จิกทะเล
กระโดน
ปลูก ต้นกระโดน ไว้ที่สวน 1 ต้น จากข้อมูล...ฐานข้อมูลสมุนไพร//thaiherb.most.go.th/plantdetail.php?id=309_______________________________________________________ชื่อวิทยาศาสตร์ : Careya sphaerica Roxb วงศ์ : LECYTHIDACEAE ชื่อพ้อง : Careya arborea Roxb. ชื่อสามัญ : Tummy-wood; ชื่ออื่น : หูกวาง (จันทบุรี); เส่เจ๊อะบะ (กระเหรี่ยง แม่ฮ่องสอน);( ภาคใต้); พุย (ละว้า เชียงใหม่); ผ้าฮาด (ภาคเหนือ); ปุยขาว; ปุยกระโดน; ปุย (ภาคเหนือ; แซงจิแหน่; ขุย (กระเหรี่ยง แม่ฮ่องสอน); กะนอน (เขมร) ลักษณะทางพฤกศาสตร์ ลำต้น ไม้ยืนต้นขนาดกลาง ผลัดใบ สูง 7-30 เมตร กิ่งก้านมีขนานดใหญ่ โดยมากต้นมักเตี้ยแผ่กิ่งก้านกว้าง เนื้อไม้สีน้ำตาลแดงใบ เป็นใบเดี่ยวเรียงสลับเวียน อยู่เป็นกระจุกที่ปลายกิ่ง รูปไข่กลับกว้างประมาณ 15 เซนติเมตร ยาว 30 เซนติเมตร ปลายใบแหลมเป็นติ่งสั้นๆโคนใบสอบ เรียวยาวเป็นครีบ ขอบใบหยักเล็กน้อย หน้าแล้งจะทิ้งใบหมดจะผลิใบใหม่พรัอมออกดอกดอก เป็นดอกช่อ ยาว 7.5-20 เซนติเมตร มีใบประดับ 3 กลีบ กลีบเลี้ยง 4 กลีบ ส่วนโคนเชื่อมติดกันเป็นรูประฆัง กลีบดอกสีขาว 4 กลีบ ยาวประมาณ 4.5 เซนติเมตร เกสรตัวผู้จำนวนมาก เรียงตัวเป็นชั้นๆสีแดง ยาวประมาณ 5 เซนติเมตรผล กลม รูปไข่หรือกลม เส้นผ่าศูนย์กลาง 5-8 เซนติเมตร ที่ปลายผลมีกลีบเลี้ยงติดอยู่ เมล็ดแบน สีน้ำตาลอ่อน รูปขอบขนาน ผิวเรียบ ขึ้นประปรายเป็นหมู่ๆ ตามป่าเบญจพรรณชื้น ป่าแดงและป่าทุ่ง _______________________________________________________ดอกกระโดน ออกดอกอย่างเยอะเลยปีนี้_______________________________________________________
จิกสวน หรือ จิกบ้าน
จิกสวน จะออกดอกเดือน มิถุนายน - สิงหาคม ซื้อ ต้นจิกสวน ไม้ล้อม มาปลูกที่สวน จิกสวน ชื่อวิทยาศาสตร์ Barringtonia asiaticaวงศ์ LECYTHIDACEAE(BARRINGTONIACEAEชื่ออื่น จิกบ้าน (กรุงเทพฯ), ปูตะ (มลายู - นราธิวาส)เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กสูง4-8เมตรลำต้นมีปุ่มปมเปลือกเป็นสีเทาถึงน้ำตาลเทาเรียบถึงแตกเป็นแผ่น เปลือกชั้นในสีเหลืองแกมน้ำตาล ถึงชมพุ มีเส้นใยเหนียว ใบ เป็นเดี่ยว เรียงเวียนรอบกิ่ง เป็นกระจุกที่ปลายกิ่ง แผ่นใบคล้ายกระดาษ ไม่นุ่ม ใบรูปรีแกมรูปไข่กลับ ถึงรูปหอกแกมรูปไข่กลับ ขนาด 6-18 x 20-3 ซม.ใบเกลี้ยงทั้งสองด้าน ผิวใบด้านบนเป็นมัน ปลายใบเรียวแหลม ฐานใบ สอบแคบ ขอบใบหยักละเอียด เส้นใบ 13-18 คู่ ก้านใบอวบสั้น ยาว 0.5-1 ซม. ดอก ออกที่ปลายกิ่ง เป็นช่อกระจะ ยาว 30-60 ซม. ช่อดอกห้อยลง ดอกใหญ่เส้นผ่านศูนย์กลาง 5 ซม. ใบประดับรูปสามเหลี่ยม หลอดกลีบเลี้ยงเปิดออก มี 2-5แฉก ขนาดไม่เท่ากัน กลีบดอก สี่ กลีบ ยาว 2-2.5 ซม. ไม่ติดกัน สีชมพูหรือขาวอมชมพู รูปขอบขนาน หรือรูปไข่แกมขอบขนาน แผ่ออกกว้างเกสรเพศผู้ก้านยาว จำนวนมาก รวมกันเป็นพู่ ออกดอกเดือน มิถุนายน - สิงหาคม ผล สีเขียวถึงสีเขียวอมม่วง รูปไข่ถึงรูปรี ขนาด 3-4 x 5-8ซม. ปลายผลแหลมทั้งสองด้าน มีกลีบเลี้ยงสองด้าน มีกลีบเลี้ยง 2-4 กลีบ _______________________________________________________ช่อดอกจิกสวน ยาวกว่าช่อดอกจิกน้ำ แต่ช่อสั้นกว่าจิกนมยานถ่ายรูป มาจากสวน 09/09/09______________________________________________________ ดอกจิกสวน บานตอนกลางคืนเช้า ดอกจิกสวนก็หล่นเต็มพื้นดินถ่ายรูปจากสวน 20กย52______________________________________________เช้าวันที่ 21 กย 52 มาสวนเลยถ่ายรูปดอกจิกเก็บไว้ดูตื่นนอนแต่ ตอนตี 5 ก่อนฟ้าสางเพื่อไปรอถ่ายรูป ก่อนพระอาทิตย์จะขึ้น (ทำไปได้)______________________________________________________ดอกจิกสวน ที่ล่วงหล่น อยู่บนพื้นดิน_______________________________________________________หนังสือยังหาซื้อไม่ได้//agkc.lib.ku.ac.th/plantlib/KMBook/plant_book_list.php?pageNum_rs_book=0
จิกน้ำ หรือ กระโดนน้ำ
จิกน้ำ หรือ กระโดนน้ำขออนุญาต นำรูป พี่แอ๊ด คาราบาวมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ กินใบจิกน้ำ หรือบางที่เรียกว่า กระโดนน้ำมีลูกด้วยนะ สวยมาก แปลกดี มีปลูกไว้ที่สวน แฮ่ม...ใบเขียวขึ้นมันเชียวแหล่ะ(ชาวอิสาน นิยมเก็บใบอ่อน ไปทานกับลาบ เป็นเครื่องเคียง มันอร่อย) ดอกจิกน้ำ ช่อดอก เล็กๆ บานตอนกลางคืน จิกนา ชื่อวิทยาศาสตร์ : Barringtonia acutangula (L.) Gaertn. วงศ์ : LECYTHIDACEAE ชื่ออื่น : ลำไพ่ (อุตรดิตถ์); ปุยสาย (ภาคเหนือ); ตอง; จิกน้ำ (ภาคกลาง); จิ๊ก (กรุงเทพ); กระโดนน้ำ (หนองคาย); กระโดนสร้อย (พิษณุโลก); กระโดนทุ่ง; ลักษณะทางพฤกศาสตร์ ลำต้น ไม้ยืนต้นขนาดกลาง ทรงต้นแผ่กว้าง สูง 8-17 เมตร ผลัดใบแต่จะผลิใบใหม่อย่างรวดเร็ว ยอดอ่อนมีขนเล็กน้อย เปลือกสีน้ำตาลเข้ม แตกเป็นร่องตามยาวและหนา กิ่งก้านมักคดงอใบ เป็นใบเดี่ยว ติดเรียงสลับเวียนอยู่ตอนปลายกิ่ง รูปไข่กลับ รูปหอกกลับ หรือรูปรี กว้าง 3-10 เซนติเมตร ยาว 6-20 เซนติเมตร โคนแหลม ปลายใบมน เป็นติ่งแหลมๆ หรือ เว้าเล็กน้อย ขอบใบหยักตื้นๆถี่ๆ ใบอ่อนสีแดงและมีขน ก้านใบยาว 2-10 มิลลิเมตรดอก เป็นดอกช่อที่ปลายกิ่ง ห้อยลงยาว 30 เซนติเมตร กลีบเลี้ยงส่วนโคนเชื่อมติดกันเป็นท่อสั้นๆ รูปสี่เหลี่ยม ปลายแยกเป็น 4 กลีบ ปลายกลีบมน กลีบดอก 4 กลีบ รูปขอบขนาน หรือรี สีชมพู หรือแดง เกสรตัวผู้มีจำนวนมาก กลีบดอกและเกสรตัวผู้หลุดร่วงง่ายผล รูปสี่เหลี่ยม กว้าง 1-3 เซนติเมตร ยาว 2-6 เซนติเมตร ส่วนปลายตัด กลีบเลี้ยงยังคงติดอยู่ ผิวเป็นร่องตามยาว ที่มาข้อมูล อ้างอิง จาก...//thaiherb.most.go.th/plantdetail.php?id=306________________________________________________ที่สวนปลูกต้นจิกน้ำ ไว้ทั้งหมด 18 ต้น หน้า4นิ้วดอกเริ่มบานแล้ว ถ่ายรูปช่วงเวลา22.00น.-23.00น.เริ่มถ่าย วันที่ 19 มีนาคม 2553ดอกจิกจะบานตอนกลางคืน พอแดดออกเช้าก็จะเริ่มโรยช่อดอกจิก มีดอกหลายดอก เริ่มบานตั้งแต่โคนช่อ1 ช่อ ดอกจะบานและร่วงกว่าจะหมดช่อใช้เวลาหลายวัน20 มีนา 2553ตอนเช้าจะเห็นที่พื้นดินบริเวณโคนต้นจิก ดอกจะหล่นหมือนพรมดอกไม้______________________________________________________ดอกจิกน้ำบานตอนกลางคืน ถ่ายรูปออกมาไม่ค่อยสวย ในความมืดก็เดาเอาไม่ได้เล็งเลยเมื่อก่อนก็มองว่าช่อดอก เวลาบานคลาสสิคมาก คืนนี้ ๒๓/๓/๕๓มองแล้วก็ยอมรับว่า ดับเบิ้ลคลาสสิคมีเสน่ห์ สวยงาม สดใสในความมืดจิกเป็นต้นไม้ที่ขึ้นเอง ตามห้วย ตามท้องนา ตามป่าแต่ว่าดอกบานตอนกลางคืน จึงไม่ค่อยจะมีคนพบเห็น จึงไม่ค่อยมีคนนำมาปลูกประดับบ้าน หรือจัดสวน จิกน้ำ ต้นนี้บานต่อเนื่องมาหลายคืน _______________________________________________________2 กย.2553ดอกจิกน้ำ เริ่มบานอีกครั้ง ที่สวนช่อดอกยาว เกิน2ฟุต สวยมากแต่บานตอนกลางคืน เช้ามาก็ล่วงหมด_______________________________________________________เมื่อปลายฝน ต้นหนาว ที่ยาวนานเกิดตำนาน ดอกไม้ มาให้เห็นสวยสีหวาน ม่านมนต์ขลัง หลังยามเย็นราตรีเป็น เสน่หา ให้มาชมจิกเอยจิกน้ำเหมือนเจ้าช้ำ ชอกใจ ให้เหลือข่มหลบตาวัน หลบตาใคร ให้ตรอมตรมเจ็บช้ำคม น้ำคำใคร คนใจดำ
จิกเศรษฐี หรือ จิกนมยาน
ต้นไม้ ต้นนี้ ไฮโซ้ ไฮโซ เฮ้อ... เจ้าเกิด ณ.แดนไกล ที่ในป่าขุดล้อมมา ประดับไว้ ในเมืองหลวงเปลี่ยนชื่อใหม่ ได้งดงาม มาตามดวงดังหายห่วง จิกเศรษฐี มีราคาต้น-ใบ ไม้โบราณ เหมือนงานศิลป์ลือระบิล งานชิ้นเอก เสกไม้ป่่าช่อ-ดอก จิกนมยาน ตระการตายาวเมตรกว่า ทะยอยบาน หวานจับใจ(ปรัชญา ฤกษ์ดีทวีทรัพย์ เขียนเมื่อ 2กพ52)อยากได้ แต่ไม่กล้าซื้อหลักหมื่น เหอ เหอ เลยซื้อแบบต้นเล็ก หลักร้อย ถอยมาปลูกเล่นสัก4ต้นปลูกต้นไม้ไม่เก่ง ขอรอดแค่ต้นเดียวก็น่าจะพอล่ะชื่อ จิกเศรษฐีเดิมมาจากต้นไม้ ที่ชื่อ จิกนมยานน่าจะเป็นพ่อค้าแม่ขายต้นไม้ มาปรับปรุงแต่งเติมชื่อกันเอาเองเพื่อความไพเราะเหมือนยุค ต้นลีลาวดี เดิมชื่อลั่นทม นั่นล่ะเมืองไทยก็ปั่นต้นไม้กันมาทุกปี เป็นที่ทราบกันมาตลอดของแม่ค้า งานประกวดต้นไม้ต่างๆที่จำได้ ก็มีปั่น บอนไซ ปั่น โกศล ปั่น บอนสี ปั่น เฟื่องฟ้า ปั่น โป๊ยเซียน ปั่น ลั่นทม(หรือลีลาวดี) สลับหมุนเวียนเปลี่ยนกันไปเป็นการได้เงินของคนขายต้นไม้ เป็นการได้สะสมของผู้สนใจนำไปปลูกอนุรักษ์ขยายพันธุ์ตามความคิดเห็นของแต่ละคน ที่ว่าจะเหมาะสมต้นไม้ ซื้อ-ขายกัน ต้นละสิบ ถึงต้นเป็นแสน ก็แบ่งกันไปตามฐานะ ความชอบ ต้นไม้ราคาสูงก็เหมาะกับโรงแรม หรือบ้านคนมีตังค์ บ้านราคาหลังละหลักสิบถึงร้อยล้านราคาต้นไม้แค่นี้ น่าจะเรียกได้ว่า จิ๊บ จิ๊บ_______________________________________________________จิกนมยาน หรือ จิกเศรษฐี ต้นนี้ปลูกมา3ปีแล้ว สูงประมาณ2เมตรสังเกตที่ยอด ออกช่อดอกมาแร้ววววขยับเข้าไปใกล้ๆ อีกติ๊ดนึงช่อดอกยังยาวไม่มากเลย เคยเห็นต้นใหญ่ๆ ช่อยาวได้ถึง 1.50 เมตรเชียวนะช่อดอกยาว อลังการ งานศิลป์ ถ้านับดอกน่าจะได้200ดอกขึ้นไปว่างวันไหนจะลองนับดูชมกันแค่นี้ก่อนนะครับ ไว้จะเก็บภาพมาฝากต้นจิกตอนถ่ายภาพมานี้ ความสูงประมาณของต้นประมาณ 2.50ม.ดอกของจิก จะบานตอนกลางคืน เช้าไปดูจะเห็นหล่นอยู่บนพื้นดินหลายคนที่เรียก จิกนมยานหรือจิกเศรษฐีว่าเป็น...ราชาแห่งไม้ดอกเริ่มสงกะสัยล่ะซี ว่าราชินีแห่งไม้ดอกเป็นอะไรคำตอบ คือ...ดอกกุหลาบจิกนมยานหรือจิกเศรษฐี ที่เพาะเมล็ดและปลูกต้นนี้ ช่อดอกยาวถึงวันนี้(12/3/55)วัดช่อดอกได้ยาว2.58ม. (สองเมตรห้าสิบแปดเซ็นติเมตร)บันทึกไว้ว่าวัดได้ยาวขนาดนี้(เพราะตามหนังสือตำราต้นไม้พันธุ์ไม้ นั้นบันทึกไว้เพียง บอกว่ายาว1.5ม. ความจริงยาวได้มากกว่านั้น)_______________________________________________________จิกนมยาน ไม้ประดับท้องถิ่นจากป่าจิกนมยาน เป็นไม้ยืนต้นสูง 3-8 เมตร มีกิ่งน้อย ทรงพุ่มของแต่ละกิ่งมีลักษณะเป็นทรงกลม ใบกว้าง 15-20 เซนติเมตร ยาว 40-90 เซนติเมตร ใบอ่อนสีชมพู จะออกดอกช่วงเดือน มกราคม-กุมภาพันธ์ ช่อดอกยาวคล้ายงวงช้าง ยาวประมาณ 120-170 เซนติเมตร และมีดอกมากถึง 150-250 ดอก ซึ่งดอกจะเริ่มบานในตอนค่ำและร่วงในเช้าวันรุ่งขึ้น ในแต่ละช่อดอกจะทยอยบานจากดอกแรกถึงดอกสุดท้าย โดยจะใช้เวลาประมาณ 10-15 วัน แล้วแต่ความยาวของช่อดอก การขยายพันธ์ ตามธรรมชาติขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด ซึ่งจากการศึกษาพบว่า เมล็ดจะแก่และร่วงหลังจากดอกบานแล้วประมาณ 60-65 วัน นอกจากนี้ ยังสามารถทำการขยายพันธุ์ด้วยวิธีการตอนกิ่งแบบควั่นได้ ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 45-60 วัน ก็สามารถตัดกิ่งไปปลูกได้ทันทีหากเป็นช่วงฤดูฝน จิกนมยาน ใช้ปลูกประดับได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีทรงพุ่มและช่อดอกที่สวยงามมาก สามารถปลูกได้ทั้งในที่ร่มและกลางแจ้ง _______________________________________________________ตัดมาจาก เดลินิวส์ วันที่ 9 ตุลาคม 2550 //www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?ColumnId=46920&NewsType=2&Template=1_______________________________________________________จิกมีอยู่หลายชนิดจิก ที่อยู่ในวงศ์ BARRINGTONIACEAE1. จิก Barringtonia coccinea Kostel2. จิกเขา Barringtonia fusifomis King3. จิกใหญ่ Barringtonia angusta Kurz4. จิกดง Barringtonia pauciflor King5. จิกนา หรือ กระโดนทุ่ง Barringtonia acutangula (L.) Gaertn.6. จิกนม หรือ จิกนุ่ม Barringtonia macorstachys Kurz7. จิกนมยาน Barringtonia macorcarpa Hassk.8. จิกน้ำ หรือ กระโดนสร้อย Barringtonia acutangula (L.) Gaertn. Subsp. spicata (Bl.) Payens9. จิกเล หรือ โดนเล Barringtonia asiatica (L.) Kurz10. จิกสวนหรือจิกบ้าน Barringtonia racemosa Roxb.(ยังมีอีกกี่จิกก็ยังหาไม่เจอ ห้ามบอกมี จิกนมยาย จิกกบาล นะ)ต้นกระโดน ที่มีดอกคล้ายกับ จิกเลเพราะจิกเล ดอกเป็นช่อไม่ยาวเป็นสาย_______________________________________________________ศึกษา อ้างอิง การเปรียบเทียบ อย่างชัดเจน จาก...//www.thailandhoyaclub.com/webboard/index.php?topic=532.0//topicstock.pantip.com/jatujak/topicstock/2008/09/J6987672/J6987672.html______________________________________________________ตำนานแห่งต้นจิกต้นไม้ในพุทธประวัติต้นจิก (Barringtonia acutangula (L.) Gaertn.)ต้นจิกหรือมุจลินท์นี้ ตามพระพุทธประวัติกล่าวว่า หลังจากที่พระพุทธเจ้าได้ทรงประทับอยู่ใต้ต้นโพธิ์และ ต้นไทร แห่งละ 7 วัน แล้ว จึงเสด็จไปประทับใต้ต้นจิกอีก 7 วัน ในขณะที่ประทับใต้ต้นจิกนี้ ได้มีฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน อากาศก็เย็นมาก จึงมีพญานาคชื่อมุจลินท์มาขดเป็นวง 7 รอบ ล้อมพระองค์ พร้อมกับแผ่พังพานปรกพระองค์ไว้ ต่อมาเมื่อมีผู้คิดประดิษฐ์พระพุทธรูปขึ้นภายหลัง จึงได้ประดิษฐ์พระพุทธรูปปางนี้ขึ้น เรียกว่า ปางนาคปรก และเรียกต้นจิกไปตามชื่อของพญานาค คือ มุจลินท์จิกหรือมุจลินท์เป็นพันธุ์ไม้สกุล (Genus) Barringtonia ในวงศ์ (Family) Lecythidaceae เป็นไม้ต้นขนาดกลาง ผลัดใบแต่จะผลิใบใหม่ได้รวดเร็ว ใบอ่อนจะออกสีแดงเรื่อ ๆ กิ่งมักคดงอใบติดเวียนกันเป็นกลุ่มตอนปลาย ๆ กิ่ง ใบรูปหอกหรือรูปไข่กลับเนื้อใบเนียนแน่น เลี้ยงกว้าง 5 10 ซม. ยาว 20 30 ซม. ส่วนที่ค่อนไปทางปลายใบ จะกว้างแล้วค่อย ๆ เรียวสอบไปทางโคนก้านใบยาวไม่เกิน 1.5 ซม. ออกดอกสีแดง แต่ละดอกโตวัดผ่า ศูนย์กลางประมาณ 1 ซม. ติดรวมกันเป็นพวงยาว ๆ ซึ่งยาวถึง 40 ซม. เกสรผู้จะมีมากมายในแต่ละดอก กลีบดอกสั้น ๆ มี 4 กลีบ หลุดร่วงเร็วมาก หลอดท่อรังไข่ยาวยื่นออกมามาก ผลกลม ยาว ยาวประมาณ 2.5 ซม. มีสันเป็นคลื่นทื่อ ๆ สี่เหลี่ยม ปลายผลจะยังคงปรากฏกลีบรองดอกติดอยู่จิกมีขึ้นทั่วไปทางภาคตะวันออกและภาคกลางของอินเดีย ตลอดลังกาถึงย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สำหรับในประเทศไทยก็มีขึ้นอยู่ทั่วประเทศ ในที่ค่อนข้างราบลุ่มตามชายห้วย หนอง แม่น้ำ สามารถเป็น พันธุ์ไม้สะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกได้อย่างดี และมีชื่อเรียกต่าง ๆ ไปตามท้องที่ เช่น จิกน้ำ จิกบก กระโนทุ่ง กระโดนน้ำ ตอง กระโนสร้อย มุ่ยลาย และลำไพ่ เป็นต้น การขยายพันธุ์ใช้เมล็ดหรือตอน และจะตัดกระโงจากรากก็ได้ ใบอ่อนรสฝาดเล็กน้อย ใช้รับประทานได้ รากของต้นจิกใช้เป็นสมุนไพร แก้โรคลมต่าง ๆ ประชาชนนิยม ปลูกไว้ตามชายน้ำ เพื่อกันดินพัง อาศัยร่มเงา ปลูกเป็นไม้ประดับ และใช้รับประทานกันทั่วๆไปในอินเดียมีจิกอีกชนิดหนึ่ง มีชื่อทางพฤกษศาตร์ว่า Barringtonia speciosa J.R.& G. Forst. ซึ่งมีลักษณกะคล้าย กับต้นจิกที่กล่าวถึงข้างต้นมาก แต่ดอกแทนที่จะมีสีแดงกลับมีสีเหลืองอ่อน ๆ การที่พระพุทธเจ้าเสด็จ มาประทับใต้ต้นจิก ก็อาจสัณนิษฐานได้ว่า เมื่อทรงประทับอยู่แล้ว อีกทั้งพระองค์จะเข้าใจการใช้ชีวิต หรือการยังชีพในป่าเป็นอย่างดี คงจะทรงทราบว่าใบจิกใช้เป็นอาหารได้ และอาจจะเก็บเอารากจิก มาเสวยเป็นโอสถแก้ลมอืดแน่นในท้องบ้างก็เป็นได้ที่มา+ข้อมูล//www.dnp.go.th/nursery/pud/jig.htm______________________________________________________คู่มือ ค้นคว้า หาความรู้//agkc.lib.ku.ac.th/plantwebsite/webpage/TypeSearch/SelectCriteria/SelectCriteria.html