คอลั่มน์ มันนี่ทิปส์

(เปิดอ่านผ่านโปรแกรม Google chrome )



หนังสือพิมพ์โพสต์ ทู เดย์
ฉบับ ปีที่ 4 ฉบับที่1328 วันอังคารที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2549

หน้าA19
คอลั่มน์ มันนี่ทิปส์
ผู้เรียบเรียง สวลี ตันกุลรัตน์
sawaleet@posttoday.com

เขียน...Value Investor

รักแล้วรักเลย

__________________________________________

มันนี่ทิปส์
สวลี ตันกุลรัตน์
Value Investor
รักแล้ว... รักเลย

สัปดาห์ก่อนเราได้รู้จักการลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investng) หรือ VI ที่ทำให้นักลงทุน
กลุ่มหนึ่งที่เรียกตัวเองว่า นักลงทุนแบบเน้นคุณค่า หลงรักวิธีแบบนี้แบบหมดหัวใจ

เพราะฉะนั้นสัปดาห์นี้ เราคงต้องตามไปดูกันต่อว่าอะไร ที่ทำให้นักลงทุนทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ ติดหนึบ
แบบบถอนตัวไม่ขึ้น รวมทั้งประสบการณ์และวิธีคิดของพวกเขา รับรองว่าคุณอาจจะเป็นอีกคนหนึ่ง
ที่เต็มใจจะรัก VI

อนุรักษ์ บุญแสวง
“เป็นการลงทุนที่รวยง่ายและเร็วที่สุด”

เมื่อ 9 ปีก่อนเขาเริ่มต้นประสบการณ์การลงทุนด้วย
“กลยุทธ์ทางเทคนิค” ที่ไม่ประสบความสำเร็จ ทำให้เงินลงทุนหายไปเกือบครึ่งภายในเวลา 2 ปี
“เริ่มต้นก็เจ็บตัวเลย เลยคิดว่าการดูเพียงตัวเลขไม่น่าจะถูกต้อง เพราะเทคนิคมันเป็นแค่ความน่าจะเป็นไม่ได้ถูกต้องเสมอไป”
ประกอบกับเขาได้อ่านบทสัมภาษณ์ของนาย “ปีเตอร์ อิริค เดนนิส “นักลงทุนชาวออสเตรเลียที่เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย และประทับใจคำพูดที่ว่า “หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง” เลยสนใจหันมาศึกษาการวิเคราะห์ด้านปัจจัยพื้นฐานอย่างจริงจัง
อย่างไรก็ตาม อนุรักษ์ ก็ยังมองว่า นักลงทุนที่มองด้านพื้นฐานบางครั้ง ก็มักลงทุนด้วยความรู้สึกที่คิดแต่เพียงว่า หุ้นตัวนี้ดี แต่ถามว่าดีอย่างไรก็ตอบไม่ได้ ไม่มีข้อมูลมาสนับสนุน
แล้วแนวทางที่เขาเดินก็ค่อยๆมุ่งมาสู่วีไอ ที่เขาบอกว่าเป็นวิธีการที่ลึกซึ้งกว่าการดูเพียงปัจจัยพื้นฐาน
นับจากวันนั้นจนวันนี้ มูลค่าทรัพย์สินของเขาเพิ่มขึ้น 8 เท่าตัว โดยมีกิจการที่ถืออยู่ในมือ 8-9 ตัว แต่ให้น้ำหนักในหุ้น 5 ตัว
“ผมเป็นลูกชาวบ้านจริงๆ เป็นมนุษย์เงินเดือน ไม่มีทรัพย์สินอะไร ได้เงินทุนก้อนหนึ่งมาจากการไปทำงานต่างประเทศ ก็นำมาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์”
แม้ว่าญาติพี่น้องจะไม่เห็นด้วยกับวิธีการของเขาก็ตาม เพราะ “ญาติๆผมมองว่าหุ้นเป็นการพนัน” แต่แล้วเขาก็พิสูจน์ให้ใครๆเห็นว่าเขาคิดถูก
เพราะวันนี้ในวัย 32 ปี เขาสามารถเกษียณจากงานประจำ โดยที่ไม่มีธุรกิจส่วนตัว มีเพียงรายได้จากการลงทุน และนั่นทำให้เขาเชื่อว่า การลงทุนในแบบวีไอ เป็นวิธีที่ทำให้รวยที่สุดและง่ายที่สุด ทั้งยังมีประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย
“การทำธุรกิจเสี่ยงมากที่จะล้มเหลว แต่ถ้าเป็นวีไอ โอกาสรวยแทบจะ 100 เปอร์เซ็นต์ แค่อาศัยเวลา เพราะมันต้องอาศัยการทบต้น ซึ่งปีแรกๆอาจจะช้า แต่ปีหลังๆจะเร็วมาก”
“วิธีเก็งกำไรก็รวยเร็วเหมือนกัน แต่ก็ทำให้จนเร็วด้วย โอกาสได้เยอะก็จริง แต่ก็มีโอกาสที่จะเสียเยอะด้วยเช่นกัน อย่างผมในปีที่ดีๆ อาจจะได้ผลตอบแทน 100 เปอร์เซ็นต์ อย่างปีนี้ตลาดนิ่งๆ พอร์ตผมโต 50 เปอร์เซ็นต์ อย่าไปเสียเวลากับหุ้นปั่นเลย”
นอกจากผลตอบแทนที่น่าพอใจแล้ว อนุรักษ์ยังบอกว่าการลงทุนแบบนี้ ไม่เคยทำให้เขาตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน เพราะ “ทุกอย่าง ขึ้นอยู่กับตัวเราไม่ต้องสนใจภาวะตลาด เพียงแต่ต้องใจเย็น เพราะถ้าไม่อดทนก็ไม่ประสบความสำเร็จ”
คุณสมบัติที่มักจะมีอยู่ในตัววีไอในความเห็นของอนุรักษ์ คือ ไม่ฟุ้งเฟ้อ ไม่ฟุ่มเฟือย และไม่ตามกระแส
“วีไอที่เก่งๆทุกคนจะเห็นคุณค่าของเงินไม่สุรุ่ยสุร่าย แม้ว่าเขาจะมีเงินซื้อรถยนต์ราคา 10 ล้าน แต่เขาจะไม่ทำกัน เพราะคิดว่าถ้าจะซื้อรถราคา 10 ล้านบาท นำเงินไปลงทุนดีกว่าอีกไม่กี่ปีก็เพิ่มเป็น 20 ล้านบาทแล้ว”
พร้อมกันนี้อนุรักษ์ยังฝากข้อคิดไว้ให้นักลงทุนทั้งมือใหม่และมืออาชีพด้วยว่า…..
“หุ้นไม่ใช่เศษกระดาษ ไม่ใช่การพนัน มันมีคนทำงานมีกิจการจริงๆ เพราะฉะนั้นจะลงทุนในหุ้นต้องศึกษาพื้นฐานด้วย ถ้าศึกษาได้จะไม่มีใครขาดทุน แต่จะขาดทุนเพราะอยากรวยเร็วไปเล่นหุ้นปั่น โดยลืมไปว่ามันทำให้จนเร็วด้วย แล้วจะคิดว่าหุ้นเป็นการพนัน”
__________________________________________



ฉัตรชัย วงแก้วเจริญ
“เน้นคุณค่าทั้งการลงทุนและการใช้ชีวิต”

ฉัตรชัย เป็นนักลงทุนแบบวีไอ อีกคนหนึ่งที่เลือกจะเกษียณตัวเองจากงานประจำ และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วยผลตอบแทนจากการลงทุนจากแนวทางวีไอ จากหุ้นเพียงตัวเดียว ด้วยวัยเพียง 38 ปี

เขาเล่าว่า เขาเริ่มต้นด้วยเงินทุนไม่สูงนัก แต่นั่นก็เป็นเงินเก็บก้อนแรกของเขา และไม่ประสบความสำเร็จเท่าใดนัก
“ผมเล่นหุ้นมาตั้งแต่สมัยยังเคาะกระดาน ก็เล่นตามข่าวบ้าง ดูกราฟบ้างเล็กๆน้อยๆ ฟังบทวิเคาะห์บ้าง แม้จะไม่ได้ขาดทุนมากนัก แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ”
แล้วเขาก็มาค้นพบเส้นทางเดินช่วงที่เรียน MBA และทำงานดานการเงิน ทำให้เรียนรู้ด้านการเงิน บัญชี เศรษฐกิจ ในช่วงก่อนเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจ ซึ่งเขาบอกว่า นั่นเป็นโขคดีของเขา เพราะทำให้เห็นว่าประเทศอาจจะต้องลดค่าเงินในไม่ช้า เขาตัดสินใจ “ล้างพอร์ต”เลิกเล่นหุ้น
แล้วเหตุการณ์ที่เขาคาดมันก็เกิดขึ้นจริง

เขากลับมาในตลาดหลักทรัพย์อีกครั้งในปี 2542 ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดอยู่ในจุดต่ำสุด

“เห็นแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง ค่าเงินบาทนิ่ง และการแก้ไขปัญหาสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ที่คืบหน้าไปมาก เลยเข้าหาซื้อ ซึ่งบังเอิญถูกตัว”

ในตอนนั้นจะดูภาพรวมของประเทศเป็นหลัก ประกอบกับดูว่า บริษัทที่ไม่มีหนี้ ในขณะนั้นก็น่าจะเป็นบริษัทที่แข็งแกร่ง จากนั้นภาวะเศรษฐกิจก็เริ่มปรับตัวดีขึ้น ในระหว่างนั้นเริ่มศึกษามากขึ้น และปรับปรุงจุดอ่อนของตัวเองเรื่อยมา จนกระทั่งมาอยู่ในแนวทางของวีไอ
“การลงทุนแบบวีไอ ให้เวลากับเรา ไม่ต้องเฝ้า กลางคืนนอนหลับ เมื่อก่อนนอนไม่ได้ กลางคืนต้องมานั่งดูดัชนีดาวน์โจน ดูข่าว แต่ตอนนี้ก็สนใจแต่กิจการของเรา”

และไม่ใช่แค่รูปแบบการลงทุนเท่านั้นที่เป็นแบบเน้นคุณค่า แต่การใช้ชีวิตก็จะเน้นคุณค่าไปด้วย โดยใช้ชีวิตพอเพียง รู้คุณค่าการใช้เงิน ซึ่งจะตรงข้ามกับคนที่เข้ามาเล่นหุ้นแล้วหวังว่าจะรวย

“คนที่เป็น value investor จริงๆ จัง จะศึกษาธรรมะ เพราะชีวิตจะไม่ตื่นเต้น จิตใจจะสงบ และถ้าไม่มีธรรมะมายึดเหนี่ยวไว้ ก็จะอยู่ในแนวนี้ไม่ได้ เพราะ วีไอ จะเป็นเรื่องของจิตใจมาเป็นอันดับหนึ่ง ถ้าหลงติดบ่วงกิเลศ ถูกยั่วยวนจากราคาหุ้นก็เป็นไม่ได้”

__________________________________________





นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์
“เป็นวิธีการลงทุนที่ทำให้กินอิ่มนอนหลับ”

แม้ว่าเขาจะออกตัวว่า ศึกษาการลงทุนในแนวทางนี้ มาได้เพียง 3 ปี แต่ถ้าพูดถึง “สุมาอี้” แล้ว เพื่อนพ้องน้องพี่ใน thaivi.com คงจะบอกได้ว่า เขาก็ “แม่ทัพมือหนึ่ง” เหมือนกับชื่อที่เขาเลือกใช้นั่นล่ะ

“จะให้บอกว่าการลงทุนแนววีไอดีที่สุดคงไม่ได้ เพราะมีเรื่องบุคคลิคของแต่ละคนมาเกี่ยวข้องด้วย แนวในการลงทุนต้องเข้ากับบุคคลิคของเรา คนที่รู้ทันจิตวิทยามวลชนอาจจะเล่นเก็งกำไรได้ดี แต่ผมเล่นหุ้นแดงจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้”

เพราะฉะนั้นสำหรับเขา.....”การลงทุนแบบวีไอ มันเข้ากับนิสัยของผม”

“ก็เลยมาในแนววีไอดีกว่า ใจไม่หวิวมาก มันเป็นวิธีการลงทุนที่ทำให้กินอิ่มนอนหลับ แพราะถ้าเราต้องเฝ้าตลาดตลอดเวลา ต้องคอยเช็คข่าวอยู่ตลอด แม้ว่าจะได้กำไรมากก็คงไม่มีความสุข”

นอกจากกินอิ่มนอนหลับแล้ว ก็คงต้องบอกว่า สำหรับเขาคงจะนอนหลับอย่างเป็นสุข เพราะผลตอบแทนที่ผ่านมาของเขา “ชนะตลาด” มาตลอด

เขาจะขอเก็บ “ตัวเลข” พอร์ตลงทุนของเขาไว้เป็นความลับ และออกตัวว่าพอร์ตเขาไม่ได้ใหญ่โตอะไรนัก เพราะมันเริ่มต้นมาจากเงินเก็บส่วนตัวของเขา

“ต้องใจเย็นๆ แล้วทำผลตอบแทนให้ได้ 15-20 % ต่อปี ในทุกๆปี แล้วภายใน 20 ปี รับรองเลยว่า มูลค่าเงินลงทุนในพอร์ตจะผิดหูผิดตาไปเลย”

__________________________________________




สันติ สิงหวังชา
“เคยลองเล่นเก็งกำไรแล้วนอนไม่หลับ”

เขาเป็นผลผลิตจากโครงการอบรมนักลงทุนใหม่ (New Investor Program: NIP) โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยร่วมกับสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย เมื่อ 4 ปีก่อน

“ที่นั่นสอนทุกอย่างตั้งแต่การวิเคราะห์ด้วยปัจจัยพื้นฐาน ปัจจัยทางเทคนิค ความรู้ด้านการเงิน การบัญชี รวมทั้งการลงทุนแบบเน้นคุณค่า และพออบรมมาหมดแล้วก็ชอบแนวนี้ (VI) เพราะได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่ามีคนประสบความสำเร็จจำนวนมาก เลยมุ่งมาที่แนวนี้”

จาก “บัณฑิตวิศวะจุฬา” หมาดๆในวันนั้น วันนี้เขากลายเป็นหนึ่งในนักลงทุนรุ่นใหม่ที่ได้รับการยอมรับในกลุ่ม value investor รุ่นพี่ในเว็บไซต์ thaivi.com แหล่งรวมพลคนรัก VI ในชื่อ “YOYO”

“แนวคิดอย่างหนึ่งที่ผมยึดเสมอเวลาเลือกซื้อหุ้นก็คือเลือกซื้อหุ้นเหมือนกับเลือกซื้อธุรกิจ เพราะมันก็คล้ายๆกับการทำธุรกิจทั่วไป ดูธุรกิจที่เราเข้าใจ เรารู้เรื่อง และคาดการณ์ว่าน่าจะอนาคตดี”

กิจการที่เราเลือกส่วนใหญ่จะเป็นการผลิต รับจ้างผลิต หรือโรงงานให้เช่า เพราะตัวเขามีความรู้พื้นฐาน
ด้านวิศวกรรม แต่ถ้าเป็นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เขาจะไม่สนใจเลย

สันติ เริ่มต้นการลงทุนในตลาดหุ้นครั้งแรกด้วยเงินออมของตัวเองจำนวน 2 แสนบาท จากนั้นอีกไม่นาน เมื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า วิธีการของเขาถูกต้อง คุณแม่ “เพิ่มทุน” ให้อีก 1.5 ล้านบาท รวมแล้วก็ 1.7 ล้าน บาท

วันนี้เขาอายุ 25 ปี มีทรัพย์สินที่เกิดจากการลงทุนมูลค่า 17.5 ล้านบาท

และเมื่อเปรียบเทียบผลตอบแทนที่เกิดจากการลงทุนของเขากับคนในครอบครัว เขาเล่าว่า การลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่และถือลงทุนระยะยาวของพ่อเขาจะได้กำไรดีกว่าฝากธนาคารนิดหน่อย แต่ถ้าเป็นการเล่นตามข่าวอย่างแม่ก็จะขาดทุน

“เห็นได้ชัดว่า VI ดีกว่า และไม่ต้องมานั่งกังวลเพราะเคยลองเล่นหุ้นเก็งกำไรเหมือนกัน เพื่อนบอกว่าดี ก็ลองซื้อตาม แต่ซื้อแล้วนอนไม่หลับ กลัวราคาลง”

__________________________________________




ปรัชญา ฤกษ์ดีทวีทรัพย์
“เหมือนซื้อบ้านเป็นที่อยู่ยามชรา”

แม้ว่าจะเจ็บตัวไปสองครั้งสองคราว แต่ก็ไม่ได้ทำให้ปรัชญาเข็ดขยาด ไม่ล่าถอย แต่เขากลับไปทำการบ้านศึกษาค้นคว้าหายุทธวิธี แล้วเขาก็กลับมาเอาชนะได้อย่างสง่างาม

เพราะครั้งนั้นเขากลับมาพร้อมกับเงินลงทุนเริ่มต้น 3 แสนบาท ในวันที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์อยู่ที่ 250 จุด และจนถึงวันนี้ในวัย 47 ปี เขามีชื่อติดโผ “ผู้ถือหุ้นใหญ่” ของหลายบริษัท

“ช่วงต้นที่ผมเข้าลงทุนในตลาดหลักทรัพย์
เมื่อหลายปีก่อน มีเงินสดแค่ 3 แสนกว่าบาท แล้วก็หมดจากเหตุการณ์ของโลก
แล้วออกมาทำมาค้าขาย พอมีเงินเก็บก็เข้าตลาดหุ้นอีกด้วยทุนเพียง 3 แสนกว่าๆแล้วก็หมดตอนปิด 56 ไฟแนนซ์ เพราะสมัยก่อนเล่นหุ้นเก็งกำไร ซื้อๆขายๆแต่หุ้นไฟแนนซ์”

แต่ในช่วงที่เขาหลบออกมาเลียแผลและสะสมทุน เขาไม่ได้ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า
เพราะเขาตรวจหาข้อบกพร่อง และใช้เวลาในตอนกลางคืนค้นข้อมูลบริษัทจดทะเบียน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับนักลงทุนคนอื่นๆตามเวบไซด์ต่างๆที่ทำให้ได้แง่คิดมุมมองใหม่ๆ

ถึงเขาจะยังสนุกอยู่กับการลงทุนแบบเก็งกำไร แต่ไม่ใช่การเก็งกำไรที่ไร้ทิศทางอีกแล้ว แต่ส่วนใหญ่ของเงินลงทุนของเขาเป็นการลงทุนแบบวีไอ

“ส่วน 70-80 เปอร์เซ็นต์ ซื้อหุ้นเหมือนฝากเงินได้ปันผลมากกว่าดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร ถ้าจะเปรียบผมก็เห็นว่าพวกวีไอซื้อหุ้นเหมือนการซื้อบ้าน เป็นที่อยู่อาศัย เป็นที่พึ่งยามแก่ชรา หวังให้มันยาวมากๆ”

และบ้านหลังนี้ก็คงจะเป็นบ้านที่ “อยู่เย็นเป็นสุข” ตามแบบของวีไอ ที่ปรัชญาบอกว่าเขาหลงเสน่ห์วีไอก็ตรงที่......

“เมื่อเราเลือกหุ้นตามอุตสาหกรรมที่ต้องการได้หุ้นที่ราคาต่ำ ผลการดำเนินงานของบริษัทดี มีกำไรคุ้มค่ากับการลงทุน เราก็ถือไว้ยาว ไม่ต้องเฝ้าราคาหุ้นทุกวันเหมือนหุ้นเก็งกำไร นอนหลับสบาย เพราะผู้บริหารมีธรรมาภิบาล มีวิสัยทัศน์และแผนการในอนาคต”

__________________________________________



__________________________________________





ปีที่ 5 ฉบับที่ 1,548 วันศุกร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2550

คอลั่มเปิดพอร์ต
เจียรนัย อุตะมะ Jiaranaiu@posttoday.com
______________________________________________________

เปิดพอร์ต: ปรัชญา ฤกษ์ดีทวีทรัพย์ "นักลงทุนมืออาชีพ"


“ปรัชญา ฤกษ์ดีทวีทรัพย์” วัย 48 ปี เป็นนักลงทุนและนักธุรกิจในจังหวัดขอนแก่น ที่มีหลักการลงทุนในหุ้นว่าจะต้องมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผล 10% ขึ้นไป
เขาหวนกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นครั้งล่าสุดคือ รอบที่สามในปี 2536 ซึ่งจัดว่าเป็นการลงทุนที่มีเหตุมีผลมากขึ้น จากสองรอบในอดีตที่ล้มเหลวเพราะเล่นหุ้นเก็งกำไรตามข่าว
รอบนี้ “ปรัชญา” หันมาลงทุนในหุ้นไม่กี่บริษัท และมีหุ้นหนึ่งตัวที่เป็นหลักในพอร์ต ซึ่งคิดเป็นมูลค่าถึง 70% ของเงินลงทุนเลยทีเดียว โดยหุ้นเหล่านี้จะถือลงทุนระยะยาว 3-5 ปี
ข้อมูลที่เขาศึกษาในการลงทุนหุ้นแต่ละบริษัทคือ กิจการ เป้าหมาย อุตสาหกรรม แบรนด์ ลูกค้า คู่แข่ง และงบดุลรายไตรมาส รายปีย้อนหลัง เพื่อสะท้อนความสามารถในการบริหารงาน ที่สำคัญขาดมิได้คือจริยธรรมของผู้บริหาร
“ปรัชญา” ยกตัวอย่างหุ้นที่เขาถือในปัจจุบัน เช่น บริษัท แจ๊กเจียอุตสาหกรรม (ไทย) หรือ JCT บริษัทขายลูกอมฮัทจิสัน พลาสเตอร์ปิดแผลเทนโซพลาส ที่ให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผล ขั้นต่ำถึง 10% เพราะเป็นหุ้น ที่เข้าลงทุนในราคาถูกเมื่อ 5 ปี ที่แล้ว
บริษัท ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส (UMS) มีต้นทุน 12-13 บาท ถือ 1-2 ปี ตอนนี้ราคาประมาณ 12 บาท และแตกพาร์จาก 1 บาท เหลือ 0.50 บาทต่อหุ้นแล้ว นอกจากนั้นยังซื้อหุ้นบริษัทที่เจ้าของเดียวกับ UMS ด้วยคือ บริษัท ยูนิมิต เอ็นจิเนียริ่ง (UEC)
“ผมเชื่อฝีมือและเครดิตการบริหารงานของคุณไพบูลย์ เฉลิมทรัพยากร”
นอกจากนั้น ยังมีหุ้นของบริษัท เมโทรซิสเต็มส์ คอร์ปอเรชั่น (MSC) ถือมานาน 3 ปี มีตัวเลขเติบโตกำไรสองหลักต่อปีขึ้นไป เพราะเป็นบริษัททำธุรกิจเกี่ยวกับการเก็บข้อมูล ดูแลระบบและขายคอมพิวเตอร์ ต้นทุนของเขาคือหุ้นละ 2.80 บาท ปัจจุบันราคาประมาณ 4.78 บาท อัตราผลตอบแทนต่อปันผลกว่า 10%
บริษัท โออิชิ กรุ๊ป (OISHI) ถือมานานตั้งแต่ราคา 17 บาท ขายออกไปครั้งหนึ่งเมื่อราคา 35 บาท แล้วกลับมาซื้อใหม่ 18 บาท ปัจจุบันราคาเคลื่อนไหวประมาณ 17-18 บาท ทั้งนี้แม้ว่าธุรกิจ ชาเขียวแข่งขันแรง แต่เขาเชื่อว่าธุรกิจอาหารยังไปได้ ที่สำคัญเชื่อมือผู้บริหารคือ “ตัน ภาสกรนที”
วิธีการบริหารบัญชีลงทุนของ “ปรัชญา” เมื่อลงทุนหุ้นได้กำไรจะแบ่งเงินบางส่วนออกมาซื้อที่ดิน สร้างบ้านและอาคารพาณิชย์ให้คนเช่าเพื่อสร้างรายได้ประจำเดือน ให้คุ้มกับค่าใช้จ่ายประจำวันของครอบครัว และยังนำบางส่วนไปเช่าพระเครื่องเพื่อขายต่อ
เงินที่ลงทุนในบัญชีการลงทุนหุ้นนี้คิดเป็นเพียง 50% ของเงินที่สะสม และในภาวะที่ตลาดหุ้นซบเซาเขาใช้เวลา
ในการแกะงบการเงินบริษัทที่สนใจ รวมถึงศึกษาหาความรู้ในธุรกิจต่างๆ
“ปรัชญา” อ่านหนังสือพิมพ์ธุรกิจเกือบทุกฉบับ และรอรับปันผลจากหุ้นที่ลงทุนไป พร้อมกับการ รอซื้อหุ้นที่หมายปอง เมื่อราคาลดลงถึงจุดที่จะเข้าซื้อลงทุน และรอโอกาสขายทำกำไรได้
นับเป็นนักลงทุนภูธรมืออาชีพอีกคนหนึ่งที่เรา รู้จัก...--จบ--




_______________________________________________________








 

Create Date : 03 ตุลาคม 2549   
Last Update : 28 กันยายน 2556 12:12:42 น.   
Counter : 2021 Pageviews.  



P_ปรัชญา
 
Location :
ขอนแก่น Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 63 คน [?]




หยิ่ง
กับตัวเองบ้าง
ในบางครั้ง

เบื่อ
ชีวิตความผิดหวัง
ในบางหน

เกลียด
ความไม่จริงใจ
ในบางคน

ยอมทน
คนหยามเหยียดได้
ในบางที


[Add P_ปรัชญา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com