
ที่ จ.ชลบุรี ซึ่งก่อตั้งโดยธนินท์ เจียรวนนท์ แล้ว
เขายังแต่งเพลง ‘เลี้ยงควายกันเถอะ’
ให้แก่ศูนย์แห่งนี้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการรณรงค์ให้เกษตรกร
หันมาอนุรักษ์ควายไทยกันมากขึ้น

“คือเวลาเปิดเพลง ‘เลี้ยงควายกันเถอะ
’ก็อยากให้คนรู้ว่าเรามีศูนย์อนุรักษ์ควายไทย
แล้วก็ชวนให้คนมาเลี้ยงควายกันเยอะๆ
เพราะปัจจุบันประเทศไทยมีควายไทยเหลือไม่ถึง 1 ล้านตัว
แล้วขนาดก็เล็กกว่าแต่ก่อนมาก
ท่านประธานธนินท์เลยคิดทำศูนย์อนุรักษ์ควายไทยขึ้นมา
โดยไปซื้อพ่อพันธุ์ควายตัวใหญ่ๆ
จากงานประกวดควายมารีดเอาน้ำเชื้อ แล้วเอาน้ำเชื้อมาแจกชาวบ้าน
เพื่อนำไปผสมกับแม่พันธุ์ที่ร่างกายแข็งแรง
เราเชื่อว่าถ้าทำโครงการนี้ต่อไปเรื่อยๆ
ภายใน 20 ปีประเทศไทยจะมีควายถึง 20 ล้านตัว
ผมเองก็จะช่วยรณรงค์โครงการนี้ด้วย”
แอ๊ดพูดถึงโครงการอนุรักษ์ควายไทยที่เขาเข้าไปช่วยงานเจ้าสัวธนินท์



เจ้าสัวคนดังฟังเพลงคาราบาว-กินข้าวร้านลาบ

แม้ต่างคนจะต่างบุคลิกต่างที่มา
แต่น่าแปลกว่านักธุรกิจหมื่นล้านอย่าง‘ประธานซีพี’
กับศิลปินเพื่อชีวิตนาม ‘แอ๊ด คาราบาว’
จะมีบางแง่มุมของชีวิตที่คล้ายคลึงกัน
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความอดทน สู้ชีวิต กล้าได้กล้าเสีย
และเป็นคนจริง ชนิดที่เรียกกันว่า ‘ใจนักเลง’

แอ๊ดบอกกับเราว่า ‘เจ้าสัวธนินท์’ที่เขารู้จักนั้น
หาใช่มหาเศรษฐีที่นั่งอยู่บนหอคอยงาช้าง
หากแต่เป็นผู้ชายติดดินคนหนึ่งเท่านั้น

“จริงๆแล้วท่านติดดินจะตาย แต่ไม่มีใครรู้ว่าท่านติดดิน
ผมว่าเวลาติดต่อเจรจาเรื่องธุรกิจท่านอาจจะดูหรูนะ
แบบว่าไปนั่งในโรงแรม กินอาหารเหลา
แต่เวลาไปตีไก่กับผมนี่แวะกินข้าวข้างทางกันประจำ
บางทีเราก็ไปจอดรถกินข้าวผัดกะเพราข้างทางกัน
(หัวเราะร่วน) ไปนั่งร้านธรรมดาๆนี่แหล่ะ นั่งร้านลาบ
ร้านอะไร แต่ท่านทานเผ็ดไมได้ อย่างมากก็ไปนั่งสวนอาหาร
กินอะไรง่ายๆ สั่งปลา สั่งไข่ ท่านชอบกินปลา กินไข่ กินผัก
ท่านกินง่าย ไม่ใช่ว่าต้องเป็นอาหารเหลาอะไรหรอก
ท่านกับผมก็มีอะไรเหมือนกันหลายอย่าง
เพียงแต่ว่าเรามีอาชีพที่แตกต่างกัน คือผมเป็นนักร้อง
ท่านเป็นนักธุรกิจ แต่ท่านก็ชอบฟังเพลงของผมนะ
(หัวเราะร่วน) โดยเฉพาะเพลง'เหลืองหางขาว'
ซึ่งเป็นเพลงที่เกี่ยวกับไก่ชน ”

ซึ่งสิ่งที่แอ๊ดพูดนั้นก็มิใช่คำอวดอ้างที่เกินจริงแต่อย่างใด
เพราะจากคำบอกเล่าของลูกน้องและคนใกล้ชิดของ
ท่านประธานธนินท์นั้นต่างยืนยันตรงกันว่านอกจากเจ้าสัวซีพี
จะชอบดูการประกวดเอเอฟ หรืออะคาเดมี่ แฟนเทเชีย
แล้วยังชอบฟังเพลงเพื่อชีวิต โดยเฉพาะเพลงของคาราบาว
นั้นเป็นสิ่งที่นักธุรกิจผู้นี้ขาดไม่ได้เลยทีเดียว

“ คือท่านประธานจะชอบดูประกวดเอเอฟมาก
ชอบคนไหนก็จะมาไซโครลูกน้องให้ช่วยกันส่งเอสเอ็มเอสไปโหวต
(หัวเราะ) แต่เอเอฟ 5 ล่าสุดเนี่ยคนที่ท่านเชียร์ตกรอบไปก่อน
ท่านก็เลยเซ็ง (หัวเราะขำ) อีกอย่าง
ที่คนไม่ค่อยรู้คือท่านชอบฟังเพลงคาราบาว
แบบว่าคงจะโจ๊ะๆดีพวกผู้บริหารที่นี่ก็ชอบเพลงแนวนี้กันเยอะ
เห็นฟังคาราบาวกันทั้งนั้น (หัวเราะ)”
คนใกล้ชิดของธนินท์ กล่าว

หากพินิจเพียงภายนอก คนเพลงเพื่อชีวิตอย่าง
‘แอ๊ด คาราบาว’ กับ ‘เจ้าสัวธนินท์’นักธุรกิจหมื่นล้าน
ดูเหมือนจะแตกต่างกันคนละขั้ว
แต่สิ่งหนึ่งที่เขาพวกเหมือนกันก็คือความจริงใจที่มีให้กับ‘เพื่อน’

* * * * * * * * * * * *

เรื่อง - จินดาวรรณ สิ่งคงสิน
//www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9510000055092
_______________________________________________________



เพลง จตุคามลามทุ่ง
วง คาราบาว

ยามเมืองไทยไม่รักกัน คนเลยหันไปพึ่งเทพ
เทพองค์พ่อจตุคาม เทพองค์พ่อรามเทพ หาเก็บมาไว้คล้องคอ
นั่งเฝ้าพระธาตุอยู่นานปี เพิ่งจะมีผู้รู้พอ
พ่อขุนพันธุ์ ท่านสรรเพ็ชร เป็นผู้สร้างผู้ก่อ
กำเนิด พ.ศ. คล้องคอด้วยจตุคาม

มีกูไว้มึงไม่จน (ทำไมไม่จน ทำไมไม่จน)
ยิ่งขยัน ยิ่งไม่จน (อ๋อ)
มีกูไว้มึงยังจน เพราะขี้เกียจตัวเป็นขน เลยจนทั้งปีทั้งชาติ

นามพระธาตุเมืองคอน มีองค์ราชันย์ศรีวิชัย
ใครได้เคยผ่านมา ใครได้เคยผ่านไป ล้วนเลื่อมใสในบุญญา
เทวราชโพธิสัตย์ ผู้จรรโลงพุทธศาสนา
แห่งอาณาจักรศรีวิชัย เหนือจรดใต้มะละยา
เทพแห่งเมตา มหาลาภ มหารวย

มีกูไว้มึงไม่จน (ทำไมไม่จน ทำไมไม่จน)

ยิ่งขยันยิ่งไม่จน (อ๋อ)
มีกูไว้มึงยังจน เพราะขี้เกียจตัวเป็นขน เลยจนทั้งปีทั้งชาติ

มีกูไว้มึงไม่จน (ทำไมไม่จน ทำไมไม่จน)

ถ้ายิ่งขยันยิ่งไม่จน (อ๋อ)
ใครมีกูไว้ถ้ามึงยังจน เพราะขี้เกียจตัวเป็นขน...
เลยจนทั้งปีทั้งชาติ (จนโคตรๆ เลย)

มีกูไว้มึงไม่จน (ทำไมไม่จน ทำไมไม่จน)
ยิ่งขยันยิ่งไม่จน (อ๋อ)
มีกูไว้มึงยังจน เพราะขี้เกียจตัวเป็นขน เลยจนทั้งปีทั้งชาติ

จตุคามรามเทพ จตุคามลามทุ่ง
จตุคามรามเทพ จตุคามลามทุ่ง
จตุคามรามเทพ จตุคามลามทุ่ง...แล้ว

เชื่อไม่เชื่ออย่าลบลู่
ไปถึงอินโดนีเซีย สิงคโปร์ มาลายู
ของมีครูอยากได้ใช้

เศรษฐกิจอย่างที่รู้...รู้
ใครจะอยู่ ใครจะไป
การเมืองไม่นิ่ง ไม่รู้จะพิงพึ่งใคร
ให้อุ่นอกอุ่นใจ เท่าจตุคามรามเทพ

จตุคามรามเทพ จตุคามลามทุ่ง
จตุคามรามเทพ จตุคามลามทุ่ง
จตุคามรามเทพ จตุคามลามทุ่ง

พยุงให้คนขยันทำมาหากิน
มีทรัพย์สินพอกพูน
นำความสุขสมบูรณ์
มาสู่ครอบครัวและตัวเอง

ขอให้เฮง เฮง เฮง
ขอให้เฮง เฮง เฮง
ขอให้เฮง เฮง เฮง
เฮง เฮง


_______________________________________________







บันทึกภาพโดย เฮีย endophine แห่งห้องสินธร




 

Create Date : 23 พฤษภาคม 2551   
Last Update : 12 ตุลาคม 2552 10:50:34 น.   
Counter : 11650 Pageviews.  


จตุคาม รามเทพ ปี 2530



แสตมป์หลักเมือง ปี 2530

แสตมป์กล่องกรรมการ บล็อก หน้าฉ. หลังเฮง เนื้อทองผสม ด้านหน้าเหรียญ



แสตมป์กล่องกรรมการ บล็อก ฉ.หลังเฮง เนื้อทองผสม ด้านหลังเหรียญ
______________________________________________________



แสตมป์กล่องกรรมการ หน้า ฉ. หลังเฮง เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง ด้านหน้าเหรียญ



แสตมป์กล่องกรรมการ หน้า ฉ. หลังเฮง เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง ด้านหลังเหรียญ

________________________________________________________



เหรียญพระปิดตาพังพกาฬ(เคราสั้น) รุ่น1 ปี32
เนื้อนวโลหะ(บล็อกทองคำ)



สร้างเมื่อปี พ.ศ.2532 เพื่อเป็นที่ระลึกในการสร้างศาลหลักเมือง
โดย คุณศิริชัย บุลกูล เป็นผู้ออกทุนจัดสร้าง
พล.ต.ท.สรรเพชญ ธรรมาธิกุล เป็นผู้ออกแบบ
จำนวนการสร้างตามบันทึก
เนื้อทองคำ 49 องค์
เนื้อเงิน 200 องค์
เนื้อนวโลหะ 12,000 องค์


มีบล็อกเคราสั้น
เคราสั้น(บล็อกทองคำ)
เครายาว
เครายาว(เหรียญลาย พรายเงิน)

__________________________________________________________

สามารถถ่ายภาพพระสวย ๆ มาลงโชว์ได้ครับ
ไม่สงวนลิขสิทธิ์นะครับ (คุณสมโภช บูรพาสกุล แนะนำ)

1. กล้อง นิคอน D70S

2. เลนส์มาโคร SIGMA DG 50mm

3. COPY STAND รุ่น CCS-305

4. LIGHT BOX รุ่น LP-200 (ไม่จำเป็น)

5. ไฟตั้งโต๊ะสำหรับอ่านหนังสือ

อุปกรณ์ทั้งหมดหาซื้อได้ที่ ตึกฟอร์จูน ถ.รัชดาฯ ครับ
_______________________________________________________

เหรียญปิดตาพังพระกาฬเครายาว (ลาย) ปี2532
เอื้อเฟื้อภาพเจ้าของพระ คุณสมโภช บูรพาสกุล
ด้วยความขอบพระคุณครับ






_1__________________________________________________________





__________________________________________________________




__________________________________________________________




 

Create Date : 05 กรกฎาคม 2550   
Last Update : 21 กรกฎาคม 2550 13:57:03 น.   
Counter : 12430 Pageviews.  


*****


_______________________________________



_________________________________________



เป็นพระผงสุริยัน-จันทรา ที่ผสมเนื้อขึ้นเป็นพิเศษ
โดยองค์จุตคามรามเทพ จากนั้นให้ท่านสรรเพชญโรยผงตะไบมีด
ซึ่งเรียกมีดเล่มนี้กันหลายชื่อ ได้แก่ มีดดับสุริยา ดาบฟ้าฟื้น
ถือเป็นมีดที่สร้างขึ้นด้วยวัสดุและกรรมวิธีที่สุดยอดจำนวน 7 เล่ม
โดยเล่มที่ใหญ่ที่สุดเกือบจะเป็นมีดดาบ
และมีอักขระเลขยันต์ที่พิเศษกว่าเล่มอื่น ๆ
ได้มอบให้กับท่านสรรเพชญ และท่านสรรเพชญได้ตกแต่งด้วยการตะไบและเก็บผงตะไบไว้
จนกระทั่ง มีการทำพระผงสุริยัน-จันทรา ด้วยเนื้อพิเศษจึงได้นำมาโรยเพื่อให้เป็นพระที่มีความพิเศษ
คือเป็นทั้งมีดและเป็นทั้งพระผงสุริยัน-จันทรา
ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก



ข้อสังเกตสำหรับเนื้อพระจะมีลักษณะ
เป็นเนื้อผงละเอียดสีขาวใส
ซึ่งผมขอเรียกว่าเนื้อเกสร การโรยผงตะไบมี 2 แบบคือ
แบบโรยผงตะไบธรรมดา และปิดทองหรือที่
ท่านสรรเพชญเรียกว่าเปียกทอง

แบบโรยผงตะไบธรรมดา
จะมองเห็นชัดว่าผิวของเนื้อพระจะขึ้นสีเขียวจาง ๆ และไม่มีทองปิด

แบบโรยผงตะไบเปียกทอง
ลักษณะผิวองค์พระจะขึ้นคราบเขียวและมีทองปิด
อยู่ด้านบน ทองที่ปรากฏจะเป็นทองสีสดใส
ส่วนคราบเขียวจะมีลักษณะฟูขึ้นมา
บางส่วนจะนูนขึ้นเหนือทอง
ที่มีลักษณะเช่นนี้มีสาเหตุจากการปิดทอง
ที่ต้องมีตัวประสานกับองค์พระทำให้ผงตะไบ
ทำปฎิกิริยาเกิดความเขียวฟูขึ้น

ทั้ง 2 แบบจะโรยผงตะไบเฉพาะด้านหน้า
เนื่องจากเป็นพระที่ทำขึ้นจำนวนน้อยคือประมาณ 50 องค์เท่านั้น
ประกอบกับความพิเศษที่มีผงตะไบมีดผสมอยู่ด้วย
จึงเป็นที่เสาะแสวงหาทำให้ราคาสูงขึ้นมาก

ปัจจุบันยังมีผู้ที่สับสนและเข้าใจผิด
คิดว่าพระเนื้อปูนสีขาวที่ปิดทอง นาค เงิน และมีคราบเขียว ๆ ดำ ๆ
เกิดขึ้นคือพระที่โรยผงตะไบมีด ความจริงแล้วคราบเขียว ๆ ดำ ๆ
ที่เกิดขึ้นเป็นออกไซด์หรือปฎิกิริยาทางเคมี
เนื่องจากทอง นาค เงินที่นำมาปัดนั้นเป็นทองวิทยาศาสตร์
ประกอบกับปัดในช่วงที่พระยังไม่แห้ง
จึงเกิดการออกซิเดชั่น ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับการเกิดสนิมขึ้น
ซึ่งความแตกต่างระหว่างคราบเขียวทั้ง 2
แบบนี้คือแบบที่โรยผงตะไบกับแบบที่เป็นออกไซด์
จะสังเกตุได้ไม่ยาก คือถ้าเป็นคราบเขียวที่เกิดจากการโรยผงตะไบ
จะมีลักษณะฟูติดแน่นเป็นเนื้อเดียวกับทองที่ปัด
ที่สำคัญคือเน้นเนื้อผงเกสรตามที่กล่าวข้างต้น
ส่วนที่เขียวแบบเป็นออกไซด์จะเป็นเนื้อปูนขาว

นอกจากการเรียกชื่อว่าพระผงสุริยัน-จันทรา
โรยผงตะไบแล้ว บางท่านเรียกว่าเนื้อเขียว
บางท่านเรียกว่าฟ้าฟื้น ซึ่งคำว่าฟ้าฟื้นมาจากชื่อดาบของขุนแผน
ที่นำมาเรียก มีดจตุคามรามเทพเล่มของท่านสรรเพชญ
เพราะมีลักษณะใกล้เคียงกับมีดดาบ
จึงทำให้เรียกชื่อพระตามไปด้วย

_________________________________________




 

Create Date : 29 พฤศจิกายน 2548   
Last Update : 5 กรกฎาคม 2550 21:42:21 น.   
Counter : 2385 Pageviews.  


คนชอบพระ

ก่อนอื่นผู้เขียน ต้องขอบอกก่อนว่า...
ที่เขียนเรื่องในบล็อกนี้ มิได้มีเจตนาจะดูหมิ่นหรือทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย
ไม่ได้คิดที่จะทำให้กระทบกระเทือน ต่อองค์ประกอบใดๆของศานสนา

เป็นเพียงการเล่าเรื่อง ส่วนตัวของผู้เขียนเอง
หากไม่ถูกกาลเทศะ ยินดีน้อมรับคำตักเตือน
และพร้อมพิจารณาแก้ไขทุกประการครับ




*** ถอยหลังไปเมื่อปี พุทธศักราช 2534 ***

ได้รับพระเป็นของขวัญวันปีใหม่ จากคนนครศรีธรรมราช มา1องค์
เป็นพระใช้สำหรับห้อยคอติดตัว องค์พระค่อนข้างใหญ่ สีขาว




______________________________________________________________________

ดวงตราพญาราหู

ปลุกเสกพิธีกรรม ศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช ปี๒๕๓๐

_____________________________________________________________________




องค์พ่อจตุคาม รามเทพ

จตุคามรามเทพ: บทบูชา จตุคามรามเทพ

นะโม ตัสสะ ..... (๓ จบ)
" กินนุสัน ตะละมาโน วราหุ สุริยัน (จันทัง) ปมุตจะสิ สังวิคะรุโป อาคัมมภีโต วัตติถะ สีติ สัตตะทาเมภาเล มุทธาชีวันโต นะสุขังละเภ พุทธบูชา ภิคิโต
มหิโน เจยมุต เจยยะ สุริยันติ (จันทิมาติ)
(เที่ยวแรกให้ท่อง สุริยัน กับ สุริยัน ติ ก่อน และท่องทั้งหมดซ้ำอีก 1 เที่ยว
แต่คราวนี้ให้เปลี่ยนจาก สุริยันเป็นจันทัง และเปลี่ยนสุริยัน ติ เป็น จันทิมา ติ

ข้าฯ ขอน้อมถวายสักการะ องค์สุริยัน จันทรา จันทภานุ ดวงตราสองแผ่นดิน ศรีวิชัย สุวรรณภูมิ พญาศรีธรรมโศกราช สิบสองนักษัตร พญาราหู ศรีมหาราชพังพระกาฬ พระเทวราชโพธิ์สัตว์จตุคามรามเทพ
ขอเทวบารมีแห่งเทพทั้งปวง และ พระเทวราชโพธิ์สัตว์จตุคามรามเทพ องค์พ่อ อภิบาลปกปักรักษาข้าพเจ้าและ.................ให้อยู่ด้วยความสุขความเจริญ ก้าวหน้ามั่นคง ประสพความสำเร็จในชีวิตและการงาน อุดมด้วยลาภยศสรรเสริญ มั่งมีศรีสุข มีชัยชนะเหนือหมู่มาร ตลอดกาลนานเทอญ
สาธุ สาธุ สาธุ


คาถานี้ให้สวดเป็นประจำและถวายหมากพลูพวงมาลัยท่านทุกวันพฤหัส 1.ธูปดำ 9 ดอก 2.เทียน 1 คู่ 3.หมากพลู 5 คำ 4. ดอกไม้ 1 คู่ ( หรือดอกบัว ) 5.บายศรีปากชาม 1 คู่ 6.ยาเส้น 1 หยิบ ( บุหรี่ ) 7.น้ำจืด 1 แก้ว 8.มะพร้าว 1 ลูก 9.พวงมาลัย ( มะลิ หรือ ดอกดาวเรือง )

*************

เรียบเรียงจากเวบ //www.uamulet.com

ขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้

______________________________________________________________________

ประวัติความเป็นมา


ศาลหลักเมือง
ศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราช

ศาลหลักเมือง
สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานหลักเมือง ตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสร้างสิ่งสำคัญทางประวัติศาสตร์ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมกับภาคเอกชนก่อสร้างศาลขึ้นบนที่ดินราชพัสดุ บริเวณทิศเหนือของสนามหน้าเมือง เนื้อที่ 2 ไร่ ประกอบด้วยอาคาร 5 หลัง หลังกลางเป็นที่ประดิษฐานของศาลหลักเมือง ออกแบบให้มีลักษณะ คล้ายศิลปะศรีวิชัย เรียกว่าทรงเหมราชลีลา วางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2532 ส่วนอาคารเล็กทั้งสี่หลัง ถือเป็นบริวารสี่ทิศ เรียกว่าศาลจตุโลกเทพ ประกอบด้วยพระเสื้อเมือง ศาลพระทรงเมือง ศาลพระพรหมเมือง และศาลพรบันดาลเมือง วางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2535 ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ใน พ.ศ. 2542

องค์เสาหลักเมืองทำด้วยไม้ตะเคียนทองที่ได้มาจากภูเขายอดเหลือง อันเป็นภูเขาลูกหนึ่งในทิวเขานครศรีธรรมราช ในท้องที่ตำบลกระหรอ กิ่งอำเภอนบพิตำ จังหวัดนครศรีธรรมราช ขนาดความสูง 2.94 เมตร เส้นรอบวง 0.95 เมตร ลวดลายที่แกะสลัก ตั้งแต่ฐานซึ่งเป็นวงรอบเก้าชั้น มี 9 ลาย ส่วนบนของเสาเป็นรูปจตุคามรามเทพ (สี่พักตร์) หรือเทวดารักษาเมือง เหนือสุดเป็นเปลวเพลิงอยู่บนยอดพระเกตุ คือยอดชัยหลักเมือง รูปแบบการแกะสลักจินตนาการจากความเชื่อในพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน ซึ่งเคยมีอิทธิพลทางศิลปกรรมในภาคใต้ และนครศรีธรรมราชแต่ครั้งโบราณ ศาลหลักเมือง ประกอบพิธีเบิกเนตรหลักเมือง เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2530 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจิมยอดชัยหลักเมืองเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2530 ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน และอัญเชิญมาประดิษฐาน ณ ศาลหลักเมือง ในวันรุ่งขึ้น

นอกจากนี้ในการดำเนินงานทุกขั้นตอน จะมีการประกอบพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะปีพุทธศักราช 2528-2530 มีการประกอบพิธีกรรมถึง 12 พิธีกรรม อาทิ พิธีกรรมลอยชะตาเมือง พิธีกรรมสะกดหินหลักเมือง พิธีกรรมปลักยักษ์เทวดาฯ เป็นต้น

จึงนับว่าศาลหลักเมืองนครศรีธรรมราชแห่งนี้ ได้บังเกิดขึ้นด้วยความประณีตบรรจงอย่างมีภูมิหลัง และมีเอกลักษณ์เฉพาะ อีกทั้งจะเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สะท้อนภาพวิถีชีวิตชาวไทยใต้ในอดีต และสองถึงความพยายามอนุรักษ์สร้างสรรค์ของชาวไทยใต้ปัจจุบันไว้อีกด้วย

____________________________________________________________________



____________________________________________________________________


จตุคามรามเทพ: ตำนานเกี่ยวกับองค์จตุคาม

ตรรกวิทยาของชาวชวากะ ที่เรียกว่า จตุคามศาสตร์ เชื่อกันว่า นางพญาจันทรา นางพญาพื้นเมือง ทะเลใต้ ราชินีผู้สูงศักดิ์ขององค์ราชันราตะ หรือ พระสุริยะเทพ ซึ่งรวบรวมดินแดนในคาบสมุทรทองคำเข้าเป็นจักรวรรดิ์เดียวกันในพุทธศตวรรษ ที่ 7 พระราชมารดาของเจ้าชายรามเทพ บรรลุธรรม สำเร็จตรรกศาสตร์ศักดิ์สิทธิ์ ทรงอิทธิฤทธิ์บังคับคลื่นลมร้ายให้สงบได้ชาวทะเลทั้งหลายกราบไหว้รำลึกถึง เมื่อออกกลางทะเล เรียกกันว่า แม่ย่านาง ชาวศรีวิชัยให้ความเคารพนับถือเทิดทูน ฉายานามว่า เจ้าแม่อยู่หัว

เจ้าชายรามเทพได้ศึกษาเล่าเรียนวิชา จตุคามศาสตร์ จากพระราชมารดาจนเจนจบ แล้วทรงเรียนรู้หลักสัจธรรมทางพุทธศาสนาเลื่อมใสศรัทธานิกายมหายานอย่างแรงกล้า มุ่งหน้าสร้างบารมี หวังตรัสรู้เป็นพระโพธิสัตว์ ตั้งปณิธานแน่วแน่ที่จะประกาศธรรมให้มั่นคงทั่วดินแดนสุวรรณภูมิ ทรงอุตสาหะบากบั่นสร้างราชนาวีตามตรรกศาสตร์มหายาน ที่สามารถแล่นฝ่าคลื่นลมได้รวดเร็วและปลอดภัยบรรทุก กำลังพลและสัมภาระได้ มากมายมหาศาลเยือนถึงน่านน้ำใด หลักศาสนา ศิลปอารยะธรรมประดิษฐานมั่นคง ณ ดินแดนนั้น จนเหล่าราชครูต่างถวาย นามาภิไธยราชฐานันดร ว่า องค์ ราชันจตุคามรามเทพ

เมื่อพระศรีมหาราชชาวชวากะได้ประกาศสัจธรรมทั่ว สุวรรณทวีปแล้วจึงได้สร้าง มหาสถูป เจดีย์ขึ้นที่หาดทรายแก้วและในปลายพุทธศตวรรษที่ 8

องค์ราชันจตุคามรามเทพทรงมานะพยายามจนบรรลุธรรมจนบรรลุโพธิญาณ จักรวาลพรหมโพธิสัตว์ ประกอบด้วย บุญฤทธิ์ อิทธิฤทธ อภินิหาร สยบฟ้า สยบดินได้ตามปรารถนา วาจาเป็นประกาศิตเหนือมวลชีวิตทั้งหลาย ทรงศักดานุภาพเหมือน ดังพระอาทิตย์และ พระจันทร์ สมญานามตาม ศาสตร์จันทรภาณุ สาปแช่งศัตรูผู้ใดจะถึงกาลวินาศ จนเลื่องลือไปทั่วทวีป ได้รับการถวายนามยกย่องว่า พญาพังพกาฬ การประกาศชัยชนะที่เด็ดขาดเหนือสุวรรณทวีปและหมู่เกาะทะเลใต้นี้เปรียบได้กับมหาราชในชมภูทวีป ดังนั้น พญาโหราบรมครูช่างชาวชวากะ ได้จำลองรูปมหาบุรุษเป็น อนุสรณ์ ตามอุดมคติศิลปศาสตร์ศรีวิชัย เรียกว่า ร่างแปลงธรรม รูปสมมุติแห่ง เทวราชที่มีตัวตนอยู่จริงในโลกมนุษย์ ทรงเครื่องราชขัติยาภรณ์ สี่กร สองเศียร พรั่งพร้อมด้วยเทพศาสตราวุธ เพื่อปกป้องอาณาจักรและพุทธจักร เพื่อเป็นคติธรรมและศิลปะกรรม ประดิษฐานในทุกหนแห่งในอาณาจักรทะเลใต้ ลูกหลานราชวงศ์ไศเลนทร์ในชั้นหลังได้ถ่ายทอดศิลปะศาสตร์แปลงร่างธรรมเป็น นารายณ์บรรทมสินธุ์บ้าง อวตารปราบอสูรบ้าง ตามค่านิยมของท้องถิ่น


จาก หนังสือวัตถุมงคลหลักเมือง นครศรี โดย จักรรัช ธีระกุล

____________________________________________________________________



จตุคามรามเทพ: ทำไมต้องสร้างหลักเมืองนครฯ

ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เมืองนครศรีธรรมราชเคยมีชื่อว่า กรุงศรีธรรมโศก หรือกรุงตามพรลิงค์ แต่ตำนานไทยเหนือเรียกว่า เมืองศิริธรรมนคร
กรุงศรีธรรมโศก สร้างขึ้นเมื่อใดไม่มีหลักฐานแน่นอน คงทราบข้อความจากคัมภีย์เก่าแก่ของชาวอินเดียสมัยต้นพุทธกาลเรียกว่า เมืองท่าตมะลีบ้าง เมืองท่ากมะลีบ้าง จนกระทั่งในราว พ.ศ. 1150 จดหมายเหตุจีนกล่าวถึง เซียะโท้วก๊ก แปลว่า ประเทศดินแดง ซึ่งจักรพรรดิจีนส่งราชทูตเดินทางมาติดต่อทางพระราชไมตรี ต่อมาภิกษุจีนผู้คงแก่เรียนมีชื่อว่า หลวงจีนอี้จิง เดินทางไปศึกษาพุทธศาสนาที่ประเทศอินเดียใน พ.ศ. 1214 ได้แวะมาศึกษาภาษาสันสกฤตที่เมืองโฟชิ จึงทราบว่าบ้านเมืองทั้งหลายในคาบสมุทรภาคใต้ รวมตัวกันจัดตั้งเป็นสหพันธรัฐที่มีอำนาจทางทะเล หลวงจีนอี้จิง จึงขนานนามว่า “ประเทศทั้ง 10 แห่งทะเลใต้” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “อาณาจักรศรีวิชัย”


นักประวัติศาสตร์ถกเถียงกันมากในเรื่องที่ตั้งเมืองหลวงของอาณาจักรศรีวิชัย จนถึงทุกวันนี้ก็ยังหาข้อยุติไม่ได้ แต่เมื่อ พ.ศ.1710 ศิลาจารึกหลักที่ 35 พบที่บ้านคงแม่นางเมือง จังหวัดนครสวรรค์ กล่าวถึงการแผ่ขยายอำนาจของพระเจ้ากรุงศรีธรรมโศก ขึ้นไปครอบครองดินแดนในแถบภาคกลางของประเทศไทย ต่อจากนั้นดินแดนแถบนี้กลับตกเป็นเมืองขึ้นของเขมร ครั้นใน พ.ศ. 1773 ศิลาจารึกพระเจ้าจันทรภาณุศรีธรรมราช กล่าวว่าพระองค์ทรงกอบกู้อิสรภาพกรุงตามพรลิงค์กลับคืนมาได้ ภายหลังจากพระองค์สิ้นพระชนม์ไปแล้ว อนุชาของพระองค์เสวยราชสมบัติ ตำนานกล่าวว่า

“พญาจันทราภาณุผู้น้องเป็นพระยาแทนพญาจันทรภาณุเป็นพระยาอยู่ได้ 7 ปี เกิดไข้ยมบนลงทั้งเมืองคนตายวินาศประลัย พญาจันทรภาณุ พญาพงศาสุราหะอนุชา และมหาเถรสัจจานุเทพ กับคอรบครัวลงเรือหนีไข้ยมบน ไข้ก็ตามลงเรือ พญาและลูกเมียตายสิ้น พระมหาเถรสัจจานุเทพก็ตาย เมืองนครทิ้งร้างเป็นป่ารังโรมอยู่หึงนาน”

หลักฐานเท่าที่หยิบยกขึ้นมาอ้างอิงแสดงให้เห็นว่า กรุงศรีธรรมโศก หรือ กรุงตามพรลิงค์ หรือ เมืองนครศรีธรรมราช เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรศรีวิชัย แล้วล่มสลายไปเมื่อครั้งเกิดโรคระบาดร้ายแรงขึ้นเมื่อราวต้นพุทธศตวรรษที่ 18 ถูกทิ้งร้างจมอยู่กลางป่าอยู่เป็นเวลานานจนกระทั่งพวกเจ้าไทยลงมาปกครองและพื้นฟูบูรณาการบ้านเมืองขึ้นใหม่ ดังปรากฏเรื่องราวอยู่ในตำนานพระธาตุนครศรีธรรมราช

ไม่มีใครทราบว่าในการฟื้นฟูบูรณาการกรุงศรีธรรมโศก และพระมหาธาตุเจดีย์ ขึ้นใหม่ในครั้งนี้มีเบื้องหน้าเบื้องหลังหรือความเป็นมาแท้จริงอย่างไร คงทราบความจากตำนานแต่เพียงว่า พระเจ้าอยู่หัวแห่งกรุงศรีอยุธยาทรงโปรดให้มีตรามาเกณฑ์ผู้คนสร้างเมืองนครศรีธรรมราช และพระธาตุจนสำเร็จเสร็จสิ้นในสมัยขุนอินทราราเป็นเจ้าเมือง ต่อมาได้เลื่อนขึ้นเป็นพระศรีมหาราชา จนกระทั้งชาวนครศรีธรรมราชผู้หนึ่งสนใจศึกษาวิชาโหราศาสตร์ ได้ค้นคว้าพบดวงชะตาเมืองนครศรีธรรมราชเก่า จดบันทึกไว้ในสมุดข่อยในหอสมุดแห่งชาติ จึงนำมาตีพิมพ์เผยแพร่ว่า เมืองนครศรีธรรมราชเก่าสถาปนาขึ้นเมื่อวันพฤหัส แรม 12 ค่ำ เดือน 3 ปี เถาะ จุลศักราช 649 ตรงกับ พ.ศ. 1830

เมื่อพลตำรวจตรีขุนพันธรักษ์ราชเดช และพลตำรวจโทสรรเพชญ ธรรมาธิกุล ตรวจสอบรูปดวงชะตาเห็นว่ากรุงศรีธรรมโศกและดินแดนภาคใต้ถูกสาป จึงร่วมกันหาทางแก้ไข รายงานให้คณะกรรมการจัดสร้างสิ่งมีค่าทางประวัติศาสตร์เมืองนครศรีธรรมราชทราบ ต่างเห็นพ้องต้องกันว่าควรสร้างหลักเมืองนครศรีธรรมราชขึ้น เพื่อล้างมนตราอาถรรพณ์แห่งคำสาปใน พ.ศ. 2530

_____________________________________________________________________





_____________________________________________________________________


จตุคามรามเทพ: ความอัศจรรย์อันเกี่ยวกับหลักเมือง

ความอัศจรรย์อันเกี่ยวกับหลักเมือง
นับตั้งแต่แรกเริ่มดำเนินการก่อสร้างหลักเมืองนครศรีธรรมราช ได้เกิดปรากฏการณ์อัศจรรย์หลายครั้ง เท่าที่มีผู้บันทึกและจดจำที่น่าสนใจ มีดังนี้


1. ไม้ตะเคียนทองสำหรับแกะสลักหลักเมือง เป็นไม้จากจากเขายอดเหลือง ซึ่งอยู่ท้องที่ตำบลกะหรอ อำเภอท่าศาลา(ปัจจุบันอยู่ในเขตท้องที่อำเภอนบพิตำ) มีลักษณะแปลกคือที่บริเวณรอบโคนต้นมีลักษณะเตียนโล่งซึ่งเรียกกันว่าลานนกหว้า หรือตะเคียนใบกวาด หลังจากโค่นต้นไม้แล้ว คณะได้ตัดต้นตะเคียนเหลือความยาว 4 เมตร ต้องใช้ช้างชักลากลงมาจากยอดเขา เมื่อช้างชักลากตอนแรกไม้ตะเคียนทองไม่ยอมขยับเขยื้อน แต่เมื่อคณะตัดฟันได้จุดธูปบอกกล่าวช้างก็สามารถชักลากได้ตามปกติ

2. ในการประกอบพิธีกรรมเผาดวงชะตาเมืองที่ป่าช้าวัดชะเมา เวลาหลังเที่ยงคืนไป 1 นาที เมื่อปลายปี 2528 ท่ามกลางความมืด มีแต่แสงเทียนประกอบพิธีเท่านั้นใช้เสียงนกแสกเป็นสัญญาณจุดไฟ ทันทีที่จุดไฟจะมีเสียงร้องครวญครางโหยหวน ของภูตผีในป่าช้าที่ถูกเรียกมาให้เป็นพยาน สร้างความหวดกลัวให้กับผู้ร่วมพิธี แม้พระภิกษุรูปเดียวที่ได้รับนิมนต์มาสวดบังสุกุลก็ยังเก็บอาการไม่อยู่ สวดมนต์ด้วยเสียงสั่นเครือ และสวดผิด แต่หลังจากที่เจริญสมาธิจิตและแผ่เมตตาให้ อาการต่างๆ ก็กลับสู่ปกติ

3. เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2530 อันเป็นวันแห่เสาหลักเมืองที่แกะสลักและตกแต่งเสร็จแล้วลงเรือศรีวิชัยโบราณจำลอง จากบ้านพักผู้กำกับฯ ไปยังหน้าวิหารหลวง ขณะที่อัญเชิญเสาหลักเมืองจากเรือจำลองลงตั้งพื้นลานหน้าวิหารหลวงนั่นเองได้เกิดปรากฏการณ์พระอาทิตย์ทรงกลด ณ ที่นั้นทันทีอย่างน่าอัศจรรย์ วันนั้นได้เกิดฝนตกหนักมากในเขตภูเขาต้นน้ำทางตะวันตกของเมือง เป็นเหตุให้น้ำป่าไหลเกือบล้นฝั่งคลองท่าดีและคลองพรหมโลก วัวควายที่ชาวบ้านล่ามไว้ในคลองตายไปหลายตัว ทั้งที่ช่วงนั้นเป็นหน้าแล้ง

4. ในพิธีเบิกเนตรหลักเมืองเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2530 ขณะที่เจ้าพิธีกรรมคือพลตำรวจตรีขุนพันธรักษ์ราชเดช กำลังทำพิธีเบิกเนตรได้ปรากฏกลุ่มควันจางๆ ขึ้น ณ จุดสัมผัสระหว่างดินสอจารกับดวงเนตรของหลักเมือง

5. การประกอบพิธีกรรมที่เกี่ยวกับหลักเมืองนครศรีธรรมราช โดยเฉพาะพิธีกลางแจ้ง มักจะมีฝนโปรยเม็ดพรำๆ แทบทุกครั้ง

6. นายสมจิตร ทองสมัคร เล่าว่าครั้งหนึ่งในระหว่างที่มีการประทับทรงของเทวดารักษาเมือง ตนเองปรารภว่าเกิดภาวะฝนแล้งอย่างหนัก ชาวบ้านเดือนร้อนมาก ไม้ผลเหี่ยวเฉา จะแก้ปัญหาอย่างไรดี ก็ได้รับคำแนะนำว่าให้เอาไข่ 1 ใบ ไปปาใส่ภูเขาที่เขาขุนพนม บริเวณที่เรียกว่า “หน้าพระ” เมื่อปฏิบัติตามคำแนะนำก็ปรากฏว่าผู้ปฏิบัติการปาไข่ยังไม่ทันจะลงมาถึงลานวัดก็มีฝนโปรยลงมาแล้ว ฝนที่ตกครั้งนั้นตกหนักมากและตกกระจายทั่วไปแม้ในภาคกลางและกรุงเทพมหานคร สำหรับที่กรุงเทพมหานครฝนตกหนักอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน จนผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครสมัยนั้นเรียกว่า “ฝนพันปี” นั่นเอง

7. นายยุทธนา โมรากุล ปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้าหมวดการทางหัวไทร แขวงการทางนครศรีธรรมราชที่ 1 เล่าให้ฟังว่าคืนวันหนึ่งเมื่อ 12 ปีก่อน ขณะที่ตนเองอยู่ที่บ้านพักในแขวงการทางนครฯ กับครอบครัวซึ่งขณะนั้นตนเองยังเป็นช่างประจำสำนักงานแขวงการทาง ได้มีคนมาตามที่บ้านบอกว่าเขามีการเข้าทรงที่ถนนบ่ออ่าง สั่งความให้มาตามตนเองไปหา เมื่อตนเองไปถึงก็ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ออกแบบอาคารศาลหลักเมือง ตนเองตอนนั้นทั้งไม่เชื่อทั้งงุนงง ทั้งเป็นงานที่ไม่เคยทำมาก่อน หลังจากที่ได้รับการลงเลขลงยันต์ที่ฝ่ามือ และได้รับคำแนะนำครั้งแล้วครั้งเล่าก็ได้มาทำแบบบนกระดาษเขียนแบบ เหมือนกับมีผู้มาบอกกล่าวแนะแนวทางอยู่ตลอดเวลา องค์จตุคามรามเทพ หรือที่เรียกกันในหมู่ลูกศิษย์ว่า “พ่อ” ได้กล่าวไว้ว่าเมื่อไหร่ที่เขียนแบบออกมาถูกต้องตามโบราณและเขียนจนถึงยอดเสร็จสมบูรณ์แล้วฟ้าดินจะรับรู้ ปรากฏว่าวันนั้นนั่งเขียนที่โต๊ะทำงาน ทันทีที่ตนเขียนเสร็จท้องฟ้าที่เจิดจ้าตามปกติกลับมืดครึ้มและมีฟ้าผ่าเปรี้ยงอย่างน่าอัศจรรย์ อีกครั้งหนึ่ง เมื่อคราวขุดดินบริเวณสร้างศาลปัจจุบันเพื่อลงฐานราก พบฐานเจดีย์เก่าทรงกลม และเมื่อขุดได้ลึกกว่าสองเมตรก็พบชั้นหินปะการัง ปรากฏว่าน้ำใต้ดินทะลักขึ้นมาทำให้ไม่สามารถทำงานต่อไปได้ เมื่อได้ปรึกษา “พ่อ” ก็ได้รับการแนะนำเทคนิคพิเศษทั้งในเรื่องขั้นตอนและวัสดุที่ใช้โดยละเอียด พร้อมกับได้รับการบอกกล่าวไว้ล่วงหน้าว่าเมื่อทำเสร็จฟ้าดินจะรับรู้ เมื่อทำตามนั้นทุกอย่างก็แก้ปัญหาได้จริงๆอย่างไม่น่าเชื่อ ทันทีที่เสร็จสมบูรณ์ก็เกิดปรากฏการณ์พระอาทิตย์ทรงกลดอันหมายถึงการรับรู้ของฟ้าดินอย่างน่าอัศจรรย์

8. เมื่อมีการประกอบพิธีกรรมใดๆเกี่ยวกับหลักเมืองนครศรีธรรมราช มักจะเกิดฝนพรำๆ และฝนตกตามมาทุกครั้ง แม้กระทั่งพิธีไหว้ครูซึ่งกระทำกันทุกปีในวันพฤหัสแรกของเดือนหก หลังเสร็จพิธีจะมีฝนพรำทุกครั้งเช่นเดียวกัน
________________________________________________________________________





จตุคามรามเทพ: วัตถุมงคลของหลักเมืองนครศรีธรรมราช

ในกระบวนการของการสร้างหลักเมืองนครศรีธรรมราช ได้มีพิธีกรรม ต่างกรรมต่างวาระหลายครั้ง ในทำนองเดียวกันได้มีการทำวัตถุมงคลออกแจกจ่ายและให้เช่าบูชาหลายชนิด ซึ่งล้วนแล้วแต่ผ่านการทำพิธีจากการผ่านร่างประทับทรงทั้งสิ้น เท่าที่มีผู้จดจำได้ มีดังนี้

1. เศียรองค์จตุคามรามเทพ หรือเทวดารักษาเมือง เป็นวัตถุมงคลชิ้นแรกที่ทำออกแจกจ่ายเป็นการจำลองเศียรจากบานประตูไม้จำหลักตรงบันไดทางขึ้นลานประทักษิณองค์พระบรมธาตุเจดีย์ ขนาดเกือบเท่าองค์จริง ได้รับคำอธิบายว่าเป็นร่างแปลงธรรมขององค์จตุคามรามเทพ ปฐมกษัตริย์ผู้สถาปนาเมืองสิบสองนักษัตร และเป็นเทวดารักษาเมืองนั่นเอง

2. ผ้ายันต์ใหญ่ 108 ผืน ผ้ายันต์เล็ก 3,000 ผืน กระทำในพิธีเทพชุมนุมตัดชัย เมื่อ วันที่ 16มกราคม 2529

3. ธง และผ้ายันต์ มีหลายรุ่น หลายสี หลายขนาด ผ้ายันต์เหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นรูปดวงตราวัฏจักรสิบสองนักษัตร รายล้อมด้วยราหูแปดทิศ

4. ขี้ผึ้งศรีวิชัย เป็นขี้ผึ่งทำด้วยมวลสารและกรรมวิธีเฉพาะของศรีวิชัย บรรจุในตลับถมแบบนครศรีธรรมราชแท้ ใช้เป็นวัตถุมงคลสีริมฝีปากก่อนออกไปเจรจาความใดๆ

5. พระผงหลักเมือง ทำจากผงไม้ตะเคียนทองจากการแกะสลักหลักเมืองผสมมวลสารต่างๆ อีก รวม 12 ชนิด ลักษณะเหรียญเป็นรูปกลมแบน มีสองขนาด คือขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 นิ้ว และอีกแบบหนึ่งเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.5 นิ้ว ทั้งสองแบบหนาประมาณหนึ่งหุนครึ่ง มีสี่แบบ คือ แบบตั้งฟ้าตั้งดิน แบบประทานพร แบบนั่งเมือง และแบบพุทธเมตตา มีสามสี คือสีสีดำ สีน้ำตาลและสีขาว ด้านหน้าเป็นรูปวัฏจักรสิบสองนักษัตร รายล้อมด้วยราหูแปดทิศ ด้านหลังเป็นยันต์และสัญลักษณ์ต่างๆ ที่มีความละเอียดประณีตมาก

6. พระผงพุทธสิหิงค์ มวลสารและสีเหมือนพระผงหลักเมืองทุกประการ แต่เป็นทรงสี่เหลี่ยม ด้านหน้าเป็นพระพุทธสิหิงค์ ด้านหลังเป็นรูปราหู

7. เหรียญพังพระกาฬ เป็นเหรียญกลม ขนาด 3 เซนติเมตร เนื้อนวโลหะ ด้านหน้าเป็นรูปพระปิดตาพังพระกาฬ ด้านหลังเป็นวัฏจักรสิบสองนักษัตร รายล้อมด้วยราหูแปดทิศ ลวดลายละเอียดประณีตมาก สวยงามมาก

8. เหรียญพังพระกาฬ เป็นเหรียญกลม ขนาด 3 เซนติเมตร เนื้อนวโลหะ ด้านหน้าเป็นรูปพระโพธิสัตว์พังพระกาฬนาคปรกแบบนูนต่ำ ด้านหลังเป็นวัฏจักรสิบสองนักษัตร รายล้อมด้วยราหูแปดทิศ ลวดลายละเอียดประณีตมาก สวยงามมาก

9. เหรียญนักษัตร เป็นเหรียญกลม ขนาด เนื้อเหรียญ และด้านหลังเหมือนข้อ 7 ทุกประการแต่ด้านหน้าเป็นรูปนักษัตรให้คนเลือกบูชาตามปีเกิดของตนเอง เช่น รูปหนูสำหรับคนเกิดปีชวด รูปวัวสำหรับคนเกิดปีฉลู เป็นต้น

10. พระโพธิสัตว์พังพระกาฬนาคปรก ลอยองค์ เนื้อโลหะ มีหลายขนาด

11. เหรียญโลหะทองแดงทรงสี่เหลี่ยม ขนาด 2 x 1.5 เซนติเมตร ไม่มีห่วง ทำขึ้นจำนวนมาก ด้านหน้าเป็นพระโพธิสัตว์พังพระกาฬลอยองค์ ด้านหลังเป็นยันต์นาคปรก

12. เหรียญโลหะทองแดงทรงสี่เหลี่ยม ขนาด 2 x 1.5 เซนติเมตร มีห่วง ด้านหน้าเป็นยอดเสาหลักเมืองลอยองค์ ด้านหลังเป็นยันต์วัฏจักรสิบสองนักษัตร รายล้อมด้วยราหูแปดทิศ

13. สติ๊กเกอร์รูปราหูอมจันทร์ อันเป็นดวงตราประจำองค์จตุคามรามเทพ มีหลายขนาด นิยมนำไปติดประดับที่รถยนต์ หรือตามอาคารบ้านเรือน

14. วัตถุมงคลที่ระลึกในพิธีการต่างๆ เช่นพิธีไหว้ครู ซึ่งจะจัดขึ้นในวันพฤหัสแรกของเดือนพฤษภาคม ของแจกอาจมีผ้ายันต์บ้าง เหรียญบ้าง

วัตถุมงคลของหลักเมืองนครศรีธรรมราชเหล่านี้ทุกชนิดจะทำเพียงครั้งเดียว ไม่มีการทำเพิ่มในภายหลัง โดยเฉพาะเหรียญต่างๆ เมื่อทำแล้วจะทุบพิมพ์และฝังดินที่ฐานราก
_____________________________________________________________________________________



______________________________________________________________________________________



_____________________________________________________________________________________



_____________________________________________________________________________________










 

Create Date : 14 พฤศจิกายน 2548   
Last Update : 4 สิงหาคม 2552 9:10:42 น.   
Counter : 8117 Pageviews.  



P_ปรัชญา
 
Location :
ขอนแก่น Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 63 คน [?]




หยิ่ง
กับตัวเองบ้าง
ในบางครั้ง

เบื่อ
ชีวิตความผิดหวัง
ในบางหน

เกลียด
ความไม่จริงใจ
ในบางคน

ยอมทน
คนหยามเหยียดได้
ในบางที


[Add P_ปรัชญา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com