สวัสดีค่าาา ... กลับมาเล่าเรื่องพิพิธภัณฑ์ 1,300 ล้านให้ฟังกันต่อจาก คราวที่แล้ว ใครที่ยังนึกหน้าตาพิพิธภัณฑ์ไฮโซนี้ไม่ออก ว่าทำไมถึงได้แพงหรูขนาดนั้น แนะนำให้แวะไปดูจากเอนทรี่ที่แล้วค่ะ
อย่างที่เล่าไว้ครั้งที่แล้วพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเลและเทคโนโลยี หรือ National Marine Museum of Science and Technology แห่งนี้เพิ่งเปิดให้เข้าชมไปเมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา
โปรเจคนี้ รัฐบาลไต้หวันตั้งงบไว้ถึง 1,300 ล้าน (NTD) ณ ปัจจุบันพื้นที่ที่เสร็จสมบูรณ์ยังแค่ประมาณ 1/4 -- คาดว่ากว่าจะสมบูรณ์จริงๆคงอีกอย่างน้อย 2-3 ปี
ตึกที่จะพาไปเดินเล่นวันนี้คือตึกที่อยู่ติดกับชายทะเลค่ะ ตึกนี้แสดงนิทรรศการเกี่ยวกับวิวัฒนาการด้านการประมง ซึ่งเป็นอาชีพหลักของคนในเขต Keelung นี้
ตึกนี้จะอยู่แยกออกมาจากตึกหลักของพิพิธภัณฑ์ เดินข้ามฝั่งมาประมาณ 50 เมตร ด้านหน้าตึกจะเป็นสวนสาธารณะขนาดย่อม และมีใบพัดเรือยักษ์ตั้งอยู่
เดินออกมาทางด้านข้างของตึก iMax
เข้ามาข้างในก็มีจอวีดีทัศน์ให้ดู สมเป็นเมืองIT -- จอ LCD เยอะมาก !
หุ่นจำลองการประมงของชาวท้องถิ่น -- ถ้ามาเดินกลางคืนคนเดียว คงหวาดๆอยู่เหมือนกัน หน้าตาเฮียเขาดูสมจริงไปหน่อย
อันนี้จำลองตลาดประมูลอาหารทะเล -- (*ขำป้าเสื้อแดงในรูปมาก ป้าพินิจพิจารณาประหนึ่งว่าป้าจะซื้อปลากลับบ้านไปสักโลสองโล แกพลิกไปพลิกมาอยู่นานมาก -_-")
เวลามาถึงท่า ชาวประมงจะโยนปลาที่จับมาได้ลงมา คนข้างล่างก็เอาร่มไปกางรับ ... ธงน้องปลาสามสีที่เห็น ปัจจุบันก็ยังเป็นธงที่เรือประมงแขวนอยู่
ซุ้มนี้สนุกดี เป็นแผนที่ที่พื้น -- เราอยากรู้เรื่องเขตไหนก็ตามไปเหยียบไฟที่ตรงเขตนั้นๆ จากนั้นก็จะมีคลิป VDO สั้นๆให้เราดู
*จขบ.ไม่ค่อยได้ฟัง เหยียบเอาสนุกมากกว่า อารมณ์แบบเล่นเกมเหยียบลูกโป่งสมัยก่อน
กิจกรรมที่ขาดไม่ได้เวลามาเที่ยวไต้หวัน -- แสตมป์!ไม่แสตมป์เดี๋ยวเขาว่ามาไม่ถึงน้าาาา
เดินออกมาข้างนอก มองออกไปนอกรั้วเห็นต้นไม้สีเขียวสลับขาว -- แอบสงสัยว่าคืออะไร เดินไปดูใกล้ถึงได้เห็นว่าเป็นฝูงนก เยอะมากๆ
ตัวนี้ยิ่งเจ๋ง เป็นนกวิศวกร คุมงานก่อสร้างซะด้วย -- อิอิ
หลังจากเดินเล่นที่พิพิธภัณฑ์เสร็จ เราก็มีแพลนจะไปเที่ยวจุดชมวิวที่มีชื่อมากๆในเขตนี้ เจ้าถิ่นเขาเล่าให้ฟังว่าไม่ห่างออกไปมากนัก มีจุดชมวิวที่สวยมาก มองเห็นวิวมหาสมุทรได้เกือบ 360 องศา -- สวยจนได้การขนานนามว่า Worry-Less Trail (เส้นทางปราศจากความกังวล)
*โฆษณากันขนาดนี้ ไม่แวะไปเดี๋ยวเขาว่าใจร้าย
เส้นทางที่จะไป หาไม่ยากค่ะ -- เดินออกมาจากตึก มองไปฟังตรงข้ามก็จะเห็นทางขึ้นเขา จากจุดที่เห็นในภาพ ถ้าใช้เวลาเดินกันจริงๆจังๆคงประมาณ 30 นาทีเห็นจะได้
คนไต้หวันนิยมเดินขึ้นเขา (Trekking/ Hiking) กัน นอกจากได้อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติแล้วยังดีต่อสุขภาพอีกด้วย แถมอากาศบนเขาก็สดชื่น แต่ถ้าใครไม่ฟิตจริง แนะนำให้นั่งรถไปน่าจะดีกว่าค่ะ
ออกจากตึกแล้วเดินข้ามถนนมา
ข้ามมาแล้วก็เดินตามถนนเส้นนี้ขึ้นไปเลย ... แถวนี้ไม่กว้างมาก ถนนมีอยู่ไม่กี่สาย หรือถ้าใครไม่มั่นใจ ถ่ายรูปแผนที่จากพิพิธภัณฑ์ก่อนออกมาก็ได้
วิวทะเล ณ จุดชมวิว ... เห็นแล้วหายเหนื่อยแน่นอน
การันตีคุณภาพของจริง มีคนมาถ่ายรูปแต่งงานด้วย
* วันนั้นอากาศดี เจอบ่าวสาวตั้ง 2 คู่ ว่าแต่ต้องปรบมือดังๆให้เจ้าสาว กระโปรงหนาหนักขนาดนั้น ยังสามารถขึ้นลงบันไดเยอะขั้นขนาดนั้นได้ จขบ.ไปตัวเบาๆยังแอบมีหอบ
บอกแล้วว่าบันไดเยอะขั้นจริงๆ ... ถ้าใครอยากเดิน แนะนำว่าอย่าคิดนานค่ะ ลงไปเลย ขาขึ้นค่อยว่ากันอีกที จขบ.ใช้วิธีนี้ เพราะถ้าคิดนานคงถอดใจไปก่อนแล้วแน่ๆ 55
ทะเลสีสวย น้ำก็ใส
ตรงนี้แอบสูง อย่าแอบไปซนนะ!
ทางเดินที่จขบ. "ไต่"ขึ้นมาดูวิว -- มีขึ้นก็ต้องมีลง (ใช่ไหม?!?)
ขากลับก่อนออกจากเมือง ได้ไปแวะไหว้พระด้วย
* อันนี้เดินไปเจอโดยบังเอิญ
วัดไม่ใหญ่มาก ชอบที่เขาแขวนโคมเยอะมาก คงเป็นเพราะใกล้ตรุษจีนแล้วด้วย
บ้านหลังนี้ชิดติดกับวัดมาก...มากจนดูเหมือนว่าเทพเจ้าจะไปเคาะหน้าต่างห้องอยู่แล้ว >.<
ดูรูปกันจนตาลายแล้วรึยังคะ... ถ้าใครมีโอกาสได้แวะมาเที่ยวไต้หวัน ลองแวะไปเที่ยวกันดูนะคะ บางทีเมืองเล็กๆ ที่แปลกๆนอกจากที่ฮิตๆที่คนทั่วไปเขาไปกัน ก็สามารถทำให้การเดินทางของเรามีรสชาดและเรื่องราวประทับใจมากขึ้นไปอีก
ถ้าใครอยากได้รายละเอียดการเดินทางที่นี่ ถามมาได้เลยนะคะ จะพยายามหาคำตอบมาให้ จขบ.เป็นคนชอบซอกแซก ชอบท่องเที่ยวอยู่แล้ว สนับสนุนคนอุดมการณ์เดียวกันค่ะ
เจอกันครั้งหน้า ... สวัสดีค่ะ