Group Blog
 
All Blogs
 

ผมนี่แหละ…มืออาชีพ…ตัวจริง ตอนที่ 31 คุณเทียนชัย ลายเลิศ

ถ้าลุงเอ่ยถึง บริษัท ยิบอินซอย จำกัด แล้วไม่ได้เอ่ยนามนี้ ก็เป็นอันว่าไม่ครบ จบบทบาท อันยิ่งใหญ่ของบริษัท ยิบอินซอย จำกัด

นามสกุล “ลายเลิศ” เป็นนามสกุลที่ยิ่งใหญ่ พอกันกับ “ยิบอินซอย”

เพราะต้นตระกูล คือ “คุณฉันท์ ลายเลิศ” ก็คือน้องชายของคุณมีเซียม ยิบอินซอย ซึ่งเป็นแม่ของคุณธวัช ยิบอินซอย

ดังนั้น “คุณเทียนชัย ลายเลิศ” ก็คือ ลูกพี่ลูกน้อง ของคุณธวัช ยิบอินซอย ซึ่งคุณเทียนชัยเรียกคุณธวัชว่า “พี่หวุ่น”

คุณเทียนชัย ลายเลิศ……นามนี้ประทับอยู่ในดวงจิตของลุงเกือบครึ่งชีวิต…….เราเพื่อนกัน เป็นคู่ตุนาหงันกัน เห็นคุณเทียนชัยที่ไหน เป็นต้องเห็นคุณลุงแอ็ดที่นั่น ถ้าเป็นสมัยนี้ เขาเรียกตามประสาวัยรุ่นว่าเป็น “กิ๊ก” กัน

ครั้งหนึ่งลุงแอ็ดเคยเป็นเจ้านายของคุณเทียนชัย อยู่ต่อมา คุณเทียนชัยเกิดเป็น “เจ้านาย” ของลุงแอ็ด เป็นผู้ที่อุปถัมภ์ค้ำจุนลุงแอ็ดตลอดมา แต่รู้สึกว่า คุณเทียนชัย เป็นผู้ที่อุปถัมภ์ลุงแอ็ดเสียมากกว่า ตลอดเวลาที่เราคบกันมา

ตั้งแต่แกเข้ามาสมัครงานโดยไม่มีใครรู้เนื้อรู้ตัว หรือแผนก HR เข้ารู้แล้ว แต่ก็ไม่บอกลุง ปล่อยให้ลุงทดสอบแก (รู้สึกจะให้แกทำข้อสอบเหมือนกับพนักงานทั่วไปด้วยกระมัง เพราะไม่มีใครรู้ว่าแกเป็นใคร) และสัมภาษณ์แกอย่างหน้าตาเฉย

แกก็มานั่งรอเข้าแถว ทำข้อสอบ รอสัมภาษณ์เหมือนคนอื่นๆ ที่มาสมัครงานกับเขาเหมือนกัน

ลุงพอเห็นว่าแกจบปริญญาโทจากประเทศนิวซีแลนด์ และเป็นอาจารย์สอนวิชาไฟฟ้าอยู่ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ก็ลงนาม Recommended Approved ในใบสมัครงานของแกทันที (ทั้งๆ ที่เขาเชิญให้แกเข้ามาทำงานตั้งแต่อยู่ในมุ้งแล้ว)

นึกถึงเรื่องนี้ทีไร…ลุงเป็นต้องขำ ในความเซ่อซ่าของตัวเองทุกที………………………………………….

แกลงมาคลุกคลีจับด้ามไขควง มีเตอร์ มุดเข้าใต้คอมพิวเตอร์เสมอเหมือนพนักงานคนอื่นมิได้ขาด แกเข้ามาทำงานได้ปีกว่า (ถ้าจำไม่ผิด) บอร์ดก็แต่งตั้งให้แกขึ้นเป็น Director ของบริษัท และอีกไม่นานนัก….

คุณเทียนชัยก็ได้สวมบทบาท Managing Director ของบริษัทยิบอินซอย และกลายเป็นเจ้านายของลุงในที่สุด…………………………………………………

คุณเทียนชัย เป็นคนหนึ่งซึ่งลุงมักจะยกตัวอย่างของบุคคล 4 ประเภท ซึ่งแน่ชัดได้ว่า แกคงอยู่ใน Amiable Style ในหลักสูตร Social Style ของฝรั่ง

คือมีบุคลิกเรียบร้อย ไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยแสดงข้อขัดแย้งกับใคร ถ้ามีข้อขัดแย้ง มักจะเลี่ยง ไม่พูดถึง

เป็นคนที่มีนิสัยให้เกียรติผู้อื่นเป็นอย่างมาก แม้กระทั่งประตูห้อง แกยังต้องมาเปิดประตูรับแขกที่จะมาเยือนเอง แต่บุคคลประเภทนี้ จะเริ่มต้นด้วยความอบอุ่น เข้าพบอย่างฉันมิตร และต้องมีความจริงใจอย่างยิ่งยวด

แกเป็นคนที่ค่อนข้างขี้เกรงใจคน ดังนั้น หากลูกน้องมีข้อขัดแย้งหรือไม่เอาด้วยกับไอเดียของเรา ก็ต้องขายให้ตัวลูกน้องเขายอมรับให้ได้เสียก่อน ก่อนจะเข้าไปถึงคุณเทียนชัย และถ้ากรณีจำเป็น ก็เอาลูกน้องที่มีความเห็นแตกต่างมา Convince กันซึ่งๆ หน้าซึ่งจะได้ประโยชน์กว่า

แต่ก็เป็นคนที่เด็ดขาด อะไรถ้าเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว แกเป็นไม่ยอมเป็นอันขาด ต้องสู้กันจนถึงที่สุด

คุณเทียนชัย ต่างกับคุณธวัช ตรงที่คิดมากกว่า รอบคอบกว่า และต้องแน่ใจแล้วจึงทำ ไม่มีนิสัยโผงผางแบบคุณธวัช การทำงานจึงคนละสไตล์

ลุงมาเป็นลูกน้องคุณเทียนชัยใหม่ๆ ก็ต้องปรับตัวเหมือนกัน แต่ความที่เราสนิทกันมาก่อน รู้ใจกันมาก่อน คุณธวัชในช่วงหลังๆ นี้จะให้คุณเทียนชัยเข้ามารับรู้เกี่ยวกับการตัดสินใจในเรื่องของแผนกแทบทุกเรื่อง

เราเดินทางไปฝรั่งเศสด้วยกัน เพื่อทำ Proposal ให้สำนักงบประมาณ (ถ้าจำไม่ผิด) ได้มีโอกาสดื่มเบียร์กันอย่างหนัก เมากันหัวทิ่มบ่อไปหลายครั้งหลายหน จนในที่สุดคุณเทียนชัยก็เลิกดื่มก่อนลุง


ที่ลุงเอามาเล่าให้ฟังนี้คือบุคลิกของคุณเทียนชัย ลายเลิศในตำราของฝรั่ง ซึ่งคนที่ใกล้ชิดสนิทสนมก็ฟังเอาเองก็แล้วกันว่าเห็นด้วยหรือไม่

คุณเทียนชัย เคยเป็นอาจารย์อยู่ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น ตอนที่เราตั้งแผนกคอมพิวเตอร์ขึ้นมาใหม่ๆ
ทุกคนเลยเรียกแกว่า “อาจารย์เทียนชัย”

ซึ่งอาจารย์เทียนชัย ยังมีเรื่องที่ผูกพันกับลุงแอ็ดอันยาวนาน….นับตั้งแต่ลุงทำงานอยู่ภายใต้การนำของอาจารย์เทียนชัย ซึ่งเข้ามาแทนที่คุณธวัช จนหลังจากที่ลุงแอ็ดได้ออกไปอยู่ซัมมิท คอมพิวเตอร์ เราก็กลายมาเป็นคู่แข่งกัน

ในที่สุดลุงก็ออกมาทำกิจการส่วนตัวเอง ก็ยังตามไปปรึกษาและรบกวนคุณเทียนชัยเรื่องการเงินและเรื่องงานอยู่เป็นประจำ…….ดังนั้น รายละเอียดเรื่องเกี่ยวกับคุณเทียนชัย ก็ค่อยว่ากันเป็นฉากๆ ไป เมื่อถึงเวลาอันสมควร

………………………………………………………

ขอย้อนกลับมาในช่วงปี สองปีแรก เป็นปีแห่งการก่อตั้งแผนกใหม่ของบริษัท ซึ่งมีแผนกระบบมินิคอมพิวเตอร์เดิมอยู่ เครื่องคำนวณเลขก็ยังขายอยู่ จึงกลายเป็นแผนกใหญ่ มีบุคลากรเกือบ 80 คน ซึ่งเป็นแผนกที่ใหญ่เป็นที่สองรองจากแผนก Air Condition

ลุงแอ็ดได้เรียนรู้ในเรื่องเกี่ยวกับการปกครองคนมากมาย โดยเฉพาะคนที่ทำงานทางด้านเทคนิค และมีความรู้สูงๆ ทั้งที่ตนเองมีความรู้ด้อยกว่าเขา ไม่มีอะไรที่นอกเหนือและเป็นเครื่องมือวิเศษที่เรียกว่า “ความจริงใจ”

ตอนนั้น ลุงมีความรู้สึกผูกพันกับลูกน้องทุกคนเหมือน “ลูกและน้อง” จริงๆ (ไม่รู้ไปเอาความคิดนี้มาจากไหน)

คิดว่าทุกคนเป็นญาติของตัว ทำอะไร ถ้าส่งเสริมได้ ส่งเสริม ถ้าปกป้องได้จะปกป้อง ถ้าตักเตือนได้ก็จะตักเตือน แต่ “ความจริงใจ” นี้ต้องใช้พลังจิตและพลังใจอย่างแรง

ต้องใช้เวลาให้คนอื่นเขาเห็น ดังนั้น ตราบใดที่เขาไม่เห็น ตราบนั้น มันก็ยังไม่แสดงผล จึงจำเป็นต้องรอเวลา รอเวลาให้เขาเห็น ให้เขาเข้าใจ ในขณะเดียวกันก็แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน

ลุงเคยโดนลูกน้องที่ไม่เชื่อฟังแอนตี้ เคยมีเรื่องกันอย่างรุนแรง ………………………………………

มีคนหนึ่งซึ่งเป็น Account Manager ขายระบบคอมพิวเตอร์เหมือนกัน จบปริญญาโทมาจากเมืองนอก ตอนสัมภาษณ์ก็มีภาพลักษณ์ที่สุภาพ เรียบร้อยดี แต่พออยู่เข้านานๆ ลายก็ชักออก

คือเขาเป็นคนดื่มมากตลอดเวลา ลุงก็เป็นคนดื่มมากคนหนึ่ง แต่เขามากกว่า แม้กระทั่งในเวลางานก็ไม่เว้น ทุกเที่ยงเวลาเดินเข้าบริษัทจะมีกลิ่นเหล้าฟุ้ง เวลาถามเขาก็จะบอกทุกทีว่าไปดื่มกับลูกค้ามา แต่ในที่สุดบริษัทก็จับได้ว่า เขาดื่มจนเป็นนิสัย

ลุงก็ตักเตือนเขาด้วยความสุภาพให้เขาลดลงบ้าง เพื่ออนาคตของเขาเอง แต่เหตุการณ์ก็เป็นอยู่อย่างเดิม

จนลุงต้องทำเป็นหนังสือเตือนเขาถึงสองครั้ง ในที่สุดเมื่อแก้ไขอะไรไม่ได้ ลุงก็ต้องเอาจริงโดยดิสมิสเขาออก ในวันที่ลุงยืนซองขาวให้เขา ดูเขาตกใจมากเพราะไม่นึกว่าลุงจะเอาจริง เขาโกรธจนหน้าตาเขียว

ลุงให้เขาไปเก็บเอกสารที่โต๊ะเดี๋ยวนั้น แล้วให้เอาแต่ของส่วนตัวไป และห้ามเข้าบริษัทอีก เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม เขาก็ไปเก็บของที่โต๊ะด้วยความจำใจโดยมีลุงยืนคุมอยู่ห่างๆ เขาจึงได้ออกจากบริษัทไป

พอตอนบ่ายก็มาทุบประตูปังๆ เพราะประตูของลุงทุกบานเป็นประตู Security ไม่สามารถเข้ามาได้ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากข้างใน

เลขานุการหน้าห้องก็ส่งเสียงร้องว่า จะให้ทำอย่างไรเขามาทุบประตูอยู่ จะเข้าไปให้ได้

ลุงต้องเปิดประตูออกไปพูดกับเขา ให้เขากลับไปแต่โดยดี มิฉะนั้น เรื่องจะต้องถึงตำรวจแน่อน แต่แทนที่เขาจะยอมกลับ เขากลับจับคอเสื้อลุง จะชก…. ก็อาจจะเห็นปืนที่ลุงต้องพกอยู่เป็นประจำจึงไม่กล้า

ลุงก็พูดกับเขาดีๆ อีกครั้งหนึ่ง ให้เขากลับไปเสีย พลางบอกว่า……………………………………

“คุณครับ…..เราอย่ามามีเวรและกรรมซึ่งกันและกันเลย ผมก็ทำตามหน้าที่ ซึ่งในเมื่อผมเตือนคุณแล้ว คุณก็ยังไม่ปฏิบัติตาม คุณเองเป็นคนบังคับให้ผมต้องทำแบบนี้……คุณไปหางานทำที่อื่นเถิด…..คุณเป็นคนมีความรู้ จบปริญญาโทจากเมืองนอก….คงจะหางานได้ไม่ยาก…..มันจะไม่เป็นการเสียเวลา เสียอนาคตทั้งคุณและบริษัท”

ดังนั้น “ความจริงใจก็ต้องมี ความดีก็ต้องปรากฏ” แต่ในที่สุด ถ้ามันจำเป็น เราก็ต้องเด็ดขาด และเอาจริง
มิฉะนั้นมันก็ปกครองกันไม่ได้………………………

ลุงก็กำลังสนุกสนานกับงาน ซึ่งตอนนั้น เรามีทีมเวอร์คที่ดีมาก โดยลุงเป็นคนคุมฝ่ายขายเอง คุณเทียนชัยคุมฝ่ายช่างและเทคนิค เราบุกตะลุยไปทุกแหล่งที่จะมีการซื้อหรือให้เช่าคอมพิวเตอร์ระบบเมนเฟรม

เราบุกไปขายธนาคารกรุงไทย เข้าไปเสนอขายให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิต ซึ่งในขณะนั้นใช้ระบบเมนเฟรมของ “ยูนิแวค” อยู่ โดยอาจารย์ปัญญา ซึ่งเป็นเพื่อนกับ ดร. วัลลภ วิมลวาณิช ซึ่งเป็นผู้อำนวยการกองอยู่ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตเป็นผู้แนะนำให้

ต่อมา ดร.วัลลภ ได้ออกจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิต เพื่อมาเป็นผู้ก่อตั้งระบบคอมพิวเตอร์ให้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย โดยมีคุณสุเมธารัตน์ ซึ่งเป็นลูกน้องเก่าของลุงจากยิบอินซอย ได้ลาออกไปทำงานที่นั่น

ลุงกับอาจารย์เทียนชัย ก็ได้ไปเสนอตัวกับ ดร.วัลลภ ว่าจะเสนอตัวเข้าแข่งขันด้วย ลุงยังจำได้แม่นยำในสิ่งที่ ดร.วัลลภพูดกับลุงและอาจารย์เทียนชัย

“ผมคิดว่า คุณคงมีคู่แข่งอยู่รายเดียว คือ IBM ถ้าคุณชนะ IBM ได้ ก็มีสิทธิ เพราะคู่แข่งอื่นๆ ก็ไม่เห็นมีใคร…..CDC ก็ขายอยู่แค่สนามม้า…..NCR ก็ยังไม่ได้มี Reference อะไร…ส่วน UNIVAC ยิ่งไม่ต้องห่วงใหญ่…..เขาคงไปไม่รอด แค่เอาตัวให้รอดที่การไฟฟ้าฯ ก็คงจะยากเสียแล้ว ผมมาจากการไฟฟ้า จึงรู้จักเขาดี…..นี่ได้ยินว่ากำธรก็เพิ่งลาออก (คุณกำธร ทองอุไร….เป็นผู้จัดการของ บริษัท ซัมมิทคอมพิวเตอร์ จำกัด ซึ่งเพิ่งตั้งขึ้นมาใหม่ๆ) คุณเอาให้ดีก็แล้วกัน…..”

ลุงกับอาจารย์เทียนชัยยิ้มแป้นกลับบริษัท จากการสนทนากับดร. วัลลภ ผู้อำนวยการฝ่ายระบบประมวลผลของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่จัดตั้งขึ้นหมาดๆ เพื่อออกสเป็คประกวดราคาระบบคอมพิวเตอร์

เราจะต้องเอาชนะ IBM ให้ได้อย่างเคย…..ซึ่งคงจะไม่ยากเย็นอะไรนัก….ในเมื่อเรามีอาวุธลับอยู่ในกำมือ ลุงกับอาจารย์เทียนชัยมองหน้ากัน แล้วยิ้มให้กันเสมือนหนึ่งเราได้ออเดอร์นี้แล้วอยู่ในกำมือ

แต่ใครจะรู้ว่า โชคชะตามันเล่นตลกกับลุง มันพลิกผันอย่างไม่น่าเชื่อ จนทำให้ลุงต้องกลายมาเป็นคู่แข่งของอาจารย์เทียนชัยอย่างไม่นึกไม่ฝัน

เมื่อวันหนึ่ง ลุงแอ็ดได้รับโทรศัพท์จากคุณสุเมธารัตน์ว่า……………………………………………………..

“คุณอมร สนใจไหม มีบริษัทหนึ่งเขาจะรับผู้จัดการใหญ่ ให้เข้าไปบริหารบริษัทที่จำหน่ายระบบคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่…..ผมคิดว่าไม่มีใครเหมาะเท่าคุณ ถ้าสนใจ เจอกันพรุ่งนี้เที่ยงที่ร้านอาหารเวียดนามข้างๆ บริษัท ซัมมิท อินดัสเตรียล ถนนสีลม”

และนั่นเป็นจุดแห่งการเปลี่ยนแปลงอีกจุดหนึ่งในชีวิตของลุง…..ที่ก้าวกระโดดจากผู้จัดการแผนกขึ้นสู่ตำแหน่ง “กรรมการผู้จัดการ” บริษัทฯ ที่ใหญ่ยิ่งแห่งหนึ่งในวงการคอมพิวเตอร์ของประเทศไทยเมื่อ วันที่ 1 สิงหาคม 2521 นั่นคือเหตุการณ์เมื่อ 27 ปีก่อนในขณะที่ลุงอายุได้ 35 ขวบพอดิบพอดี

ก็ค่อยๆ ติดตามอ่านกันต่อไปนะครับ….ว่าชีวิตนี้มันจะไปจบลงตอนไหน







“คลับนักขาย 001”
//lungadd.pantown.com/




 

Create Date : 17 ตุลาคม 2548    
Last Update : 17 ตุลาคม 2548 11:54:08 น.
Counter : 2840 Pageviews.  

1  2  

ลุงแอ็ด
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




Friends' blogs
[Add ลุงแอ็ด's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.