ผมจะมีพันล้าน


ผมจะมีพันล้าน
โดย Prasertsak Art Khemaluk

ผมลองนั่งคำนวณโดยคิดอัตราทบต้น ในความมั่งคั่งของผม เพื่อดูความเป็นไปได้ที่จะมีเงินพันล้านหรือเปล่า

 (ก็หลาย ๆ คนบอกว่าพลังของดอกเบี้ยทบต้นนี้มันมหาศาล ผมเลยลองทำดู)

และพอลองนั่งคำนวณจริง ๆ แล้ว ก็เห็นว่า โอกาสที่คนหนึ่งจะมีเงินพันล้านด้วยการลงทุน

มันก็ใช่จะเป็นไปไม่ได้ ผมเลยทำตัวอย่างไว้ให้ดู เพื่อพิสูจน์ว่า สองมือสองแขน พึ่งพ่อแม่

 อย่างพอเพียง ก็หาเงินพันล้านได้ แต่ผมว่าก่อนไปดูตัวอย่าง มาศึกษาปัจจัยแห่งความสำเร็จกัน

ก่อนดีกว่า อย่างที่ทุกท่านรู้มา ปัจจัยที่ส่งผลให้เรามีเงินพันล้านนั้น มาจาก 3 ปัจจัยหลัก

 คือ เงินเริ่มต้น ความสามารถในการลงทุน เวลา ผมจึงมานั่งศึกษาดูว่าอะไรเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด

 ที่ทำให้เราเข้าใกล้ความเป็นเงินพันล้านมากที่สุด โดยพยายามสร้างตารางจำลองผลตอบแทน

ที่ได้ จากการนำเงินส่วนหนึ่งไปลงทุน โดยในแต่ละเดือน จะทำการเติมเงินเข้าไปทุกเดือน

 (แต่เพื่อคำนวณให้ง่ายเลยเหมารวมเป็นปีไป) เดือนละ 10000 บาท โดยผมคิดว่า ในแต่ละปี

 เงินเดือนที่ได้ควรจะปรับขึ้นประมาณ 5%

(เลยสมมุติว่าเงินที่เติมเข้าไปเป็น เพิ่มขึ้น5%ด้วยทุกปีแต่ จริง ๆ น่าจะมากกว่านั้น)

 ซึ่งผมจะทำการแยกกรณีศึกษาในเรื่องของ เงินต้น ความสามารถ และเวลา

กรณีแรกที่ เงินต้น ผมพนันได้เลยว่าทุกคนคิดได้อยู่แล้วว่า ถ้าคนไหนเกิดมารวย โอกาสที่จะรวย

 ไปอีกยิ่งสูงมาก เรื่องนี้ผมก็คงไม่เถียง แต่เมื่อผมลองทำตารางเปรียบเทียบดู

โดยผมสมมุติให้มีคนสามคน โดยแต่ละคนได้รับเงินจากพ่อแม่มาให้ลงทุนต่างกัน

คือ หนึ่งแสนบาท หนึ่งล้านบาท และ สิบล้านบาท โดยทั้งสามคนทำงานที่เดียวกัน

เงินเดือนเหมือนกันทุกอย่าง โดยผมสมมุติให้ แต่ละคนแบ่งเงินเดือนมาไว้คนละหนึ่งหมื่นบาท

 โดยแต่ละปีเงินเดือนพวกเขาจะได้เพิ่ม 5% ซึ่งเขาก็แบ่งในสัดส่วนที่เท่ากันมาลงทุนทุกเดือน

แต่เพื่อให้ไม่ยุ่งยาก ผมจึงเหมาก้อนไปเลยเป็นปีละ 120,000 และเพิ่มขึ้นทุกปี ปีละ 5%

 โดยผลตอบแทนที่ได้คือ 10% เมื่อทำตารางเสร็จ ปรากฏว่า ผมได้เจอสิ่งที่แปลกประหลาดใจอยู่ นั้นคือ



จะเห็นว่า แม้ว่า เงินต้นของ case 1 และ case 2 จะห่างถึง 10 เท่า ผลต่างเมื่อผ่านไป 30 ปี

 จะห่างเพียง 1.43 เท่าแค่นั้น และแม้ว่า เงินต้นของ case 1 และ case 3 จะห่างถึง 100 เท่า

 ผลต่างก็จะมีเพียง 5.8 เท่า แค่นั้น ซึ่งจากการคำนวณนี้ จะทำให้เราเห็นว่า ถ้าหากคุณโชคดี

เกิดมารวย คุณจะมีโอกาสที่จะรวยมากขึ้น นั้นเป็นเรื่องจริง แต่สำหรับ คุณที่ไม่ได้รวยอะไรมากนัก

 ก็ไม่ต้องนึกเสียใจ เพราะว่า ถ้าคุณตั้งใจและไม่ย่อท้อ เมื่อเวลาผ่านไป ความต่างชั้นของความรวย

ของคุณกับเพื่อนที่รำรวยของคุณ จะค่อย ๆ ลดลง จนระดับอาจจะไม่มีความสำคัญอะไรก็ได้

 (แต่ผมว่า เกิดมารวยคงดีกว่า 555)

กรณีต่อไป ผมลองศึกษาผลเรื่องของความสามารถในการลงทุน ซึ่งผมคิดว่าทุกท่าน

 ก็คงรู้ดีอยู่แล้วว่า ยิ่งเรามีความสามารถมากขึ้นแค่ไหน ผลตอบแทนยิ่งสูงขึ้นมากขึ้น ครั้งนี้

ผมแบ่งเป็นเป็นสี่คน โดยแต่ละคนได้รับเงินจากพ่อแม่เท่ากันคนละหนึ่งแสนบาท

แต่ว่าแต่ละคนนั้น สามารถสร้างผลตอบแทนได้ต่างกัน คือ คนที่หนึ่ง ได้ 5% คนที่สองได้ 10%

 คนที่สามได้ 15% และคนสุดท้ายได้ 20% ต่อปี

ซึ่งก็ไม่ได้ผิดคลาดแต่ประการใดที่คนยิ่งเก่งก็ยิ่งได้รับผลตอบแทนมากขึ้น ดูในตารางได้เลยครับ



จากตารางจะเห็นว่า ยิ่งเราสามารถเพิ่มอัตราผลตอบแทนเราได้สูงเท่าไร

ความเข้าใกล้ความร่ำรวยนั้นก็ยิ่งมากขึ้น ทุก 5 เปอร์เซ็นต์ที่เพิ่มขึ้น พอผ่านไปสามสิบปี

 เงินในกระเป๋าเรากับเพิ่มขึ้นหลายเท่าทีเดียว จาก 16ล้าน เป็น 36ล้าน เป็น 100ล้าน เป็น 280ล้าน

 แต่ในโลกของความเป็นจริงนั้น มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เพราะ สถิตโลกปัจจุบัน นั้นได้เพียง 22% เท่านั้น
การที่เราจะเพิ่มความสามารถในการตอบแทนเป็นเรื่องที่ไม่ได้ง่าย

ดังนั้น การที่เราจะได้ผลตอบแทนที่ดีมาก ๆ นั้น อาจจะเป็นแค่โชค หรือ

อาจจะต้องทุ่มเทจนไม่ต้องทำอะไรอย่างอื่นเลย ซึ่งผมว่า อย่างนั้นจะมีชีวิตไปทำไมใช่ไหมครับ

การฝึกฝีมือต้องใจเย็น ๆ และทำด้วยความไม่โลภจนเกินไป

ผมแนะนำให้เพื่อนอ่านบทความของเพื่อนผม ซึ่งจะช่วยให้เข้าใจเรื่องผลตอบแทนมากขึ้น


//achikochi1234.blogspot.com/2011/09/72-1.html

ส่วนกรณีสุดท้ายเป็นเรื่องของเวลา ผมว่าเพื่อน ๆ ส่วนใหญ่คงเห็นความมหัศจรรย์ของเวลาบาง

แต่ผมขออนุญาตเพื่อน ๆ ทำตารางนี้เผื่อไว้สำหรับน้อง ๆ รุ่นใหม่ดู ตารางนี้ผมแอบปรับอัตรา

ผลตอบแทนเป็น 12% เพราะผมมองว่าแต่ละท่าน ๆ มีความสามารถที่จะทำได้เกินกว่านี้

และผมยังใช้เงื่อนไขเดิมคือเริ่มต้นด้วยเงินหนึ่งแสนบาท เติมเงินทุกปี เดือนละหนึ่งหมื่น

และ เพิ่มทุกปี ปีละ 5%



จากตารางเราจะเห็นว่า ยิ่งเวลาผ่านไปนานแค่ไหน เราก็ยิ่งมีเงินมาก แต่ไม่ได้มากธรรมดา มากโครต

 ก็ดูสิครับ ลงทุนไป 10 ปี ก็เริ่มมีเงินเกือบ 3 ล้าน พอผ่านไป 20ปี จะมีเงิน 14ล้าน

 ผ่านไป 30ปีก็ 52ล้าน พอเกือบตายก็ได้เกือบ 1800ล้าน เห็นไหมว่ายิ่งถ้าเรายิ่งมีเวลาที่จะลงทุน

มากแค่ไหน เงินมันก็จะมากขึ้นมาก นั้นก็หมายถึง ถ้าเรายิ่งลงทุนเมื่อเราเด็กแค่ไหน

ก็มีโอกาสเห็นเงินพันล้านมากขึ้น

สุดท้ายผมทดลองสร้างพอร์ทการลงทุนดูความเป็นไปได้ที่จะให้เราได้ความมั่งคังนับพันล้านดู

 และเพื่อให้ความสมจริง ผมจึงสมมุติคน ๆ นี้มีอายุประมาณ 30 ปี แต่เป็นพนักงานกินเงินเดือน

 เรียนจบมหาลัยที่ดี ซึ่งหลังเกษียร์ก็เป็นถึงระดับบริหารเงินเดือนเกือบแสนละกันครับ

 มีความสามารถสูงในการลงทุน ซึ่งได้ผลตอบแทนทบต้นประมาณ 15%ต่อปี
(ผมจะเล่ารายละเอียดของการลงทุนข้างล่างตารางครับ)



เงินต้น เวลาเริ่มต้นลงทุน ถ้าจะไม่หาเงินเลยนี้คงไม่มีถึงพันล้านแน่ ๆ

 ดังนั้นผมจะเปลี่ยนทรัพยสินเป็นทุน ก็คือขอพ่อแม่อย่างหน้าด้าน ๆ

จากที่ท่านจะซื้อรถให้ไปทำงาน ก็ขอเป็นเงินสดเพื่อลงทุน หนึ่งล้านบาท

ปีที่ 1 แบ่งเงินเก็บไว้ลงทุนเดือนละ หมื่นบาท

 (ซึ่งทั้งปีเอาเป็นว่าแสนสอง มีโบนัสอีกนิด หนึ่งหมื่นทั้งหมดเป็น 130,000 ต่อปี)

เป็นเวลาห้าปี ผมให้ห้าปีเพราะว่า ช่วงแรกเงินเดือนไม่เยอะ แบ่งมาเดือนละหมื่นก็ OK

พอปีที่ 5 ได้ฤกษ์แต่งงาน แทนที่จะจัดงานใหญ่โต ซื้อรถแพง ๆ สิ้นสอดซะเยอะ

(ส่วนมากพ่อแม่ออกให้อีกแล้ว) ลองเปลี่ยนมันเป็นทุน ผมว่าคราว ๆ หนึ่งล้านบาทอีกแล้วครับ

 (ใครจะแต่งวะเนี้ย มีเงินแต่ใช้ไม่ได้)

ปีที่ 6 เงินเดือนเริ่มเยอะ ปรับแบ่งเงินลงทุนเดือนละ สองหมื่นแทน

 (ทั้งปี ปีละ สองแสนสี่ แต่ช่วงนี้เงินโบนัสเริ่มเยอะ เลยขอแบ่งมาหนึ่งแสนเป็น 340,000ต่อปี)

 เป็นเวลาห้าปีอีกแล้ว พอทำงานสิบปี ได้เลื่อนตำแหน่ง หัวหน้าใหญ่

ปีที่ 11 หัวหน้าใหญ่ต้องโดนหักเงินเยอะหน่อย เดือนละสามหมื่น

(ทั้งปี ปีละ สามแสนหก โบนัสช่วงนี้ก็เพิ่มเลยหักโบนัสเพิ่มอีกแสนสี่ สรุปว่าเป็น 50000ต่อปี) เป็นเวลาห้าปีอีก คราวนี้ได้ตำแหน่ง ผู้จัดการใหญ่



ปีที่ 16 ผู้จัดการใหญ่เงินเดือนเยอะก็หักเยอะขึ้นเป็นเดือนละ สี่หมื่น

(ทั้งปี สี่แสนแปด โบนัสเยอะหักเป็นสักแสนเจ็ด สรุปว่าเป็น 650,000 ต่อปี)

แต่เป็นผู้จัดการตำแหน่งมันตัน เลยต้องทำงานตำแหน่งนี้ไปสิบปี

ปีที่ 26 อีกแค่ห้าปีก็โดนเชิญออก แต่เก่งเลยเป็นผู้บริหาร หักซะเลยเดือนละห้าหมื่น

(ทั้งปีก็หกแสน แต่ช่วงนี้ไปเริ่มไปโรงพยาบาลกันเงินโบนัสไว้ ไม่ใส่ในพอร์ท สรุปว่าเป็น 600,000 ต่อปี)

ปีที่ 30 โดนเชิญออก ไม่ได้เงินเดือนแล้ว เลยไม่เติมเงินซะงั้น (จริง ๆ ได้เงินบำนาญอีกนะ อิอิ)

ปีที่ 40 อายุ 70 มี 999 ล้านบาท ขาดไม่กี่แสน ก็ขอลูกหลานเอา บอกว่าจะได้ครบพันล้านซะที

สรุปว่า ได้เงินพันล้านแล้วครับ ^ ^

__________________________________________________

ติดตามงานเขียน


โดย Prasertsak Art Khemaluk

//www.facebook.com/notes/prasertsak-art-khemaluk/%E0%B8%9C%E0%B8%A1%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99/284229184924594?comment_id=7580696¬if_t=note_reply




 

Create Date : 06 มีนาคม 2556   
Last Update : 6 มีนาคม 2556 9:58:14 น.   
Counter : 3576 Pageviews.  



P_ปรัชญา
 
Location :
ขอนแก่น Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 63 คน [?]




หยิ่ง
กับตัวเองบ้าง
ในบางครั้ง

เบื่อ
ชีวิตความผิดหวัง
ในบางหน

เกลียด
ความไม่จริงใจ
ในบางคน

ยอมทน
คนหยามเหยียดได้
ในบางที


[Add P_ปรัชญา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com